ตอนที่ 838 เลือกผู้สืบทอดตำแหน่ง
“หึ พวกเราก็ไม่มาจับคนโดยไม่มีเหตุผลหรอกนะครับ จะบอกคุณให้ก็แล้วกันว่าพวกเรามีหลักฐานชัดเจนแล้วด้วย”
เป่หมิงยี่เฟิงพยักหน้า จากนั้นก็หันหน้าไปมองเป่หมิงโม่ “อารอง คุณวางใจเถอะ ผมจะหาทนายความที่ดีที่สุดมาดำเนินการฟ้องร้องคดีความนี้อย่างแน่นอน สำหรับช่วงเวลาที่คุณอาไม่อยู่ล่ะก็นะ……ในฐานะที่ผมเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับสองของบริษัทเป่หมิง ก็จะรับผิดชอบภาระอันหนักหน่วงนี้โดยไม่เกี่ยงงอนเลย”
เป่หมิงโม่มองเป่หมิงยี่เฟิงพลางยิ้มเย็น คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะแสดงความเย่อหยิ่งอวดดีออกมาเร็วขนาดนี้
“ยี่เฟิง นายรู้สาเหตุที่ฉันเรียกประชุมในวันนี้หรือไม่ นั่นก็เป็นเพราะว่าฉันจะประกาศเรื่องผู้ที่จะมารับช่วงต่อในตำแหน่งประธานบริษัทเป่หมิงแทนฉันนั่นเอง”
เมื่อคำพูดนี้ถูกพูดออกมา ทั้งงานก็ฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง
เป่หมิงโม่หันหน้าไปหาตำรวจทั้งสองนาย “ผมจะไปกับพวกคุณ เพียงแต่ขอให้ทั้งสองท่านรอผมสักครู่หนึ่ง ผมจะจัดการเรื่องราวในมือสักหน่อย”
ถึงอย่างไรบารมีของเป่หมิงโม่ก็ยังคงมีอยู่ ตำรวจทั้งสองนายจึงไว้หน้าเขา
“ได้ เพียงแต่ขอให้คุณเร็วๆหน่อย เวลาของพวกเรามีจำกัด อย่าทำให้พวกเราลำบาก”
เป่หมิงโม่พยักหน้า จากนั้นก็มองไปที่ผู้รับผิดชอบของแต่ละแผนกที่นั่งอยู่ในสถานที่จัดการประชุม “ตอนนี้ผมจะประกาศบุคคลที่ถูกคัดเลือกเอาไว้เพื่อมารับช่วงต่อจากผมในตำแหน่งประธานบริษัทเป่หมิง”
เขาพูดแล้วยกมือขึ้นมาจับมือกู้ฮอนที่อยู่ด้านข้างเอาไว้
กู้ฮอนตัวสั่นเทา เธอเริ่มรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย เป่หมิงเอ้อ ไอ้หมอนี่คงจะไม่ได้ให้ตัวเองมาจัดการเก็บกวาดปัญหานี้หรอกนะ
ไม่เพียงแต่กู้ฮอน กระทั่งเป่หมิงยี่เฟิงที่เห็นการกระทำแบบนั้นของเขาแล้ว สีหน้าที่ได้ใจก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
เป่หมิงโม่มองไปที่ทุกคน จากนั้นก็เอ่ยอย่างช้าๆว่า “ตอนนี้ผมขอประกาศว่าผู้ที่เข้ามารับช่วงต่อในตำแหน่งประธานบริษัทก็คือกู้ฮอน”
“ฮือฮา…….”
ในงานก็โกลาหลขึ้นมาเป็นครั้งที่สาม
“ฉันคัดค้านค่ะ!”
