บทที่ 925 ที่แท้นี่ก็เป็นการทำธุรกิจ
ทว่าวันนี้เขามาปรากฏตัวที่นี่โดยไม่คาดคิด และกำลังเผชิญหน้ากับกลุ่มโจรที่มีอาวุธครบมือ ช่างเป็นข่าวน่าตื่นเต้นที่มากันต่อเนื่องอย่างไม่ขาดสายจริง ๆ
“คุณหนู…”ฉิงฮัวยังอดไม่ได้ที่จะเรียกกู้ฮอน
เป็นอีกครั้งที่เธอรู้สึกประหลาดใจ ว่าเธอเข้าใจเป่หมิงโม่ผิดไปจริง ๆ ที่เขาไม่รับโทรศัพท์เธอก็เพราะว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับพวกโจรอยู่ อีกทั้งยังกำลังต่อสู้อย่างเพียงลำพัง
กู้ฮอนทิ้งทุกอย่างที่อยู่ในมือ แล้วรีบหมุนตัววิ่งออกไปจากห้องทำงานทันที
*
“ว้าว! ที่แท้ก็เป็นเป่หมิงโม่นี่เอง ดูเหมือนว่าจริงๆแล้วเขาก็ไม่ได้น่าเหลือทนขนาดนั้น แบบนี้สิถึงจะเรียกว่าลูกผู้ชายที่แท้จริง”ลั่วเฉียวรู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย เสียงเลยจึงดังขึ้นเล็กน้อย
“ชู่! ระวังจะทำให้ลูกตื่น ” แอนนิพูดเสียงเบา “ลั่วเฉียว ไม่ใช่ว่าเมื่อกี้เธอกำลังดูถูกเป่หมิงโม่อยู่หรอกเหรอ ทำไมตอนนี้ถึงได้เปลี่ยนท่าทีซะแล้วล่ะ”
“กล่าวกันว่า ไม่มีอะไรดีไปกว่าการที่รู้ตัวว่าผิดแล้วลงมือแก้ไข เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ท่าทีของฉันที่มีต่อเขาก็เลยเปลี่ยนไปเล็กน้อย คงจดจำปัญหาท่าทีของเขาที่มีต่อฮอนเอาไว้อยู่ เรียกว่าเป็นการแบ่งแยกความรักความเกลียดชังออกจากกันอย่างชัดเจน” ลั่วเฉียวพูดออกมาอย่างมีหลักการ
*
ณ ห้องโถงชมวิว ของ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
เป่หมิงโม่หยิบบุหรี่จากกระเพ่อเสื้อใส่ปาก แล้วหยิบไฟแช็กขึ้นจุด
ตอนนี้เข้าในห้องโถงใหญ่เหลือเพียงแค่เขากับโจรอีกหกคน
เขาไม่ได้ถูกพวกมันใช้เชือกมัดเอาไว้ เพราะหัวหน้ากลุ่มโจรคิดว่าเขามีลูกน้องอยู่ในมือ มากเกินพอที่จะใช้จัดการคนเดียว
เป่หมิงโม่สูบบุหรี่อย่างสบาย ๆ เขาค่อย ๆ เดินไปที่หน้าต่าง แล้วก้มลงไปมองข้างล่าง “ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องใหญ่แล้วนะ พวกตำรวจมากันแล้ว”
“หึหึ ถ้าตำรวจมาก็นับว่าเป็นเรื่องใหญ่แล้วหรอ คิดอยู่แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น นอกจากนี้ตอนนี้พวกเราก็ยังมีคุณเป็นตัวประกัน เดาได้เลยว่ายังไงพวกเขาก็ไม่กล้าทำอะไรพวกเราแน่ คุณชายเป่หมิง ตอนนี้คุณเป็นเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดของเรา”
เป่หมิงโม่หันกลับมามองหัวหน้ากลุ่มโจรโจรด้วยรอยยิ้มเย็นชา “ยังไงแกอยากจะพูดสุนทรพจน์อย่างนั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็รอลงไปพูดกับพวกผู้สื่อข่าวข้างล่างสิ บอกว่าฉันเป็นตัวประกันของพวกแก อาจจะได้เป็นข่าวใหญ่ ชื่อเสียงกับพวกแกจะได้ดังกว่าฉันอย่างแน่นอน”
