บทที่ 853 สหายเก่ามาเยือน
แอนนิยิ้มแล้วพูดว่า “ตอนนั้นคุณแม่ของพวกคุณกำลังโกรธคุณพ่อ เธอก็เลยฉีกรูปภาพของคุณพ่อพวกคุณน่ะ ขณะที่จิ่วจิ่วอยู่ในห้องน้ำก็เลยเอารูปพ่อให้เธอดู แล้วบอกว่าคนนี้คือปีศาจสุขา หลังจากนั้นมา จิ่วจิ่วก็เหมือนเด็กคนอื่นที่เวลาเข้าห้องน้ำต้องผิวปาก และมีความไม่ชอบเกี่ยวกับรูปของคุณพ่อ เมื่อสักครู่นี้ฉันเห็นเธอรีบไปเข้าห้องน้ำก็นึกว่าอดทนไม่ไหวแล้ว ที่แท้เรื่องราวเป็นแบบนี้นี่เอง”
“เหอะ ๆ ไม่คิดว่ากู้ฮอนจะคิดวิธีแบบนี้ออกมาได้ เป่หมิงโม่กลายเป็นฝันร้ายของจิ่วจิ่วไปเสียแล้ว เขากลัวว่าชีวิตนี้คงไม่อาจจะได้เห็นลูกสาวเสียแล้วล่ะ เพราะว่าหากจิ่วจิ่วเห็นเขาก็จะ……” ลั่วเฉียวยิ้มจนจะแสดงอาการออกมา
และในตอนนี้ จิ่วจิ่วก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ซึ่งดูไปแล้วสีหน้าของเธอไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่นัก
คงจะเป็นรูปของเป่หมิงโม่ทำให้ตกใจ
เธอได้ขมวดคิ้วต่อหน้าทุกคน และไม่ชอบใจเฉิงเฉิง “พี่ชายเลว ทำไมจะต้องเอาปีศาจสุขามาทำร้ายฉัน เมื่อฉันครู่นี้ฉันคิดว่าฉันจะไม่สนใจคุณแล้ว”
“เด็กน้อยเอ๋ย คุณกำลังทำให้พี่ชายคนนี้ถูกใส่ร้ายนะ พี่ชายของคุณเอารูปของคุณพ่อให้ดูจริง ๆ ” แอนนิอธิบายให้กับจิ่วจิ่วฟัง
“คุณน้าแอนนิ เพราะอะไรคุณแม่บอกว่าเขาคือปีศาจสุขาหรือ ?” จิ่วจิ่วรู้สึกสับสน คุณพ่อคุณแม่ทั้งสองคนเกิดอะไรขึ้น แม่ถึงพูดพ่อแบบนี้
แอนนิได้ลูบไปยังหัวของจิ่วจิ่ว “ตอนนี้คุณยังเด็กมาก พูดไปก็คงไม่เข้าใจ แต่หากรอคุณโตเหมือนพี่ชายสองคนนี้ก่อน แม่ก็จะบอกคุณเอง”
จิ่วจิ่วพยักหน้าเหมือนทำเป็นรู้ ปีศาจสุขาเป็นรูปที่เธอเห็นเวลาเข้าห้องน้ำ คุณแม่ยังให้คุณน้าแอนนิดูเลย แต่ไม่คาดคิดว่าคนในรูปจะเป็นคุณพ่อที่ตัวเองไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง
เมื่อสักครู่ที่เธอเหมือนกำลังโกรธพี่ชายอยู่ เธอก็เลยมีความรู้สึกผิดแล้วหันไปยังเฉิงเฉิง “ขอโทษนะคะพี่ชาย”
……
ช่วงเวลาที่เป่หมิงโม่ถูกกักบริเวณอยู่ ก็ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรที่ทำให้เขารู้ถึงการแก้แค้น และก็ไม่มีการรับโทรศัพท์อยู่เรื่อย ๆ
