บทที่ 1013 ปลดออกจากตำแหน่ง
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้หญิงที่อ่อนแอ ผู้ชายหลายคนก็ยังอดไม่ได้ที่จะมีความสงสาร ผู้ถือหุ้นทุกคนต่างเห็นด้วยกับคำพูดของเป่หมิงยี่เฟิง และมองไปที่กู้ฮอน แม้ว่าคำแก้ตัวของเธออาจจะไม่ได้เปลี่ยนความตั้งใจเดิมของพวกเขาก็ตาม
“ฉันขอโทษจริงๆ ฉันไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ สำหรับความเสียหายที่เกิดกับบริษัทเป่หมิง ฉันพูดได้แค่ว่าขอโทษจริงๆ”
***
ทุกคนพูดไม่ออกกับคำตอบของกู้ฮอน
“ดูเหมือนว่าคุณกู้จะไม่ต้องการให้คำอธิบายใดๆแล้ว ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องบังคับคุณ ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะให้เหตุผลในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป และก็มีหน้าที่จะต้องรับผลที่ตามมาด้วย ต่อไปเรามาดูกันว่าคุณกู้จะยังมีสิทธิ์ดำรงตำแหน่งประธานบริษัทเป่หมิงหรือไม่” ประธานการประชุมในครั้งนี้คือชายชราคนหนึ่ง ที่มีอายุอ่อนกว่าเป่หมิง เจิ้งเทียนไม่กี่ปี
นามสกุลของเขาคือหลิว ทุกคนต่างเรียกเขาว่า ท่านหลิว เหมือนติงฉางชิ่งไม่มีผิด เขาเป็นพนักงานเก่าแก่ของบริษัทเป่หมิง เพียงแต่ว่าเขาปลดเกษียณไปตั้งนานแล้ว ส่วนที่เขาไม่เหมือนกับติงฉางชิ่งก็คือ เขาไม่สนใจในเรื่องของชื่อเสียง ดังนั้นทุกคนในบริษัทเป่หมิงจึงเชื่อในตัวเขา จนได้รับเลือกให้เป็นประธานในการประชุมในวันนี้
ที่เขามาในวันนี้ก็เพราะว่ามีคณะกรรมการในบริษัทได้ไปเชิญเขามาด้วยตัวเองจากบ้าน เพราะว่าตอนนี้ในบริษัทเป่หมิงต้องเผชิญกับการตัดสินใจครั้งใหญ่ ท่านหลิว จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
เขาพูดและขยับแว่นดำบนสันจมูกของเขา “ในเมื่อเป็นอย่างนี้แล้วผมขอประกาศว่า คุณกู้ฮอน ดำรงตำแหน่งประธานบริษัทเป่หมิงคนที่สาม เมื่อได้ทำประโยชน์ให้กับบริษัทและที่เธอได้ตำแหน่งประธานบริษัทมาก็ไม่ได้ผ่านการยอมรับจากคณะกรรมการจึงถือว่าไม่เป็นผลในทางกฎหมาย ดังนั้นผมขอปลดคุณกู้ฮอนออกจากตำแหน่งประธานบริษัทเป่หมิง ใครมีข้อขัดข้องหรือไม่”
“ไม่”
สมาชิกในคณะกรรมการต่างเห็นด้วยทั้งหมด
