บทที่ 892 เปิดร้านร่วมกัน
หยางหยางเห็นท่าทางที่ตกใจของเขาหัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัว:”เฉิงเฉิง พี่คงไม่ได้จะไปค้นหาเครื่องแอบฟังที่คุณลุงคนสวยติดไว้ในตัวของเราหรอกนะ? เมื่อสักครู่ผมแค่ล้อเล่นเฉยๆ ทำไมพี่ต้องจริงจังด้วย”
พูดอยู่ หยางหยางใช้มือตบที่ร่างกายตัวเอง จากนั้นเปิดกระเป๋าออกมา:”ดูสิ ไม่มีอะไรเลย เราไม่ได้อยู่กับคุณลุงคนสวยพวกเขาตั้งนานแล้ว เมื่อวานได้เจอกันแป๊บเดียว แต่ว่าระยะห่างมันไกลมาก ต่อให้มีเครื่องแอบฟัง ก็ไม่สามารถติดไว้ที่ร่างกายเราไม่ใช่เหรอ ทำตัวสบายๆ สบายๆ……….”
หยางหยางเลียนแบบอาจารย์จิตแพทย์ในทีวี ทำสีหน้าท่าทางให้กับเฉิงเฉิงดูอยู่ตั้งนาน
*
ตอนที่กู้ฮอนลงมาที่ตึก หลายคนที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกหน้าตาเศร้ามาก แต่ว่ายังดีมีสองบริษัทใหญ่ของเป่หมิงโม่และโม้จิ่งเฉิงทั้งสองบริษัทมีความสัมพันธ์ในการร่วมงานกัน ระหว่างผู้ชายสองคนมีเรื่องให้คุยกันบ้าง
คุยเรื่องการพัฒนาด้านวิศวกรรมเสร็จเรียบร้อย แล้วก็มาคุยถึงเรื่องการพัฒนาและการจัดวางแผนในอนาคตต่อ
ฉิงฮัวและหวีหรูเจี๋ยอยู่ข้างๆเป็นตัวละครผู้ฟังที่ดี ทำได้เพียงรักษาความสงบอยู่ข้างๆ
ซุปที่แอนนิต้มให้กับลั่วเฉียวเสร็จเรียบร้อยแล้ว กลิ่นหอมโชยออกมาจากห้องครัวทำให้จิตใจของคนมีความรู้สึกกระชุ่มกระชวย
“อืม หอมจริงๆ” โม้จิ่งเฉิงพยักหน้าไปด้วย และชื่นชมไปด้วย:”สามารถมีฝีมือที่เยี่ยมเช่นนี้ได้มันไม่ง่ายเลยจริงๆ”
กู้ฮอนรีบพูดขึ้นมาต่อ:” พ่อบุญธรรมพูดถูกแล้วค่ะ ฝีมือของแอนนิไม่เลวจริงๆค่ะ”
พูดจบ เธอจึงไปที่ห้องครัวเรียกแอนนิออกมา และให้ฉิงฮัวเอาซุปที่ทำเสร็จเมื่อสักครู่ส่งไปให้กับลั่วเฉียวทางโน้น
” คนนี้เป็นเชฟเหรียญทองของเรา” พูดอยู่ เธอดึงแอนนิมาที่ห้องรับแขก กดเธอนั่งลงไปที่โซฟาข้างๆตรงหน้าโม้จิ่งเฉิง
โม้จิ่งเฉิงเอาสายตาที่ชื่นชมมองแอนนิตั้งแต่หัวจรดเท้า ทำให้แอนนิถูกมองจนเขินอายเล็กน้อย