เสียงนี้กลบเสียงฮือฮาของผู้คนในงานไปหมด
ทุกสายตาล้วนมองไปที่กู้ฮอน
ดูเหมือนว่าการคัดค้านของกู้ฮอนก็อยู่ในการคาดเดาของเป่หมิงโม่ เขาจึงมีท่าทางสงบนิ่งเป็นอย่างมาก “คุณสามารถบอกเหตุผลกับผมสักข้อได้หรือไม่”
กู้ฮอนนั้นไม่อยากดำรงตำแหน่งนี้จริงๆ
นั่นก็เป็นเพราะในใจของเธอรู้ชัดเจนแจ่มแจ้งเป็นอย่างมากว่าตัวเองไม่ได้มีสมองแบบนั้นเหมือนกับเป่หมิงโม่ ถ้าหากว่าบริษัทเป่หมิงอยู่ในมือของเธอล่ะก็ คงทำได้เพียงแค่ก้าวเข้าสู่ความพินาศเท่านั้นเอง
ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็ เธอจะไม่รู้สึกละอายใจต่อท่านปู่เป่หมิงที่เสียชีวิตไปแล้วได้อย่างไรกัน
***
กู้ฮอนรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่คนที่จะเป็นประธานบริษัทได้จริงๆ อีกอย่างเธอก็เข้าใจเรื่องราวมาพอสมควรจากสถานีตำรวจ
รู้ว่าการตายของคุณแม่ของตัวเองนั้นเกี่ยวข้องกับเป่หมิงโม่ ก่อนที่เรื่องราวจะถูกสืบสวนชัดเจน เธอคิดว่ายังต้องรักษาระยะห่างกับเขาถึงจะถูก
“ขอบคุณในความหวังดีของคุณเป่หมิง ผู้รับผิดชอบของแต่ละแผนกทุกท่านที่นั่งอยู่ในสถานที่จัดงานประชุมนี้ ทุกท่านล้วนทราบดีว่าบริษัทเป่หมิงนั้นถูกสร้างขึ้นมาจากกำลังกายและสติปัญญาทั้งชีวิตของคุณเป่หมิงเจิ้งเทียน ดิฉันทราบดีว่าตัวเองนั้นมีความสามารถจำกัด สำหรับความเข้าใจที่มีต่อตัวบริษัทนั้นก็ยังไม่ลึกซึ้งมากพอ ทุกท่านที่นั่งอยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความสามารถหรือว่าคุณสมบัติล้วนมีความเหมาะสมกับตำแหน่งประธานบริษัทมากกว่าดิฉัน ดิฉันเห็นว่าให้เลือกจากผู้รับผิดชอบทุกท่านมาท่านหนึ่งเถอะค่ะ”
เป่หมิงโม่มองกู้ฮอนครั้งหนึ่งพลางเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ เขาเคยคิดว่าเธอจะปฏิเสธข้อเสนอของเขา แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะมีคำพูดบอกปัดแบบนี้
“ในเมื่อตอนนี้ประธานเป่หมิงมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ไม่สามารถเป็นผู้นำทั้งบริษัทเป่หมิงได้แล้ว อย่างนั้นก็ควรจะมีคนคนหนึ่งมาดูแลควบคุมสถานการณ์โดยรวม ผู้ช่วยกู้พูดไม่ผิดเลย คุณสมบัติของเธอนั้นมีจำกัดไม่เพียงพอที่จะเข้ารับตำแหน่งนี้ พวกเราก็ถือได้ว่าเป็นกลุ่มคนเก่าแก่ของบริษัทเป่หมิงแล้ว ไม่สามารถมองดูบริษัทพังพินาศได้หลังจากที่ท่านประธานเป่หมิงจากไป อย่างนั้นในหมู่พวกเรานั้นก็มีคนไม่น้อยเลยที่สามารถเข้ารับช่วงต่อในตำแหน่งประธานบริษัทได้” กู้ฮอนเพิ่งจะเอ่ยจบก็มีคนคนหนึ่งเอ่ยต่อขึ้นมาในทันที
เป่หมิงโม่มองไปยังคนที่เอ่ยพูดเมื่อครู่แวบหนึ่ง “อ้างอิงจากที่คุณพูดเมื่อครู่นี้ ดูท่าว่าในใจของคุณจะมีบุคคลที่เหมาะสมยิ่งกว่าผู้ช่วยกู้แล้วใช่ไหม”
