บทที่ 977 ทำงานหรือท่องเที่ยว
ในเวลาเดียวกัน เธอก็มีความคิดบางอย่างต่อหยินปู้ฝันขึ้นมา คนแบบนี้ยังจะเข้าไปช่วย หรือว่าข้างกายของเขานั้นขาดผู้หญิงถึงขนาดนี้เลยเหรอ? นี่มันเหมือนมีความอดอยากปากแห้งขึ้นมาเล็กน้อยหรือว่ายังไง
ยิ่งคิดกู้ฮอนก็ยิ่งโมโห ก็เลยหันตัวกลับมาไม่มองพวกเขาอีก จากนั้นก็พิงพนักเก้าอี้แล้วหลับตาพักผ่อนต่อไป
“ต๊อกแต๋ก ต๊อกแต๋ก ……” เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบกับพื้นดังมาเป็นชุด แล้วสิ่งที่ตามมาด้วยก็คือเสียงหัวเราะสดใสของหญิงสาวและเสียงที่ต่ำหน่อย ๆ ของหยินปู้ฝัน ฟังแล้วพวกเขาสองคนดูเหมือนพูดคุยกันได้อย่างสนุกสนาน
เสียงของสองคนนี้ค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้รถคันที่เธอนั่งอยู่
กู้ฮอนอดไม่ได้จนต้องขมวดคิ้วขึ้นมา คงไม่ใช่เจ้าบ้าหยินปู้ฝันจัดการไม่ได้ แล้วก็เชิญผู้หญิงคนนั้นมาขึ้นรถไปต่อด้วยกันหรอกนะ
และก็เป็นจริงตามที่คิดยังไงได้อย่างงั้น ประตูรถถูกเปิดออกแล้วหยินปู้ฝันก็ยื่นหัวเข้ามาพูดว่า “ฮวน รบกวนคุณปรับพนักเก้าอี้ให้ตรงหน่อยนะ”
แค่กู้ฮอนได้ยินก็รู้แล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ถึงแม้ในใจเธอจะมีความไม่ยินดีบ้าง แต่ว่าบนใบหน้าก็ไม่สามารถมีความรู้สึกใด ๆ ได้
เธอรีบปรับพนักเก้าอี้ให้ตรงแล้วก็เปิดประตูรถอีกข้างออก และตัวเองก็ก้าวลงจากรถไปด้วย
อยู่ ๆ ก็มีผู้หญิงอีกคนลงมาจากในรถ ทำให้สาวสวยคนนั้นที่แต่ง ‘วับ ๆ แวม ๆ’ มีความคาดคิดไม่ถึงบ้าง สายตาที่ผิดหวังที่โอกาสหลุดลอยไปแบบนั้นไม่สามารถหลุดรอดไปจากสายตาของกู้ฮอนได้
เธอกับผู้หญิงคนนั้นสบตากันสั้น ๆ ไม่กี่วินาที เห็นได้ชัดว่ามันเหมือนกับว่าทั้งสองคนใครมองใครก็ไม่มีความประทับใจที่ดีต่อกันสักเท่าไหร่
แต่ว่าการแสดงออกตรงหน้าของพวกเธอนั้นก็ยังทำได้ไม่เลว และยิ้มอ่อน ๆ ให้แก่กันและกัน
หยินปู้ฝันก้มตัวลงไปเก็บกวาดบนรถสักครู่ พอเสร็จแล้วก็ถอยออกมาจากรถอีกครั้งแล้วพูดกับกู้ฮอนว่า “คุณผู้หญิงคนนี้ก็จะไปเมืองCเหมือนกัน พอดีรถของเธอเสียแล้ว และผมก็ไม่มีเครื่องมืออะไรที่จะสามารถจะใช้ซ่อมได้ เพราะฉะนั้นผมเตรียมจะให้เธอร่วมทางไปกับรถของเราด้วย”
