ตอนที่ 840 คุณเปลี่ยนไปแล้ว
กว่างานเลี้ยงที่ดูเหมือนว่าจัดเตรียมเพื่อกู้ฮอนจะสิ้นสุดลงก็สองชั่วโมง
กู้ฮอนทานอาหารในงานเลี้ยงมากมายหลากหลายรสชาติ
*
“ยี่เฟิง อาหารมื้อกลางวันในวันนี้เป็นความคิดของคุณหรือ” กู้ฮอนนั่งอยู่บนรถของเป่หมิงยี่เฟิง ตัวรถกำลังแล่นอยู่บนถนนซึ่งมุ่งหน้าไปยังบริษัทเป่หมิง
มือทั้งคู่ของเป่หมิงยี่เฟิงจับพวงมาลัย นัยน์ตาสองข้างจ้องเขม็งไปยังท้องถนนเบื้องหน้า
เขาพยักหน้า “ใช่แล้ว ผมเตรียมขึ้นมาในเวลากระชั้นชิด เป็นอย่างไร คุณพอใจไหม”
“คุณหมายความว่าอะไร จัดงานเลี้ยงต้อนรับที่ฉันได้เลื่อนตำแหน่ง หรือว่าเฉลิมฉลองที่เป่หมิงโม่ได้จากบริษัทเป่หมิงไปกันแน่” กู้ฮอนรู้สึกถึงความหนาวเหน็บภายในใจ
เป่หมิงยี่เฟิงชะลอความเร็วของรถลงเล็กน้อย “ฮอน คุณถามมาแบบนี้แล้วจะให้ผมตอบคุณอย่างไรดี แน่นอนว่าเป็นงานเลี้ยงต้อนรับ แม้ว่าตอนนี้พวกเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ผมก็ยังรู้สึกดีใจกับความสำเร็จแทนคุณในวันนี้”
“ยี่เฟิง นับตั้งแต่พวกเราแยกทางกันไป คุณกับฉันล้วนเปลี่ยนไปแล้ว ที่จริงแล้วงานเลี้ยงวันนี้ มองเผินๆเหมือนจัดเตรียมเพื่อฉัน แต่ความจริงแล้วกลับเป็นการลงทัณฑ์ฉันด้วยไม้พลองชาเวยต่างหาก
เป่หมิงยี่เฟิงฟังถึงตรงนี้แล้วรอยยิ้มบนใบหน้าก็หายไปในทันที เขาเริ่มรู้สึกใจไม่สงบเล็กน้อย แต่ยังคงพยายามอธิบายต่อว่า “ฮอน คุณอ่อนไหวมากเกินไปหรือไม่ เรื่องในวันนี้จะเป็นเหมือนอย่างที่คุณคิดได้อย่างไรกัน บางทีวันนี้อาจจะเกิดเรื่องมากเกินไป สภาพจิตใจของคุณจึงยังปรับไม่ทัน”
***
กู้ฮอนมองเป่หมิงยี่เฟิงครู่หนึ่ง “ยี่เฟิง ตอนนี้บนรถมีแค่พวกเราเพียงแค่สองคน คุณยังมีอะไรต้องปิดบังอีกกัน”
“ฮอน ผมปิดบังอะไรหรือ เป็นเพราะเมื่อครู่ผู้รับผิดชอบเหล่านั้นดื่มเหล้าแสดงความเคารพผม ไม่ได้ซื่อสัตย์ภักดีต่อคุณหรือ”
เป่หมิงยี่เฟิงแสดงท่าทางไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างเห็นได้ชัด
“ยี่เฟิง ฉันไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยเช่นนั้น ยิ่งไม่ได้รู้สึกไม่พอใจจากการที่พวกเขาดื่มเหล้าเคารพคุณ ฉันก็แค่พูดไปตามเนื้อผ้า คุณคิดดูนะ นับตั้งแต่วันนี้ตอนเช้าที่เป่หมิงโม่เรียกฉันไปรับช่วงต่อในตำแหน่งประธานบริษัท ฉันก็บังเอิญเหลือบไปเห็นสีหน้าท่าทางที่ผิดปกติของคุณโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ในภายหลังที่ผู้รับผิดชอบแผนกท่านอื่นเสนอให้คุณเป็นประธานบริษัท ใบหน้าของคุณกลับเผยแววยินดีปรีดาออกมา ฉันไม่ใช่คนโง่ ฉันมีตาที่มองเห็นทั้งคำพูดไปจนถึงการกระทำทางกายของพวกคุณ ว่าแต่เดิมก็ไม่ได้สนใจฉัน หรือจะพูดได้ว่า ไม่เห็นฉันที่อยู่ตำแหน่งนี้ในสายตาเลย ฉันเข้าใจว่าในใจของคุณไม่พอใจ แต่ตอนนี้เป็นเรื่องที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้ว ทำไมคุณจะต้องทำให้ทุกคนอารมณ์ไม่ดีด้วยล่ะ หรือว่ากระทั่งตำแหน่งประธานบริษัทชั่วคราวของฉันในตอนนี้นั้นคุณก็ยังปรารถนาอยากได้ด้วย”
