บทที่ 1033 การเริ่มต้นครั้งใหม่
กู้ฮอนยิ้มน้อยๆ เดินไปถึงข้างกายจิ่วจิ่วแล้วอุ้มเธอขึ้นมานั่งบนแขนของตัวเอง
ใช้นิ้วชี้ไปที่เกล็ดสีขาวนอกบานหน้าต่าง “นี่คือเกล็ดหิมะ มันเหมือนกับฝนตรงที่ล้วนโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า ลูกดูสิ แต่ละเกล็ดสวยงามมาก พวกมันลอยไปหล่นอยู่บนกิ่งไม้ บนหลังคาบ้าน บนผืนดิน……ก็เหมือนกับปกคลุมด้วยผ้านวมอีกหนึ่งชั้น ทารกน้อยรีบดูเร็วเข้า!”
จิ่วจิ่วมองอย่างตะลึงพรึงเพริด ในตอนนี้เกล็ดหิมะที่โปรยปรายลงมานั้นหนักขึ้นกว่าเดิม ในไม่ช้าก็เปลี่ยนเป็นหิมะที่ตกหนักเหมือนกับขนห่านอย่างไรอย่างนั้น
ภายในเวลาไม่กี่นาที ด้านนอกก็กลายเป็นสีขาวโพลนแล้ว
“ว้าว! ว้าว!” ตอนนี้เองที่ได้ยินเสียงโห่ร้องของเด็กลอยขึ้นมาจากชั้นล่าง ถัดมาก็เห็นเด็กชายสองคนวิ่งออกมาจากตัวบ้าน ย่ำเท้าไปบนหิมะอย่างมีความสุข
หิมะบนพื้นที่ยังไม่มีรอยเปรอะเปื้อนทิ้งรอยเท้าเล็กๆเป็นทางยาวสองทาง
“คือพี่เฉิงเฉิงกับพี่หยางหยาง……” จิ่วจิ่วชี้นิ้วไปที่ร่างเล็กๆสองคนด้วยความดีอกดีใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ทั้งยังร้องเรียกด้วยเสียงที่โอบกอดความคาดหวังอยู่บ้าง
กู้ฮอนก็เห็นด้วยเช่นกัน จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย
เฉิงเฉิงนั้นตื่นเช้าจนเป็นนิสัยนั้นไม่แปลก แต่หยางหยางในวันนี้นั้นหาได้ยากจริงๆ เมื่อครู่ยังเตรียมตัวที่จะไปหิ้วหยางหยางขึ้นมาจากเตียง หลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ทารกน้อยเสร็จ
เจ้าลูกคนนี้นี่จริงๆเลย แค่พูดถึงเรื่องการเล่นก็ไม่จำเป็นต้องมีคนเรียก ล้วนเป็นฝ่ายเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง
“ทารกน้อง พวกเรารีบสวมเสื้อผ้าให้เสร็จ แล้วรีบออกไปเล่นด้วยกันกับพี่ๆดีไหมเอ่ย”
กู้ฮอนพูด หยิบเสื้อผ้าของตัวเองและจิ่วจิ่วออกมาจากตู้เสื้อผ้า
ผ่านไปครู่หนึ่ง บนลานหิมะนั้นก็มีเงาร่างเล็กๆเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง ข้างกายเธอยังมีสุนัขเหนื่อยหน่ายอีกตัวหนึ่ง
จิ่วจิ่วเปลี่ยนเป็นเสื้อขนเป็ดสีเหลืองสว่างตัวหนึ่ง เธอกดแขนเล็กๆลงไปบนพื้นหิมะอย่างระมัดระวังจนเกิดเสียง “สวบ สวบ”
“เฉิงเฉิง หยางหยาง ดูแลน้องดีๆด้วยนะ” กู้ฮอนยืนอยู่ที่หน้าประตู เอ่ยพูดเสียงดัง
“รู้แล้วครับแม่” หยางหยางกำลังนั่งยองๆก้มหน้าอยู่บนพื้นหิมะ ในไม่ช้าก็ปั้นลูกบอลหิมะออกมาได้ลูกหนึ่ง จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน เล็งไปทางเฉิงเฉิงที่ปั้นตุ๊กตาหิมะอยู่ไม่ไกล แกว่งแขน พลางตะโกนเสียงดังว่า “ยิง!”
