บทที่ 873 การปรากฏตัวครั้งแรก
หยางหยางมองไปทางพวกผู้ใหญ่ที่โดนตัวเขาทำให้งง แม้แต่คุณพ่อที่มองเขาอย่างโกรธเคือง ทำให้ใบหน้าเล็กๆ มีรอยยิ้มออกมาบนใบหน้า
หลังจากที่หยางหยางน้อยใจทุกคน เขาก็กระแอมแล้วพูดว่า: “ตอนนี้ก็ถึงเวลาไขปริศนาแล้ว คุณลุงผู้พิพากษา ตอนเช้าผู้ช่วยของผมให้แผ่นซีดีท่านไปแผ่นนึงใช่มั้ย ตอนกลางวันสรุปแล้วได้ดูหรือไม่?”
นี่เป็นครั้งแรกที่เด็กคนหนึ่งถามความยุติธรรมนี้ที่บนศาล ทันใดนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไง จึงทำได้แค่ตอบตามความจริงไป: “ดูแล้ว”
“ท่านพบเบาะแสอะไรมั้ย?”
ผู้พิพากษาขมวดคิ้วแน่น เขาไม่ได้ค้นพบอะไรข้างในนั้นจริงๆ จึงทำได้แค่ส่ายหน้า: “ในซีดีแผ่นนั้น มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคดีนี้นี่”
“ทำไมจะไม่เกี่ยวล่ะ?” หยางหยางพูด พลางเอามือเล็กๆ ไขว้หลังไว้เหมือนกับครูที่สอนพวกเขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแก่ๆ : “ทำไมถึงไม่รอบคอบเอาซะเลย ฉันสอนพวกนายอยู่บ่อยๆ ไม่ใช่เหรอ ก่อนที่จะทำอะไรต้องตรวจสอบมันอย่างละเอียด คุณไม่เห็นเหรอสิ่งของที่ฆ่าคุณยายก็โผล่มาไม่ใช่เหรอ? ถ้าไม่เชื่อก็เอามันมาเปิดแล้วดูอย่างละเอียดอีกทีเป็นไง?”
ประโยคนี้ทำเอาผู้พิพากษาถึงกับพูดไม่ออก เขายอมรับว่าตอนที่ตัวเองดูของที่อยู่ในซีดี เขาสังเกตแค่เรื่องราวหลักๆ ไม่ได้เจาะลึกถึงรายละเอียดเล็กๆ จริงๆ คิดถึงตรงนี้ ใบหน้าของเขาก็แดงเล็กน้อย
“ขอโทษด้วย ฉันไม่ได้สังเกตถึงมันจริงๆ ตอนนี้ฉันจะเปิดวิดีโอนั้นเดี๋ยวนี้ ให้ทุกคนดูด้วยกัน”
“ช้าก่อน ขณะที่เปิดวิดีโอนี้ ผมขอให้พวกท่านคุมตัวคนในที่นี้คนหนึ่ง เพราะว่าเธอคือฆาตกรตัวจริง”
หยางหยางพูดพลางยื่นนิ้วชี้ออกไป แล้วหันร่างเล็กๆ ไปทางที่นั่งของผู้เข้าฟัง ปลายนิ้วผ่านหน้าของทุกคนไป สุดท้ายก็ไปหยุดลงตรงหน้าของเจียงฮุ่ยซิน
เมื่อครู่ที่เจียงฮุ่ยซินเห็นหวีหรูเจี๋ยออกมายอมรับ ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ได้ แต่ต่อมาพอได้ยินหยางหยางพูดว่ามีคนอยู่เบื้องหลัง ในใจของเธอก็เต้นรัวขึ้นอีกครั้ง
จนเมื่อหยางหยางชี้นิ้วมาทางเธอ ในใจของเธอก็กลายเป็นร้อนรน แต่ว่าตอนนี้ เธอยังแสดงสีหน้าว่าไม่มีอะไรก็ตาม: “หยางหยาง หนูพูดอะไรเรื่อยเปื่อย ฉันจะเป็นฆาตกรที่ฆ่าคุณยายหนูได้ยังไงล่ะ หลายวันที่ผ่านมาฉันไม่ได้ไปพบคุณยายของหนูเลย ยิ่งไปกว่านั้นฉันไม่ได้ออกจากบ้านเลยด้วยซ้ำ เรื่องพวกนี้สาวใช้ในบ้านก็เป็นพยานได้ อีกอย่าง หนูกับเฉิงเฉิงแล้วก็คุณแม่ของพวกหนูก็รู้ ฉันกับคุณยายของพวกหนูเป็นเพื่อนเก่าแก่กันมาสิบกว่าปี ฉันจะไปทำร้ายเธอได้ยังไงล่ะ?”
