บทที่ 979 ก้างขวางคอ
“คุณช่ายเกรงใจไปแล้ว นอกจากจะให้ส่วนลดเรามากขนาดนี้แล้ว ยังมาเลี้ยงอาหารเย็นเราเป็นพิเศษอีก” เวลานี้ หยินปู้ฝันพูดไป แล้วก็เอาเครื่องดื่มออกมากระป๋องหนึ่งจากตู้เย็นที่อยู่ข้าง ๆ แล้วยื่นให้ถึงมือกู้ฮอนเลย
กู้ฮอนรับเครื่องดื่มมา “คุณช่ายต้องขอโทษด้วยจริง ทำให้คุณสิ้นเปลืองแล้ว” คำพูดถูกพูดไปแบบนี้ แต่ในใจกลับคิดว่า : ผู้หญิงคนนี้ทำเรื่องเล็ก ๆ พวกนี้นั้น นี่มันกลับเป็นจุดประสงค์ของขี้เมาไม่ได้อยู่ที่เหล้าแล้ว
พูดแล้ว สายตาของเธอก็หันไปทางหยินปู้ฝัน
ไม่รู้จริง ๆ ว่าเจ้าหมอนี่ที่สาวงามนั่งอยู่ในอกยังไม่หวั่นไหวนี่ จะยืนหยัดได้นานแค่ไหน
หลังจากการสนทนาง่าย ๆ ของสองสาวแล้ว กลับทำให้บรรยากาศในห้องนี้มีความแปลก ๆ แบบพูดไม่ออก ถึงจะเป็นหยินปู้ฝันที่เป็นหยาบกระด้าง ยังรู้สึกถึงความไม่สบายตัวขึ้นมาบ้าง
“คุณผู้หญิงทั้งหลาย ในเมื่อคนก็มาครบแล้ว งั้นเราก็ออกเดินทางเถอะ คุณช่ายวันนี้คุณได้ช่วยเราไว้มากแล้ว อาหารมื้อนี้น่าจะเป็นเราที่เลี้ยงคุณถึงจะถูก คุณเลือกมาสักที่ละกัน ที่นี่เราเพิ่งมาครั้งแรก ยังไม่เคยได้กินอาหารกินเล่นที่ขึ้นชื่อของที่นี่เลย”
สำหรับข้อเสนอของหยินปู้ฝันนั้น ช่ายซินซินกลับไม่ได้ยืนหยัดความคิดของตัวเองอีกต่อไป เธอนั้นถือเป็นผู้หญิงฉลาด รู้ว่าเวลาไหนควรให้หน้าผู้ชาย
***
อย่าดูที่การแต่งตัวทั้งชุดของช่ายซินซินที่ทำให้กู้ฮอนรู้สึกไม่ค่อยสบายนัก แต่ว่าอาหารเย็นที่ที่เธอเลือกไปนั้นกลับเป็นที่ที่พิเศษมากเลย
พวกเขารู้สึกว่ากินได้พอใจมาก อยู่บนโต๊ะอาหาร ช่ายซินซินกับหยินปู้ฝันสองคนเหมือนจะคุยกันได้เข้าขากันมาก แต่กลับทิ้งกู้ฮอนไว้ข้างหนึ่ง
ถึงแม้นาน ๆ ก็จะแทรกเข้าไปคำสองคำ แต่ก็ยังคงรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองเป็นเหมือนก้างขวางคอชิ้นใหญ่มาก วางไว้ตรงนั้น
แต่ว่าดีที่คุณภาพอาหารถูกปาก เธอก็เลยไม่รู้สึกเบื่อหน่าย พวกเขาคุยของพวกเขาไป เธอกินของตัวเองไป ไม่รบกวนซึ่งกันและกัน
จากคำพูดในการสนทนาของหยินปู้ฝันและช่ายซินซินนั้น ทำให้กู้ฮอนรู้สึกแปลกใจมาก สิ่งที่เธอพูดกับบุคลิกภายนอกของเธอนั้นช่างเป็นแบบที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะตอนที่พูดคุยถึงเรื่องงานของเธอนั้น ความเป็นมืออาชีพกับมุมมองส่วนตัวแบบนั้นมันมีบางส่วนทำให้กู้ฮอนรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่าไปเลย
ถึงแม้จะพูดคุยกันได้อย่างเผ็ดร้อน หยินปู้ฝันกับกู้ฮอนก็ไม่ได้เปิดเผยจุดประสงค์ที่แท้จริงของการมาที่นี่ครั้งนี้ให้ช่ายซินซินรู้
