บทที่ 1046 ความรู้สึกร้อยแปดพันเก้า
เธอขอให้พนักงานร้านห่อมันโดยไม่ถามเลย
คิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากที่เอากลับมาแล้ว เมื่อเด็กได้สวมมันก็ทำให้พูดไม่ออกเลยจริงๆ
“ที่รัก พวกลูกใส่ชุดนี้แล้วหล่อมากๆจริงๆจ้ะ สามารถไปเดินพรมแดงที่ปารีสได้เลย” กู้ฮอนโอบเด็กทั้งสองไว้ในอ้อมแขน
ดูแล้วความรักนี้ ดูท่าจะไม่น่ารำคาญเหมือนที่เคย
*
งานเลี้ยงค็อกเทลส่งท้ายปีของบริษัทเป่หมิงค่อยๆเปิดฉาก
บนห้องโถงชั้นดาดฟ้าของโรงแรมแมนดารินมีแขกที่ได้รับเชิญมาร่วมงานเป็นจำนวนไม่น้อย
วันนี้เป่หมิงยี่เฟิงสวมชุดที่ดูโดดเด่นเป็นพิเศษ ชุดสูทลำลองสีแดงเข้มกลายเป็นจุดสนใจของที่นี่
ในฐานะเจ้าภาพ เขาเกือบจะทักทายแขกทุกคนที่มาร่วมงาน
ท้ายที่สุดแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่เขาปรากฏตัวต่อหน้าเหล่าเพื่อนร่วมงานของเขาฐานะประธานของบริษัทเป่หมิง
แน่นอนว่าการสวมชุดนี้เพื่อเป็นนิมิตรหมายที่ดี
ถังเทียนจื๋อในฐานะผู้ช่วย แน่นอนว่าเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องมีเขา เขารับผิดชอบยืนอยู่หน้าประตูห้องโถง ต้อนรับแขกทุกคนที่มาร่วมงาน จากนั้นพาทุกคนไปพบกับเป่หมิงยี่เฟิง
“ยี่เฟิง ทำไมอารองของแกยังไม่มา แกแน่ใจนะว่าส่งการ์ดเชิญให้เขาเรียบร้อยแล้ว?” เป่หมิงเฟยหย่วนมาอยู่ข้างๆลูกชายและเอ่ยถาม
แต่มันไม่ได้หมายความว่าเขาอยากจะเจอเป่หมิงโม่เป็นพิเศษ แต่ว่าจะพูดยังไงดีล่ะ แทบไม่มีข่าวคราวใดๆเลยนับตั้งแต่เขาออกจากบริษัทเป่หมิง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งครั้งสุดท้ายที่ได้ยินว่าเขาจะต้องเข้าคุกอีกครั้ง เขาในฐานะพี่ชายคนโตยังมีความกังวลบางอย่างเกี่ยวกับตัวเขา
โชคดีที่ได้ยินข่าวออกมาภายหลังว่า เป่หมิงโม่ถูกภาคทัณฑ์เป็นเวลาหนึ่งปี สิ่งนี้นับได้ว่าทำให้เขาสบายใจขึ้นมาบ้าง
งานเลี้ยงค็อกเทลส่งท้ายปีของบริษัทเป่หมิง การเชิญเป่หมิงโม่มาเข้าร่วม เป่หมิงเฟยหย่วนเองก็มีเจตนาเช่นนี้
***
เป่หมิงยี่เฟิงมองดูนาฬิกาบนข้อมือ ตอนนี้เข็มนาฬิกาใกล้จะถึงเวลาสิบโมงแล้ว งานเลี้ยงค็อกเทลกำลังจะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ
เขาเรียกฉิงฮัวเข้ามา : “คุณอารองยังไม่มาเลย หรือว่าต้องโทรถามเขา?”
