บทที่ 871 หลักฐานชิ้นใหม่
แน่นอนว่าหวีหรูเจี๋ยก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของความแค้นหลั่งไหลออกมาจากตัวของหลี่เชิน เธอรู้สึกว่าตัวเธอเองก็มีความผิดต่อหลี่เชินอยู่จริงๆ จึงก้มหน้าลงไปเล็กน้อยโดยปริยาย
เมื่อเทียบกับหวีหรูเจี๋ย โม้จิ่งเฉิงก็เป็นอีกอย่างนึง เมื่อเขาเห็นหลี่เชินมองหวีหรูเจี๋ยเป็นศัตรู เขาก็กลายเป็นไม่เกรงใจแล้ว ใช้สายตาแค้นเคืองมองไปที่หลี่เชินเช่นเดียวกัน เขาไม่สนใจที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ทั้งหมด ขอแค่มีคนทำไม่ได้กับหวีหรูเจี๋ย ตัวเองก็จำเป็นต้องออกหน้าแทนเธอ
ในฐานะผู้ชายของเธอ ก็ต้องดูแลเธอในทุกๆ วินาที
***
เมื่อถังเทียนจื๋อเห็นโม้จิ่งเฉิงมองไปที่ผู้เป็นเจ้านายเช่นนั้น เขาก็จ้องมองกลับอย่างไม่ยอมอ่อนข้อ และเบี่ยงหน้าไปทางหลี่เชินเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นเสียงเบา: “เจ้านาย คิดไม่ถึงว่าหวีหรูเจี๋ยยังไม่ตาย แถมยังอยู่กับโม้จิ่งเฉิงอีก เห็นทีถ้าหากพวกเราจะจัดการตระกูลเป่หมิงละก็ ทำพลาดไปโม้จิ่งเฉิงจะลงมือจัดการเองก็ได้”
หลี่เชินยังคงทำสีหน้าเย็นชา จ้องมองไปที่หวีหรูเจี๋ยด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นก็หันกลับไปมองเป่หมิงโม่อีกครั้ง
เขาค่อยๆ สบถออกมาเสียงเบา: “สำหรับแม่ เป็นศัตรูตัวฉกาจสำหรับฉันคนแซ่หลี่ไปทั้งชีวิต ทำลูกฉันหาย ฆ่าเมียของฉัน…… ไม่ว่าเบื้องหลังพวกมันจะมีคนใหญ่คนโตคนไหนคอยหนุน ฉันจะไม่ปล่อยมันไปแน่!”
พูดถึงตรงนี้ เขาก็ถอนหายใจออกมายาวๆ : “แต่แค่ว่า…… กู้ฮอนเด็กคนนั้นยังอยู่กับพวกมัน มันทำให้ฉันผิดหวังจริงๆ ”
พอหลี่เชินพูดถึงลูกสาวของตัวเอง ในใจก็รู้สึกไม่ค่อยดี
*
“แม่ ทำไมคุณลุงNotonถึงได้จ้องคุณปู่โม้กับคุณย่าแบบนั้นล่ะฮะ ผมรู้สึกว่าเขาไม่ค่อยเหมือนแต่ก่อนเลย แล้วก็ คดีของคุณพ่อวันนี้เหมือนกันว่าพวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องใช่มั้ยฮะ?”