คนคนนั้นยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน ถึงอย่างไรตอนนี้เป่หมิงโม่ก็ยังไม่ได้พ้นจากตำแหน่งประธานบริษัทอย่างเป็นทางการ แต่ตัวเองก็กระโดดออกมาแล้ว
“ท่านประธานเป่หมิง คุณอย่าเข้าใจผิดไป ผมก็แค่พิจารณาถึงอนาคตของบริษัทเป่หมิงเท่านั้นเอง พวกเรารู้สึกทุกข์ใจกับการจากไปของคุณมาก สำหรับปัญหาเรื่องการคัดเลือกบุคคลนั้น ผมมีความคิดหนึ่ง เพียงแต่ว่ายังไม่ถี่ถ้วนรอบด้านมากเท่าไร”
เป่หมิงโม่หัวเราะเสียงเย็น “ในเมื่อเป็นความคิดที่ยังไม่ถี่ถ้วนมากพอ คุณจะพูดออกมาทำไมกัน อย่างน้อย ความคิดของผมก็ผ่านการพิจารณาและวิเคราะห์มาก่อน ไม่ผิดที่ผู้ช่วยกู้จะมีคุณสมบัติไม่เท่าทุกท่าน ทั้งยังมาทำงานที่บริษัทเป่หมิงเป็นระยะเวลาไม่นานมากพอ แต่จากการสังเกตและความเข้าใจที่ผมมีต่อเธอแล้ว เธอมีความสามารถนี้ ยิ่งกว่านั้น ทุกคนล้วนทราบว่า ผู้ช่วยกู้รับผิดชอบดูแลแผนกก่อสร้าง ออกแบบ และบัญชีของบริษัทเป่หมิง ซึ่งเป็นแผนกงานพื้นฐานของบริษัทพอดี ผมดูจากสภาพการทำงานและการวิเคราะห์ของทั้งสามแผนกที่เธอกลับมารายงานให้ผมฟังทุกวัน ในเมื่อเธอสามารถจัดการทั้งสามแผนกได้ดี อย่างนั้นเรื่องที่ต้องจัดการในแผนกอื่นๆ ผมคิดว่าเธอก็สามารถรับภาระหน้าที่ในส่วนนี้ได้เช่นกัน”
เป่หมิงโม่เอ่ยจบแล้ว ด้านหนึ่งของการประชุมก็มีคนคนหนึ่งยืนขึ้นมา เขาดูมีอายุ 50 กว่าปีแล้ว เป็นคนเก่าแก่คนหนึ่งของบริษัทเป่หมิง “ความคิดของประธานเป่หมิงนั้นไม่เลวเลยจริงๆ แต่ว่าอย่างไรผู้ช่วยกู้ก็เป็นสุภาพสตรีคนหนึ่ง ไม่พูดถึงเรื่องอื่น แค่เรื่องของพลังกายและพลังใจ ก็มีขีดจำกัดเป็นอย่างมาก พวกเราบริษัทเป่หมิง ไม่เปรียบเทียบกับบริษัทอื่นๆ ก็เป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่ ภาระงานมากมาย ตอนนี้ก็ร่วมมือกับบริษัท GT อีก เรื่องต่างๆที่ต้องจัดการนั้นก็เกือบจะมากกว่าเดิมเท่าตัว ขอถามว่า พวกเราเหล่าชายหนุ่มจะใจร้ายให้ผู้หญิงคนหนึ่งไปบุกตะลุยโจมตีข้าศึกในแนวหน้าได้อย่างไรกัน ตอนนี้ผมมีตัวเลือกที่ไม่เลวอยู่คนหนึ่ง เขาสามารถรับช่วงต่อตำแหน่งของประธานเป่หมิงได้ เขายังเป็นวัยรุ่นและมีความสามารถ เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง ผมเชื่อว่าถ้าเขาเข้ารับตำแหน่งประธานบริษัท จะสามารถทำให้บริษัทเป่หมิงก้าวหน้าขึ้นไปได้อีกระดับขั้นหนึ่ง”
เป่หมิงโม่พยักหน้า “ที่หัวหน้าหลิวพูดมาก็ไม่ได้ไม่มีเหตุผล อีกทั้งผมยังฟังออกว่า คุณมีความเชื่อมั่นในตัวคนคนนี้เป็นอย่างมาก”
***
หัวหน้าหลิวที่เอ่ยพูดเมื่อครู่นี้พยักหน้า “ถูกต้อง ผมคิดว่าคนคนนี้มีความสามารถนั้นแน่นอน แม้ว่าความสามารถของเขาจะไม่ดีเท่าท่านประธานเป่หมิง แต่ว่าในบรรดาผู้รับผิดชอบทั้งหมด ไม่เพียงเท่านั้น คนคนนี้ยังเป็นผู้ถือหุ้นลำดับสองของบริษัทเป่หมิงด้วย”
เมื่อคำพูดถูกพูดออกมาแล้ว คนที่นั่งอยู่ที่นั่นล้วนรู้แล้วว่าเขาระบุถึงใคร