ท่านหลิว พยักหน้าแล้วมองไปที่กู้ฮอน ตอนนี้คุณไม่ใช่ประธานบริษัทเป่หมิงอีกต่อไปแล้ว ขอให้คุณย้ายของออกไปจากห้องประธานภายใน 24 ชั่วโมง ถ้ามีเรื่องอะไรให้ต้องจัดการ พวกเราสามารถเรียกคนให้ไปช่วยคุณได้”
กู้ฮอนไม่ใช่ประธานบริษัทอีกต่อไปเธอรู้สึกประหม่าไม่น้อย ในทางกลับกันเธอก็รู้สึกสบายใจด้วย เธอได้เป็นคนธรรมดาแล้ว
ราวกับว่าก้อนหินที่ทับอยู่ในใจของเธอได้ยกออกไป เธอลุกออกจากตำแหน่ง และพูดว่า “เชิญทุกคนประชุมกันต่อไปเลยค่ะ สถานะของฉันในตอนนี้คงไม่สะดวกที่จะร่วมประชุมในวาระต่อไปแล้ว”
พูดจบเธอก็เดินไปที่ประตูห้องประชุมอย่างใจเย็น เธอเต็มใจที่จะออกไปอย่างสมัครใจ เพราะไม่อยากที่จะถูกคนอื่นขับไล่ นั่นคงน่าอับอายมาก อย่างน้อยวิธีนี้ก็ทำให้เธอจากไปได้อย่างสง่างาม
*
ในห้องของท่านประธาน
กู้ฮอนว่างกล่องเปล่าลงบนโต๊ะ และใส่ของส่วนตัวเข้าไปทีละชิ้น
“คุณต้องการให้ผมช่วยมั้ย”
ฉิงฮัวยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามขมวดคิ้วมองเธอ
“ไม่ต้อง ของฉันมีน้อยมากเก็บแปบเดียวก็เสร็จ”
กู้ฮอนเงยหน้าขึ้นมามองเขา แล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณมองฉันอย่างนี้ทำไม ฉันแค่ออกจากบริษัทเป่หมิงไม่ได้บอกว่าจะออกจากบ้านคุณสักหน่อย นอกซะจากว่าคุณจะไล่ฉันไป”
ฉิงฮัวรีบยกมือขึ้นมาโบกไปมา “ผมไม่ได้หมายความว่าจะไล่คุณไปซะหน่อย ถึงคุณจะอยู่บ้านของพวกผมไปตลอดชีวิต พวกเราก็ไม่ว่าอะไร”
กู้ฮอนหยุดมือลง แล้วมองไปที่ฉิงฮัว พร้อมยิ้มออกมา “ งั้นก็ดีสิ ฉันกับลูกๆสามคนจะอยู่ในบ้านของคุณต่อไป รอจนกระทั่งพวกคุณเป็นคุณปู่ คุณย่า ค่อยออกไปจากบ้านแล้วกัน ระยะเวลานานขนาดนั้น หวังว่าพวกคุณจะไม่เบื่อพวกเราซะก่อนนะ”
***
ฉิงฮัวโบกมือไปมา “พวกเราจะรำคาญพวกคุณได้ยังไง มีคุณอยู่เป็นเพื่อนไม่รู้เฉียวเฉียวจะดีใจขนาดไหน ไหนจะแอนนิอีก”
“เห้อ ทำไมถึงคิดอะไรสวยงามอย่างงั้น ไม่มีงานเลี้ยงไหนไม่เลิกลา แม้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเราจะดีมาก แต่สุดท้ายทุกคนก็ต้องเดินไปตามทางของตัวเอง วันนี้คุณไม่ต้องไปรับเฉิงเฉิง เดี๋ยวฉันจะไปรับเอง คุณทำธุระของคุณไปเถอะ คิดว่าอีกไม่นานประธานคนใหม่คงจะมาแล้ว คาดว่าหลังจากนี้ในฐานะเลขาคุณคงจะยุ่งขึ้นมาบ้างแล้ว” กู้ฮอนพูดจบ ก็ก้มหน้าเก็บของตัวเองต่อไป