กู้ฮอนเอ่ยจบก็เห็นว่าสีหน้าของเป่หมิงยี่เฟิงมีการเปลี่ยนแปลงอีก
“ถูกต้อง ในใจของผมไม่พอใจเป็นอย่างมาก อาศัยโครงการที่ผมช่วงชิงมาให้กับบริษัทเป่หมิง คุณูปการที่ทำให้กับบริษัทเป่หมิง แต่เขากลับไม่สนใจไยดี ขนาดตอนที่เขากำลังจะถูกจับไปสถานีตำรวจ ก็ยังยอมที่จะให้คุณที่ไม่มีความรู้ความเข้าใจในหนทางการทำธุรกิจมารับช่วงต่อในตำแหน่งประธานบริษัทของเขา สำหรับวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่จัดงานประชุมหรือในงานเลี้ยง การกระทำทั้งหมดของเหล่าผู้รับผิดชอบแผนกต่างหากถึงจะเป็นการออกหน้าเรียกร้องความไม่เป็นธรรมให้กับผม”
เป่หมิงยี่เฟิงเอ่ยถึงตรงนี้แล้วก็หันหน้ากลับมามองกู้ฮอน “ฮอน ที่จริงแล้วผมไม่ได้อยากได้ตำแหน่งประธานชั่วคราวหรอกนะ เพราะว่าบริษัทเป่หมิงจะต้องเป็นของผมในไม่ช้าก็เร็วอยู่แล้ว ถ้าหากว่าคุณอยากให้บริษัทเป่หมิงสงบสุขในช่วงระหว่างที่คุณดำรงตำแหน่งแล้วล่ะก็ ทางที่ดีให้เชื่อฟังผมแล้วเหล่าคนรับผิดชอบแผนกต่างๆพวกนั้นก็จะไม่ไปทำอะไรให้คุณลำบากใจ”
“เหอะๆ……” กู้ฮอนฟังถึงตรงนี้แล้วก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงเย็น
“ยี่เฟิง ฉันไม่รู้จริงๆว่าตัวคุณในอดีตหรือตัวคุณในปัจจุบัน ตัวตนไหนที่เป็นคุณจริงๆกันแน่ คุณคิดว่าพวกคนที่เสนอคุณขึ้นมานั้นจริงใจต่อคุณอย่างนั้นหรือ ก่อนหน้านี้พวกเขาเป็นลูกน้องใต้บังคับบัญชาของเป่หมิงโม่ ตอนนี้กลับมาพึ่งพาอาศัยคุณ และก็เป็นได้ว่าเมื่อไรที่มีคนอีกคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา พวกเขาก็จะเปลี่ยนไปพึ่งพาอาศัยคนคนนั้นด้วย แท้จริงแล้วเป่หมิงโม่รู้มาตลอดว่าคุณแอบกระทำการดึงคนเหล่านั้นให้มาเข้าพวกกับคุณ คุณรู้ไหมว่าทำไมเขาถึงให้ฉันมาเป็นผู้ช่วยพิเศษในภายหลัง นั่นก็เป็นเพราะว่าเขาอยากจะส่งคำเตือนให้คุณว่าอย่าทำให้บริษัทเป่หมิงทั้งบริษัทพังพินาศเพียงเพราะบุญคุณความแค้นส่วนตัว คุณอย่าลืมเสียล่ะว่าบริษัทนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากมือของคุณปู่คุณ ถ้าหากว่าคุณไม่สามารถส่งเสริมบริษัทในเจริญรุ่งเรืองได้แล้วล่ะก็ อย่างนั้นก็อย่าทำลายมันด้วยมือของคุณเอง”
เป่หมิงยี่เฟิงตัดสินใจจอดรถที่ข้างทาง พลางหันหน้ามามองกู้ฮอน สีหน้าของเขาทำให้เธอรู้สึกแปลกหน้าไม่คุ้นเคยอยู่บ้าง