ทำให้เขารู้ถึงความสบายที่ไม่ได้รู้สึกมานาน แต่ยังคงมีสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกวางไม่ลงเลย ก็คือบริษัทตระกูลเป่หมิงที่เขาไม่ได้อยู่ตรงนั้น เป่หมิงยี่เฟิงจะมีการกระทำอะไรอีก
เขามีความวางใจในความสามารถของกู้ฮอน แต่กลับหากพูดไปแล้ว เป่หมิงยี่เฟิงก็มีแผนการที่ไม่อาจจะคาดเดาได้เลย
เขาไม่อาจจะยอมเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่คนรองหรอกนะ เรื่องนี้ก็สามารถดูออกมาได้
หลายวันมานี้ ฉิงฮัวก็มาเยี่ยมเยียนเป่หมิงโม่ นอกจากจะมาหาเจ้านายเกี่ยวกับเรื่องชีวิตประจำวัน แล้วก็ยังรายงานสภาพการทำงานของบริษัทอย่างละเอียด โดยเฉพาะพ่อลูกเป่หมิงเฟยหย่วน
ณ เวลานี้ เป่หมิงโม่นั่งอยู่บนโซฟา กำลังขมวดคิ้ว
เพราะว่าตามที่ฉิงฮัวรายงานมาแต่ละวัน ถึงแม้จะดูว่าบริษัทมีความเงียบสงบมาก แต่พวกรู้สึกถึงเบื้องหลังของความสงบ อาจจะมีการซ่อนมหันตภัยที่ร้ายแรงอยู่ก็เป็นได้
ตอนนี้ ประตูห้องก็ได้ดังขึ้นมาสองครั้ง หลังจากนั้นก็มีคนเปิดเข้ามา
มีตำรวจคนหนึ่งเข้ามา “คุณชายเป่หมิง มีคนมาหาคุณ”
เป่หมิงโม่พยักหน้า “ให้เขาเข้ามาเถอะ ” เขาคิดว่าฉิงฮัวจะเข้ามาหาเขา
แต่ว่า ข้างนอกเข้ามากันสองคน
“สวัสดี เป่หมิงเอ้อ คุณนี่รู้จักสรรหาสถานที่จริง ๆ นะ มาอยู่ที่นี่บำเพ็ญตนหรือ ? ”
เป่หมิงโม่ฟังเสียงแล้ว ก็ได้คลายคิ้วลง
ไม่ต้องไปมองคน เพียงฟังเสียงก็สามารถรู้ได้เลย
“ชูเอ้อ วันนี้ทำไมดูแล้วร่าเริงจริง ๆ มีเวลามาหาฉันด้วย หรือว่าป่ายมู่ซีก็มาด้วยล่ะ ? ”
“แหะ ๆ เป็นพวกเราสองคนเองแหละ” ชูหยุนเฟิงหัวเราะออกมาต่อหน้าเป่หมิงโม่
คนที่มาจากด้านหลังของเขาก็คือป่ายมู่ซี
“พวกคุณสองคนมาหาฉันจะมาเย้ยหยันฉันหรือ ? เข้ามานั่งเถอะ” เป่หมิงโม่ชี้ไปยังโซฟาที่อยู่ตรงนั้น
“เป่หมิงเอ้อ ดูจากที่คุณพูดแล้ว พวกเราเป็นพี่น้องกันมาก็นาน เห็นคุณเข้ามาแบบนี้ ยังจะมีความสุขท่ามกลางความทุกข์อีกหรือ ? และคุณดูนะ พวกเราไม่ใช่มือเปล่า ๆ มาหาคุณด้วย” ชูหยุนเฟิงขณะที่พูดอยู่ ก็ได้ยกมือของตัวเองขึ้นมา และได้ปรากฏตะกร้าผลไม้ออกมา
เขาได้เอาของพวกนี้มาวางไว้บนโต๊ะวางน้ำชาต่อหน้าเป่หมิงโม่ หลังจากนั้นป่ายมู่ซีก็นั่งลง