“เรื่องนี้ต้องอาศัยบุญวาสนาของคุณชายเป่หมิงแล้ว เอาล่ะ ตอนนี้คนก็ปล่อยไปแล้ว พวกเราก็กล้าที่จะทำการเรียกค่าไถ่อย่างเป็นทางการ…แบบนี้ก็ควรจะชำระบัญชีได้แล้วใช่ไหม”หัวหน้ากลุ่มโจรพูดพลางเตรียมรับเช็คอย่างฮึกเหิม
“ได้ เอาไปสิ ฉันเองก็ไม่ใช่คนที่เอาแต่พูดแต่ไม่ลงมือทำสักหน่อย” พูดพลางหยิบบุหรี่โยนลงไปในแก้วชาบนโต๊ะข้าง ๆ
หลังจากนั้นก็หยิบเช็คที่เพิ่งเขียนเสร็จออกมา แสดงท่าทีว่าให้หัวหน้ากลุ่มโจรมารับมันไป
เป่หมิงโม่และโจรทั้งหกคนคนยืนอยู่ขนานกันที่ริมหน้าต่าง ทว่ามีโต๊ะสองตัววางกั้นอยู่ตรงกลาง
เมื่อเห็นว่าเงินใกล้จะมาถึงมือแล้ว หัวหน้ากลุ่มโจรก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
เขาเดินไปหาเป่หมิงโม่อย่างมีความสุข: “คุณชายเป่หมิงนี่สุดยอดจริงๆ…”
***
ผู้สื่อข่าวข้างในทีวีกำลังถือไมโครโฟน ด้านหลังของพวกเขาเป็นจอติดผนังขนาดใหญ่ ภาพบนนั้นเป็นข้อมูลการจากกล้องวงจรปิดในสวน
“ท่านผู้ชมทุกท่านคะ อดีตท่านประธานของบริษัทเป่หมิงคุณชายเป่หมิงโม่ยอมใช้ตัวเองเป็นตัวประกันเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น จิตวิญญาณและคุณสมบัติเช่นนี้ช่างเป็นที่น่ายกย่องอย่างแท้จริง แน่นอนว่าเรากังวลเรื่องความปลอดภัยของเขามากเช่นกัน ที่ที่พวกเราเห็นกันอยู่ตอนนี้ก็คือศูนย์รักษาความปลอดภัยของสวนสนุก พวกเราสามารถดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในสวนสนุกได้จากที่นี่ เดิมทีที่นี่ก็ไม่ได้อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้ามา แต่หลังจากที่เราได้เจรจากับบุคคลระดับสูงแล้ว ในที่สุดพวกเราก็สามารถเข้ามาได้ จึงสามารถพาผู้ชมท่านเข้าไปดูอย่างใกล้ชิดว่าคุณชายเป่หมิงโม่จัดการกับคนร้ายทั้งหกคนนี้อย่างไร ตอนนี้พวกเรากำลังจะสลับหน้าจอกลับภาพทางกล้องวงจรปิดข้างในห้องโถงชมวิว ”
พูดจบภาพที่อยู่บนจอทีวีก็เปลี่ยนไปทันที สิ่งที่ปรากฏขึ้นคือภาพข้างในห้องโถงชมวิว ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ยินเสียง แต่ก็สามารถเห็นทัศนียภาพข้างในได้อย่างชัดเจนทั้งหมด ภาพของเป่หมิงโม่กับโจรทั้งหกคนเช่นกัน ทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาชัดเจนมาก ๆ
ตอนนี้เป็นตอนที่เป่หมิงโม่กำลังหยิบเช็คขึ้นมาส่งให้หัวหน้ากลุ่มโจรพอดี
*
