บทที่ 927 ประสบการณ์การมีพ่อที่ไม่ดี
เธอหอมลงบนแก้มของพวกเด็กๆอย่างแรง การได้ความสุขที่หายไปกลับคืนมานี้มันช่างยากจะบรรยายความรู้สึกออกมาจริงๆ
“หม่ามี๊ พ่อช่วยพวกเราออกมาจากเรื่องที่ไม่ดี ”ประโยคที่จิ่วจิ่วอยู่ ๆ ก็พูดออกมานี้ทำให้กู้ฮอนรู้สึกตกใจไม่น้อย
จิ่วจิ่วกลัวเป่หมิงโม่มาตลอดไม่ใช่เหรอ ทำไมเธอถึงเรียกหาเขาด้วยตัวเองแล้วล่ะ ดูเหมือนว่าเธอยังจะตกใจกลัวเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้อยู่ สติจึงยังไม่ค่อยจะชัดเจน
เห็นพวกเด็ก ๆ ปลอดภัยแล้ว กู้ฮอนก็มองไปยังโม้จิ่งเฉิงและหวีหรูเจี๋ยที่นั่งอยู่ในรถ เธอรู้สึกเขินอายเล็กน้อย
“เฉิงเฉิง ลูกพาหยางหยางกับน้องสาวไปเล่นที่อื่นก่อน แต่อย่าไปไกลล่ะ แม่มีเรื่องที่จะพูดกับคุณปู่และคุณย่าสักสองสามประโยค”
ผู้พลางเดินเข้าไปหาพวกโม้จิ่งเฉิง ทำราวกับไม่ได้สนใจเป่หมิงโม่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มาตลอดเลยแม้แต่น้อย
“พ่อบุญธรรมคะ คุณป้าหรูเจี๋ยคะ ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะคะ เมื่อกี้นี้หนูเอาแต่สนใจพวกเด็ก ๆ ก็คุณไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนไหมคะ”การแสดงออกของกู้ฮอนเต็มไปด้วยความเกรงใจ แต่ก็ยังแสดงออกถึงความห่วงใยที่มีต่อคนแก่ทั้งสอง
โม้จิ่งเฉิงยิ้มน้อย ๆ “ไม่เป็นไร เธอเองก็รู้ดีนี่ว่าพ่อบุญธรรมของเธอเป็นคนประเภทไหน เด็กน้อยพวกนั้นนี้ไม่สามารถทำอะไรพวกเราได้หรอก ”
“คนอวดเก่งจริง ๆ เลยนะ แก่กันขนาดนี้แล้วแท้ ๆ หากต้องลงมือกันจริงๆคุณเองก็คงไม่ไหวหรอก”หวีหรูเจี๋ยแกล้งพูดหยอกล้อเขาสองสามประโยค ก็หันไปพูดกับกู้ฮอน “พวกเราไม่เป็นไรหรอก คนเป็นแม่จะไม่สนใจลูกได้ที่ไหน พวกเราเองก็เป็นพ่อคนแม่คน เข้าใจความรู้สึกนั้นดี เพราะอย่างนั้นแล้วเธอไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอกนะ”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หวีหรูเจี๋ยก็ลดเสียงลงเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “ฮอน เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ต้องขอบคุณตาโม่มาก ๆ นะ”
ทันทีที่พูดเถอะเป่หมิงโม่ สีหน้าของกู้ฮอนก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ “ถ้าไม่ใช่เพราะว่าวันนี้เขาพาพวกเด็ก ๆ ออกมาเที่ยวเล่น มันจะเกิดเรื่องพวกนี้ได้ยังไง ตอนเช้าก่อนจะออกมาหนูก็บอกแล้วว่าไม่ให้ไป”