ใบหน้าของเป่หมิงยี่เฟิงในตอนนั้นเผยแววได้ใจออกมา
เขามองไปยังหัวหน้าหลิวที่เสนอตัวเองครู่หนึ่ง ดูท่าว่าตัวเองจะเลือกคนไม่ผิดเลย ในเวลานี้นั้นสามารถพูดแทนตัวเขาสักประโยคสองประโยค
เพียงแต่ตอนนี้ต้องอ่อนน้อมถ่อมตัวสักหน่อย เป่หมิงยี่เฟิงโบกมือไปมา “หัวหน้าหลิวพูดเกินไปแล้ว ผมมีความสามารถเหมือนอย่างที่คุณพูดที่ไหนกัน ผมเพียงแค่ทำไปเรียนรู้ไปด้วยก็เท่านั้นเอง ยังมีอีกหลายสิ่งที่จำเป็นต้องขอคำแนะนำจากผู้อาวุโสอย่างพวกคุณนะครับ ถ้าหากว่าพูดถึงคุณสมบัติและความสามารถแล้วล่ะก็ ผมคิดว่าคุณพ่อของผม เป่หมิงเฟยหย่วนนั้นเหมาะสมมากกว่า”
เป่หมิงเฟยหย่วนได้ยินลูกชายเสนอตัวเองแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะมองไปทางเป่หมิงครู่หนึ่ง
ก็เห็นว่าสีหน้าของเขาในตอนนี้ไม่น่ามองอย่างเห็นได้ชัด เขามองออกว่า ไม่ว่าจะเป็นเป่หมิงยี่เฟิงที่เป็นลูกชายของตัวเองหรือตัวเองมาดำรงตำแหน่งประธานบริษัทเป่หมิง เขาล้วนไม่พอใจ
เหตุผลนั้นง่ายดายมาก เป่หมิงโม่นั้นจ่ายค่าตอบแทนมากมายถึงจะสามารถไล่ตัวเองออกไปจากบริษัทเป่หมิงได้ ทั้งยังแย่งชิงสิทธิ์ผู้ถือหุ้นทั้งหมดของตัวเองไปด้วย
มาวันนี้เขากลับไปก่อเรื่องในคดีที่เกี่ยวข้องกับชีวิตคน อาศัยนิสัยของเป่หมิงโม่แล้ว เขาไม่มีทางคืนสิ่งที่เขาได้มาอยู่ในมือแล้วกลับไปอย่างแน่นอน
“
ผมว่าไม่มีอะไรจะเหมาะสมกว่าการให้ยี่เฟิงเข้ารับตำแหน่งประธานบริษัทเป่หมิงอีกแล้ว ผมจำได้ว่าตอนที่คุณพ่อยังมีชีวิตอยู่นั้นรักและเอ็นดูยี่เฟิงเป็นอย่างมาก ผมอยู่ข้างๆช่วยเหลืองานเขาก็พอแล้ว”
“ใช่แล้วๆ คุณชายยี่เฟิงสามารถเป็นประธานบริษัทเป่หมิงคนใหม่ได้ นั่นก็ไม่มีอะไรจะดีไปมากกว่านี้แล้ว”
คนอื่นๆที่นั่งอยู่เห็นแนวโน้มของเหตุการณ์เอนไปทางเป่หมิงยี่เฟิงแล้วก็เห็นด้วยเป็นจำนวนมาก
ไม่ว่าคนเหล่านี้จะสนับสนุนให้เป่หมิงยี่เฟิงเข้ารับตำแหน่งอย่างจริงใจหรือไม่ แต่อย่างน้อยรอเป่หมิงยี่เฟิงได้รับตำแหน่งแล้ว คืนวันของตัวเองจะได้ผ่านไปอย่างดีเล็กน้อย
เป่หมิงโม่มองการแสดงของผู้คนในสถานที่จัดงานประชุมแล้วก็ไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมา
“ปังๆ……”
เสียงตบโต๊ะที่ดังขึ้นสองสามครั้งทำให้ทุกคนสะดุ้งเฮือก
พวกเขาล้วนมองไปทางเป่หมิงโม่
“พวกคุณไม่ต้องถกเถียงกันอีกแล้ว ผมตัดสินใจเรียบร้อยแล้วว่า ตำแหน่งประธานบริษัทนี้ไม่ใช่เป่หมิงเฟยหย่วน และยิ่งไม่ใช่เป่หมิงยี่เฟิง ในเมื่อผู้ช่วยกู้ไม่ยินยอมที่จะรับช่วงต่อในตำแหน่งนี้ อย่างนั้นก็ให้เธอมารับตำแหน่งชั่วคราว โดยมีผู้ช่วยพิเศษฉิงช่วยเหลือเธอจัดการเรื่องของทางบริษัท GT ก็ได้แล้ว สำหรับเรื่องที่เหลือนั้น รอผมพิจารณาอีกครั้งแล้วจะค่อยตัดสินใจก็แล้วกัน”
เป่หมิงโม่เอ่ยจบแล้วก็มองไปที่ทุกคนที่นั่งอยู่เบื้องหน้า “เลิกการประชุม”