หลังจากที่หยางหยางได้ฟังคำแก้ตัวของเธอ ก็มองบนใส่เธอ: “คุณย่ารอง ผมรู้ว่าคุณย่ารองคงไม่ยอมรับ แต่ว่าหลักฐานที่มีอยู่นี่คงจะทำให้คุณย่ารองยากที่จะพ้นผิด”
เขาพูดพลางหันไปพูดกับผู้พิพากษา: “คุณลุงผู้พิพากษา ท่านให้คนคุมตัวเธอไว้ก่อน จากนั้นผมจะอธิบายให้ท่านฟัง”
นี่มันยังไงกัน ตอนนี้จะให้มาจับท่านนายเป่หมิง สิ่งนี้ทำให้ผู้พิพากษารู้สึกลำบากใจไม่น้อย
ไม่คิดว่าคดีที่ดูเหมือนจะง่ายๆ แต่กลับต้องควบคุมตัวคนตระกูลเป่หมิงทั้งตระกูล และดูเหมือนว่ามีบางอย่างซ่อนอยู่เบื้องหลัง
***
“นี่……”
ทันใดนั้นผู้พิพากษาก็ทำสีหน้าลำบากใจ ตอนนี้ได้จับตัวเป่หมิงโม่แล้ว หลังจากขังอยู่หลายวันตอนนี้เพิ่งมารู้สึก ว่าอาจจะจับผิดคน นั่นก็เป็นการทำให้ตระกูลเป่หมิงขุ่นเคืองแล้ว
ตอนนี้ยังจะต้องมาจับท่านนายเป่หมิงอีก ถ้าหากจับผิดคนอีกละก็ นั้นยิ่งทำให้ตระกูลเป่หมิงขุ่นเคืองใจเข้าไปใหญ่ ถ้าหากเป็นแบบนั้น บางทีอาจจะเป็นการหาเรื่องใส่ตัว
ก่อนที่เรื่องมันจะชัดเจน คงไม่ดีที่จะลงมืออะไรมาก
คิดถึงตรงนี้ ผู้พิพากษาที่ทำหน้าเข้ม ก็ยิ้มบางๆ ให้เจียงฮุ่ยซิน แล้วถามยั่งเชิง: “ท่านนายเป่หมิง คุณคิดว่าเรื่องนี้ควรทำอย่างไร?”
เรื่องมาถึงขั้นนี้ เจียงฮุ่ยซินจะพูดอะไรได้ หรือว่าต้องลดตัวลงไปตีกับหยางหยางเหรอ? ยังดีที่เธอเป็นผู้ใหญ่ แถมในตระกูลเป่หมิงเธอเป็นผู้ที่ใหญ่สุด ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่ทำให้ตัวเองบริสุทธิ์ ก็ต้องรักษาภาพพจน์
แต่ว่าที่หยางหยางพูดไปเมื่อกี้ก็ไปกระตุกหนวดของเธอ เธอคิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าทำไมหยางหยางถึงสาวมาถึงตัวเธอได้
ในใจของเจียงฮุ่ยซินก็กลายเป็นกระวนกระวาย แต่บนใบหน้าของเธอก็ยังคงแขวนรอยยิ้มไว้แล้วยิ้มให้ผู้พิพากษา: “ท่านผู้พิพากษา ท่านไม่ต้องลำบากใจ หยางหยางถึงกับเข้าใจผิดในตัวฉัน ถ้าอย่างนั้นฉันก็ควรจะชี้แจงด้วย ไม่ใช่แค่เพื่อเขา แต่เพื่อให้ทุกคนในนี้ได้รู้ และกับเพื่อนที่แสนดีที่ลาโลกไปแล้วอย่างลู่ลู่”
เธอพูดพลาง เดินลงมาจากที่นั่งของผู้เข้าฟัง แล้วมายืนอยู่ข้างๆ หวีหรูเจี๋ย เธอยิ้มเบาๆ ให้หวีหรูเจี๋ย ก่อนที่จะหันไปพูดกับหยางหยาง: “หยางหยาง เนื่องจากหนูมีข้อสงสัยมากมายเกี่ยวกับตัวของย่า งั้นหนูก็ถามมาเถอะ”
หยางหยางเห็นเจียงฮุ่ยซินชักสีหน้าแบบนี้ ก็ไม่พอใจเป็นอย่างมาก เมื่อเธอไม่ยอมรับผิด งั้นตัวเขาก็จะไม่เกรงใจแล้ว
“คุณลุงผู้พิพากษา ตอนนี้ท่านเปิดวิดีโออันนั้นให้พวกเราดูเถอะ”
“ก็ดี ย่าก็อยากรู้เหมือนกันว่าในแผ่นซีดีนั้นมันมีอะไรกันแน่ ถึงกับใช้มาเป็นหลักฐานว่าย่าเป็นฆาตกรได้”
ผู้พิพากษาเห็นทั้งสองต้องการจะดูซีดีแผ่นนั้น งั้นก็มาดูกัน คิดถึงตรงนี้ เขาก็ยื่นซีดีแผ่นนั้นให้กับผู้ช่วยที่อยู่ด้านใน
ไม่นาน สไลด์แผ่นนึงก็ถูกขึงในศาล
แสงไฟในศาลก็ค่อยๆ มืดดับลง เนื้อหาก็ถูกฉายผ่านเครื่องโปรเจคเตอร์ไปยังแผ่นสไลด์สีขาว
เห็นได้ว่า มันถึงห้องนอนห้องนึง เฟอร์นิเจอร์ที่อยู่ด้านในถูกจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ
เจียงฮุ่ยซินเห็นถึงตรงนี้ ก็ขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัว ทำให้เธอคิดไม่ถึง ว่าห้องนอนของตัวเองถูกแอบถ่ายไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ขณะนั้นหยางหยางก็พูดขึ้น: “นี่คือวันที่คุณยายผมถูกฆาตกรรม”
จากนั้นก็เปิดวิดีโอต่อ ไม่นานภายในห้องก็ปรากฏเงาของผู้นึง ถึงแม้จะเป็นแค่ด้านหลัง แต่ก็รู้ได้ว่าคือเจียงฮุ่ยซิน
“เหอะๆ หยางหยางอย่าบอกนะว่าจะเอาสิ่งนี้มากล่าวหาว่าฉันเป็นฆาตกรน่ะ?” ถึงแม้เจียงฮุ่ยซินจะไม่รู้ว่าเขาถ่ายมันมาได้ยังไง แต่ตอนนี้สิ่งที่เธอทำได้ก็มีแต่ควบคุมอารมณ์ของตัวเอง ให้ผ่อนคลายเข้าไว้
แต่ยังไม่ทันพูดจบ ก็เห็นตัวเธอในวิดีโอหันมา ทำให้เห็นบางอย่างในมือเธอ แถมของสิ่งนั้นมันทำให้เจียงฮุ่ยซินถึงกับหนาถอดสีทันที
“หยุดตรงนี้ก่อน” หยางหยางบอกให้ผู้ช่วยหยุดภาพตรงนี้ไว้ก่อน
จากนั้นเขาก็พูดอย่างมั่นใจ: “คุณลุงผู้พิพากษา กรุณาดูยังของที่เธอกำลังถืออยู่บนมือ ดูคุ้นๆ มั้ยครับ?”
***
จากคำใบ้ของหยางหยาง สายตาของทุกคนก็จ้องไปยังภาพนั้น ภาพที่เจียงฮุ่ยซินถือบางอย่างไว้ในมือ
“อ๋อ!” หลายคนร้องออกมาอย่างไม่รู้ตัว
แค่เห็นของที่เธอถืออยู่ในมือคือสิ่งที่อยู่ในห้องของลู่ลู่ และถูกสรุปว่าเป็นอาวุธที่ใช้ฆาตกรรมลู่ลู่——ยาบำรุงที่ใส่อยู่ในชามเซรามิกลายคราม
“เห็นถึงตรงนี้ ผมคิดว่าทุกคนคงเข้าใจแล้วสินะครับ ฆาตกรตัวจริงก็คือคุณย่ารองของผม!” หยางหยางพูด พลางชี้ไปที่เจียงฮุ่ยซิน
เป่หมิงโม่กับหวีหรูเจี๋ยขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ แต่ว่าพวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไร ทุกคนกำลังรอคำอธิบายจากเจียงฮุ่ยซิน
“เอ่อ……ท่านนายเป่หมิง คุณควรจะอธิบายสักหน่อยมั้ยว่าเรื่องมันเป็นมายังไง?” ผู้พิพากษายืดตัวขึ้น แล้วถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ
เจียงฮุ่ยซินเห็นถึงตรงนี้ จึงหันไปทางหยางหยาง บนหน้าเธอไม่มีสีหน้าตกใจ หรือว่าโมโหอะไร มีแค่รอยยิ้ม: “หยางหยาง หนูช่างจินตนาการจริงๆ เห็นที่ช่วงนี้อยู่ที่บ้านกับคุณแม่คงจะดูนิยายสืบสวนสอบสวนไปไม่น้อยล่ะสิ? ฉันยอมรับ ว่าชามที่อยู่ในมือฉันตอนนั้นคือชามใบเดียวกับชามที่เป็นอาวุธ แต่ยังไงก็ตามมันก็ยืนยันไม่ได้ว่าฉันเป็นฆาตกรนี่ อีกอย่างชามใบนี้ก็เป็นชามทั่วไป และมีขายอยู่ตามร้านค้าหลายแห่ง จากที่หนูสันนิษฐาน คนที่มีชามใบนี้ทุกคน ก็น่าสงสัยสินะ?”
ไม่เสียใจเลยที่ใช้ชีวิตกับคุณท่านเป่หมิงมาหลายปี ความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสถานการณ์จึงได้เก่งกว่าใครๆ
หยางหยางโดนเจียงฮุ่ยซินยิงคำถามจนไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไง
เจียงฮุ่ยซินเห็นเขาแบบนี้ รอยยิ้มก็กลายเป็นเย็นชา สายตาของเธอก็เฉียบคมขึ้น ดูท่าเธอจะโมโหขึ้นมาแล้ว: “ถ้าคนอื่นมาใส่ร้ายฉันแบบนี้ ฉันคงจะฟ้องร้องให้มันชดใช้ แต่หยางหยางหนูไม่เหมือนกัน ยังไงพวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน อีกอย่างเธอก็เป็นลูกหลานของตระกูลเป่หมิงของเรา อีกอย่างคนที่ตายไปก็เป็นคุณยายของหนู ย่าเข้าใจว่าหนูอยากจะหาฆาตกรที่ฆ่าลู่ลู่มากแค่ไหน เพราะงั้นย่าจะไม่ถือสาอะไร หลังจากเรื่องนี้จบลง พวกเราก็ยังเป็นย่าหลานกันเหมือนเดิม”
คำพูดของเจียงฮุ่ยซิน ราวกับตัวเองเป็นคนใจดีมีน้ำใจอย่างงั้นแหละ
ใบหน้าเล็กๆ ของหยางหยางเริ่มแดง ดวงตากลมๆ จ้องเขม็งไปที่เธอ: “คุณไม่ต้องแก้ตัวแล้ว คนที่ฆ่าคุณยายก็คือคุณนั่นแหละ คุณไม่ได้ยอมรับผิดไม่ใช่เหรอ จะเอาหลักฐานไม่ใช่เหรอ งั้นผมจะเอาหลักฐานออกมา รู้อยู่แล้วว่าคุณคงไม่ยอมรับผิดแบบนี้หรอก ผมยังมีพยานบุคคลครับ คุณย่าแท้ๆ ของผม”
หยางหยางพูด พลางเดินไปข้างหน้าหวีหรูเจี๋ย: “คุณย่า ย่าพูดเรื่องในวันนั้นออกมาเถอะครับ วันนั้นคุณย่าได้รับอะไร?”
ตั้งแต่เมื่อกี้ หลังจากที่หวีหรูเจี๋ยเห็นวิดีโอนั่น เธอก็รู้สึกช็อก ตอนนี้หยางหยางยิงคำถามมา เธอก็ทำได้แค่ตอบตามความจริง: “วันนั้นฉันได้รับน้ำซุปบำรุงร่างกายมาจากสาวใช้ของเจียงฮุ่ยซิน สาวใช้บอกว่าร่างกายของฉันไม่ค่อยแข็งแรง น้ำซุปนี้เจียงฮุ่ยซินจงใจต้มให้ฉัน ไว้ให้ฉันบำรุงร่างกาย”
“แล้วยังไง?”
“จากนั้น……ฉันก็คิดว่าลู่ลู่กำลังอยู่ในช่วงพักฟื้นพอดี เธอควรจะต้องบำรุงมากกว่า พอดีกับที่ร่างกายฉันไม่ค่อยสบาย จึงออกจากบ้านไม่ได้ เพราะงั้นจึงขอให้คนอื่นเอาไปส่งให้ลู่ลู่แทน”
“ขอให้คนอื่นเอาไปให้? นั่นก็คือจำเลยในคดีนี้คุณเป่หมิงใช่หรือไม่?” ผู้พิพากษาขมวดคิ้วเล็กน้อยและรีบถามต่อ
หวีหรูเจี๋ยพยักหน้า: “ใช่ค่ะ ฉันวานให้เป่หมิงโม่เอาน้ำซุปไปให้ลู่ลู่แทนฉัน แต่คิดไม่ถึงว่าน้ำซุปถ้วยนั้นจะพรากชีวิตของลู่ลู่ไป……ถึงแม้ฉันจะไม่ได้ฆ่าลู่ลู่ แต่ที่เธอตายก็เป็นเพราะฉัน ฉันรู้สึกผิดต่อเธอ……ฮรือๆ ……” พูดถึงตรงนี้ เธอก็ก้มหน้าร้องไห้
***
เจียงฮุ่ยซินมองไปที่หวีหรูเจี๋ย เธอพูดด้วยสีหน้าที่น้อยใจและคาดไม่ถึง: “หรูเจี๋ย เธออย่าทำแบบนี้สิ โม่เป็นลูกของเธอ ถึงแม้เขาจะถูกกล่าวหา ก็ไม่จำเป็นต้องให้เด็กออกมา พูดหลักฐานที่ไม่เป็นรูปธรรม มาชี้บอกว่าฉันเป็นฆาตกรที่อยู่เบื้องหลังนี่”
“ฉัน……ฮุ่ยซิน ฉันไม่เคยคิดแบบนั้นเลย ที่ฉันพูดก็แค่เรื่องจริงที่เกิดขึ้นตอนนั้น……” หวีหรูเจี๋ยคิดว่าเจียงฮุ่ยซินเข้าใจผิด จึงรีบอธิบาย