เมื่อเธอปิดผนึกกล่องที่บรรจุของใช้ส่วนตัวเสร็จด้วยเทป และกำลังจะนำมันออกไป ประตูห้องทำงานก็เปิดออก
เป่หมิงยี่เฟิงเดินเข้ามา และข้างหลังของเขายังตามมาด้วยถังเทียนจื๋อ
“การประชุมจบแล้วหรอ” กู้ฮอนมองไปที่เขาแล้วถาม
เป่หมิงยี่เฟิงเดินมาตรงหน้าของเธอ แล้วพยักหน้า
“ถ้าฉันเดาไม่ผิดละก็ คุณคงเป็นประธานบริษัทเป่หมิงคนต่อไป” ท่าทางของกู้ฮอนสงบมาก ราวกับว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวเองเลย
“ใช่เมื่อสักครู่่คุณชายเป่หมิงเพิ่งจะได้รับแต่งตั้งเป็นประธานคนที่สี่” เป่หมิงยี่เฟิงยังไม่ทันได้ตอบ ถังเทียนจื๋อที่เดินมาข้างหลังก็แย่งตอบเสียก่อน
“อ๋อ งั้นก็ยินดีกับคุณด้วยในที่สุดความปรารถนาก็เป็นจริงสักที”
“ฉันเก็บของเสร็จแล้ว ห้องนี้ยกให้คุณแล้วกัน หวังว่าคุณจะทำประโยชน์ได้มากกว่านี้ แม้ว่าจะไม่เก่งเท่าคุณปู่ และคุณอาสองของคุณก็ตาม แต่อย่างน้อยก็คงจะแข็งแกร่งกว่าฉัน อนาคตของบริษัทเป่หมิงต้องพึ่งคุณแล้ว”
กู้ฮอนพูดจบก็ย้ายกล่องเล็กๆออกไปที่ประตู
“กู้ฮอน เดี๋ยวก่อน…” ในตอนนั้นเป่หมิงยี่เฟิงก็รีบเดินมาตรงหน้าของเธอ “เธอยังไปไม่ได้ ฉันขอใช้อำนาจของประธานบริษัทเป็นประการแรก สั่งให้เธอมาเป็นผู้ช่วยของฉัน เธอจะทำอะไรก็ได้ ขอแค่เธอยังได้อยู่ที่นี่ต่อไป”
กู้ฮอนมองเขาแล้วยิ้ม “ขอโทษจริงๆค่ะ ฉันอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้จริงๆ ฉันยังมีลูกอีกสามคน พวกเขาต้องการฉัน และฉันก็ละอายใจกับบริษัทเป่หมิง ละอายใจต่อทุกคนที่นี่ ถ้าคุณอยากหาผู้ช่วยล่ะก็ ฉันบอกคุณไปแล้วไม่ใช่หรอว่าฉิงฮัวนั้นไม่เป็นสองรองใคร”
พูดจบเธอออกไปโดยไม่หันกลับมาอีก
เสียงที่ดัง และเป็นจังหวะของรองเท้าส้นสูงเดินไปตามทาง และหายไปในที่สุด
กู้ฮอนเดินมาถึงทางจอดรถ และนำกล่องเล็กๆของเธอวางไว้ในรถ จากนั้นจึงเข้าไปนั่ง
เธอต้องจากที่นี่ไปแล้วจริงๆ ไปจากตึกบริษัทเป่หมิงแห่งนี้ แม้ว่าเธอจะอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน แต่ความทรงจำก็มีมากมาย
เธอสตาร์ทรถ และเตรียมขับออกไป
เสียงของเครื่องยนต์ดังไปทั่วลานจอดรถในชั้นล่างอย่างต่อเนื่อง นี่เป็นการอำลาบริษัทเป่หมิง และเธอจะไม่มาปรากฏตัวที่นี่อีก
เธอปล่อยเบรก เข้าเกียร์ และค่อยๆขับรถตรงไปที่ทางออก
ไม่นานนัก เธอก็พบกับท้องฟ้าที่สดใส