“การพูดของคุณนี่ก็ช่างหนักแน่นจริง ๆ ตอนที่คุณเดินเข้ามาเสียงลมก็ยังไม่มีเลย หากไม่ใช่พวกเราไปหาคุณ แล้วไปเจอฉิงฮัว ไม่งั้นตอนนี้ก็ยังคงงงงวยอยู่ พูดมาซิ คุณเข้ามาได้ยังไง ” ป่ายมู่ซีพูด แล้วมือก็ได้ยื่นไปหยิบส้มมา
พอพูดถึงเรื่องนี้ เป่หมิงโม่ก็ได้ไปหยิบแอปเปิลจากตะกร้ามา หลังจากนั้นก็เอามีดมาปอกเปลือกออก แล้วพูดด้วยความสบาย ๆ ว่า “ไม่มีเรื่องอะไรหรอก ก็ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมนิดหน่อย”
ประโยคนี้ทำให้ชูหยุนเฟิงและป่ายมู่ซีตกใจเป็นอย่างมาก “คุณพูดอะไร คดีฆาตกรรม ? อันนี้มันไม่น่าเชื่อเลยนะ”
เป่หมิงหัวเราะเบา ๆ “พวกคุณรู้สึกว่ามันไม่น่าเชื่อใช่ไหม ?”
“คนที่ถูกทำร้ายคือใคร ?”
พอพูดถึงส่วนนี้ ใบหน้าของเป่หมิงโม่ก็เข้มขรึมขึ้นมา เสียงก็เบาลง “แม่ของกู้ฮอน”
ตกใจ ตกใจเป็นอย่างมาก
“คุณแม่ของกู้ฮอนตายแล้ว ? เรื่องนานขนาดไหน ทำไมถึงเอาคุณเข้ามาในคุกได้ ?” ชูหยุนเฟิงพูดด้วยความจริงจัง
“ก็หลายวันมาละ ส่วนเรื่องของมูลเหตุ ก็เธอได้ดื่มน้ำซุปที่ฉันส่งไปให้ หลังจากนั้นก็ติดยาพิษตาย” เป่หมิงโม่พูดอยู่ การปอกเปลือกแอปเปิลก็ช้าลงกว่าเดิมมาก
……
ซึ่งทำให้ชูหยุนเฟิงและป่ายมู่ซีตกใจเป็นอย่างมาก และรู้สึกเหมือนกันว่าเรื่องนี้มันไม่ง่ายแน่นอน
“เป่หมิงเอ้อ พวกเราเชื่อว่าคุณมีมลทิน พวกเราช่วยอะไรคุณได้บ้าง ?”
“ใช่แล้ว ให้พวกเราช่วยอะไรคุณ”
ป่ายมู่ซีและชูหยุนเฟิงหากดูจากเวลาธรรมดาแล้วก็ไม่มีอะไร แต่พอเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา ก็ได้ออกหน้ามาช่วยมากมาย
เห็นเมื่อก่อนที่เป็นเพื่อนทำร้ายกัน แต่วันนี้กลับมามีคุณธรรม ในใจของเป่หมิงโม่รู้สึกสบายขึ้นมากมาย
แต่สำหรับคดีนี้แล้ว พวกเขาสองคนถึงแม้จะมีอำนาจขนาดไหน ก็ไม่อาจจะให้เขามาแทรกแซงได้
เพราะว่าหลายวันมานี้เป่หมิงโม่ได้วางแผนเรียบร้อยแล้ว ยังไงก็ไม่ใช้หวีหรูเจี๋ยพูดอะไรออกมาได้ ถึงแม้ตัวเองจะนั่งอยู่ในคุกเป็นเวลานาน