“ฮอน ป้าไม่ได้จะพูดแทนตาโม่หรอกนะ แต่จะขอพูดจากมุมมองของคนที่เคยยืนอยู่ในตำแหน่งนั้นมาก่อน เธอทำแบบนี้ไม่ถูก ลูกไม่ใช่ของเธอคนเดียว แต่ยังเป็นของโม่ด้วย เขาเป็นพ่อของเด็กๆ เรามีสิทธิ์ที่จะพาพวกเด็ก ๆ ออกมาเที่ยว และนี่ยังเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการเจริญเติบโตที่ดีของเด็ก โม่เป็นตัวอย่างที่ดี ฉันวันที่ทิ้งเขาไปตั้งแต่เขายังเล็ก กล่าวได้ว่าเขาเป็นเด็กที่เติบโตมาในครอบครัวพ่อเลี้ยงเดี่ยว มันจะทำให้นิสัยของเขากลายเป็นแบบนั้น เธอดูสิว่าตอนนี้เขาเปลี่ยนไปแล้ว เขาเริ่มที่จะปฏิบัติต่อพวกเด็ก ๆ ดีขึ้น หรือว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เราอยากจะเห็นมากที่สุดอย่างนั้นเหรอ เด็ก ๆ เองก็ต้องการความรักของพ่อเช่นกัน”
***
ความรักของพ่อ นอกจากความรักของแม่แล้ว เด็ก ๆ เองก็ต้องการความรักของพ่อเช่นกัน คำพูดเช่นนี้เป็นสิ่งที่กู้ฮอนเคยได้ยินจากแอนนิ
ที่ป้าหรูเจี๋ยกับแอนนิพูดมาล้วนถูกต้อง สภาพแวดล้อมที่ดีที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของเด็ก ๆ มากที่สุด คือบ้านที่ครบถ้วนสมบูรณ์ด้วยความรักจากพ่อและแม่
ทว่าเธอเติบโตมาพร้อมกับความเกลียดชังที่มีต่อ ‘ความรักของพ่อ’ความรู้สึกเช่นนี้ล้วนมาจากพ่ออย่างกู้เซิงเทียนทั้งสิ้น
หลายปีที่ผ่านมานี้ ประสบการณ์ที่เธอมีต่อความรักของพ่อไม่ค่อยจะดีนัก เรียกได้อีกว่ามันค่อนข้างที่จะแย่ แย่เอามาก ๆ
เธอกลายเป็นเครื่องมือทาง ‘ธุรกิจ’ ของเขา…
นอกจากคนที่ได้ชื่อว่าพ่อคนนี้แล้ว ก็ยังมีหลี่เชินพ่อที่เป็นผู้ให้กำเนิดอีกคนหนึ่ง
เธอมีเพียงความรู้สึกเกลียดให้กับเขา เพราะเขาเป็นคนที่ทิ้งแม่แท้ ๆ ของเธอไป ทิ้งแม่ไว้คนเดียวในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบากมากว่ายี่สิบปี
ในช่วงเวลานั้นเป็นยุคสมัยที่ดีที่สุดของแม่ เขาก็ยังทอดทิ้งแม่ไป แม้ในบั้นปลายชีวิตของแม่ เขาจะเริ่มอยู่เคียงข้างแม่บ่อยครั้ง แต่เขาก็ยังไม่สามารถแก้ไขความเกลียดชังในใจของเธอได้
คำว่า “พ่อ”คำนี้ทำให้กู้ฮอนรู้สึกแย่เป็นอย่างมาก มีพ่อแบบนี้สู้ไม่มีเสียยังจะดีกว่า
สำหรับเป่หมิงโม่…เธอรู้สึกไม่ค่อยคุ้นชินกับวิธีการปฏิบัติและทัศนคติของเขาที่มีต่อเด็ก ๆ มาโดยตลอด แม้ว่าเขาจะไม่เหมือนกับพ่อสองคนนั้นของเธอ ที่คนหนึ่งสนใจแต่ผลประโยชน์ อีกคนหนึ่งละเลยครอบครัว