เวลานี้ กู้ฮอนคิดถึงคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้กับแอนนิในตอนนั้น รีบพูดขึ้นมาว่า:”แอนนิเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของฉัน เธอเคยผ่านการหย่าร้างมาแล้วหนึ่งครั้ง ที่สำคัญได้ไปจากเมืองที่เธอคุ้นเคยและเคยใช้ชีวิต หลังมาถึงที่นี่ นอกจากทำให้เราได้ทานกันอย่างอิ่มอกอิ่มใจ ก็ไม่มีเรื่องอย่างอื่นให้ทำอีกเลย”
“ถ้ามีฝีนี้แบบนี้ กลับไม่มีสถานที่ให้เธอแสดงความสามารถออกมามันช่างน่าเสียดายยิ่งนัก ทำไมไม่เคยคิดถึงธุรกิจร้านอาหารหล่ะ หรือว่าเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเองซะเลย? “โม้จิ่งเฉิงเผยสีหน้าที่น่าเสียดายออกมา
แอนนิได้ยินคำพูดเหล่านี้ สีหน้าบนใบหน้าของเธอก็ได้เผยความเศร้าออกมา
โม้จิ่งเฉิงมองดูกู้ฮอนอย่างยิ้มแย้ม พูดกึ่งๆล้อเล่นว่า:” พวกหนูเป็นเพื่อนสนิทกัน ทำไมไม่ให้ความเห็นกับเธอหล่ะ ตะกละใช่มั้ยหล่ะ จึงไม่อยากให้เธอไปทำงาน แบบนี้มันเห็นแก่ตัวไปหน่อยนะ เฮอเฮอ………”
กู้ฮอนทำหน้าตาออดอ้อนออกมา ทำปากจู๋:”พ่อบุญธรรมคะ ท่านเข้าใจหนูผิดไปแล้วค่ะ ในฐานะเพื่อนสนิทของเธอ หวังอย่างยิ่งว่าอยากให้เธอมีชีวิตที่ดี และเคยคิดว่าอยากให้เธอเป็นเชฟ แต่ว่าท่านคิดดูสิคะเชฟส่วนใหญ่มีแต่ผู้ชาย งานที่โรงแรมทั้งเหนื่อยทั้งลำบาก ร่างกายเธออ่อนแอทนไม่ไหวหรอกค่ะ อีกอย่างพ่อบุญธรรมดูสิคะ หน้าตาของเธอไม่ด้อยกว่าเราเลยนะ อยู่สถานที่แบบนั้นเรากลัวเธอถูกรังแกอ่ะค่ะ”
***
หลังโม้จิ่งเฉิงฟังจบขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่ลูกบุญธรรมพูดใช่ว่าจะไม่เป็นความจริง เขาก็เห็นด้วยและพยักหน้า:” ผู้หญิงออกมาทำงานต้องพบกับความยากลำบากตั้งมากมาย ดูท่าสิ่งที่เหมาะสมกับเธอก็คงมีแต่ต้องเป็นเจ้าของเองเท่านั้นแล้ว ถึงแม้ต้องลงไม้ลงมือทำเองทุกอย่าง แต่ว่ามันดีตรงที่ตัวเองสามารถตัดสินใจเองได้ เพียงแค่ใช้ฝีมือตัวเองก็สามารถสร้างธุรกิจของตัวเองให้สำเร็จแล้ว”