หลัก ๆ คือรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้บุคคลที่สามมารับรู้ งานของตัวเองก็ต้องมีตัวเองเป็นคนทำสำเร็จ เพราะว่าพวกเขาชัดเจนดีว่า ที่มาที่นี่นั้นเพราะต้องการตรวจสอบเสี่ยวเฉินอย่างลับ ๆ
และที่สำคัญพวกเขาค่อนข้างชัดเจนการกระทำทั้งหมดของผู้อำนวยการโกวแล้ว รวมถึงคนที่อยู่เบื้องหลังเขาอย่างหลี่เชิน
ไม่ว่าจะคนไหนก็มีอำนาจเหนือพวกเขาทั้งนั้น ผู้อำนวยการโกวยังโดนย้ายไปเมืองAจากที่นี่ ก็เลยยากที่จะหลีกเลี่ยงว่าที่นี่ยังมีเส้นสายของเขาหลงเหลืออยู่ ถ้าหากจะหาอย่างเปิดเผยแล้วละก็ งานค้นหาก็จะเปลี่ยนเป็นยิ่งยากมากขึ้น
ไม่ว่ายังไงก็จะต้องระวังทุก ๆ เรื่อง
พวกเขาสามคนพูดคุยกันจนถึงดึกมาก ตอนที่กู้ฮอนก้มหน้าดูนาฬิกานั้น ก็เป็นเวลาห้าทุ่มกลางคืนแล้ว เวลานี้ช่างผ่านไปเร็วจริง ๆ
เธอส่งสายตาไปให้หยินปู้ฝันที่ยังมีอารมณ์สนทนามากมายอยู่ทีหนึ่ง
และหยินปู้ฝันก็รู้สึกถึงทันที เขาพูดกับช่ายซินซินอย่างมีมารยาทว่า “ คุณช่าย นี่ก็เวลาดึกมากแล้ว เพื่อไม่ให้เป็นการกระทบต่อการทำงานของคุณพรุ่งนี้ ผมว่าพอแค่นี้กันก่อนดีกว่า รอถ้ามีโอกาสเราค่อยมาพูดคุยกันต่ออีก?”
คนที่กำลังคุยอย่างสนุกสนานอย่างช่ายซินซินพอได้ยินหยินปู้ฝันพูดแบบนี้ ก็อดไม่ได้ที่ในใจจะไม่สบอารมณ์ขึ้นมา และยิ่งอยู่ในสถานการณ์ที่ดื่มเหล้าไปหลายแก้วแล้วด้วย
เธอมองหยินปู้ฝันและกู้ฮอนอย่างมีความหมายลึกซึ้ง มีแปดส่วนคือกำลังคิดว่าตกลงพวกเขามีความสัมพันธ์ยังไงกัน
ในเมื่อเขาไม่อยากฟังตัวเองพูดแล้ว งั้นเธอก็ไม่อยากไปแตะความรังเกียจนี้ “ ก็ได้ วันนี้ก็พอแค่นี้ละกัน คุณหยิน การได้พูดคุยกับคุณมันทำให้ฉันดีใจมากจริง ๆ ส่วนคุณกู้ ฉันก็ดีใจมากที่ได้รู้จักกับคุณค่ะ รอถ้าธุระของพวกคุณทำเสร็จแล้วค่อยมาหาฉันนะคะ”
พูดแล้วเธอก็ลุกขึ้นมาจากที่นั่ง เวลานี้ ฤทธิ์ของเหล้ากำลังขึ้นสมองพอดี ร่างกายเธอมีความโอนเอียงไปมาเล็กน้อย
หลังจากที่หยินปู้ฝันจ่ายเงินเสร็จแล้ว เขากับกู้ฮอนสองคนก็พยุงช่ายซินซินเดินมาถึงข้างทาง
“พวกคุณกลับไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวฉันโบกรถจากที่นี่แล้วก็กลับเลย” พูดแล้ว ช่ายซินซินก็เดินตัวโอนเอียงจนเกือบจะยืนไม่อยู่ ก็ยื่นมือออกไปโบกรถแท็กซี่ที่ขับผ่าน
อย่างรวดเร็ว รถแท็กซี่สีน้ำเงินคันหนึ่งก็ชิดริมจอดรถมา คนขับเป็นเด็กหนุ่มที่ดูไปแล้วน่าจะอายุประมาณยี่สิบกว่า ๆ เขาเห็นการแต่งตัวแบบนี้ของช่ายซินซินแล้ว สายตาทั้งคู่ก็ละไม่ลงทันที
เขายิ้มอย่างต่ำช้าแล้วพูดกับเธอว่า “คุณผู้หญิง คุณจะไปไหนครับ เดี๋ยวผมไปส่งคุณเอง”