เป่หมิงโม่ยังสามารถจัดสภาพแวดล้อมการอยู่อาศัยและเรียนรู้ที่ดีที่สุดให้กับเด็ก ๆ ได้ ทว่าแต่ก็ขาดการมีปฏิสัมพันธ์กับเด็ก ๆ และยุ่งวุ่นวายกับสิ่งต่าง ๆ อย่างไม่มีวันหยุด
คนเดียวที่ทำให้กู้ฮอนรู้สึกอบอุ่นของความรักของพ่อ กลับเป็นพ่อบุญธรรมอย่างโม้จิ่งเฉิง
เขาเป็นเหมือนกับแสงสว่างในช่วงเวลาที่เธอย่ำแย่ที่สุด ทั้งยังมีป้าหรูเจี๋ยอยู่ข้าง ๆ ทำให้เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นของครอบครัวอีกครั้ง
ตอนนี้ป้าหรูเจี๋ยบอกให้เธอให้โอกาสเป่หมิงโม่ เขาได้พยายามทำหน้าที่พ่อของลูก เธอจึงไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้จริง ๆ
แน่นอนว่าหลังจากที่ได้สัมผัสกับประสบการณ์เหล่านั้นแล้ว เธอก็ค่อย ๆ รู้สึกว่าท่าทีที่เขามีต่อพวกเด็ก ๆเปลี่ยนไปมาก ถึงแม้ว่าท่าทีที่เขามีต่อเธอยังคงเป็นเหมือนเดิมก็ตาม
เมื่อมองไปที่สีหน้าลังเลของกู้ฮอน สีหน้าของหวีหรูเจี๋ยเต็มไปด้วยความโอบอ้อมอารี ในฐานะของคนเป็นแม่ เธอเองก็อยากทำอะไรเพื่อลูกชายของเธอสักหน่อย ถึงแม้ว่าเธอจะทำสิ่งต่าง ๆ ให้เขามากมายสักเท่าไหร่ แต่นั่นก็ไม่อาจชดเชยความบอบช้ำที่เธอทำกับเขาในวัยเด็กได้
เธอไม่ต้องการที่จะขอให้ลูกชายยกโทษให้ เพียงแค่อยากจะขอความสุขสงบข้างในหัวใจ
บางทีอาจเป็นเพราะความพยายามที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยของตัวเอง ในที่สุดเธอก็ทำก็ให้เป่หมิงโม่เรียกเธอว่า “แม่” ด้วยปากของตัวเองได้
หลังจากที่ต่อสู้ในใจอยู่หลายครั้ง ในที่สุดเธอก็บังคับตัวเองให้พยักหน้าเพื่อเป็นการให้เกียรติหวีหรูเจี๋ยได้ “ป้าหรูเจี๋ยคะ หนูเข้าใจความปรารถนาดีของป้าแล้วค่ะ หนูเองก็หวังว่าเขาจะเป็นพ่อที่ดีได้ อย่างน้อยก็อย่าให้เป็นเหมือนฉันตอนเด็ก ๆ และอย่าให้เป็นเหมือนเขาตอนเด็ก ๆ ก็พอ”
หวีหรูเจี๋ยมองกู้ฮอน เท่านี้ก็ดีมากแล้ว ช่างเป็นเด็กที่ดีจริง ๆ การที่โม่ได้พบเธออาจกล่าวได้ว่าเป็นพรที่สั่งสมมาจากหลายภพชาติ
ทว่าระหว่างพวกเขานอกจากเด็ก ๆ ทั้งสามคนที่คอยเป็นสายใยแล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่มีความสัมพันธ์อื่นได้กันอีก แน่นอนว่ายังมีบริษัทเป่หมิง แต่ก็เป็นไปได้ว่าระยะห่างระหว่างพวกเขาอาจจะขยายใหญ่ขึ้นเพราะบริษัทเป่หมิงเช่นกัน
***
หลังจากมองส่งโม้จิ่งเฉิงขับรถพาหวีหรูเจี๋ยกับพวกเด็กออกไปอย่างรวดเร็วจนลับสายตา
เป่หมิงโม่และกู้ฮอนอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองอีกฝ่าย ทว่ากู้ฮอนกลับเบนสายตาออกอย่างรวดเร็ว