เป่หมิงโม่ได้โบกมือให้กับชูหยุนเฟิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แล้วใบหน้าที่เคร่งขรึมว่า “ขอบใจพวกคุณมาก แต่เรื่องนี้พวกคุณช่วยอะไรไม่ได้หรอก หลักฐานพิสูจน์หมดแล้ว ฉันกำลังตัดสินการกระทำที่เลวร้ายที่สุด ในเมื่อพวกคุณก็มาแล้ว ฉันก็อยากจะให้พวกคุณช่วยสักเรื่องหนึ่ง”
“เป่หมิงโม่ พี่น้องกันมีอะไรก็พูดมาเถอะ เพีงยงแต่พวกเราทำได้ จะต้องช่วยถึงที่สุดแน่นอน” ป่ายมู่ซีได้เป่หมิงโม่พูดขนาดนี้ ในใจเขาก็รู้สึกจริงจังที่สุด
เป่หมิงโม่คิดอยู่สักครู่ หลังจากนั้นก็พูดกับพวกเขา “หากฉันได้ติดคุกจริง ๆ คาดว่าจะออกมาไม่ได้สักระยะ บริษัทของฉันให้กู้ฮอนมาจัดการ แต่ฉันรู้ว่า หากอาศัยเพียงแต่ผู้หญิงคนเดียว ก็ยากที่จะควบคุมบริษัทที่ใหญ่ขนาดนี้ ฉันได้ให้ฉิงฉัวไปช่วยเธอจัดการเรื่องราวประจำวันเรียบร้อยแล้ว แต่ฉันก็รู้ว่า หากฉันเข้า บริษัทอื่น ๆ ก็จะทำการลอบทำร้ายตระกูลเป่หมิง หรือจะเป็นคนในตระกูลเป่หมิงที่เกิดการแบ่งแยก ซึ่งจะทำให้บริษัทเกิดรอยแผลที่ใหญ่ขึ้น หากพวกคุณมีใจที่จะช่วยฉันแล้วล่ะก็ ก็ให้เวลาตระกูลเป่หมิงเกิดเรื่องขึ้นมาแล้ว ช่วยกู้ฮอนคนเดียวก็เพียงพอแล้ว”
ชูหยุนเฟิงและป่ายมู่ซีมองหน้ากัน แล้วก็รู้ว่าเป่หมิงโม่กำลังเป็นห่วงอะไร
เพียงแต่บริษัทของพวกเขาเปรียบกับตระกูลเป่หมิงแล้ว ก็ยังเล็กกว่ามากมาย ต่อให้ช่วยเต็มที่ ก็อาจจะไม่ได้ช่วยตระกูลเป่หมิงอะไรได้มากมายนัก
แต่พวกเขาเป็นพี่น้องร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเป่หมิงโม่มาเป็นระยะเวลาที่นาน ก็ได้พยักหน้า “เป่หมิงเอ้อ คุณวางใจเถอะ หากเรื่องที่คุณเป็นห่วงเกิดขึ้นมาแล้ว พวกเราก็จะต้องทุ่มเททั้งหมดที่มี และก็จะช่วยกู้ฮอนและตระกูลเป่หมิงให้รอดพ้นจากอันตราย”
……
ปิ่นฮอนเป่หยวน
เฉิงเฉิงกำลังขมวดคิ้ว เขากำลังคิดว่าจะช่วยคุณพ่อยังไง
แต่ไวมาก ๆ เขาก็คิดถึงคุณยายตัวเองหวีหรูเจี๋ย เขารู้ว่าตอนนี้มีแต่คุณพ่อที่ช่วยพวกเขาได้
พอรอตอนที่แอนนิพยุงลั่วเฉียวขึ้นมา เฉิงเฉิงก็พูดกับหยาหยางว่า “คุณพาน้องสาวมาที่นี่ ฉันออกไปทำธุระสักครู่หนึ่ง หากคุณน้าแอนนิพวกเธอถามขึ้นมา คุณก็บอกว่าไปหาคุณยายนะ”
“คุณไปหาคุณยาย ?” หยางหยางมีความรู้สึกสงสัย เขาคิดว่าเฉิงเฉิงกำลังไปบ้านใหญ่ของตระกูลเป่หมิง แต่ก็ยังพยักหน้า “งั้นคุณรีบไปรีบกลับเถอะ”