พูดตามตรงแล้วฉิงฮัวเองก็ไม่รู้ว่าเจ้านายอยู่ที่ไหนในเวลานี้
ตอนที่เขาออกมาตอนเช้าวันนี้ เห็นว่าเจ้านายเดินไปกับกู้ฮอนและลูกทั้งสาม
และตนเองเป็นคนไปส่งแอนนิที่ร้านอาหาร
แต่ว่าในใจเขารู้ว่าควรทำอย่างไร : “คุณชายยี่เฟิงครับ ด้วยประสบการณ์ที่ผมอยู่กับเจ้านายมาหลายปี พวกเขาไม่สายหรอกครับ”
เป่หมิงยี่เฟิงฟังแล้ว จึงเพียงแค่พยักหน้าแล้วหยุดถาม
“แขกทุกท่าน และท่านประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ทุกท่านครับ งานเลี้ยงค็อกเทลของบริษัทเป่หมิงได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ…”
ในตอนนี้เอง ถังเทียนจื๋อได้ถือไมโครโฟนประกาศเสียงดัง
“โว้ว…” ขณะนี้มีเสียงปรบมือดังขึ้น
“ลำดับต่อไปขอเชิญท่านประธานแห่งบริษัทเป่หมิง เป่หมิงยี่เฟิงกล่าวอะไรสักหน่อยครับ”
และมีเสียงปรบมืออีกครั้ง
ถังเทียนจื๋อหยิบไมโครโฟนขึ้นมาแล้วเดินไปยังด้านข้างของเป่หมิงยี่เฟิง พร้อมกับส่งไมโครโฟนให้เขา
เป่หมิงยี่เฟิงมองแขกทุกๆคน เขาพยักหน้าซ้ำๆ
ในขณะนี้ในใจของเขามีรสชาติที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้
ไม่ว่าจะพูดยังไงตนเองก็นั่งอยู่ในตำแหน่งประธานมาเกือบครึ่งปีแล้ว
การได้ลิ้มรสของการได้นั่งตำแหน่งนี้ มันเป็นความรู้สึกที่ผสมผสานจนทำให้เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดีไปชั่วขณะ
เป่หมิงเฟยหย่วนยืนอยู่ข้างๆลูกชาย เขาตบไหล่ลูกชายเบาๆ แล้วกระซิบบอกเขาว่า : “อยากจะพูดอะไรก็พูดเถอะ”
เป่หมิงยี่เฟิงพยักหน้า แล้วเขาก็กระแอมในลำคอ : “สวัสดีตอนสายๆ แขกทุกท่าน ผมเป่หมิงยี่เฟิงดำรงตำแหน่งประธานของบริษัทเป่หมิง วันนี้น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ทุกท่านให้ความกรุณามาร่วมงานถึงที่นี่ บริษัทเป่หมิงก่อตั้งขึ้นมาด้วยความสามารถคุณปู่ของผมคุณเป่หมิงเจิ้งเทียน ผมคิดว่ามีแขกจำนวนไม่น้อยในงานที่เคยร่วมงานกับคุณปู่ พวกคุณเลือกที่จะร่วมมือกับพวกเราเป็นเพราะว่าไว้ใจบริษัทเป่หมิงของพวกเรา โชคดีที่จนถึงตอนนี้ การพัฒนาของบริษัทเป่หมิงไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง การเติบโตและพัฒนาของบริษัทเป่หมิงคงไม่อาจทำได้ถ้าปราศจากการช่วยเหลือของทุกท่าน ในที่นี้ ผมในนามของบริษัทเป่หมิงขอขอบคุณพวกคุณ ยิ่งกว่านั้นผมหวังว่าพวกคุณจะสนับสนุนบริษัทเป่หมิงต่อไป และผมจะไม่ทำให้พวกคุณต้องผิดหวังครับ”
พูดพร้อมกับโค้งคำนับอย่างสุดซึ้งต่อหน้าทุกคน