เดินไปที่รถของตัวเอง แล้วยื่นมือไปเปิดประตู “แม้ว่าคุณจะพาเด็ก ๆ ออกมาโดยไม่สนใจคำคัดค้านของฉัน แต่ฉันก็ยังอยากจะขอบคุณอยู่ดี”
เป่หมิงโม่ยักไหล่อย่างผ่อนคลาย “ในฐานะพ่อ ฉันไม่คิดว่าการพาพวกเขาออกมาเที่ยวเล่นมีปัญหาอะไร นอกจากนี้ตอนที่เด็ก ๆ ตกอยู่ในอันตราย ฉันออกหน้าก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว ดังนั้นเธอไม่จำเป็นต้องขอบคุณ”
ของเขายังไม่ละออกไปจากกู้ฮอน เขาชะงักไปครู่หนึ่ง มุมปากยกขึ้นน้อย ๆ “แต่ถ้าฉันอยากจะขอบคุณละก็…”
“ปัง”
ไม่ทันรอให้เป่หมิงโม่พูดจบ กู้ฮอนก็ขึ้นไปนั่งบนรถแล้วปิดประตูอย่างแรง รู้ดีว่าไม่ควรที่จะทำหน้าตาดี ๆ กับหมอนั่นสักนิด ไม่อย่างนั้นแล้วเขาจะคว้าโอกาสจัดการเธอทันที
เป่หมิงโม่เคยชินกับการปฏิเสธอย่างเย็นชาแบบนี้ของกู้ฮอนนานแล้ว จึงหมุนตัวเดินกลับไปที่รถของตัวเอง
รถทั้งสองคันออกขับออกไปจากที่จอดรถของสวนสนุกทีละคันไปยังสถานที่ใช้จัดประชุมที่บริษัทเจียเม้า กำหนดไว้
สถานที่ประชุมและรับประทานอาหารกลางวันในครั้งนี้ของบริษัทเจียเม้า ตั้งอยู่บนชั้นดาดฟ้าของบริษัท
หลังจากที่เป่หมิงโม่และกู้ฮอนมาถึง พวกเขาถูกเจ้าหน้าที่พาไปที่ชั้นบนสุด
ขณะนี้เป่หมิงโม่ถือแก้วทรงสูงที่มีไวน์องุ่นสีแดงเข้มไว้ในมือ เขาใช้มือหนึ่งถือแก้วไวน์ อีกมือหนึ่งสอดไว้ในกระเพ่อกางเกง ลำตัวตั้งตรง
เขายืนอยู่ริมรั้ว ปล่อยให้สายลมอ่อน ๆ ที่พัดผ่านใบหน้า สามารถมองเห็นย่านการค้าที่คึกคักของเมือง A และตึกสูงใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางสายหมอก… บริษัทเป่หมิง
กู้ฮอนไม่ได้มีอารมณ์สุนทรีย์เหมือนอย่างเขา เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้ทำให้จิตใจของเธอไม่สงบ เธอนั่งอยู่ในห้องชมวิวบนชั้นดาดฟ้าคนเดียว
ห้องห้องนี้แทบจะกลายเป็นห้องโปร่งใส หลังคาไปจนถึงผนังล้วนทำด้วยกระจก นั่งอยู่ที่นี่ก็สามารถเพลิดเพลินกับวิวที่สวยงามของทั่วทั้งเมืองเช่นเดียวกัน
ที่สำคัญอยู่ที่นี่ก็ไม่ต้องโดนลมเหมือนกับเป่หมิงโม่
“เหอเหอ…ขอโทษด้วยจริง ๆ ฉันมาช้า เลยทำให้การประชุมที่สำคัญต้องล่าช้าไปด้วย”
เสียงกล่าวทักทายและตามด้วยคำขอโทษดังขึ้น ชายคนหนึ่งพร้อมกับพนักงานอีกสองสามคนเดินเข้ามาที่ห้องชมวิวกู้ฮอนนั่งอยู่ก่อน
กู้ฮอนไม่รู้จักคนที่มา แต่ดูออกว่าเขาน่าจะเป็นท่านประธานของบริษัทเจียเม้า