” พ่อบุญธรรมคะ ถึงแม้เค้าพูดกันแบบนี้ สำหรับพวกท่าน ต่างเป็นเจ้านายใหญ่กัน มีเงินเป็นหมื่นล้าน คิดจะทำอะไรก็ได้ สำหรับแอนนิหรือว่าพวกเราคิดจะเปิดร้านไม่ใช่่เรื่องง่ายเลยนะคะ อย่าว่าแต่ถ้วยชามกะละมังพวกนี้เลย แค่หน้าร้านก็ไมมีปัญญาเช่าแล้ว เจ้าของร้านตอนนี้ครึ่งปีก็ขึ้นค่าเช่าแล้วใครจะไปไหว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะซื้อเลยค่ะ” กู้ฮอนพูดอยู่พูดอยู่ สีหน้าทั้งโศกเศร้าทั้งถอนหายใจ
ขณะนี้ หวีหรูเจี๋ยที่อยู่ข้างๆเหมือนดูอะไรออก สีหน้ายิ้มแย้มพูดขึ้นมาว่า:” ฮอน หนูอย่าเล่นละครต่อหน้าพ่อบุญธรรมของหนูอีกเลย มีเรื่องอะไรขอร้องก็พูดกับเขาตรงๆไปเถอะ”
โม้จิ่งเฉิงฟังปุ๊บ รู้สึกตัวทันที หัวเราะและตบหัวตัวเองเบาๆ:”เฮอเฮอ เกือบถูกยายเด็กบ้าคนนี้ปั่นหัวซะแล้ว หนูเป็นลูกบุญธรรมของพ่อ แอนนิเป็นเพื่อนสนิทของหนูถ้าอย่างนี้ทุกคนถือว่าไม่ใช้คนนอกแล้ว มีอะไรอยากให้พ่อบุญธรรมช่วยเอ่ยปากเต็มที่เลย ขอแค่อยู่ในความสามารถของพ่อบุญธรรม พ่อบุญธรรมต้องสนับสนุนพวกหนูอย่างเต็มที่อยู่แล้ว”
เห็นว่าแผนการตัวเองถูกมองจนทะลุปรุโปร่งแล้วกู้ฮอนก็ไม่มีอะไรต้องปิดบังอีกแล้ว:” เฮอเฮอ อะไรก็ตามหนีสายตาอันแหลมคมของป้าหรูเจี๋ยไม่ได้เลยจริงๆ ฝีมือของแอนนิทุกคนได้เห็นกับตาแล้ว ปัญหาตอนนี้ก็คือจะช่วยเหลือเธอเปิดร้านอาหารของตัวเองอย่างไร……. ”
“อ้อ พ่อบุญธรรมเข้าใจแล้ว เมื่อสักครู่หนูบอกว่าขาดแคลนเงินและหน้าร้านแพง อยากให้พ่อช่วยสนับสนุนสินะ? พูดเถอะ เอาเท่าไหร่กันแน่? “โม้จิ่งเฉิงพูดอยู่หยิบใบเช็คออกมาจากตัว:” ให้เจ็ดหลักกับหนู น่าจะพอแล้วนะ”พูดอยู่ กำลังจะลงมือเขียน
” พ่อบุญธรรมคะอย่ารีบเขียนสิคะ ถึงแม้เราต้องการเงิน แต่ว่าเราต้องการหน้าร้านมากกว่า”
” ความหมายของหนูคือ? ”
” หนูอยาก……….”
ไม่รอให้กู้ฮอนพูดความเห็นตัวเองออกมา ขณะนี้ เป่หมิงโม่พูดจาแล้ว:” ตอนนี้พวกคุณเลือกหน้าร้านที่สำนักงานใหญ่ตึกGTที่กำลังก่อสร้างอยู่เถอะ ใหญ่แค่ไหนก็ได้ ขอแค่พวกคุณรับมือไหว สำหรับราคา ถือซะว่าบริษัทเป่หมิงและบริษัทGTร่วมหุ้นกับพวกคุณเถอะ”
“ถูกต้องถูกต้อง ข้อเสนอของประธานเป่หมิงไม่เลว ด้านนึงสามารถช่วยเหลือพวกหนู อีกด้านเราสามารถช่วยเหลือพวกหนูสร้างธุรกิจ เอาหล่ะ ตัดสินใจตามนี้ เรื่องรายละเอียดฮอนหนูปรึกษาหารือกับประธาน เป่หมิงเถอะ” โม้จิ่งเฉิงหาโอกาสดีๆแบบนี้ได้ไม่ใช่ง่ายๆ ครั้งนี้ถือว่าสร้างโอกาสให้กับพวกเขาสองคนแล้ว