เฉิงเฉิงออกจากบ้าน แล้วก็ได้เรียกรถแท็กซี่ แล้วก็ไปโรงแรมแมนดารินที่โม้จิ่งเฉิงและหวีหรูเจี๋ยอยู่
พอเห็นเฉิงเฉิงเดินออกมาแล้ว หยางหยางก็ได้จับแขนน้องสาวขึ้นตึกไป “เรื่องรายการของวันพรุ่งนี้ เพราะคุณแม่แล้ว พวกเราจะต้องฝึกฝนกันสักหน่อย”
……
เพื่อเป็นการถ่ายทำรายการก็ได้ให้หยางหยางและจิ่วจิ่วอยู่ที่บ้าน เริ่มขั้นแรกไม่ได้พูดถึงการฝึกซ้อม แต่พูดถึงเฉิงเฉิง
เขาได้นั่งรถแท็กซี่ไปถึงหน้าประตู โรงแรมแมนดาริน
เปิดประตูรถ เฉิงเฉิงก็กระโดดลงมา หลังจากนั้นก็เดินไปข้างใน
“คุณชายเฉิงเฉิง ไม่รู้ว่าลมอะไรถึงพัดคุณมาที่นี่ รีบเข้ามาเถอะ รีบเข้า” ผู้จัดการได้พูดอย่างนอบน้อมและโค้งคำนับ เดินมาหน้าของเฉิงเฉิง ยื่นมือเพื่อเชิญเฉิงเฉิงเข้าไป
เฉิงเฉิงได้พยักหน้าให้เขา
“คุณชายเฉิงเฉิง เรียนถามคุณว่าคุณมาหาใคร ?” ผู้จัดการยิ้มแล้วถาม
เรื่องของเป่หมิงที่ถูกกักขังอยู่ ก็มีเพียงแต่หัวหน้าแผนกเท่านั้นที่รู้ ก็ยังคงถูกเก็บเป็นความลับอยู่ ดังนั้นคนนอกก็ยังไม่มีใครรู้
“ฉันจะมาหาประธานบริษัทGT ประธานโม้จิ่งเฉิงที่พักอยู่ที่โรงแรมนี้ ” เฉิงเฉิงมาที่นี่ก็สามารถใช้นิ้วมือนับได้ว่ามากี่ครั้ง
“นี่…….” ผู้จัดการก็รู้สึกลำบากใจ เขาไม่รู้ว่าเฉิงเฉิงกับโม้จิ่งเฉิงมีความสัมพันธ์อะไร
ถึงแม้เขาจะรู้ว่าเป่หมิงโม่กับโม้จิ่งเฉิงทำงานร่วมกัน แต่เด็กคนนี้อยู่ดีดีก็มาหาโม้จิ่งเฉิง น่าจะเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะเท่าไหร่หรอกนะ
แต่เฉิงเฉิงเป็นลูกของเป่หมิงโม่ เขาจะมาหาใครตัวเองก็ไม่อาจที่จะคัดค้านได้
เขาได้คิดอย่าบครอบคลุมพร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แล้วก็ชี้ไปตรงที่เขตพักผ่อน “คุณชายเฉิงเฉิง คุณไปรอตรงนั้นก่อนนะครับ ฉันไปจัดการก่อน แล้วจะพาคุณไปดีไหม ?”
เฉิงเฉิงพยักหน้า เห็นท่าทีของผู้จัดการ ในใจก็รู้ว่าเขากำลังคิดคำพูดอยู่ แนอนว่าเขาจะต้องโทรศัพท์ขออนุญาต
เขามายังเขตพักผ่อน หาเก้าอี้นั่งลงมา แล้วก็มีพนักงานส่งคำผลไม้มาให้หนึ่งแก้ว
…..
ขณะนี้ ฉิงฮัวก็กำลังทำงานอย่างวุ่นวาย ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น