“ฮอน ในฐานะที่พวกเราเคยเป็นเพื่อน เป็นคนรักกันมาก่อน ผมถึงได้พูดกับคุณมากมายขนาดนี้ ตอนนี้คุณยืนอยู่ฝั่งเดียวกับเป่หมิงโม่แล้วใช่หรือไม่ คุณลืมไปแล้วหรือว่าในตอนแรกเขาใช้สัญญาแผ่นหนึ่งมาแยกผมกับคุณออกจากกัน จากนั้นก็ส่งคุณเดินไปบนเส้นทางที่ไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมาได้อีก หรือจะพูดว่าตอนนี้คนที่ไม่เหมือนกับแต่ก่อนก็คือคุณ ไม่ใช่ผม แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ผมก็ยังคงจะพูดกับคุณสักประโยคอยู่ดี คล้อยตามผมแล้วจะรอด ขวางทางผมนั้นคือตาย ผมจะต้องได้ครอบครองบริษัทเป่หมิงอย่างแน่นอน!”
***
กู้ฮอนถอนหายใจ พลางยื่นมือไปเปิดประตูรถ ก่อนเธอจะจากไปก็พูดกับเป่หมิงยี่เฟิงว่า “ฉันจะไม่ยอมมองคุณทำให้กิจการของคุณท่านเป่หมิงพินาศอย่างเด็ดขาด ในฐานะที่เคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน ฉันจะเตือนคุณเป็นครั้งสุดท้าย ไม่ว่าในอนาคตคุณจะตัดสินอะไรออกมา กรุณาคิดให้รอบคอบก่อนลงมือทำ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการผิดพลาดครั้งใหญ่”
เธอเอ่ยจบก็ลงจากรถพร้อมกับปิดประตู จากนั้นก็ถูกกลืนหายไปในฝูงชนอย่างรวดเร็ว
เป่หมิงยี่เฟิงมองเงาร่างของกู้ฮอนที่จากไป นัยน์ตาของเขากลับเผยแววทุกข์ทรมานออกมา
แต่ก็เป็นเพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น
จากนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา “คุณย่าครับ ผมมีเรื่องอยากจะพูดคุยกับคุณย่าสักหน่อย”
*
สถานที่ยังคงเป็นห้อง VIP ที่มีชื่อว่า ‘ลม’ ของโรงน้ำชาแห่งนั้นเช่นเคย
เจียงฮุ่ยซินกับเป่หมิงยี่เฟิงนั้นนั่งตรงข้ามกัน
ใบหน้าของเธอยังคงมีรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเมตตาเช่นเคย “ยี่เฟิง ทำไมวันนี้ถึงได้นึกอยากมาดื่มชากับย่ากัน ย่าเห็นว่าสีหน้าของหลานไม่ค่อยดีเท่าไร เกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ”
เป่หมิงยี่เฟิงหยิบป้านจื่อซาที่วางอยู่ด้านหน้าขึ้นมา รินน้ำชาให้กับคุณย่าเต็มถ้วยชา จากนั้นก็รินให้ตัวเองถ้วยหนึ่ง
เขาเงยหน้าดื่มชาก่อนถ้วยหนึ่ง
จากนั้นก็วางถ้วยชาลงบนโต๊ะอย่างแรง ส่งเสียงอัดอั้นตันใจออกมา
พลางเอ่ยว่า “คุณย่าครับ อารองถูกจับไปแล้ว”
เจียงฮุ่ยซินเพิ่งจะยกถ้วยชาแตะที่ริมฝีปากของตัวเองกำลังจะดื่ม แต่เมื่อได้ยินเป่หมิงยี่เฟิงพูดเช่นนี้แล้วก็ชะงักค้างไปในทันที
เธอหยุดการเคลื่อนไหวของถ้วยชาที่อยู่ในมือ
“ยี่เฟิง นี่มันเป็นเรื่องเมื่อไรกัน”