“ฮ่า! ฉันว่าแล้วว่าทำไมเป่หมิงโม่ถึงยอมอยู่เป็นตัวประกัน ความจริงเขาคิดหาวิธีไถ่ตัวเองออกไปได้ตั้งแต่แรกแล้ว คำพูดที่ว่าแค่นี้เงินก็สามารถใช้ผีโม่แป้งได้นี่ไม่ผิดจริง ๆ เมื่อกี้ฉันยังคิดว่าเขาเป็น แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นจิ้งจอกเฒ่าเสียมากกว่า”
“เดี๋ยวก็ชมเดี๋ยวก็ด่า ลั่วเฉียว ช่วยมีความมั่นคงหน่อยได้ไหม ไม่ว่าก่อนหน้านี้เขาจะวางแผนอะไรไว้ แต่อย่างน้อยเขาก็สามารถบรรลุจุดประสงค์ในการช่วยพวกเด็ก ๆ เอาไว้ได้แล้ว เขายอมถูกจับเป็นตัวประกัน เธอคิดว่าถูกจับเป็นตัวประกันแล้ว ขอแค่มีเงินก็จะไม่มีความเสี่ยงอะไรแล้วอย่างนั้นเหรอ เธอเองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้ ว่ามีคนร้ายตั้งกี่คนที่กำจัดตัวประกันทันทีที่ได้เงิน”
ลั่วเฉียวกะพริบตาอยู่หลายครั้ง สิ่งที่แอนนิพูดก็ดูเหมือนค่อนข้างที่จะมีเหตุผล “ถ้าอย่างนั้น เขาก็ต้องเสี่ยงอันตรายไม่น้อยเลยสินะ”
*
หัวหน้ากลุ่มโจรพูดพลางเดินไปหาเป่หมิงโม่พลางอย่างมีความสุข มือข้างหนึ่งของเขาถึงนี่เอาไว้ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งยื่นออกไปรับเช็ค
นี่เป็นช่วงเวลาที่หัวหน้ากลุ่มโจรคลายการป้องกันมากที่สุด
พวกเขาคว้าเช็คเอาไว้ได้ก็ยิ้มให้เป่หมิงโม่เล็กน้อย “การทำธุรกิจสำเร็จแล้ว”
เป่หมิงโม่พยักหน้า “การทำธุรกิจสำเร็จแล้ว”
หัวหน้ากลุ่มโจรเห็นจำนวนตัวเลข สีหน้าก็เต็มไปด้วยความพึงพอใจเป็นอย่างมาก จากนั้นก็เก็บเช็คลงไปในกระเพ่อเสื้อ
“คุณชายเป่หมิง น่าเสียดายจริงๆ การทำธุรกิจครั้งนี้เอาไว้เป็นที่ระลึก แต่ว่าผมอยากจะขอจับมือกับคุณสักหน่อย นี่ก็นับได้ว่าเป็นการสำเร็จความปรารถนาเล็ก ๆ ของผม น้อยครั้งที่จะมีโอกาสได้พบกับคนใหญ่คนโตแบบคุณ โดยเฉพาะการได้เจรจาแบบตัวต่อตัวเหมือนกับพวกเรานี่มันยากเสียยิ่งกว่ายาก” พูดพลางยื่นมือออกไปทางเป่หมิงโม่
เป่หมิงโม่เลิกคิ้ว “ได้สิ ฉันจะหักหน้าแกต่อหน้าลูกน้องแกได้ยังไง”
พูดแล้วเขาก็ยื่นมือออกไปจับมือของหัวหน้ากลุ่มโจรเอาไว้แน่น
*
“พวก พวกเขาจับมือกันแล้ว! คนหนึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มโจร ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นตัวประกัน! แอนนิ เธอยังจะแก้ตัวให้เป่หมิงโม่อีกเหรอ ดูพวกเขาสิ เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเป็นพวกเดียวกัน หมอนั่นเป็นพวกเดียวกับโจร ”ลั่วเฉียววินิจฉัยออกมาอีกครั้งว่าเป่หมิงโม่ต้องเป็นผู้ต้องหารายใหญ่อย่างแน่นอน