“รถของฉันมาแล้ว” ช่ายซินซินพูดกับหยินปู้ฝันเสร็จ ก็เดินเอียงไปเอียงมาจนถึงข้างรถและเปิดประตูหลังรถออก
หยินปู้ฝันพูดเสียงต่ำกับกู้ฮอนว่า “คุณเห็นไหม สายตาที่ชั่วช้าเหมือนหนูของคนขับรถคนนั้น ยังดีที่ตรงนี้ห่างจากโรงแรมไม่มากนัก คุณกลับไปพักผ่อนก่อนละกัน เดี๋ยวผมไปส่งเธอกลับบ้าน”
***
หยินปู้ฝันพูดเสียงต่ำกับกู้ฮอนว่า “คุณเห็นไหม สายตาที่ชั่วช้าเหมือนหนูของคนขับรถคนนั้น ยังดีที่ตรงนี้ห่างจากโรงแรมไม่มากนัก คุณกลับไปพักผ่อนก่อนละกัน เดี๋ยวผมไปส่งเธอกลับบ้าน”
พอเจอสถานการณ์อย่างนี้ ถึงแม้กู้ฮอนจะไม่ประทับใจช่ายซินซินมากแค่ไหน แต่ถ้าต้องเผชิญกับเรื่องแบบนี้ ในฐานะที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ก็ยังคงโอนเอียงไปทางความเห็นใจของเธอ
ตอนที่นายส่งเธอกลับไประวังหน่อยนะ เดี๋ยวฉันเดินกลับไปเองก็พอแล้ว พูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินแล้วเดินไปทางโรงแรมคนเดียว
หยินปู้ฝันที่อยู่ต่อ เขาเห็นช่ายซินซินกำลังจะก้าวขาขึ้นรถแล้ว ก็รีบร้อนดึงเธอกลับมาอยู่ข้างกาย
“นี่พี่ชาย คุณหมายความว่ายังไงกันเนี่ย?” คนขับรถคนนั้นท่าทางดูไม่ค่อยพอใจ ไม่รู้ว่าเขาเป็นเพราะต้องขาดรายได้ส่วนนี้เข้า ก็เลยไม่พอใจ หรือว่าเป็นเพราะเหตุผลอื่นกันแน่
หยินปู้ฝันยังถือว่าเกรงใจ เขาก้มหัวลงแล้วพูดกับคนขับรถว่า “ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ เดี๋ยวผมส่งเธอกลับไปเองครับ”
“เชี่ย แมร้ง!” หลังจากที่คนขับรถคนนั้นพูดคำหยาบคายเสียงเบาแล้วก็ขับรถจากไปเลย
ช่ายซินซินที่เอาหัวพิงไว้บนหัวไหล่ของหยินปู้ฝันนั้น ดวงตาที่หรี่ลงคู่นั้นก็มีแสงสว่างกะพริบขึ้นมาทันที ริมฝีปากอวบอิ่มของเธอก็โค้งเป็นมุมที่สวยงามขึ้นมา
*
หลังจากที่กู้ฮอนแยกจากหยินปู้ฝันแล้ว ก็เดินไปตามทางที่ไปสู่โรงแรมที่พักคนเดียว ยังดีที่เส้นทางนี้ทั้งคนและรถยังมีอยู่ไม่น้อย เพราะฉะนั้นยังสามารถให้ความรู้สึกที่ค่อนข้างปลอดภัยให้แก่เธอได้
ตอนกลางคืนของเมืองC ถึงแม้บ้านผู้คนและรถราจะมีไม่น้อย แค่กลับไม่มีความอึกทึกครึกโครมแบบเมืองA ทำให้ดูมีความสงบมากมาย
เดินอยู่บนทางตัวคนเดียว สายลมที่บังเอิญพัดผ่านมาบางครั้งก็ยังทำให้กู้ฮอนรู้สึกสบายขึ้นหลายเท่า
นี่ก็ทำให้เธอครุ่นคิดได้ดีว่า พรุ่งนี้ควรจะเป็นวันยังไง ก่อนอื่นจะไปถึงบ้านพ่อแม่ของเสี่ยวเฉินตามข้อมูลที่ได้มาเลย หรือว่าอย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่นดี แล้วเฝ้าสังเกตการณ์ละแวกใกล้เคียงสักช่วงหนึ่งก่อน รอให้ช่วงเวลาเหมาะสมแล้วค่อยลงมือ?