“สวัสดีค่ะ ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ พวกเราเองก็เพิ่งมาถึง” กู้ฮอนรีบยืนขึ้นพร้อมกับส่งรอยยิ้มเล็กน้อย
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเผชิญหน้ากับการประชุมระดับสูงเช่นนี้ ดังนั้นจึงดูประหม่าและเขินอายเล็กน้อย
“ขอแนะนำตัวก่อนนะ ผมมาจากตระกูลหลี่ เป็นประธานของบริษัทเจียเม้า คุณน่าจะเป็นคุณกู้ฮอนจากบริษัทเป่หมิงสินะ
ตั้งแต่ที่ผมร่วมมือกับบริษัทของพวกคุณ ผมก็ยุ่งอยู่ตลอด ไม่รู้ด้วยว่าประธานบริษัทหุ้นส่วนมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ประธานหลี่ยิ้มจนตาหยี พลางยื่นมือไปทางกู้ฮอน
“ประธานหลี่ไกลกันเกินไปแล้ว” กู้ฮอนยกยิ้ม แต่ดูเหมือนว่าเธอจะมองเห็นอะไรที่แฝงอยู่ในรอยยิ้มของท่านประธานหลี่คนนี้ ความรู้สึกนี้ทำให้เธอค่อนข้างที่จะอึดอัด แต่เพื่อรักษามารยาทเธอจึงจำเป็นต้องยื่นมือออกไป
***
ตอนที่กู้ฮอนกับประธานหลี่ของบริษัทเจียเม้าจับมือกัน ความรู้สึกไม่ดีที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นั้นก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ
“เหอ เหอ ผมเคยได้ยินเรื่องราวเล็ก ๆ ของคุณกู้กับประธานเป่หมิงในปีนั้นมาก่อน ดูเหมือนว่าพวกคุณจะไม่ค่อยมีความสุขกันสักเท่าไหร่” ประธานหลี่ยกยิ้มเต็มใบหน้า หลังจากที่ได้จับมือกู้ฮอนแล้ว เขาก็ตัดใจปล่อยมันไม่ลง
ท่านประธานหลี่ของบริษัทเจียเม้าอยู่ในตำแหน่งสูง ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีเรื่องรักใคร่มากมาย เป็นต่อเขาไม่ได้สนใจสาวงามอายุน้อยพวกนั้น
ในทางกลับกันเขารู้สึกสนุกสนานในการ ‘เลื่อยขาเก้าอี้ผู้อื่น’ เป็นอย่างมาก เขามีทฤษฎีของตัวเองว่าผู้ชายคือผู้พิชิต
ไม่ใช่แค่พิชิตเงินของอีกฝ่าย แต่ต้องพิชิตผู้หญิงของอีกฝ่ายด้วย…
คนในวงการต่างเคยได้ยินเรื่อง ‘งานอดิเรก’ ของเขามาบ้าง แต่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน จึงไม่ได้พูดถึงมัน
คราวนี้โครงการของกลุ่มของพวกเขาที่รับผิดชอบโดยบริษัทเป่หมิงกำลังจะดำเนินการไปถึงส่วนสุดท้าย
เดิมทีเขาดูเหมือนจะไม่ได้วางแผนอะไรสำหรับเรื่องนี้
แต่เขาบังเอิญเห็นข่าวเป่หมิงโม่ลาออกจากบริษัทเป่หมิงทางทีวี และชื่อของผู้หญิงที่รับช่วงต่อเป็นผู้หญิงในวงการที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
ไม่เพียงแค่นั้น รูปลักษณ์ของกู้ฮอนยังทิ้งความประทับใจไว้กับประธานหลี่ไว้อย่างล้ำลึกอีกด้วย