เรื่องอะไรก็ตามเป่หมิงโม่ก็อยากเข้ามาเสียบทุกอย่างเลย ในเมื่อพ่อบุญธรรมได้พูดถึงขนาดนี้แล้ว กู้ฮอนก็ไม่อยากพูดอะไรอีกจึงได้แต่พยักหน้าและเห็นด้วย
แอนนิเห็นว่าความฝันของตัวเองใกล้เป็นจริงแล้ว มีความตื่นเต้นเล็กน้อย เธอลุกขึ้นมา:”ขอบคุณประธานโม้เชิญท่านวางใจเถอะ หนูจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่นอน”
“เฮอเฮอ ไปทำอย่างเต็มที่เถอะ ฉันมั่นใจในฝีมือของหนู” โม้จิ่งเฉิงพูดอย่างยิ้มแย้ม
ขณะที่แอนนิกำลังจะขอบคุณให้กับเป่หมิงโม่ กลับเห็นมือของเป่หมิงโม่ผายมือไปมาต่อหน้าเธอ:”คุณไม่ต้องขอบคุณผมหรอก”
***
มองดูหน้าตาของเป่หมิงโม่ที่ไม่เห็นหัวคนอื่นอยู่ในสายตาเขาแบบนี้ กู้ฮอนจึงโมโหขึ้นมา:” นี่ คุณคุยดีๆไม่ได้รึไง ทำหน้าบูดหน้าบึ้งทั้งวันให้ใครดูเนี่ย”
เป่หมิงโม่เงยหน้าขึ้นมาดูกู้ฮอน:”ตอนนี้ผมไม่ใช่ประธานบริษัทเป่หมิงแล้ว เมื่อครู่ผมก็แค่เสนอความคิดเห็นเล็กๆน้อยๆเท่านั้นเอง ร้านอาหารร้านนี้เป็นร้านที่บริษัทเป่หมิงและบริษัทGTร่วมหุ้นกัน ส่วนคุณต่างหากเป็นประธานบริษัทเป่หมิง เพราะฉะนั้นแอนนิเธอไม่จำเป็นต้องขอบคุณผม”
“ประธานเป่หมิง ท่านพูดแบบนี้ไม่ได้นะ ไม่ว่ายังไงความเห็นนี้ท่านเสนอและนำมันมาใช้เอง ยังไงฉันก็ต้องขอบคุณท่าน” แอนนิยืนยันต้องการแสดงความขอบคุณต่อเป่่หมิงโม่
” นี่ เป่หมิงโม่ คุณมีมันสมองรึเปล่ากันแน่? ฉันได้ยื่นใบลาออกกับคุณแล้วไม่ใช่หรือ”
” คนที่ไม่มีมันสมองเหมือนไม่ใช่ผม ใบลาออกของคุณผมได้ปฏิเสธต่อหน้าไปแล้วไม่ใช่หรือ ที่สำคัญ ผมขอพูดกับคุณชัดๆอีกครั้ง ตำแหน่งประธานตำแหน่งนี้มันสำคัญมาก ไม่อนุญาตให้คุณคิดจะลาออกก็ลาออกได้เลย ที่สำคัญมีตำแหน่งนี้อยู่ในตัวเมื่อไหร่ ก็ต้องทำหน้าที่ตำแหน่งนี้ให้ดีถึงเมื่อนั้น”
คำพูดของเป่หมิงโม่ทำให้กู้ฮอนพูดไม่ออก ความจริงเธออยากโต้กลับ แต่ว่ากลับพูดอะไรไม่ออก จิตใจข้างในนี้มันช่างกล้ำกลืน…….