แค่นึกถึงเสี่ยวเฉิน หน้าตาปากแหลมหน้าแหลมน่าเกลียดนั้นก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าตัวเอง และยังทำให้กู้ฮอนอดไม่ได้ที่ทั้งแผ่นหลังต้องมีเหงื่อเย็น ๆ ซึมออกมา
ช่วงไม่รู้ตัว เธอก็เดินมาถึงโรงแรมแล้ว
แล้วลงบนเตียงใหญ่นุ่มสบายอีกครั้ง เปิดโทรทัศน์แล้วปรับเปลี่ยนช่องไปเรื่อย ๆ ห้องข้าง ๆ ก็ยังคงเงียบสงบเหมือนดังเดิม
เธอก็คิดไปถึงหยินปู้ฝันอย่างไม่รู้ตัว ใคร ๆ ก็ดูออกว่า ช่ายซินซินนั้นก็แค่แกล้งเมา และที่สำคัญความสนใจที่เธอมีต่อเขาก็หนาแน่นมาก
คิดว่าตัวหยินปู้ฝันเองไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็น่าจะรู้สึกได้
เขาส่งเธอกลับบ้านครั้งนี้ บางทีคืนนี้อาจจะเดินออกมาไม่ได้แล้ว
เฮ้อ…… กู้ฮอนถอนหายใจขึ้นเบา ๆ จากนั้นก็ใช้รีโมตในมือปิดโทรทัศน์ลง จากนั้นก็ตะแคงตัวไปให้หน้าตรงกับหน้าต่างที่มีผ้าม่านปิดสนิทแล้วหลับตาลง
ค่ำคืนนี้ ถึงแม้ก่อนหน้านี้เธอจะมีเรื่องให้คิดมากมาย แต่ว่าก็ยังคงนอนหลับได้อย่างสนิท จนกระทั่งถึงตอนที่เธอโดนเสียงโทรศัพท์ปลุกตื่น
นอนตื่นนี้เธอหลับได้สบายมากจริง ๆ จนเธอไม่อยากจะลืมตาขึ้นเลย ได้แต่ยื่นมือออกไปควานหาตำแหน่งของโทรศัพท์
“ฮัลโล……”
“นี่มันกี่โมงแล้ว ยังไม่ตื่นอีก เราเตรียมจะออกเดินทางแล้วนะ” ในโทรศัพท์มีเสียงที่เหมือนกับว่าชาร์จไฟมาเต็มที่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมของหยินปู้ฝันลอยมา
กู้ฮอนขมวดคิ้วเป็นปม แล้วใช้แรงลืมตาขึ้น ทั้งห้องยังคงมืดสลัว
“นี่นายโดยช่ายซินซินคนนั้นฉีดเลือกไก่เข้าไปใช่ไหม ฟ้ายังไม่สว่างเลย” กู้ฮอนพูดไป แล้วก็หาวขึ้นมาอีกครั้ง
“ฉีดเลือดไก่อะไร คุณลืมตาดูดี ๆ นี่มันกี่โมงแล้ว ให้เวลาคุณยี่สิบนาทีนะ ผมรอคุณอยู่ในห้องอาหารข้างล่าง”หยินปู้ฝันพูดจบก็วางโทรศัพท์ลง
เวลานี้กู้ฮอนถึงค่อยมีสติขึ้นมาหน่อย หลังจากที่เธอบิดขี้เกียจแล้วก็ลุกขึ้นมานั่ง แล้วเปิดไฟในห้องดูถึงรู้ โอ้แม่เจ้า นี่มันตอนสายเก้าโมงแล้วนี่ ไม่ได้รู้สึกว่านอนนานขนาดนั้นซะหน่อย
***
สรุปเวลาไม่เช้าแล้วจริง ๆ กู้ฮอนรีบลงจากเตียง แล้วยื่นมือออกไปใช้แรงดึงผ้าม่านที่หนาและหนักออก แสงสว่างก็สาดส่องเข้ามาเต็มห้องทันที
เธอที่คุ้นชินกับความมืดสลัวอยู่นั้นก็รีบยกมือขึ้นมาบังดวงตาไว้ตามสัญชาตญาณ
ยังดีที่กู้ฮอนไม่ได้เหมือนกับผู้หญิงส่วนใหญ่ ที่เพื่อเรื่องแต่งตัวใส่เสื้อผ้าแล้วจะต้องเสียเวลาเป็นอย่างมาก
เธอแค่ล้างหน้าแปรงฟันง่าย ๆ แล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้า และหยิบกระเป๋าเล็กขึ้นมาก็ออกไปจากห้องอย่างรีบร้อนเลย
***
“สิบห้านาที……ความเร็วของเธอนี่เร็วขึ้นไม่น้อยเลยนะ หิวหรือยัง มากินอะไรก่อนสักหน่อยดีกว่า” หยินปู้ฝันเลื่อนถาดที่มีนมกับแซนด์วิชมาไว้ตรงหน้ากู้ฮอนเบา ๆ อย่างมีความสุข
กู้ฮอนมองเขาทีหนึ่ง “สีหน้านายวันนี้ไม่เลวเลยนะ ดูท่าแล้วผลของการเก็บเดือนมาทดแทนตะวันคงจะดีมากเลยทีเดียว”
“เก็บเดือนมาทดแทนตะวันอะไร?” หยินปู้ฝันนิ่งอึ้งไปก่อน จากนั้นก็ค่อยยิ้มออกมา “คุณนี่สมแล้วที่เป็นนักเขียนนิยายคนหนึ่ง จินตนาการนี้ไม่ให้ผมชื่นชมไม่ได้แล้ว ดูแล้วผมจำเป็นจะต้องเอาเรื่องราวของเมื่อคืนมารายงานกับคุณสักหน่อยแล้ว”
ต่อจากนั้น เขาก็เอาเรื่องราวหลังจากที่เธอจากไปแล้วมาเล่าอย่างง่าย ๆ ให้กู้ฮอนฟังหนึ่งรอบ
หยินปู้ฝันพยุงช่ายซินซินที่แกล้งเมาไปขึ้นรถตัวเอง หลังจากถามที่อยู่ของเธอได้แล้ว เขาก็ตรงไปส่งเธอถึงบ้านเลย
แต่ว่าตอนที่เขาเตรียมตัวกำลังจะจากไปนั้น ตัวตนที่แท้จริงของช่ายซินซินก็เปิดเผยออกมา เธอใช้มือกอดคอของหยินปู้ฝันเอาไว้เพื่อไม่ให้เขาจากไป และที่สำคัญยังใช้ร่างกายตัวเองถูไถร่างกายของเขาอีกด้วย
สำหรับการเตือนที่เห็นได้ชัดแบบนี้ คิดว่าผู้ชายประมาณหกถึงเจ็บสิบเปอร์เซ็นต์ก็ต้องรู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไป แต่ว่าหยินปู้ฝันกลับเป็นพวกจำนวนเปอร์เซ็นต์ที่เหลือ
มือของเขาค่อย ๆ แกะมือของเธอออกจากคอตัวเอง จากนั้นก็ใช้น้ำเสียงที่ค่อนข้างอ่อนโยนพูดกับเธอ “วันนี้ขอบคุณการรับรองของคุณมาก ตอนนี้คุณเมามากแล้ว และต้องการการพักผ่อน ไว้อีกไม่กี่วันถ้าธุระของผมเรียบร้อยแล้ว ค่อยมาขอบคุณคุณดี ๆ อีกครั้ง”
พอพูดจบ เขาก็หมุนตัวจากบ้านเธอไปแบบไม่หันกลับไปมองอีกเลย แล้วก็ขับรถกลับมาถึงโรงแรมเลย
หลังจากกลับมาแล้ว ตอนแรกกะว่าจะทักทายกู้ฮอนสักหน่อย แต่พอดูเวลา มันถึงเที่ยงคืนครึ่งแล้ว เวลานี้เธอน่าจะนอนหลับไปแล้ว เพราะฉะนั้นก็เลยไม่ได้โทรศัพท์หาเธอ หรือว่าเคาะประตูห้องเธอ
หลังจากที่กู้ฮอนฟังจบแล้ว ก็หยิบแซนด์วิชขึ้นมากัดหนึ่งคำ “เมื่อว่าฉันเห็นพวกนายคุยกันถูกคอซะขนาดนั้น ยังนึกว่านายมีความรู้สึกกับเธอแล้วซะอีก แล้วพอดีที่ตอนกลางคืนเขาให้โอกาสนาย นายยังไม่รีบรักษาไว้ดี ๆ อีก คิดไม่ถึงนายนี่มันจะเป็นพวกสาวงามมาอยู่ในอ้อมอกแล้วยังไม่หวั่นไหวอีก