ตั้งแต่พวกหลี่เชินกับถังเทียนจื๋อเข้ามา เฉิงเฉิงก็เอาแต่มองไปทางพวกเขา และรับรู้ได้ถึงสายตาเฉียบคมที่ไม่เป็นมิตรนี้โดยอัตโนมัติ
แต่หยางหยางหนักกว่า พอเห็นถังเทียนจื๋อเข้ามา เขาก็หันไปหาพวกเขาอย่างดื้อๆ แถมยังยิ้มแย้มแล้วโบกมือให้อีก
ส่วนกู้ฮอนเธอแค่เงยหน้ามองไปทางพวกเขาอย่างไร้ความรู้สึก จากนั้นก็พูดกับเฉิงเฉิง: “ไม่ต้องสนพวกเขา หยางหยาง ลูกรีบหันกลับมา ถ้าหากลูกไม่เชื่อฟัง แม่จะให้คนพาลูกออกไปจากห้องนี้”
พอได้ยินแม่พูดเช่นนั้น หยางหยางก็รีบหันกลับมาอย่างรีบร้อน เขากับเฉิงเฉิงก็เห็นว่าสีหน้าของแม่ตอนนี้ ก็กลายเป็นเย็นชาเช่นกัน เมื่อก่อนยังคุยกับลุงNotonอย่างสนุกสนาน พอมาวันนี้กลายเป็นแบบนี้ เห็นทีระหว่างพวกเขาคงจะเกิดเรื่องอะไรที่ไม่ดีขึ้นแน่ๆ
ในเวลานี้ พวกเขาก็ไม่เหมาะจะถามอะไรแม่ทั้งนั้น ทำได้แค่เป็นเด็กดีเชื่อฟัง
*
กลิ่นดินปืนในที่นี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อกระบวนการพิจารณาคดีตามปกติของศาล
“จำเลย คุณมีข้อข้องใจกับคำร้องของอัยการหรือไม่?” หลังจากผู้พิพากษาหยุดการพิจารณาคดีในศาลชั่วครู่ ก็หันกลับไปถามเป่หมิงโม่อีกครั้ง
หลังจากเป่หมิงโม่สบตากับทนายของตน ขณะที่กำลังอยากจะพูดบางอย่าง
ขณะนั้น เฉิงเฉิงก็กระโดดลงจากเก้าอี้ แล้ววิ่งไปทางที่นั่งของจำเลย
“เตาะแตะๆ ……”
ผู้พิพากษาเห็นว่ามีเด็กคนนึงวิ่งมาจากที่นั่งดูการพิจารณาคดีไปทางจำเลย เขาก็ทำหน้าตึง แล้วขมวดคิ้ว
เขาหยิบค้อนพิพากษาขึ้นมาเคาะไปที่โต๊ะ: “รบกวนผู้ปกครองของผู้เข้าฟังดูแลบุตรของท่านให้ดีด้วย ในศาลเป็นสถานที่ที่มีกฎระเบียบ ไม่อนุญาตให้เด็กๆ มาวิ่งเล่น”
ขณะเดียวกัน ตรวจที่ดูแลความเรียบร้อยในศาลก็ห้ามเฉิงเฉิงไว้
“คุณลุงผู้พิพากษา ผมมีหลักฐานชิ้นใหม่ หลักฐานที่บอกว่าคุณพ่อไม่ได้เป็นคนฆ่าคุณยาย……” เฉิงเฉิงยกมือขึ้นแล้วโบกอย่างแรงไปทางผู้พิพากษา
ผู้พิพากษามองไปทางเด็กคนนั้น และส่งสายตาให้นายตำรวจคนนึงให้เขาเอาของที่อยู่ในมือเขามาให้ตน
ไม่นาน หลักฐานชิ้นใหม่ก็ได้ถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะของผู้พิพากษา มันคือซีดีแผ่นนึง
ตอนที่เขารับคดีนี้ ก็ทำความเข้าใจกับคดีนี้มาพอควร สำหรับฐานะของเป่หมิงโม่นั้นตัวเขาก็พอรู้อยู่บ้าง
ถ้าหากคนที่มีหน้ามีตาอย่างเขา ไปลงมือกับคนที่ไม่มีอะไรเลย แถมยังเป็นผู้หญิงสูงอายุที่ไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับเขาเลย ยังไงก็คิดหาเหตุผลไม่ออกจริงๆ
ยังไงก็ตาม ดูจากหลักฐานที่ฝ่ายตำรวจเสนอมา เป่หมิงโม่ก็ดิ้นไม่หลุด คดีนี้ก็เป็นเหมือนกับเผือกร้อนสำหรับเขา
***
ขณะนี้ แผ่นซีดีที่วางอยู่เบื้องหน้าของผู้พิพากษา ก็กลายมาเป็น ‘ทางรอด’ ของเขา
“เตาะแตะๆ ……”
ผู้พิพากษาใช้โอกาสนี้ เคาะค้อนพิพากษาอีกครั้ง
เขามองไปที่แผ่นซีดีที่วางอยู่ตรงหน้าเขา จากนั้นก็ประกาศ: “เนื่องจากมีหลักฐานชิ้นใหม่ออกมา คดีนี้ก็ยังมีข้อที่น่าสงสัยอยู่หลายจุด ในเมื่อเป็นแบบนี้ ผมขอประกาศพักการพิจารณาคดี ช่วงบ่ายจะเริ่มการพิจารณาต่อ”
พูดจบ เขาก็หยิบซีดีแผ่นนั้นแล้วหันหลังเดินออกจากห้องพิจารณาคดีไป
*
เมื่อผู้คนเห็นผู้พิพากษาเดินออก ทันใดนั้นภายในศาลก็เริ่มเดือด การกระทำของเฉิงเฉิง ทำให้ผู้เข้าฟังหลายคนรู้สึกแปลกใจ แน่นอน มีแค่สามคนที่รู้สึกแปลกใจสุดๆ :เจียงฮุ่ยซิน หลี่เชินและถังเทียนจื๋อ
ในสามคนนั้น เป็นถังเทียนจื๋อที่แสดงว่าเก็บอารมณ์ไม่อยู่ออกมาอย่างชัดเจน เขาพูดเสียงเบากับหลี่เชินอีกครั้ง: “แผ่นซีดีที่เฉิงเฉิงยื่นขึ้นไป หรือว่ามันจะทำให้เรื่องทั้งหมดนี้พลิก? หรือว่าแค่หลักฐานชิ้นนี้จะทำให้เป่หมิงโม่พ้นผิด?”
หลี่เชินขมวดคิ้ว: “เรื่องนี้ก็ไม่แน่ชัด แต่ฉันคิดว่าไม่ว่ายังไง เขาก็หนีเรื่องการตายของลู่ลู่ไม่พ้นหรอก เนื้อหาในแผ่นซีดีแผ่นนั้น อย่างมากก็ช่วยให้เขาโดนข้อหาน้อยลง สิ่งที่จะมายืนยันความบริสุทธิ์ของเขา ก็คงจะมีแต่สิ่งที่เขาจัดฉากมันขึ้นมาแหละ คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเป่หมิงโม่ยังเตรียมทางหนีเอาไว้อยู่”
“เจ้านาย วางใจเถอะครับ ถึงแม้เป่หมิงโม่จะสามารถลดโทษได้ ผมก็จะไม่ปล่อยให้มันอยู่ดีหรอก” ถังเทียนจื๋อพูดพลาง ลุกขึ้นแล้วพยุงหลี่เชินขึ้นจากที่นั่ง ทั้งสองเดินออกไปจากศาลแบบไม่หันหลังกลับมา
เป่หมิงโม่ก็โดนตำรวจผู้คุมศาลจับไปขังไว้ที่ห้องคุมตัวผู้ต้องหา
*
“เฉิงเฉิง ลูกแน่ใจว่ามันสำคัญจริงๆ เหรอ? ให้ข้อมูลผู้พิพากษามันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ” ถึงแม้กู้ฮอนจะรู้ว่าไม่กี่วันที่ผ่านมา เฉิงเฉิงเอาแต่ควานหาหลักฐานพวกนี้ แต่ตอนนี้ก็ต้องเตือนลูกชายอีกครั้ง
“แม่ฮะ แม่วางใจเถอะ ผมกับเขาทำด้วยกันแม่ยังไม่วางใจอีกเหรอ?” หยางหยางที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้น
กู้ฮอนมองไปที่หยางหยาง: “ก็เพราะว่าลูกมีส่วนร่วมด้วย เพราะงั้นแม่ถึงไม่วางใจไงล่ะ ถ้าหากเฉิงเฉิงทำคนเดียวแม่คงไม่เป็นแบบนี้”
“เหอะๆ ผู้เธอสามคนแม่ลูกนี่ อยู่ด้วยกันก็เป็นแบบนี้ เอาละๆ ยังไงก็ต้องรอจนถึงบ่ายถึงจะเปิดศาล งั้นพวกเราออกไปพักข้างนอกกันหน่อยเถอะ เฉิงเฉิงกับหยางหยางก็น่าทึ่งมาก สามารถหาหลักฐานมายืนยันความบริสุทธิ์ให้พ่อได้ เห็นทีเป่หมิงโม่ของพวกเราจะมีความหวังแล้ว ยังไงทุกคนก็อยู่กันพร้อมหน้า งั้นมื้อเที่ยงพวกเรามาฉลองกันเถอะฉันเลี้ยงเอง”
ถึงแม้เจียงฮุ่ยซินจะบ่นพึมพำอยู่ในใจ แต่ภายนอกก็ยังแสดงสีหน้ายินดีออกมา เธอคิดว่าตอนที่กินข้าว จะลองถามเฉิงเฉิงกับหยางหยางดู ให้พวกเขาพูดมาว่าสรุปแล้วหลักฐานที่พวกเขาถืออยู่มันคืออะไรกันแน่
หรือว่าอาจจะมีเรื่องอะไรที่คนอื่นไม่รู้เกิดขึ้น?