“เป็นเรื่องเช้าวันนี้ครับ รายละเอียดเรื่องราวเป็นอย่างไรผมก็ไม่ค่อยชัดเจน ดูเหมือนว่าอารองจะต้องเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีการร่วมมือฆาตกรรมผู้อื่น”
“ฆ่าคน!” เจียงฮุ่ยซินนั้นตัวสั่นไปชั่วขณะ เป่หมิงโม่จะฆ่าคนได้อย่างไรกัน
เพียงแต่ตกใจก็ส่วนตกใจ เจียงฮุ่ยซินยังคงสงบนิ่งได้อย่างรวดเร็ว เพราะตอนนี้เธอกลับคิดถึงอีกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ในทันที
“ยี่เฟิง ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ไม่ใช่ว่าบริษัทเป่หมิงกลายเป็นมังกรไร้หัวหรอกหรือ เธอเป็นหลานชายคนโตของตระกูลเป่หมิง ไม่สามารถเฝ้ามองอย่างนิ่งดูดายได้นะ”
เป่หมิงยี่เฟิงยิ้มเฝื่อน “คุณย่า เรื่องนี้คุณย่าไม่ต้องเป็นห่วงครับ ก่อนที่อารองจะถูกตำรวจพาตัวไปนั้นก็ฝากฝังเรื่องของบริษัทเป่หมิงให้คนอื่นดูแลแล้ว”
“หลานหมายความว่า……” เจียงฮุ่ยซินเอ่ยถึงตรงนี้แล้วนัยน์ตาก็มีประกายพาดผ่าน “โม่ เขายกตำแหน่งประธานให้หลานหรือว่าเฟยหย่วนแล้วใช่หรือไม่”
สำหรับเธอแล้ว ขอเพียงแค่เป่หมิงโม่มอบอำนาจที่มีอยู่ในมือออกมา อย่างนั้นคืนวันหลังจากนี้ของเธอกับลูกชายก็จะสบายไม่น้อย
เป่หมิงยี่เฟิงส่ายหน้า “ล้วนไม่ใช่ผมและคุณพ่อผมครับ”
“คุณย่า คนที่อารองฝากฝังเอาไว้เป็นคนที่คุณย่ากับผมล้วนคิดไม่ถึงเลยแม้แต่น้อย นั่นก็คือกู้ฮอน”
เจียงฮุ่ยซินคิ้วขมวดในทันที แน่นอน ไม่ว่าเธอจะคิดถึงใคร แต่ก็คงจะไม่คิดถึงเธอ “นี่ นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน กู้ฮอนนั้นอะไรก็ไม่เข้าใจ โม่จะให้เธอเข้ามาจัดการดูแลบริษัทเป่หมิงได้อย่างไรกัน ไม่ได้ ย่าต้องไปพูดคุยกับโม่สักหน่อย บริษัทเป่หมิงเป็นน้ำพักน้ำแรงทั้งชีวิตของคุณท่านนะ ไม่อาจปล่อยให้ตกอยู่ในมือของคนนอกได้”
เจียงฮุ่ยซินนั้นร้อนใจขึ้นมาแล้วจริง เธอรีบลุกขึ้นเตรียมจะเดินออกไปข้างนอก
“คุณย่าครับ คุณย่าไม่ต้องไปหรอกครับ ตอนนี้อารองถูกคุมขังอยู่ ไม่มีใครสามารถไปเยี่ยมเขาได้ อย่างไรก็ตามตอนที่เรื่องนี้ถูกประกาศออกไป ก็มีทนายความอยู่ในเหตุการณ์ด้วย นี่เป็นเรื่องจริงที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้แล้วล่ะครับ”
***
สำหรับเจียงฮุ่ยซินแล้ว ขอเพียงแค่ประธานบริษัทเป่หมิงไม่ใช่เป่หมิงโม่ คนอื่นๆนั้นจะอย่างไรก็ได้
เพราะว่าไม่มีใครที่สามารถสั่นคลอนสถานภาพของเธอในบ้านตระกูลเป่หมิงได้
เธอเข้าใจนิสัยของเป่หมิงโม่ รู้ว่าเขาคงจะไม่คืนตำแหน่งประธานบริษัทที่ช่วงชิงมาได้อย่างยากลำบากคืนกลับไปให้ครอบครัวของเป่หมิงเฟยหย่วนอย่างแน่นอน
แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจะยกตำแหน่งนี้ให้กับคนที่แทบจะไม่เข้าใจอะไรเกี่ยวกับการทำธุรกิจเลยแม้แต่น้อยอย่างกู้ฮอนคนหนึ่ง