สาวสวยที่แต่งชุด ‘วับ ๆ แวม ๆ’ ยิ้มแล้วก็เอามือที่เรียวยาวขาวสะอาดของเธอออกมาหลังคารถก่อน แล้วยื่นไปทางกู้ฮอน “ ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ คงต้องรบกวนพวกคุณแล้ว”
***
เห็นได้ชัดว่า สาวสวยที่โชว์เนื้อหนังคนนี้ จะต้องคิดว่ากู้ฮอนเป็นแฟนของหยินปู้ฝันแล้วแน่ ๆ เลย
กู้ฮอนก็จะขี้เหนียวมากเกินไปไม่ได้ เธอยิ้มอ่อน ๆ แล้วก็ยื่นมือออกไปจับกับเขาอย่างเรียบง่าย “ถ้าจะขอบคุณแล้วละก็ คุณขอบคุณเขาคนเดียวก็พอแล้ว”
คนที่พูดเป็นเทียบไม่ได้กับคนที่ฟังเป็น ประโยคนี้ของเธอน่าจะเป็นคำที่ สาวสวยที่โชว์เนื้อหนังอยากจะได้ยินมากที่สุดแล้ว
หยินปู้ฝันมองทั้งสองคน คนที่เป็นคนค่อนข้างหยาบกระด้างอย่างเขานั้น กลับมองไม่ออกว่าการสนทนาระหว่างพวกเธอนั้นแอบแฝงข้อความไว้เท่าไหร่
แต่ว่าเขายังถือได้ว่าพอใจที่หญิงสาวสองคนนั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
อย่างพูดเลย แค่ดูก็เห็นแล้วว่าผู้หญิงสองคนนี้ถือได้ว่าเป็นตัวแทนแห่งความงดงามสองแบบของสังคมสมัยนี้
แบบหนึ่งคือสาวงามที่อ่อนหวานและสืบทอดต่อกันมา อีกแบบหนึ่งคือตัวแทนของกลุ่มรักความอิสรเสรี ถ้าหากเอาหยินปู้ฝันเปลี่ยนไปเป็นแค่คนเดินผ่านทาง และไม่รู้สถานการณ์ตรงหน้าเลย แล้วผ่านมาเห็นเข้าในสมองจะเริ่มจิ้นขึ้นมาแล้ว?
“คุณสุภาพสตรีครับ เราสามารถออกเดินทางกันได้หรือยังครับ?” หยินปู้ฝันพูดไป ก็เปิดประตูรถของเขาออก แล้วถอยเป็นช่องทางเล็ก ๆ ออกให้ เขายิ้มอ่อน ๆ แล้วพูดว่า “ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ รถตันนี้มีประตูแค่สองบาน เพราะฉะนั้นตอนขึ้นไปจะยุ่งยากนิดหนึ่งนะครับ”
ผ่านไปสักพักทั้งสามคนก็ขึ้นรถกันเรียบร้อย และเดินทางต่อไปจากระยะทางที่ยังเดินทางไม่ถึง
ตั้งแต่ในรถมีผู้โดยคนใหม่เพิ่มมาอีกคนแล้ว อากาศข้างในก็เปลี่ยนเป็นหอมหวานไม่น้อยขึ้นมาทันที เดาได้ไม่ยาก กู้ฮอนนั้นใช้พวกน้ำหอมแบบนี้น้อยมาก กลิ่นหอมของเธอนั้นเป็นกลิ่นหอมจาง ๆ ที่ออกมาจากตัวเธอเอง
แต่ผู้โดยสารคนใหม่นี้นั้นไม่เหมือนกัน กลิ่นน้ำหอมหอมจนแสบจมูก น่าจะตอนก่อนจะออกมาคงฉีดไปไม่น้อย
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อช่ายซินซิน”