ลูกบอลหิมะถูกโยนออกไปพร้อมกับเสียงที่ดังขึ้น ทั้งยังปะทะเข้ากับแผ่นหลังของเฉิงเฉิงอย่างแม่นยำ
“ฮ่าๆ……” จิ่วจิ่วที่ยืนอยู่ด้านข้างส่งเสียงหัวเราะออกมา
เฉิงเฉิงในตอนนี้ก็หันกลับมา เขาก็ปั้นลูกบอลหิมะขึ้นมาลูกหนึ่งแล้วขว้างไปทางหยางหยางโดยไม่เกรงใจแม้แต่น้อย
แต่ว่าเขาคำนวณพลาดเล็กน้อย หยางหยางหลบไปได้อย่างคล่องแคล่ว จากนั้นก็ทำหน้าตาทะเล้นใส่เขา “ปาไม่โดน ปาไม่โดน…….”
“หนูก็จะปั้น หนูก็จะปั้นด้วย พี่ชายสอนหนูหน่อย” จิ่วจิ่วเดิมก็อยากจะปั้นด้วยตัวเองลูกหนึ่ง แต่ว่าหลังจากที่มือเล็กๆของเธอคว้าหิมะมากำหนึ่งแล้วออกแรงเพียงเล็กน้อย หิมะก็กระจายแล้ว
ในมือเหลือเพียงแค่เศษหิมะเล็กๆน้อยๆที่ใกล้จะละลายเป็นน้ำ
“พี่จะสอนเธอปั้น พี่ปั้นได้ดีที่สุดเลย” หยางหยางวิ่งมาถึงข้างกายจิ่วจิ่วอย่างรวดเร็ว
“พวกเราต้องโกยหิมะบนพื้นมากองรวมกันก่อน จากนั้นก็ออกแรงกดเล็กน้อย ยกหิมะกองนี้ขึ้นมา จากนั้นก็หมุนไปหมุนมาในมือเล็กน้อยก็เสร็จแล้ว น้องดูสิ……” ในไม่ช้า ลูกบอลหิมะก็อยู่ในมือของหยางหยางแล้ว
จิ่วจิ่วทำตามที่หยางหยางสอน ในไม่ช้าก็ทำออกมาได้ลูกหนึ่งเช่นกัน เพียงแต่ว่ามือของเธอขนาดค่อนข้างเล็ก จากนั้นก็หยิบลูกบอลหิมะขึ้นมา หมุนตัวขว้างไปทางหยางหยาง
“อ๊ะ น้องสาว น้องชั่วร้ายมาก เพิ่งจะสอนน้องไปเอง น้องก็มาโยนใส่พี่แล้ว ระวังพี่จะโต้กลับนะ” หยางหยางหัวเราะฮาฮา พลางเอ่ยขู่
จิ่วจิ่วไปถึงข้างกายเฉิงเฉิงอย่างรวดเร็ว “หนูไม่กลัวหรอก มีพี่เฉิงเฉิง และยังมีเบลล่าด้วย พวกเราสามคนสู้กับพี่คนหนึ่ง”
***
เช้าตรู่นี้เต็มไปด้วยความสุข แม้ว่าจะเป็นยามเช้าที่ทำให้ผู้คนรู้สึกเร่งรีบเช่นกัน
แน่นอนว่า อาทิตย์นี้ก็เต็มไปด้วยความหวังอาทิตย์หนึ่ง
เพราะว่าวันเสาร์นี้เป็นเทศกาลคริสต์มาสที่คนยุโรปให้ความสำคัญมากที่สุด
ส่วนคนในประเทศพวกเราก็มีความพิเศษอย่างหนึ่ง นั่นก็คือมักจะฉลองเทศกาลที่ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับตัวเองแม้แต่น้อยเหมือนกับเทศกาลของตัวเอง เทศกาลคริสต์มาสเป็นเช่นนี้ เทศกาลวาเลนไทน์เป็นเช่นนี้ เทศกาลแห่งการโกหกก็เป็นแบบนี้เช่นเดียวกัน
อาจจะเป็นเพราะว่าคนในประเทศในตอนนี้ต้องการเทศกาลมากขึ้น เพื่อเป็นข้ออ้างในการผ่อนคลายจากการใช้ชีวิตที่เคร่งเครียดมากขึ้นเรื่อยๆของตัวเอง เป็นข้ออ้างที่สร้างความสุขในการใช้ชีวิตอย่างหนึ่ง
แน่นอนว่า สำหรับเด็กๆนั้น นอกจากไปเรียนแล้วก็ล้วนสามารถใช้เวลานอกเหนือจากนั้นฉลองเทศกาลได้เหมือนกัน แน่นอนว่าในวันนี้ ไม่ใช่วันหยุดของพวกเขา จึงยังจำเป็นต้องไปเรียนอยู่
เพียงแต่ว่าก่อนที่จะออกจากบ้านนั้น พวกเขาเล่นหิมะที่อยู่บนพื้นกันอย่างสนุกสนานครู่หนึ่งเท่านั้นเอง
ภายในบ้านพักที่อบอุ่น ผู้ใหญ่ล้วนยุ่งวุ่นวายกับเรื่องของตัวเอง