“ป้าซิน ไม่ต้องหรอกค่ะ พวกเราอยากจะกลับไปพักผ่อนสักหน่อย” สองสามวันนี้อารมณ์ของกู้ฮอนก็ไม่ค่อยดีนัก ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่มีอารมณ์จะกินอะไรด้วย
“ใช่แล้ว พวกเราก็อยากกลับไปพักผ่อนกันก่อน เรื่องของโม่ทำเอาหรูเจี๋ยพักผ่อนไม่พอมาสองวัน” โม้จิ่งเฉิงพูด พลางพยุงหวีหรูเจี๋ยแล้วเดินตามหลังกู้ฮอนกับลูกๆ ออกไป
ขณะนั้นภายในศาลก็เหลือแค่เจียงฮุ่ยซินกับสาวใช้คนนึงที่ตามเธอมาด้วยกัน
“ท่านนายเป่หมิง งั้นพวกเราก็กลับกันก่อนเถอะค่ะ” สาวใช้ถามเธออย่างระวัง
ความต้องการของเจียงฮุ่ยซินล้มเหลว จึงทำได้แค่พยักหน้า สาวใช้ช่วยพยุงเธอลุกขึ้นและออกจากศาลไปเป็นคนสุดท้าย
***
หลังจากเวลาพักกลางวันสั้นๆ ผ่านไป ก่อนที่จะเปิดการพิจารณาคดีในช่วงบ่ายผู้เข้าฟังงก็ได้กลับมานั่งอยู่ที่เดิมอีกครั้ง
เมื่อเสียงค้อนเปิดศาลดังขึ้น ที่นั่งของผู้เข้าฟังก็มีเงาคนขาดไปคนนึง
“เฉิงเฉิง หยางหยาง ทำไมมีแค่พวกหนูสองคนอยู่ที่นี่ แม่พวกหนูล่ะ?” หวีหรูเจี๋ยถามอย่างสงสัย
“ที่จริงพวกเราเตรียมจะไปกินข้าวที่ร้านอารใกล้ๆ นี้ แต่ตอนที่พวกเรากำลังจะทาน ก็มีโทรศัพท์เข้ามา หลังจากที่แม่รับสายจู่ๆ ก็ขับรถออกไป” หยางหยางพูด
“รับสาย?” หลังจากที่โม้จิ่งเฉิงได้ยินก็แปลกใจเล็กน้อย รู้สึกเหมือนกับเขา แน่นอนว่าหวีหรูเจี๋ยก็ด้วย
อยากจะรู้คดีความเกี่ยวกับลู่ลู่
ที่ทำให้เธอมีปฏิกิริยาแบบนี้ เป็นเรื่องที่ทำให้เธอรู้สึกรีบร้อนกว่าเรื่องนี้ เรื่องว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับจิ่วจิ่ว?