กระทั่งคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวอย่างยากลำบากมาด้วยกันหลายปีอย่างฉิงฮัวก็ไม่พูดถึง
เป่หมิงยี่เฟิงเห็นสีหน้าของเจียงฮุ่ยซินไม่ดีเป็นอย่างมาก เขาก็คิดว่าแปดส่วนนั้นคุณย่ารู้สึกวิตกกังวลที่บริษัทเป่หมิงตกอยู่ในมือของคนนอกแล้ว
“คุณย่าไม่จำเป็นต้องกังวลมากขนาดนั้นหรอกครับ โชคดีที่ตำแหน่งประธานบริษัทที่กู้ฮอนเป็นอยู่ตอนนี้เป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น ผมได้ยินตำรวจพูดในสถานที่จัดการประชุมว่ามีหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่าอารองฆ่าคน ขอเพียงแค่คดีความของเขาถูกตัดสินแล้ว อย่างนั้นตำแหน่งประธานบริษัทเป่หมิงก็ต้องเลือกกันใหม่ อีกอย่างผมก็จะนั่งอยู่ในตำแหน่งประธานด้วย”
“ยี่เฟิง หลานมีโอกาสมากขนาดนั้นเชียวหรือ ในบริษัทเป่หมิงนั้นมีคนเก่าแก่ที่ติดตามโม่ไม่น้อยเลย ของเพียงแค่พวกเขาเอ่ยคำพูดคัดค้านออกมา หลานก็จะไม่มีทางนั่งบนตำแหน่งได้อย่างราบรื่น อีกทั้งในมือของโม่ก็กำสิทธิ์ผู้ถือหุ้นของบริษัทเป่หมิงไว้เป็นจำนวนมาก เขาจะไม่ยอมยกพวกมันให้หลานอย่างแน่นอน” เจียงฮุ่ยซินอยู่กับเป่หมิงเจิ้งเทียนมานานหลายปี แม้ว่าจะไม่เข้าใจเรื่องการดำเนินธุรกิจมากเท่าไร แต่เรื่องวางแผนทำร้ายผู้อื่นนั้นเธอชำนาญเป็นอย่างมาก
เป่หมิงยี่เฟิงหัวเราะเสียงเย็น “คุณย่า อารองของผมนั้นจะไม่ออกมาอีกแล้ว สำหรับสิทธิ์ผู้ถือหุ้นในมือของเขา ผมก็คิดเรียบร้อยแล้วว่าควรจะทำอย่างไร ถึงเวลานั้นทั้งตำแหน่งประธานบริษัทและสิทธิ์ผู้ถือหุ้น ผมล้วนไม่ขาดไปแม้แต่อย่างเดียว สิ่งเหล่านี้เดิมก็เป็นของผมที่เป็นหลานชายคนโตของตระกูลเป่หมิงอยู่แล้ว”
เจียงฮุ่ยซินเห็นท่าทางที่ต้องได้มาครอบครองของเป่หมิงยี่เฟิงแล้ว ในใจก็เต็มไปด้วยความกังวลไม่น้อย
เพียงแต่โชคดีที่ถ้าในอนาคตเป่หมิงยี่เฟิงเป็นผู้ดูแลควบคุมบริษัทเป่หมิงไปจนถึงตระกูลเป่หมิงก็จะไม่เข้ามาสั่นคลอนตำแหน่งของตัวเอง
“ยี่เฟิง ทุกเรื่องล้วนต้องระมัดระวังเล็กน้อย ก่อนที่เรื่องราวทั้งหมดจะได้รับการตัดสินใจแน่ชัด ก็อย่าเพิ่งใจร้อนอยากเห็นผลสำเร็จมากเกินไป” เจียงฮุ่ยซินรีบเอ่ยกำชับ
*
“คุณผู้หญิงครับ คุณผู้หญิง” ฉิงฮัวทำงานในมือเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เงยหน้าขึ้นมามองกู้ฮอนที่นั่งอยู่ตรงข้าม แววตาของเธอนั้นเหม่อเลยอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนว่ากำลังคิดเรื่องอะไรอยู่
เมื่อได้ยินเสียงคนเรียกตัวเอง เธอก็รีบดึงสติกลับมาในทันที “ฉิงฮัว คุณพูดว่าอะไรนะ”