แม้ว่าตอนนี้แอนนิจะยุ่งวุ่นวายอยู่กับการทำอาหารให้คนในบ้านทั้งหมด แต่ว่านี่ไม่ใช่งานหลักของเธอ
ตั้งแต่สองอาทิตย์ก่อนเทศกาลคริสต์มาส อาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัทGT เร่งดำเนินการเสร็จอย่างราบรื่น
อาศัยความเร็วในการก่อสร้างของวันนี้มาพูด ก็ไม่ได้เร็วที่สุด เพราะตอนนี้พูดว่า ใช้เวลา 90 วันในการก่อสร้างอาคาร 15 ชั้น อาคารหนึ่งนั้นไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจแล้ว
สำหรับบริษัทเป่หมิงที่รับผิดชอบโครงการก่อสร้างทั้งหมดนี้ ยิ่งไม่นับว่าเป็นปัญหา แน่นอนว่า นอกจากการรับประกันความเร็วในการก่อสร้างแล้ว ในเวลาเดียวกันก็ควบคุมคุณภาพของโครงการก่อสร้างอย่างเข้มงวดด้วยเช่นกัน
สิ่งเหล่านี้ล้วนต้องยกเครดิตให้กับการดูแลและควบคุมของฉิงฮัว
จากนั้น แอนนิก็กลายเป็นนักธุรกิจลอตแรกที่เข้ามาประจำการที่นี่ พร้อมทั้งได้รับกุญแจร้านค้าชั้นบนตามสัญญาที่ได้ตกลงกับเธอเอาไว้ล่วงหน้า
ตอนนี้หลังจากที่เธอยุ่งวุ่นวายกับอาหารเช้าเสร็จแล้วก็จะออกจากบ้านกับกู้ฮอนและฉิงฮัวด้วยกัน
หลังจากที่กู้ฮอนส่งเด็กๆไปเรียนแล้ว ก็จะเลยไปส่งแอนนิที่อาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัทGT
ตอนนี้ร้านอาหารของแอนนิอยู่ระหว่างการตกแต่ง บวกกับกู้ฮอนที่ปกติแล้วก็ไม่มีธุระอื่นๆอะไร ดังนั้นจึงอยู่ช่วยทำงานเป็นเพื่อนเธอด้วยกันที่นี่
ส่วนลั่วเฉียวนั้น ตอนนี้ลูกก็โตขึ้นเล็กน้อย เลี้ยงง่ายขึ้นเยอะ โดยเฉพาะคุณยายและคุณตาของเด็กที่ล้วนชื่นชอบเขาเป็นอย่างมาก เกือบทุกวันล้วนหอบของมาเยี่ยมพวกเธอแม่ลูก
นี่ทำให้แอนนิและกู้ฮอนสามารถยุ่งกับการทำงานในเรื่องที่พวกเธอต้องทำได้อย่างเต็มที่
ในไม่ช้า กู้ฮอนก็มาปรากฏตัวที่หน้าประตูบ้านพักอีกครั้งหนึ่ง เธอโบกมือให้กับลูกๆ “เด็กๆ ถึงเวลาทานข้าวแล้ว”
เห็นเพียงแค่พื้นเรียบเล็กๆส่วนหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจะทะเลสาบ มีเด็กๆสามคนกำลังนั่งยองๆอยู่ตรงนั้น เบื้องหน้าพวกเขานั้นปั้นตุ๊กตาหิมะที่มีขนาดเตี้ยกว่าพวกเขาหนึ่งศีรษะออกมาตัวหนึ่ง
ใช้ก้อนหินเป็นดวงตา ใช้กิ่งไม้แห้งที่หล่นลงมาเป็นแขน……
เมื่อได้ยินเสียงเรียกของคุณแม่ พวกเขาก็ล้วนลุกขึ้นยืน พลางหันหน้าไปโบกมือให้กับกู้ฮอน “พวกเราจะกลับไปเดี๋ยวนี้ครับ”
ในไม่ช้า เทวดานางฟ้าตัวน้อยๆทั้งสามคนก็ยืนอยู่ที่ด้านหน้ากู้ฮอน
“พวกลูกสามคนน่ะเป็นเด็กซุกซน ดูบนเสื้อผ้าลูกสิ ล้วนมีแต่หิมะ” กู้ฮอนพูดไปตามพิธี แต่ว่าในใจก็รู้สึกมีความสุข เธอช่วยปัดเศษหิมะบนตัวของเด็กๆทุกคนให้เรียบร้อย ก่อนจะอนุญาตให้เข้าไปในตัวบ้าน