ในที่สุดก็รู้ชื่อของสาวสวยที่แต่งตัว ‘วับ ๆ แวม ๆ’ คนนี้แล้ว เพียงแต่ว่าชื่อของเธอกับการแต่งตัวของเธอตอนนี้นั้นดูไม่เหมาะสมกันเลย
เนื่องด้วยมารยาท กู้ฮอนก็บอกชื่อตัวเองออกไปด้วยเช่นกัน
“ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ รถของฉันมันเสียไปแล้ว เพราะฉะนั้นคงต้องรบกวนคุณทั้งสองพาฉันไปด้วยสักช่วง” ช่ายซินซินที่นั่งอยู่ข้างหลังพูดเสียงอ่อนเสียงหวานขึ้น
“คุณช่าย รถของคุณทิ้งไว้ที่นี่ ไม่กลัวโดนใครมาทุบเสียหายเหรอคะ?” นี่กู้ฮอนพูดจากใจจริงของเธอจริง ๆ เธอรู้ว่ารถสปอร์ตคันนั้นราคานับไม่ถ้วน แล้วก็ถ้าทิ้งไว้อย่างนั้นเฉย ๆ ถ้าเกิดความเสียหายอะไรขึ้นแม้แต่น้อยก็จะน่าเสียดายมากจริง ๆ
ใครจะรู้ช่ายซินซินกลับแสดงท่าทางไม่ใส่ใจอะไรออกมา เธอแบะปากแล้วพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องสนใจมันหรอก ฉันได้ให้คนมาลากรถแล้ว”
หลังจากที่พูดประโยคนี้จบไปแล้ว ในรถก็เข้าสู่ความเงียบงันไปชั่วครู่
แต่ว่าอย่างรวดเร็วก็โดนช่ายซินซินทำลายลงแล้ว เธอโน้มตัวมาตรงช่องว่างระหว่างทั้งสองคน จากนั้นก็ใช้มือตบที่หัวไหล่ของหยินปู้ฝันเบา ๆ “คุณหยิน พวกคุณไปเมืองCนี่ จะไปทำงานหรือว่าไปท่องเที่ยวคะ”
สำหรับคำถามนี้ไม่รู้ว่าจะให้หยินปู้ฝันตอบว่ายังไงดีแล้ว “ เอ่อ…..ที่พวกผมไปนั้นถือได้ว่าทำงาน” ในเมื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเป่หมิงโม่นั้น เขาจะไม่บอกคนอื่นเด็ดขาด
แต่ว่าคำตอบอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ของเขา กลับทำให้เธอเกิดความคิดที่แตกต่างกันสุดขั้วขึ้นมา ใบหน้าของเธอแฝงด้วยรอยยิ้ม สายตาจากอยู่บนตัวหยินปู้ฝันแล้วก็ย้ายไปทางกู้ฮอน
ถึงแม้กู้ฮอนจะไม่ได้มองเธอ แต่กลับรู้สึกว่าแผ่นหลังของตัวนั้นร้อนขึ้นมาอย่างไม่รู้ว่าทำไม และกลิ่นน้ำหอมนั้นก็เพิ่มระดับความหอมขึ้นมาหลายระดับเลย
และนี่ก็คือสัญชาตญาณของผู้หญิงมั้ง
“เพื่อเป็นการตอนแทนที่คุณช่วยเหลือฉัน อันนี้คุณเก็บไว้ใช้ ในห้องของโรงแรมระดับสี่ดาวขึ้นไปในเมืองC ห้องอะไรก็ตามแล้วแต่พวกคุณเลือกได้ตามใจ” พูดแล้วเธอก็หยิบการ์ดใบหนึ่งที่ใหญ่ประมาณเท่า ๆ กับนามบัตรออกมาหนึ่งใบแล้วยื่นออกไป
หยินปู้ฝันกำลังขับรถอยู่ ไม่สะดวกรับ ก็เลยมีกู้ฮอนมาช่วยเขารับแทน