แอนนิเห็นแล้วก็รู้สึกว่าเธอช่างดื้อรั้นจริง ๆ ถึงแม้ว่าเธอกลับเป่หมิงโม่จะไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว แต่เธอรับรองได้ว่าเป่หมิงโม่ไม่ใช่คนแบบนั้นอย่างแน่นอน เธอไม่เคยได้ยินกู้ฮอนบอกว่าเป่หมิงโม่เป็นคนที่มีพฤติกรรมชั่วช้าเลยสักครั้ง แต่เธอคิดว่านั่นเป็นอุบายที่เขาใช้ดึงดูดกู้ฮอน
ถึงแม้ว่าแอนนิจะเข้าใจเหตุผลเหล่านี้แต่มันจะมีประโยชน์อะไร ภาพการทำธุรกิจและการจับมือของเป่หมิงโม่กับกลุ่มโจรถูกผู้สื่อข่าวถ่ายทอดสดออกมาแล้ว
คนที่ไม่รู้ความจริงเหมือนลั่วเฉียวจริง ๆ ว่าพวกเขาถูกแผนการของเป่หมิงหลอกเข้าให้แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่หนีออกมาพวกนั้น พวกเขาไม่ค่อยที่จะเชื่อสายตาตัวเอง
คนที่เพิ่งถูกเรียกว่าวีรบุรุษเมื่อกี้นี้ กลับแสดงฉากที่ทำให้ผู้คนตกตะลึงออกมา
“ลั่วเฉียว เธอช่วยใช้สมองหน่อยได้ไหม” แอนนิใช้นิ้วเคาะลงบนหัวของลั่วเฉียวเบา ๆ “เธอบอกฉันหน่อยสิว่า เป่หมิงโม่จะทำเรื่องแบบนี้ไปเพื่ออะไร”
“เพื่ออะไร…”เธอยังไม่ทันได้คิดว่าเพื่ออะไร เธอก็แค่เชื่อในสิ่งที่เห็น แต่บางครั้งความจริงก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ตาเห็น เฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นการตัดสินชี้ขาดในสิ่งที่เกิดขึ้น
เธอลังเลอยู่พักหนึ่งและตอบว่า “แน่นอนว่าก็ต้องเพื่อเอาชนะใจของพวกเด็ก ๆ เขาต้องคำนวณเอาไว้แล้วแน่นอนว่าเหตุการณ์พวกนี้จะต้องเกิดขึ้น สื่อถ่ายทอดสดขั้นตอนการทำธุรกิจของพวกเขาไว้แล้ว มีพยานบุคคลยืนยันชัดเจน”
ได้ฟังคำอธิบายของลั่วเฉียว แอนนิไม่รู้เลยว่าควรจะรู้สึกอย่างไร ช่างเถอะ อย่างน้อยเธอก็เชื่อว่าที่เป่หมิงโม่ทำแบบนี้เพราะเขามีความตั้งใจบางอย่าง
“ลั่วเฉียว ถึงแม้ว่าจะเป็นแบบที่เธอพูดแล้วยังไง วัตถุประสงค์ของเขาก็ทำเพื่อฮอนกับเด็ก ๆ ในฐานะพ่อของลูก ถ้าจะใช้วิธีแบบนี้ฉันก็พอเข้าใจได้ หรือว่าตอนนี้พอเธอมีลูกมีครอบครัวที่มีความสุขแล้ว เลยไม่ยอมให้คนอื่นมีความสุขได้อย่างนั้นเหรอ อย่างมากที่สุดนี่ก็เป็นการโกหกที่เต็มไปด้วยเจตนาดีของเป่หมิงโม่”
ลั่วเฉียวยกมือขึ้นกอดอก “โกหกก็คือโกหก วันนี้เขาสามารถใช้วิธีนี้เพื่อให้เด็ก ๆ กับฮอนรู้สึกดีด้วยได้ ไม่แน่ว่าวันหน้าเขาจะขุดวิธีการอะไรออกมาใช้อีก”
ปัญหาที่ลั่วเฉียวและแอนนิกำลังพูดคุยกันอยู่นี้ คนอื่นๆก็กำลังกระซิบกระซาบเรื่องนี้อยู่เช่นกัน หลังจากนั้นไม่นานก็มีการโต้เถียงกันว่า “เป่หมิงโม่เป็นพวกเดียวกับกลุ่มโจร เพียงแต่ว่าระหว่างทางทั้งคู่เกิดผิดใจกัน พวกโจรลักพาตัวลูก ๆ ของเขา ส่วนคนอื่นเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ต้องรับเคราะห์ไปด้วย