“หยางหยาง หาได้ยากจริงๆที่หนูจะไม่ถูกคุณแม่ของหนูหิ้วขึ้นมาจากเตียงเหมือนในวันนี้ ด้านนอกหิมะตกแล้วหรือ” ลั่วเฉียวที่อุ้มลูกน้อยเอาไว้ นั่งอยู่ในตำแหน่งที่อบอุ่นที่สุดบนโต๊ะอาหาร
“ยังตกอยู่นะครับ ปีนี้หิมะตกหนักมาก ปีที่แล้วตกแค่นิดเดียวเอง” หยางหยางพูด พลางลากเก้าอี้มานั่งอยู่ข้างกายลั่วเฉียว ยื่นมือออกไปจับแขนอวบของเด็กน้อยเบาๆ
***
“เฮ้ หนูกลับมาจากการเล่นข้างนอกแล้วล้างมือหรือยัง!” ลั่วเฉียวปัดมือของหยางหยางออกด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ
จากนั้นก็พลิกไปมา “ในเล็บยังมีเศษดินอยู่เลย รีบไปล้างมือเร็วเข้า”
หยางหยางหัวเราะฮิฮิ “ป้าเฉียวเฉียว ทำไมต้องเครียดขนาดนี้ด้วยล่ะ มือของผมก็ไม่ใช่ยาพิษ น้องชายก็ไม่ได้พูดอะไรเลยด้วย”
“หนูก็ไม่ลองคิดดูล่ะ ตอนนี้เขาสามารถพูดได้หรือ!” ลั่วฉียวนั้นใกล้จะถูกเจ้าเด็กนี่ทำให้โกรธจนเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ
“หยางหยาง รีบไปล้างมือเร็ว” กู้ฮอนรีบลากลูกชายออกมาจากข้างกายลั่วเฉียว
“ติ๊งต่อง……” เสียงกังวานสดใสของกระดิ่งหน้าประตูดังขึ้น
“ผมจะไปเปิดประตู” เฉิงเฉิงกระโดดลงมาจากม้านั่ง วิ่งไปที่หน้าประตู
เมื่อเปิดประตูดูแล้วก็ร้องเรียกอย่างดีใจว่า “คุณพ่อปู้ฝัน…..รีบเข้ามาเร็วครับ”
“เฮ้ เฉิงเฉิง” หยินปู้ฝันหัวเราะฮาฮา ยื่นมือไปลูบศีรษะของเขาเบาๆ จากนั้นก็เดินเข้าไปในตัวบ้าน
“คุณพ่อปู้ฝัน พวกเรากำลังเตรียมจะทานข้าวเลย คุณพ่อก็มาทานด้วยกันสิครับ” เฉิงเฉิงพูด ดึงมือหยินปู้ฝันไปทางห้องอาหาร
หยินปู้ฝันจึงทำได้เพียงแค่เดินตามเข้าไปด้วย
“รุ่นพี่ รุ่นพี่มาแล้ว ไม่เจอกันนานเลยนะคะ ดูเหมือนว่ารุ่นพี่จะอ้วนขึ้นเล็กน้อยนะ” ลั่วเฉียวพูด ใช้มือจับมือของลูกชายตัวเองยกขึ้นมาโบกไปมาให้กับหยินปู้ฝันเบาๆ “ลูกน้อย นี่คือคุณอาปู้ฝัน”
“ฉันอ้วนขึ้นหรือ ไม่นะ วันนี้เพิ่งจะชั่งไป ยังคงเหมือนกับแต่ก่อนอยู่” หยินปู้ฝันมองตัวเอง จากนั้นก็เดินไปข้างกายลั่วเฉียว ยิ้มบางๆให้กับเด็กน้อย พลางเอ่ยทัก “Hi เด็กน้อย”
“คุณพ่อปู้ฝัน…….” จิ่วจิ่วก็เรียกตามด้วยเช่นกัน
“สวัสดีจ้า ทารกน้อย วันนี้แต่งตัวสวยเชียว คุณแม่แต่งตัวให้เราใช่ไหมเอ่ย”
จิ่วจิ่วพยักหน้า
“พ่อปู้ฝัน…….” ตอนนี้เองที่หยางหยางกลับมาหลังจากล้างมือแล้ว เมื่อเห็นหยินปู้ฝันนั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะอาหารก็วิ่งเหยาะๆไปถึงด้านหน้าเขา “พ่อเห็นตุ๊กตาหิมะที่หน้าประตูไหมครับ”
“เห็นแล้ว หนูปั้นขึ้นมาหรือ”
“เป็นพวกเราสามคนช่วยกันปั้นครับ เป็นอย่างไร ไม่เลวใช่ไหมครับ”
“อืม ไม่เลวเลยจริงๆ”
“ปู้ฝัน นายมาแล้ว” กู้ฮอนเดินตามหลังหยางหยางเข้ามา “นายยังไม่ได้ทานข้าวสินะ ไม่สู้มาทานกับพวกเราด้วยกันเถอะ”
สิ้นสุดเสียง ก็ได้ยินเสียงกระดิ่งหน้าประตูดังขึ้นอีกครั้ง “ติ๊งต่อง…….”