ตอนเธอได้รับการ์ดมานั้น ใจในก็กระตุกขึ้นมาทันที
***
ที่ช่ายซินซินยื่นมานั้นคือนามบัตรใบหนึ่ง เพียงแต่ว่าบัตรใบนี้เป็นบัตรสีทองทำมาจากโลหะ ตัวหนังสือข้างบนนั้นล้วนเป็นการปั๊มลงไปทั้งนั้น พอสัมผัสแล้วก็ทำให้มีความรู้สึกที่ดีมาก
ไม่ว่าอย่างอื่น แค่เอานามบัตรใบนี้มาพูด ไม่ว่าจะงานฝีมือหรือวัสดุล้วนสามารถแสดงให้เห็นถึงว่าคนที่เป็นเจ้าของนามบัตรใบนี้จะต้องไม่ใช่แค่คนธรรมดาทั่วไปแน่นอน
กู้ฮอนก้มหน้าลงไปดูตัวหนังสือบนนั้น ช่ายซินซิน ผู้ช่วยประธานแห่งหย่วนหยางกรุ๊ป จากนั้นก็คือช่องทางการติดต่อของเธอ
พอเห็นสิ่งเหล่านี้แล้วเธอก็อดไม่ได้ที่จะมีความรู้สึกทอดถอนใจขึ้นมา เป็นผู้ช่วยประธานกรรมการเหมือนกัน แล้วทำไมความแตกต่างมันถึงได้ชัดเจนขนาดนี้……ตอนนั้นเป่หมิงโม่ไม่เคยทำนามบัตรแบบนี้ออกมาให้เธอ จนถึงตอนนี้ที่ตัวเองเป็นถึงประธานแล้ว นามบัตรที่ใช้ก็ยังเป็นแค่แบบที่พิมพ์มาจากกระดาษและสวยงามกว่าแบบธรรมดาทั่วไปหน่อยเท่านั้น นามบัตรโลหะแบบนี้เธอก็เพิ่งเคยเจอครั้งแรกเหมือนกัน
“พวกคุณมีนามบัตรไหม?” ไม่รอกู้ฮอนเอาของตัวเองออกมาเอง ช่ายซินซินก็รีบถามขึ้นมาตรง ๆ ก่อนเลย
ตอนแรกในกระเป๋าเล็กของกู้ฮอนก็มีพกไว้บ้างอยู่ แต่ว่าพอเธอเห็นขนาดผู้ช่วยยังใช้นามบัตรดีขนาดนี้ ก็เลยสละความคิดที่จะเอาของตัวเองออกมาทิ้งไป ไม่ว่ายังไงก็ต้องเหลือหน้าไว้ให้บริษัทเป่หมิงบ้าง
เธอหันหน้าที่มีแววรู้สึกผิดมาแล้วยิ้มให้ช่ายซินซินน้อย ๆ “ ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ออกมาอย่างรีบร้อนก็เลยไม่ทันได้หยิบมาด้วย……”
เวลานี้หยินปู้ฝันก็มาต่อคำพูดต่อ “คุณก็เอาของผมให้เธอเถอะ มันอยู่ในกล่องใส่ของจุกจิกตรงหน้าของคุณ”
พอคำพูดออกจากปากไปแล้ว ไม่ต้องว่าคนอื่นหรอก แม้แต่กู้ฮอนก็ยังรู้สึกอับอายเลย เป็นถึงเจ้าของสำนักงานทนายความ แต่นามบัตรของตัวเองกลับเป็นเหมือนการ์ดโฆษณาที่เขาชอบเอามาเสียบไว้ข้างกระจกรถริมทางทิ้งไปเรื่อยอย่างนั้นอย่างนั้น
เธอเปิดกล่องใส่ของจุกจิกตรงหน้าออก แล้วหยิบกล่องนามบัตรออกมาจากในกองของจุกจิก เธอหยิบออกมาใบหนึ่งแล้วยื่นไปตรงหน้าช่ายซินซิน