หลังเอ่ยจบแล้วเขาก็ลุกขึ้นยืน มองไปทางทนายความที่ยืนอยู่ด้านข้าง “พวกคุณรับผิดชอบจัดการเรื่องที่เหลือให้เรียบร้อยแล้วกัน”
จากนั้นก็หันไปพูดกับตำรวจที่อยู่ด้านข้างทั้งสองนายว่า “เรื่องของผมจัดการเรียบร้อยแล้ว พวกเราไปกันเถอะครับ”
“เจ้านาย……” ฉิงฮัวมองไปทางเป่หมิงโม่อยากเป็นกังวล ไม่รู้ว่าเขาไปครั้งนี้แล้วจะกลับมาเมื่อไร
อย่างไรก็เป็นข้อกล่าวหาที่มีองค์ประกอบไม่ชัดเจนและไม่แน่นอนมากเกินไป
เป่หมิงโม่หยุดฝีเท้า หันหน้ากลับมามองฉิงฮัว “ตั้งใจช่วยเหลือกู้ฮอน ฉันมั่นใจในความสามารถของพวกนายเป็นอย่างมาก”
ไม่ว่าจะเป็นฉิงฮัว กู้ฮอน หรือว่าคนอื่นๆที่เหลืออยู่ในสถานที่จัดการประชุมล้วนอยู่ในสภาพจิตใจหนักอึ้ง เมื่อเห็นเป่หมิงโม่เดินจากไปไกลขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับตำรวจสองนาย
***
ผู้คนในห้องประชุมค่อยๆแยกย้ายกันไป
สุดท้ายก็เหลือเพียงแค่กู้ฮอน ฉิงฮัวและทนายความสามคน
“คุณผู้หญิง พวกเราก็ควรจะกลับไปได้แล้วครับ ยังมีงานอีกมากมายรอให้คุณไปทำนะครับ” ฉิงฮัวเอ่ยเตือนกู้ฮอนประโยคหนึ่ง
กู้ฮอนนั้นเหมือนกับอยู่ท่ามกลางเมฆหมอก
*
ห้องทำงานของเป่หมิงโม่
กู้ฮอนกลับมายังห้องทำงานที่เธอคุ้นเคยอีกครั้งหนึ่ง แต่เมื่อเธอมองไปยังสิ่งต่างๆอีกครั้งก็รู้สึกไม่คุ้นเคยเอาเสียอย่างนั้น
ถึงแม้ว่าตัวเองจะปฏิเสธการรับตำแหน่งประธานบริษัทไปแล้ว แม้ว่าจะเป็นการชั่วคราวแต่ก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของเป่หมิงโม่ได้
“คุณผู้หญิง ในเมื่อเรื่องดำเนินมาจนถึงขั้นนี้แล้ว คุณก็ไม่จำเป็นต้องปฏิเสธแล้วครับ เจ้านายให้คุณมาดำรงตำแหน่งแทนเขาชั่วคราว มาดูแลควบคุมบริษัทเป่หมิง นั่นก็อธิบายได้อย่างชัดเจนแล้วว่าเจ้านายวางใจเป็นอย่างมากที่จะอาศัยความสามารถของคุณมาจัดการดูแลบริษัทเป่หมิง ที่จริงแล้วคุณไม่จำเป็นต้องกังวลใจไป ก่อนเจ้านายจะจากไปได้พูดเอาไว้ว่าให้ผมมาช่วยเหลือคุณไม่ใช่หรือครับ คุณสามารถที่จะทำมันได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกลัวอะไร”
ฉิงฮัวนั้นมีจิตใจที่ซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อเป่หมิงโม่มาโดยตลอด แม้ว่าจะเป็นคำฝากฝังของเขาก็จะทำมันให้สำเร็จอย่างเต็มอกเต็มใจ
ตอนนี้กู้ฮอนพูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว ดูท่าตัวเองจำเป็นต้องนั่งตำแหน่งประธานบริษัทนี้ไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง
เธอกลับมานั่งในที่นั่งของตัวเอง เตรียมตัวเริ่มทำงาน
ฉิงฮัวชี้ไปยังที่นั่งของเป่หมิงโม่ “คุณผู้หญิงครับ ตอนนี้คุณเป็นตัวแทนท่านประธาน ควรจะนั่งอยู่ตรงนั้นเหมือนกับเจ้านายนะครับ”
กู้ฮอนหันหน้าไปมองที่นั่งตรงนั้นครู่หนึ่ง บนเก้าอี้ตัวนั้นไม่มีเงาร่างของเป่หมิงโม่อีกแล้ว แต่บนโต๊ะทำงานยังคงมีกองเอกสารวางอยู่หลายกอง