แต่ทำไมถึงได้ปล่อยเฉิงเฉิงกับหยางหยางไว้ที่นี่ล่ะ
*
ผู้พิพากษากระแอม: “เปิดการพิจารณาคดี ณ บัดนี้” จากนั้นสายตาของเขาก็มองไปทางผู้เข้าฟัง
ในมือเขาถือแผ่นซีดีที่เป็นหลักฐานที่ได้รับมาเมื่อเช้า แล้วพูดกับเฉิงเฉิง: “เจ้าหนู ซีดีแผ่นนี้ที่หนูให้ บอกว่าเป็นหลักฐาน แต่เมื่อเอากลับไปดูแล้ว แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันมีอะไรเกี่ยวข้องกับคดีนี้เลย”
เจียงฮุ่ยซินฟังถึงตรงนี้ สิ่งที่จุกอกมาตั้งแต่เมื่อเช้าก็หายไป
ผู้พิพากษาพูดต่อ: “เจ้าหนู ฉันรู้ว่าเธอคือลูกชายแท้ๆ ของเป่หมิงโม่ เธอทำแบบนี้ฉันก็พอเข้าใจได้ แต่ว่าฉันก็ยังคงต้องพูดว่า:ศาลเป็นที่ที่ศักดิ์สิทธิ์ ถ้าหากมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกฉันจะไม่เกรงใจแล้วนะ”
เฉิงเฉิงฟังจบก็ลุกขึ้น: “คุณลุงผู้พิพากษา ผมมีเรื่องจะพูด ที่ผมให้ไปแน่นอนว่ามันเกี่ยวข้องกับหลักฐานเป็นอย่างมาก มันสามารถแสดงความบริสุทธิ์ของคุณพ่อได้ คนที่ฆ่าคุณยายเป็นคนอื่น”
ผู้พิพากษาได้ยินก็สนใจ เขากระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย: “เหรอ? งั้นเธออธิบายให้ฉันฟังได้มั้ยว่าสรุปแล้วเรื่องมันเป็นยังไง?”
เฉิงเฉิงพยักหน้า: “ได้ครับคุณลุงผู้พิพากษา แต่ได้โปรดเชิญน้องชายผมมาเป็นทนายด้วยครับ”
“น้องชายเธอ?” ผู้พิพากษาประหลาดใจเล็กน้อย
ไม่ใช่แค่เขา ผู้คนในที่นั้นทั้งหมดก็มองเฉิงเฉิงกับหยางหยางด้วยสายตาสงสัย
เฉิงเฉิงแสดงออกอย่างแน่วแน่ เขาส่งสายตาให้หยางหยาง
นี่เป็นเรื่องที่เขาปรึกษากันก่อนจะเปิดศาล ให้หยางหยางออกหน้า เหตุผลก็เพราะ เขาไม่อยากจะเผชิญหน้ากับความจริงนี้เท่าไหร่
ดีที่ไม่กี่วันก่อนหยางหยางได้ออกทีวี ครั้งก่อนเขารู้สึกตื่นเต้น แต่ในที่นี้ คนส่วนมากต่างก็เป็นคนรู้จัก ถึงจะมีคนที่ไม่รู้จักก็ไม่เป็นอะไร
ในตอนนี้ เขาก็ไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องตื่นเต้น
ผู้พิพากษามองไปที่เด็กชายอีกคนที่ลุกขึ้น แล้วเลิกคิ้วเบาๆ : “คิดไม่ถึงว่าพวกเธอจะเป็นฝาแฝด”
“ไม่ผิดครับ แต่แค่พวกเราพี่น้องไม่ได้อยู่ด้วยกัน อีกอย่างแผ่นซีดีที่อยู่ในมือท่าน ผมได้วางแผนและเตรียมการมาอย่างรอบคอบแล้ว เพราะงั้น ให้ผมไขข้อข้องใจในคดีนี้เป็นเรื่องที่ถูกต้องที่สุด” หยางหยางทำสีหน้ามั่นใจอย่างเห็นได้ชัด
เป่หมิงโม่เห็นหยางหยางแบบนี้ เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ลูกชายเขาคนนี้จะสุขุมเหมือนเฉิงเฉิงหน่อยไม่ได้เหรอ