เธอรับนามบัตรนั้นไปแล้วยิ้มอ่อน ๆ เธอคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สามารถขับสปอร์ตคันหนึ่งแบบนี้ได้ แต่นามบัตรกลับดูราคาถูกขนาดนี้
“หยินปู้ฝัน สำนักงานทนายความปู้ฝัน หัวหน้าทนายความ…..”ตอนเธออ่านนามบัตรนั้นน้ำเสียงช่างทำให้คนน่าสนใจ และแม้แต่หน้าตาก็ยังแฝงไว้ด้วยรอยยิ้มจาง ๆ และยังคอยส่งสายตาให้หยินปู้ฝันที่กำลังขับรถอยู่ตลอดอีกด้วย
กู้ฮอนเห็นแล้วก็หันหน้าออกไปทางวิวนอกหน้าต่าง เป็นใครก็ดูออกว่าช่ายซินซินคนนี้เหมือนจะมีความรู้สึกอะไรบางอย่างต่อหยินปู้ฝัน
แต่ก็อย่างว่าแหละ หยินปู้ฝันหน้าตาและบุคลิกภายนอกก็ไม่เลว สามารถพูดได้ว่าเป็นหนุ่มหล่อที่ไม่ขาดไม่เกิน และที่สำคัญรถที่ขับยังเป็นรถปอร์เช่มูลค่าหลายล้าน และยังเปิดสำนักงานทนายความ…… ข้อกำหนดของสูงหล่อรวยมีครบทุกอย่าง
ตลอดทาง คุณช่ายที่มาใหม่นี้ กลับไม่มีความหมายที่คิดจะปล่อยหยินปู้ฝันไปเลย เปลี่ยนเรื่องคุยเรื่อย ๆ คอยคิดหาทุกวิถีทางมาพูดคุยกับหยินปู้ฝัน และหยินปู้ฝันก็เหมือนกับว่าไม่ได้รู้สึกเบื่อหน่ายกับการไม่รู้จักหยุดหย่อนของเธอ ทั้งสองคนทั้งพูดคุยทั้งหัวเราะจนผ่านระยะทางที่เหลือต่อ
แต่กู้ฮอนที่นั่งอยู่ข้างคนขับกลับกลายเป็นเหมือนกับคนนอกคนหนึ่ง เธอเหมือนกับว่าจะไม่ได้พูดแทรกในหัวข้อสนทนาของทั้งสองคนเลย และที่สำคัญสายตากลับอยู่ที่วิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างอยู่ตลอด
เธอมีแผนการและสิ่งที่อยากจะทำของตัวเอง ถ้าหากสามารถตามหาพ่อแม่ของเสี่ยวเฉินได้สำเร็จในเมืองC หรือว่าตามหาเจ้าตัวเขาได้โดยตรง แล้วจะต้องพูดยังไงเพื่อให้เขามาเป็นพยานกับให้กับเป่หมิงโม่
ถึงแม้มองแล้วจะต้องมีความลำบากแน่นอน ในเมื่อสำหรับเรื่องนี้แล้ว พวกเขาถือได้ว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามกัน จะมีใครที่จะยอมหักหลังเจ้านายตัวเองเพื่อมาเป็นพยานให้กับอีกฝ่ายกันล่ะ? นี่คงจะเปลี่ยนเป็นใครก็คงทำออกมาไม่ได้หรอก
ถ้าหากหาเสี่ยวเฉินไม่เจอจะต้องทำยังไง? แล้วคนที่จะมาเป็นพยานต่อไป ควรจะต้องตามหายังไง ก็ยังถือว่าเป็นปัญหาที่จำเป็นจะต้องเผชิญอยู่
***
หลังจากผ่านช่วงการเดินทางที่มีเสียงพูดเสียงหัวเราะแล้ว แต่สำหรับกู้ฮอนมาพูดแล้วมันยังคงน่าเบื่อหน่าย ในที่สุดรถของพวกเขาก็ออกจากทางด่วนและเข้ามาสู่ตัวเมืองเมืองCแล้ว