***
ชั้นบนสุดของบริษัทเป่หมิง ชายคนหนึ่งสวมชุดสูทมองลงไปข้างล่างทางหน้าต่าง ก่อนจะก้มหน้าลง
“เธอไปแล้วจริงๆ”
ทันใดนั้นเป่หมิงยี่เฟิงก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย ตอนนี้เขาได้กลายเป็นประธานบริษัทเป่หมิง ในที่สุดความฝันของเขาก็เป็นจริง
แต่เมื่อเขาได้รับตำแหน่งนี้จริงๆ เขากลับไม่ได้มีความยินดีอย่างนั้น ความฝันกับความเป็นจริงช่างต่างกัน และเขาก็พึ่งจะเข้าใจความรู้สึกของเป่หมิงโม่ตอนที่ได้ดำรงตำแหน่งนี้ ว่าช่างน่าเบื่อ และเย็นชาราวกับว่าอนาคตข้างหน้ากำลังจะจบลง
จากตอนนี้เขาต้องไล่ตามอะไรอีก
สิ่งนี้อาจเป็นคำถามที่พวกคนหลายพันคนที่ก้าวมาถึงจุดสุดยอดในชีวิตต่างถามตัวเองอยู่ตลอดเวลา ว่าขั้นตอนต่อไปคืออะไร อนาคตฉันต้องไปทางไหนต่อ
*
“แม่ ทำไมวันนี้ถึงมีเวลามารับพวกเราได้ คุณลุงหัวฟูล่ะ” หยางหยางเป็นคนแรกที่เปิดประตูรถเข้ามา
“ทำไมล่ะ แม่มารับกลับบ้านก็ไม่ได้หรอ” กู้ฮอนมองลูกชายที่คาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จแล้ว
ในตอนนั้นเธอไม่ได้มีความรู้สึกเสียใจแล้ว และสภาพจิตใจของเธอก็ดีขึ้นกว่าเดิมมาก
“แฮะแฮะ แม่ ผมจะกล้าได้ยังไงแค่รู้สึกว่ามีอะไรแปลกไปเล็กน้อยก็เท่านั้น”
“ลูกเห็นอะไรไม่เหมือนเดิมล่ะ ไหนลองพูดมาซิ”
หยางหยางขมวดคิ้ว “ผมไม่รู้จะพูดยังไงดีแค่มีความรู้สึกเท่านั้น แต่ผมยืนยันได้ว่าวันนี้อารมณ์ของคุณแม่ดีไม่น้อย คงต้องเจอกับเรื่องอะไรดีๆมาแน่”
กู้ฮอนพยักหน้าลง “เจอเรื่องดีจริงๆ หลังจากนี้แม่จะเป็นคนไปส่งทุกคนไปเรียน และรับกลับบ้านเอง”
หลังจากนั้นเฉิงเฉิง และจ้าวจิงอี้ก็ขึ้นรถมา
หยางหยางหันหน้าไปมองเฉิงเฉิงแล้วพูด “เมื่อกี๊แม่บอกว่าหลังจากนี้แม่จะมารับ และมาส่งพวกเราทุกวัน”
เฉิงเฉิงรู้สึกแปลกใจ “แม่อย่างนี้จะไม่ทำให้แม่ไปทำงานสายหรอ”
“ไม่สายหรอก เพราะตั้งแต่วันนี้แม่ลาพักร้อน สามารถอยู่เป็นเพื่อนลูกได้ตลอดเวลา” กู้ฮอนพูดจบก็ขับรถพาลูกสามคนออกไปจากโรงเรียน
*
“กู้ฮอนเธอพูดว่ายังไงนะ เธอไม่ได้เป็นประธานบริษัทแล้วหรอ นี่มันเกิดอะไรขึ้น เรื่องนี้ต้องมีคนอยู่เบื้องหลังแน่เธอไม่ต้องกังวลใจ ฉันมีวิธีจัดการกับคนเหล่านี้ ฉันไม่เชื่อหรอกว่านี่จะเป็นแค่ปัญหาภายในธรรมดา มันต้องมีอะไรซับซ้อนกว่านั้นแน่ๆ”