*
วินาทีนี้ อยู่ในเมืองอีกมุม หลังหลี่เชินได้กลับมาจากทะเลก็ถูกถังเทียนจื๋อส่งกลับมาที่บ้านเดี่ยวเรียบร้อยแล้ว
เข้าบ้านปุ๊บ เขาก็นั่งลงไปที่โซฟาในห้องรับแขก ในมือตบราวจับมืออย่างเสียงดัง’เปี๊ยะเปี๊ยะ’
ถังเทียนจื๋อรู้แน่นอนว่าอาจารย์ตัวเองกำลังโกรธเรื่องอะไรอยู่ เขาหันหลังไปที่ห้องชงน้ำชา ชาชั้นดียกมาที่ชั้นวางน้ำชาตรงหน้าอาจารย์
“อาจารย์ครับ ท่านดื่มชาก่อนจะได้คลายความโกรธ”
หลี่เชินขมวดคิ้วและสีหน้าบึ้งๆ เอื้อมมือไปยกชาจากชั้นวางน้ำชา เพิ่งดื่มไปได้แค่สองคำ ก็วางแก้วชาแรงๆที่ชั้นวางน้ำชา:” เทียนจื๋อนายว่ามันน่าโมโหมั้ยหล่ะ ตอนที่อยู่บนทะเลอาจารย์อยากโยนแม่ลูกคู่นั้นลงไปที่ทะเลให้ปลากินจริงๆ แต่ว่าคิดไม่ถึงฮอนเธอกลับข้างข้างพวกมัน เธอเป็นลูกสาวแท้ๆของอาจารย์นะ ถึงกับไปเข้าข้างคนนอก”
ถังเทียนจื๋อรีบยกแก้วชาให้กับหลี่เชินอีกครั้ง:”อาจารย์ครับ:” อารมณ์ของท่านผมเข้าใจครับ แม่ลูกเป่หมิงทำให้คนโมโหจริงๆ ผมก็โมโหจนคันไม้คันมือ แต่ว่าอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น เราทำได้แต่อดทนไว้ โดยเฉพาะจะทำต่อหน้าหลานชายและหลานสาวของท่านไม่ได้ เวลาที่เราจะจัดการกับพวกมันยังมีอีกเยอะ ไม่จำเป็นต้องใจร้อน สำหรับฮอน เธอก็แค่ยังจมอยู่กับความเจ็บปวดที่สูญเสียแม่ไป ที่สำคัญเธอยังมีอคติกับท่าน ถึงแม้ว่าตอนนี้เราจะอยู่ด้อยกว่า แต่ว่าเรายังมีโอกาสที่ดีที่สุดสามารถพลิกผันกลับมาได้”
” โอกาสที่ดีที่สุด? ” นัยน์ตาหลี่เชินมีแสงสว่างเกิดขึ้นมา
ถังเทียนจื๋อพยักหน้าและยืนยันอย่างหนักแน่น:” ถูกต้อง นั่นก็คือผมได้เข้าไปที่บริษัทเป่หมิงแล้ว ที่สำคัญฮอนเธอคือประธานบริษัทเป่หมิง วันข้างหน้ายังอีกยาวไกล ผมต้องคิดหาวิธีกล่อมให้เธอมาอยู่ข้างเราให้ได้ เอาบริษัทเป่หมิงเข้ามาอยู่ในการควบคุมดูแลของเรา นอกจากนี้ ยังมีเป่หมิงยี่เฟิง ถึงแม้เขาจะเป็นคนบ้านเป่หมิงก็ตาม แต่ว่าไม่ถูกกับเป่หมิงโม่ ที่สำคัญคิดอยากได้บริษัทเป่หมิงมาเป็นของตัวเองอีกด้วย เมื่อก่อนผมยังมีความกังวลบ้าง แต่ว่าตอนนี้กลับไม่ต้องกังวลเลยสักนิด เพราะว่าความสัมพันธ์เมื่อก่อนของเขากับฮอนฮอน เขาไม่ทำให้เธอลำบากใจอยู่แล้ว ขอแค่เขายอมวางมือ เราก็ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้ว”
***
อยู่ใต้”การสนับสนุน”ของกู้ฮอน ร้านอาหารของ แอนนิในที่สุดได้บริษัทเป่หมิงและบริษัทGTเข้ามาร่วมงานเรียบร้อยแล้ว แอนนิบริหารร้านอาหารบริษัทที่ร่วมหุ้นกันด้วยตัวเอง
ที่ต้องเสนอร้านอาหารธรรมดาเปลี่ยนมาเป็นร้านอาหารบริษัท นั่นก็เป็นเพราะว่าโม้จิ่งเฉิงหรือว่าคนอื่นๆที่นั่งอยู่ที่นั่น ต่างก็ยอมรับในฝีมือของแอนนิ ต้องทำให้ร้านเล็กๆที่ไม่สะดุดสายตาคน เปลี่ยนไป ทำให้สายตาคนสว่างขึ้นมาทันที