หลังจากที่เป่หมิงโม่ปรากฏตัว เขาก็แกล้งทำเป็นปล่อยคนจำนวนมากออกไปก่อน วัตถุประสงค์ก็คือเพื่อกล้องภาพลักษณ์ของเขา หลังจากที่พวกกลุ่มโจรเห็นเงื่อนไขที่เป่หมิงโม่มอบให้ ก็เลยปล่อยคนในครอบครัวเขาออกมา จากนั้นก็เริ่มเจรจากับเป่หมิงโม่ เป่หมิงโม่หยิบเช็คส่งให้พวกโจร จ่ายเป็นค่าชดเชยให้พวกเขา หัวหน้ากลุ่มจนเห็นจำนวนเงินก็รู้สึกพอใจ บัญชีระหว่างพวกเขาจึงถูกขีดทิ้งไป”
ดูเหมือนเวอร์ชันนี้จะได้รับการยอมรับจากคนส่วนใหญ่ เหตุผลง่ายๆ นั่นก็คือพวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมเป่หมิงโม่ถึงต้องจับมือพวกโจรหลังจากส่งเช็คให้แล้ว เห็นได้ชัดว่าเป็นการทำธุรกิจกัน
*
ที่ด้านนอกทีวี ขณะที่ความคิดเห็นเกี่ยวกับการกระทำของเป่หมิงโม่ยังคงดำเนินอยู่ ในเวลาเดียวกันสถานการณ์ข้างในจอภาพไม่ได้รับการรบกวนจากภายนอก จึงยังคงดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น
หัวหน้ากลุ่มโจรจับมือกับเป่หมิงโม่ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ทว่านัยน์ตากลับฉายแววเจ้าเล่ห์ เขาคำนวณไว้เรียบร้อยแล้ว ขอแค่ใช้เป่หมิงโม่เป็นตัวประกัน ตัวเองกับลูกน้องก็จะสามารถหนีออกไปได้อย่างปลอดภัย ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากนี้ยังสามารถทำเงินก้อนใหญ่ได้อีก แล้วหลังจากนั้น…
สิ่งที่ปรากฏอยู่ในแววตาของเขาถูกปีนี้จับคว้าไว้ได้อย่างแม่นยำ แต่เขาก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมา
ทว่าตอนที่รอยยิ้มบนใบหน้าของหัวหน้ากลุ่มโจรเปลี่ยนเป็นความลำพองใจ ก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดก็ดังขึ้นท่ามกลางแสงไฟกระพริบ “โอ๊ย…”
***
หัวหน้ากลุ่มโจรตกใจจนหน้าซีดขาว เมื่อของเขาถูกเป่หมิงโม่จับเอาไว้แน่น จากนั้นก็พลิกเข้ามาอยู่ที่ข้างหลังของเขาอย่างรวดเร็ว ทำให้เขาไม่สามารถขยับตัวได้อีก
และในขณะเดียวกัน ฝีมือในการต่อสู้ของเป่หมิงโม่นั้นรวดเร็วเป็นอย่างมาก เขาควบคุมมือข้างหนึ่งของหัวหน้าโจร และใช้มืออีกข้างคว้ามีดของอีกฝ่ายมาถือไว้
เขาจับหัวหน้าโจรขี้เกียจร้องโหยหวนอยากเจ็บปวดหันไปเผชิญหน้ากับอีกห้าคนที่เหลือ ดวงตาเย็นเยียบแหลมคม “พวกแกไม่ได้รับอนุญาตให้ขยับ ทิ้งของที่อยู่ในมือให้หมด ไม่อย่างนั้น…” มือของเป่หมิงโม่เพิ่มแรงรัดมือที่อยู่ด้านหลังของหัวหน้ากลุ่มโจรขึ้นเล็กน้อย
“โอ๊ย โอ๊ย โอ๊ย คุณชายเป่หมิงเบาหน่อยเถอะ แขนจะขาดแล้ว ”ตอนนี้หัวหน้ากลุ่มโจรรู้สึกแย่มากจริง ๆ เขาเจ็บจนเกือบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว