บทที่ 875 สำเร็จอย่างลุล่วง
ขณะนี้เจียงฮุ่ยซินก็ได้เผยธาตุแท้ออกมาหมด: “เหอะๆ ยังไงความลับก็เปิดเผยแล้ว งั้นฉันก็บอกเธออย่างไม่ปิดบังเลยแล้วกัน หรูเจี๋ย ความแค้นที่ฉันมีต่อเธอไม่ใช่เริ่มตั้งแต่ที่กลับมาหรอก แต่มันเริ่มหลังจากที่ได้รู้จักกับเธอ ฉันจะบอกเธอให้นะ ไม่ใช่แค่กับเธอ แม้แต่ลู่ลู่ฉันก็เกลียด ในตอนนั้นเธอทั้งสองคน ดีกว่าฉันทุกอย่าง ถึงแม้ตอนนั้นพวกเราสามคนจะมีชื่อเสียงไม่แพ้กัน แต่ในความเป็นจริงแล้วฉันก็เป็นแค่บันไดให้พวกเธอมาโดยตลอด ทั้งเรื่องงาน หรือแม้แต่เรื่องส่วนตัว พวกเธอสองคนต่างก็มีคนที่รักพวกเธอมาก โดยเฉพาะเธอหรูเจี๋ย ปีนั้นนายท่านชอบเธอถึงจะเป็นเพราะเธอหน้าตาเหมือนภรรยาที่ตายไปแล้วของเขา แต่เขาก็ขอเธอแต่งงาน แต่เธอไม่รู้ความจริงเลยว่า ฉันเป็นคนที่แอบชอบเขามาโดยตลอด!แต่ว่าฟ้าก็มีตา ในที่สุดฉันก็มีโอกาส ให้ฉันพลิกโอกาส สุดท้ายแล้วฉันก็กลายเป็นนายหญิงของตระกูลเป่หมิง”
“ตั้งแต่หลังจากที่ฉันกลับมา เธอก็รู้สึกว่าฉันจะคุกคามเธออีกครั้ง จะแย่งตำแหน่งของเธอไป เพราะงั้นจึงคิดวิธีนี้ขึ้นมา ให้ฉันหายไปตลอดกาล? เธอทำแบบนี้ไม่เคยคิดถึงผลลัพธ์ที่ตามมาเหรอ?” หวีหรูเจี๋ยค่อยๆ ปรับอารมณ์ของเธอให้คงที่จากความเศร้าเมื่อกี้ เธอมีข้อสงสัยต้องการให้เจียงฮุ่ยซินตอบให้กระจ่าง
“ผลลัพธ์? ฉันไม่เคยคิดถึงผลลัพธ์ คนที่จะทำงานใหญ่ ไม่สามารถกังวลกับผลที่จะตามมา นี่ก็เป็นสิ่งที่ฉันได้เรียนรู้จากนายท่านจากการที่อยู่ด้วยกันมาหลายปี ไม่ใช่แค่ฉัน โม่ก็เรียนรู้ไปได้อย่างละเอียดเหมือนกัน นอกจากไม่สนผลลัพธ์ และยังจะต้องเหี้ยมด้วย เพื่อที่จะมีอำนาจในบริษัทเป่หมิง สามารถโหดเหี้ยมได้ถึงขนาดไม่เลือกวิธีการ เพื่อที่จะให้บริษัทเป่หมิงทั้งหมดตกอยู่ในมือเขา หรูเจี๋ย เมื่อเทียบกับเขาแล้ว สิ่งที่ฉันทำลงไปมันไปเทียบอะไรกับเขาได้?”
สำหรับเรื่องที่เจียงฮุ่ยซินพูด หวีหรูเจี๋ยไม่เคยรู้เกี่ยวกับมันเลย แน่นอนว่าการต่อสู้ภายในตระกูลเป่หมิงจะแพร่กระจายไปสู่โลกภายนอกได้อย่างไร?
“แค่กๆ ……” ผู้พิพากษากระแอมขึ้นมาสองที: “เอ่อ ท่านนายเป่หมิง เรื่องในตระกูลของพวกคุณ คงไม่จำเป็นจะต้องพูดที่นี่หรอกนะ ตอนนี้ผมแค่อยากจะถามคุณสักคำ คุณยอมรับว่า ได้วางยาพิษลงในชามหรือไม่?”
ทุกคนต่างมองไปทางเจียงฮุ่ยซิน
เจียงฮุ่ยซินขณะนี้ ก็ค่อยๆ หลับตาลง จากนั้นก็พยักหน้าเบาๆ
“เอาล่ะๆ ตอนนี้ความจริงก็ออกมาแล้ว ฆาตกรที่ฆ่าคุณยายของผมก็คือเธอ ไม่น่าล่ะตอนที่ผมอยู่กับคุณพ่อก็มักจะเห็นว่าเธอไม่สบายตลอดเลย คุณลุงผู้พิพากษา ยังไม่จับเธออีกเหรอ จากนั้นก็ปล่อยพ่อผม?” หยางหยางพูดขึ้นอีกครั้ง
“หยางหยาง นายพูดน้อยๆ หน่อยได้มั้ย” เฉิงเฉิงว่าหยางหยางไปประโยคนึง
อย่างไรก็ตามเจียงฮุ่ยซินยอมรับด้วยตัวเองแล้ว แต่ว่าเฉิงเฉิงก็ยังคงไม่อยากจะเชื่อความจริงเรื่องนี้ ยังไงก็ตามช่วงเวลาที่เขาใช้ชีวิตกับเจียงฮุ่ยซิน ตัวเขาเองก็ยังได้รับความรักจากเธอมาไม่น้อย เมื่อเทียบกับหวีหรูเจี๋ย เจียงฮุ่ยซินเหมือนคุณย่าแท้ๆ ของเขามากกว่า
“เนื่องจากท่านนายเป่หมิงได้ยอมรับสารภาพแล้ว หลังจากนี้พวกเราจะออกหมายจับคุณตามกฎหมาย ในเวลาเดียวกัน ผมก็ขอประกาศว่าเป่หมิงโม่เป็นผู้บริสุทธิ์และจะทำการปล่อยตัว” ผู้พิพากษาพูดจบ ค้อนพิพากษาก็ถูกเคาะลงจนเกิดเสียง
***
หลังจากที่ค้อนพิพากษาถูกเคาะ คดีฆาตกรรมลู่ลู่ก็จบลงด้วยการพ้นผิดของเป่หมิงโม่และการจับกุมเจียงฮุ่ยซิน
เจียงฮุ่ยซินก็ถูกตำรวจที่พาเป่หมิงโม่เข้ามาเมื่อครู่คุมตัวออกไปทันที
ผู้พิพากษาให้ผู้ช่วยคนอื่นออกไปก่อน และเขาก็เปลี่ยนสีหน้าที่ซีเรียสเมื่อครู่ เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าและมาหาเป่หมิงโม่ด้วยใบหน้าที่ประจบประแจง
“เหอๆ ยินดีกับคุณเป่หมิงด้วยนะครับ ที่จริงแล้วตอนที่ผมรับคดีนี้มา ผมก็แน่ใจแล้วว่าคุณจะไม่ทำเรื่องอะไรแบบนี้ แต่ว่า ฐานะของผมก็มีขีดจำกัด จึงไม่สามารถเข้าข้างคุณได้ คุณเป่หมิงโปรดเข้าใจด้วย”
เป่หมิงโม่พยักหน้า: “ฉันเข้าใจ” เขาพูดพลาง หันไปจ้องหยางหยางที่อยู่ไม่ไกล
หยางหยางเห็นเจียงฮุ่ยซินถูกจับ และคุณพ่อก็ถูกปล่อยตัว จึงเริ่มภูมิใจขึ้นมา ตอนนั้นเขายืนอยู่ข้างๆ หวีหรูเจี๋ยพอดี แล้วพูดอย่างกระดี๊กระด๊า: “คุณย่า ย่าว่าที่ผมทำวันนี้เป็นยังไงบ้าง? พอเอาหลักฐานออกมา คุณย่ารองก็โผล่หางจิ้งจอกออกมาทันที……”
ผู้พิพากษาคนนั้นก็เช่นกัน เขามองสายตาของเป่หมิงโม่ ก็ทำเป็นฉลาดแล้วรีบพูดขึ้นมา: “แน่นอน ท่านถูกปล่อยตัวไปได้ ก็ต้องขอบคุณลูกชายท่านด้วย ที่เขาพูดว่าอะไรนะ พ่อเป็นฮีโร่ลูกชายจะกล้าหาญ ข้อบกพร่องที่แม้แต่ตำรวจก็ไม่พบ ก็ถูกเขาหาเจอ เขาต้องมีอนาคตที่ดีมากๆ แน่ๆ ”
เป่หมิงโม่ฟังคำพูดประจบของผู้พิพากษา ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเย็นชาใส่: “ขอบคุณสำหรับคำชม แต่เขาก็เป็นแค่แมวตาบอดที่เจอหนูที่ตายแล้ว”
พูดจบ เขาก็ค่อยๆ จัดระเบียบสูทของตัวเอง หลายวันที่ผ่านมาเขาใส่แต่เสื้อตัวนี้ไม่ได้เปลี่ยนเลย สำหรับเขาแล้วนี่เป็นครั้งแรก
เทียบกับที่ผ่านมา เสื้อผ้าชุดนึงไม่สามารถอยู่บนร่างเขาได้เกินยี่สิบสี่ชั่วโมง
ผู้พิพากษารู้ตัว: “คุณเป่หมิง หลังจากคดีนี้ผมยังมีต้องที่ต้องจัดการอยู่ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” พูดจบเขาก็หยิบบุหรี่ขึ้นมาแล้วก็เดินออกไป
เป่หมิงโม่เห็นผู้พิพากษาขี้ประจบไปแล้ว เขาก็ไม่ได้เดินเข้าไปทักทายหวีหรูเจี๋ย เขาแค่เดินออกจากศาลไปเฉยๆ
หลังจากออกมา เขาเดินออกมาได้ไม่ไกล ก็ได้ยินเสียงคนเรียกตัวเองดังมาจากด้านหลัง: “ประธานเป่หมิง ยินดีกับท่านด้วยที่เป็นอิสระอีกครั้ง คุณนี่โชคดีจริงๆ นะ ที่มีลูกชายมาช่วยยุติคดีนี้”
เป่หมิงโม่ขมวดคิ้ว และฝีเท้าเขาก็ช้าลง แต่ก็ไม่ได้หันกลับไปมองต้นเสียง
เพราะว่าเสียงนี้สำหรับเขาแล้วมันคุ้นเคยมากๆ คุ้นจนเขากัดฟันแน่น จากนั้นเขาก็ก้าวเท้ายาวเดินออกไปข้างนอกอีกครั้ง
ที่อยู่ข้างหลังเขา มีแค่ถังเทียนจื๋อกับหลี่เชินที่มองเขาด้วยสายตาเย็นชา
พวกเขาเห็นเป่หมิงโม่ไม่สนใจเขา ก็ไม่ได้โมโหอะไร ก็แค่ยิ้มอย่างเย็นชาอยู่ครู่
ขณะนั้น ทางด้านหลังของพวกเขาก็มีเสียของหยางหยางดังขึ้น: “คุณย่า คุณย่ารองโดนจับแล้ว คุณย่าจะมาอยู่ที่บ้านคุณปู่มั้ย?”
หวีหรูเจี๋ยยิ้มให้เขาอย่างเจื่อนๆ : “ที่นั่นไม่ใช่บ้านของย่านะ ทำไมย่าต้องไปอยู่ที่นั่นล่ะ?”
“เป่หมิงซีหยาง นายจะสงบเสงี่ยมบ้างไม่ได้รึไง ฉันว่านายเอาเวลาไปคิดหาคำพูดเพื่ออธิบายกับพ่อของนายดีกว่านะ” สิ่งที่เฉิงเฉิงกังวลในเวลานี้ก็คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับหยางหยางในอนาคต
ตอนที่พวกเขาเดินผ่านถังเทียนจื๋อกับหลี่เชิน หวีหรูเจี๋ยก็เผลอหันไปมองหลี่เชินโดยไม่ตั้งใจ เห็นแค่เขามองตัวเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
***
สำหรับสายตาของหลี่เชิน สิ่งที่หวีหรูเจี๋ยทำได้ก็คือหลีกเลี่ยง เธอยังคงมีความรู้สึกผิดบางอย่างอยู่ในใจ
แต่แค่โม้จิ่งเฉิงที่อยู่กับเธอมาตลอดไม่เล่นด้วย เขาใช้สายตาแบบเดียวกันจ้องหลี่เชินกลับไป ผ่านไปสักพัก ระหว่างผู้ชายทั้งสองก็มีกลิ่นไฟปะทุออกมา
“Hi อาบิวตี้ คิดไม่ถึงว่าคุณอาจะมาร่วมสนุกด้วย” ขณะนั้น เสียงของหยางหยางก็ทำให้หัวใจของทุกคนเต้นเร็วขึ้น
ถังเทียนจื๋อก้มหัวลงเล็กน้อย แล้วมองไปที่หยางหยาง และโบกมือเช่นกัน: “Hi คิดไม่ถึงว่าในศาลวันนี้จะทำได้ดีนะ”
เขาพูดพลางโบกมือให้เฉิงเฉิงที่อยู่ด้านหลังหวีหรูเจี๋ยด้วย จากนั้นก็พูดกับหยางหยางเสียงเบา: “จากที่ฉันรู้จักเธอมา เรื่องในศาลวันนี้ไม่ใช่แนวของเธอเลยนี่ ต้องเป็นเฉิงเฉิงที่คอยช่วยอยู่เบื้องหลังแน่ๆ ใช่มั้ย ยังมีกล้องวงจรปิดนั่นอีก สมองน้อยๆ ของเธอคงคิดไม่ออกแน่ๆ ”
เมื่อกี้หยางหยางโดนชมจนภาคภูมิใจ พอมาได้ยินแบบนี้หน้าเล็ก ก็เปลี่ยนสีหน้าอย่างไว
เขามองบนใส่ถังเทียนจื๋อ: “หรือว่าจะบอกว่าความกล้าหาญและมีไหวพริบของผมจะคิดเรื่องพวกนี้ไม่ออกสินะ? แอบไปติดกล้องวงจรปิดก็เป็นผมที่ลงแรงไปนะ โดยเฉพาะวันนี้ที่เอาหลักฐานออกมา ล้วนเป็นเพราะกล้องวงจรปิดที่ผมติดตั้งไว้ทั้งนั้น ผมก็มีบทบาทอยู่นะ ต่อไปถ้ามาดูถูกผมอีก ผมจะไม่สนใจอาแล้ว”
“เหอะๆ รู้แล้วน่า จากเรื่องวันนี้ต่อจากนี้ไปจะไม่ดูถูกเธออีกแล้ว” ถึงแม้ถังเทียนจื๋อจะเกลียดเป่หมิงโม่ยังไง แต่ว่าเขาก็ยังคงมีความรู้สึกดีๆ ต่อเฉิงเฉิงและหยางหยางอยู่ เขาไม่ใช่จำพวกเกลียดใครคนนึง ก็จะพาลเกลียดคนที่เกี่ยวข้องกับเขาไปทั้งหมดด้วย ความแค้นเขายังพอจะแยกแยะออก
“นี่ๆ อาบิวตี้ อาบอกให้คุณปู่คนนั้นเลิกจ้องคุณย่าผมได้มั้ย ทำแบบนี้เหมือนคนโรคจิตเลย” หยางหยางก็สังเกตได้ว่าหลี่เชินกำลังจ้องไปที่หวีหรูเจี๋ย ยังก็เป็นครอบครัวเดียวกัน มันทำให้เขาไม่ค่อยสบายใจ
เขาอยากจะให้ถังเทียนจื๋อพาหลี่เชินออกไป แต่เขาไม่ได้ระวังระดับเสียงของเขาเลย เพราะงั้นทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็ได้ยินกันหมด รวมถึงหลี่เชินด้วย
คุณปู่คนนี้ ที่จริงก็โมโหอยู่แล้ว จู่ๆ ก็มาได้ยินหลานพูดถึงตนเอง และยิ่งมาบอกว่าตัวเองเหมือนคนโรคจิตอีก สิ่งนี้ทำให้เขาต้องมองไปที่หยางหยางอีกครั้ง และใช้เสียงเข้มพูดกับเขา: “หรือว่าแม่เธอไม่ได้สั่งสอนว่าให้เคารพผู้ใหญ่?”
แต่เขาก็ไม่ได้กลัวเลย เขาไม่ได้สนใจว่าหลี่เชินจะไม่พอใจ เขาหันขวับกลับไป และจ้องหลี่เชินเขม็งเช่นกัน: “แน่นอนว่าแม่ผมเคยสอน แต่แม่ก็สอนผมว่า สำหรับคนไม่ดีแล้วไม่จำเป็นต้องเคารพ ต้องเย็นชาใส่เหมือนน้ำแข็งในฤดูหนาว”
คำพูดของหยางหยางทำให้หลี่เชินทั้งโมโหทั้งขำ หลังจากคำพูดประโยคนี้ ความแค้นในใจเขาที่มีต่อหวีหรูเจี๋ย ก็ลดลงไปไม่น้อย
เขามองไปทางหลานชายที่ไม่กลัวฟ้าดินของเขา และในใจก็รู้สึกชอบ แต่ว่าไม่ได้แสดงออกมา เขาค่อยๆ หรี่ตาลง: “เธอหมายความว่าฉันเป็นคนไม่ดีเหรอ?”
“หรือว่าไม่ใช่ล่ะ? คนดีๆ เขามองคนอื่นแบบนี้เหรอ ผมเคยเห็นแต่คนร้ายในหนังที่เป็นแบบนี้”
หลี่เชินขมวดคิ้ว: “งั้นแม่เธอบอกอะไรกับเธออีก?”
หยางหยางไม่ได้มีความอดทนจะพูดอะไรเรื่อยเปื่อยกับหลี่เชิน ท้องน้อยๆ ของเขาเริ่มรู้สึกหิวแล้ว สุดท้าย ก่อนที่เขาจะหันไปไม่สนใจหลี่เชินก็พูดขึ้น: “แม่ผมยังสอนอีกว่า ไม่ต้องพูดกับคนที่ตัวเองเกลียดมากไป”
***
พูดจบ ตัวเล็กก็หันหลังไป เดินไปข้างๆ หวีหรูเจี๋ยกับโม้จิ่งเฉิง แล้วเงยหน้าพูดกับหวีหรูเจี๋ย: “คนพวกนี้น่าเบื่อจัง ผมหิวแล้ว พวกเราออกไปกินข้าวกันเถอะ” ต่อมา เขาก็เดินออกมาจากประตูด้านหน้าศาลไป
“หยางหยาง อย่าวิ่ง” หลังจากที่หวีหรูเจี๋ยตะโกนบอกหยางหยาง เธอก็เร่งฝีเท้าไล่ตามไป เฉิงเฉิงก็รีบวิ่งตามไปเช่นกัน
สุดท้ายก็เหลือแต่โม้จิ่งเฉิง เมื่อเห็นพวกเขาวิ่งออกไปไกลแล้ว เขาจึงหันมาหาหลี่เชินแล้วพูดขึ้น: “หลี่เชิน ฉันรู้ว่าในใจนายคิดอะไร ฉันแนะนำให้นายเลิกคิดมันซะ”