“คราวนี้เป็นใครอีกกัน ปกติไม่มีใครมาสักคน ตอนนี้ก็ดี มาทีหนึ่งก็มากันหลายคน” ลั่วเฉียวที่อุ้มลูกน้อยอยู่บ่นอุบ
“อย่างไร เธอรังเกียจที่ปกติไม่มีคนมาเยี่ยมเธอหรือ เธอน่ะจริงๆเลย” หยินปู้ฝันเอ่ยพูดกับลั่วเฉียวเหมือนกับพี่ชายคนหนึ่งที่สั่งสอนน้องสาวตัวน้อย
“ผมจะไปเปิดประตู” คราวนี้เป็นหยางหยาง เข้าวิ่งไปถึงประตู
“คุณพ่อ คุณพ่อก็มาแล้ว” หยางหยางเงยหน้ามองเป่หมิงโม่ที่ยืนอยู่ที่หน้าประตู
“อืม ตุ๊กตาหิมะด้านนอกเป็นพวกลูกปั้นขึ้นมาหรือ”
หยางหยางพยักหน้า “ใช่แล้วครับ ปั้นเป็นอย่างไรบ้าง”
เป่หมิงโม่หันหน้ากลับไปมองอีกครั้ง จากนั้นก็ขมวดคิ้ว “ก็ไม่ค่อยเท่าไรจริงๆ”
“อ่อ” เดิมหยางหยางยังอยากได้ยินคำชมเชยเหมือนกับหยินปู้ฝัน แต่คาดไม่ถึงเลยว่ากลับเป็นการประเมินที่แย่คำหนึ่ง เขาจึงก้มหน้าลงอย่างผิดหวังเล็กน้อย
เป่หมิงโม่ก้มหน้ามองลูกชาย ถัดมาก็โค้งตัวลงไปอุ้มเขาขึ้นมา “ฝีมือการปั้นของพวกลูกยังไม่สูงเท่าไร รอวันนี้พวกลูกกลับมาจากเลิกเรียนแล้ว พ่อจะสอนพวกลูกปั้นให้ดีกว่านี้เป็นอย่างไร”
“จริงหรือครับ” หยางหยางถามอย่างตกตะลึง
“คำพูดที่พ่อพูดไม่น่าเชื่อถือขนาดนี้เชียวหรือ”
หยางหยางส่ายหน้า “เพียงแต่ว่าคุณพ่อไม่ได้พาพวกเราไปเที่ยวเล่นนานแล้ว นับตั้งแต่คุณพ่อกลับมาก็ยุ่งอยู่กับการทำงานทั้งวัน”
***
“ฮ่า ประธานเป่หมิงมาแล้ว ช่างเป็นแขกที่นานๆจะมาสักครั้งหนึ่งจริงๆ”
หลังจากที่เป่หมิงโม่อุ้มหยางหยางเข้ามาในห้องอาหารแล้ว ก็เหมือนกับหยินปู้ฝัน ที่ได้รับการต้อนรับจากลั่วเฉียวเป็นประโยคแรก
“ผมไม่ใช่ประธานของบริษัทเป่หมิงแล้ว ทำไมจะต้องเรียกผมว่า ประธานเป่หมิง ด้วย” เป่หมิงโม่พูด สายตาก็มองไปที่คนอื่นๆที่นั่งอยู่ด้วยทุกคนแวบหนึ่ง