“คุณหยิน ถ้าคุณไม่รังเกียจแล้วละก็ ช่วยไปส่งฉันที่หย่วนหยางกรุ๊ปได้ไหมคะ” หลังจากที่ผ่านการพูดคุยเรื่อยเปื่อยกันมาหลายชั่วโมง ช่ายซินซินก็สนิทสนมกับพวกเขาแล้ว และที่สำคัญ ถ้าเอาหน้าที่การงานของเขามาพูดแล้วนั้น การสนิทสนมกันอย่างรวดเร็วก็ถือว่าเป็นการเตรียมพร้อมบ่มเพาะในสายงานของเธอแบบหนึ่ง
ในฐานะที่เป็นผู้ช่วย ก็ต้องเตรียมพร้อมที่จะต้องเชื่อมสัมพันธ์กับคนทุกแบบทุกวินาที และที่สำคัญคนทุกแบบนี้ก็มักจะเป็นเสือหลับและมังกรหลับทั้งนั้น ถ้าหากมัวแต่ทำหน้าตายอยู่ตลอดเวลาแล้วละก็ ก็อาจจะผิดใจต่อลูกค้าและทำให้เสียโอกาสหมุนเงินไปเลย
สำหรับความสามารถที่เตรียมพร้อมความเป็นกันเองตลอดเวลาแบบนี้ของช่ายซินซินนั้น กู้ฮอนเลียนแบบไม่ได้หรอก
สำหรับข้อเรียกร้องของช่ายซินซินนั้น หยินปู้ฝันก็ต้องตอบตกลงอยู่แล้ว นี่ก็ถือว่าส่งพระก็ต้องส่งให้ถึงชมพูทวีป เรื่องที่ตัวเองหามา ก็ต้องมีตัวเองมารับผิดชอบแก้ไขซิ
และจากการชี้ทางของเธอ ก็ทำให้พวกเขามาถึงใต้ตึกหย่วนหยางกรุ๊ปอย่างรวดเร็ว
หย่วนหยางกรุ๊ปนั้นถือได้ว่าเป็นเครือบริษัทครบวงจรติดอันดับหนึ่งอันดับสองของเมืองCก็ว่าได้ ครอบคลุมร้านอาหาร ท่องเที่ยว วิศวกรรม…..เกือบทุกอย่างที่สามารถทำเงินได้นั้นก็ครอบคลุมหมด
ทั้งสามคนลงจากรถอีกครั้ง หลังจากผ่านการขับรถมานานหลายชั่วโมง หยินปู้ฝันก็ต้องการยืดเส้นยืดสายสักหน่อย และกู้ฮอนก็ต้องการออกมาสูดอากาศข้างนอกบ้างเหมือนกัน กลิ่นน้ำหอมในรถทำให้เธอไม่คุ้นเคยเลยจริง ๆ
ช่ายซินซินพาใบหน้าที่มีรอยยิ้มอยู่ตลอดเดินมาถึงหน้าหยินปู้ฝัน
“คุณหยิน พวกคุณคงจะเพิ่งมาที่นี่ของเราครั้งแรกใช่ไหม ได้จองโรงแรมไว้หรือยัง? ถ้าหากยังแล้วละก็ ไม่ไกลจากที่นี่มีโรงแรมหนึ่งที่ชื่อโรงแมหย่วนหยาง นั่นเป็นโรงแรมในเครือของเรา คุณเอานามบัตรของฉันไปก็สามารถเข้าพักที่นั่นได้เลย รับรองว่าจะต้องให้ส่วนลดที่ดีมาก ๆ กับคุณแน่นอน”
หยินปู้ฝันก็ตอบตกลงได้อย่างรวดเร็ว “ดีครับ ครั้งนี้พวกเรามากับแบบรีบร้อน แน่นอนว่าไม่ได้จองที่พักอะไรล่วงหน้าเลย ในเมื่อคุณช่ายให้เกียรติเชิญแล้ว งั้นผมก็จะทำตามที่คุณแนะนำทั้งหมดเลยละกัน”