“ว้าว…” คราวนี้เสียงปรบมือดังขึ้นมากกว่าเดิม
เป่หมิงยี่เฟิงยืดตัวขึ้น เขามองไปยังสายตาของทุกคนที่มองมาที่ตนเอง
เขารู้สึกว่าเลือดทั่วร่างกายของเขาเริ่มปะทุขึ้นมาแล้ว
ความรู้สึกนี้น่าตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนที่เขาเพิ่งจะรับตำแหน่งประธานบริษัทเสียอีก
ในทำนองเดียวกันเขามีความรู้สึกที่ลึกซึ้งต่อตระกูลเป่หมิง ตำแหน่งผู้นำในแวดวงอุตสาหกรรมนั้นไม่ได้มาง่ายๆ
เขาแอบสาบานกับตนเองว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เขาก็จะกัดฟัน ส่งเสริมให้บริษัทเป่หมิงเจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง
เวลานี้เอง เขามองเห็นประตูสถานที่จัดงานเปิดออก มีคนสองคนเดินเข้ามาจากด้านนอก
เสียงปรบมือในขณะนี้ไม่ได้ลดลง แต่ว่าจากด้านหลังมายังด้านหน้า ผู้คนต่างแหวกทางออกอย่างรู้ตัว และเป็นเส้นทางที่ตรงไปสู่ตำแหน่งปรานบนเวทีของเป่หมิงยี่เฟิง
ในตอนนี้เป่หมิงยี่เฟิงมองเห็นคนที่เข้ามาได้อย่างชัดเจนแล้ว เป็นเป่หมิงโม่และกู้ฮอนยืนอยู่ข้างกายเขา
เป่หมิงโม่สวมชุดสูทสีดำสไตล์อังกฤษ เสื้อเชิ้ตด้านในสีขาวผูกหูกระต่ายสีดำ ในกระเป๋าด้านซ้ายของชุด มีดอกกุหลาบตูมสีทองเป็นเครื่องประดับตกแต่ง
เขาถือหมวกสีดำไว้ในมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างงอเล็กน้อย และมีแขนเนียนละเอียดและขาวใสของกู้ฮอนคล้องอยู่
***
สายตาของทุกคนเคลื่อนจากตัวเป่หมิงโม่มายังกู้ฮอนที่อยู่ข้างๆเขาอีกครั้ง จึงได้เห็นว่าวันนี้เธอเป็นคนที่สะดุดตาที่สุด
ชุดของเธอในวันนี้เหมือนกับนกฟีนิกซ์สยายปีก
หัวของนกฟีนิกซ์ประดับตกแต่งบนศีรษะของเธอ ส่วนบนของร่างกายเป็นการออกแบบในชุดกี่เพ้า การตัดเย็บที่พอดีอย่างมาก ทำให้เธอแสดงออกถึงความเป็นผู้หญิงที่ไม่มีใครเทียบได้
หางของนกฟีนิกซ์เป็นกระโปรงยาวสไตล์ยุโรป มันพลิ้วไหวเบาๆในทุกก้าว ราวกับว่าเดินอยู่ในม่านเมฆก็ไม่ปาน
การแต่งกายแบบผสมผสานระหว่างตะวันตกและตะวันออกเช่นนี้ไม่ใช่ว่าทุกคนสามารถควบคุมได้
ในแวบแรกที่เป่หมิงโม่มองเห็นชุดนี้ แม้แต่ตัวของกู้ฮอนเองยังไม่คิดว่าจะชุดนี้ได้
จนกระทั่งหลังจากที่เธอได้ลองใส่แล้ว แม้แต่พนักงานยังอดไม่ได้ที่จะยกย่องเธอ
ชุดนี้ไม่ได้วางขายเพียงแค่วันหรือสองวัน และมีคนไม่ต่ำกว่าสิบคนที่กล่าวชื่นชมมัน
แต่กลับไม่มีใครสามารถสวมมันได้
เป็นเพราะว่าการตัดเย็บนั้นเสมือนกับร่างกายมนุษย์มากเกินไป แต่กู้ฮอนเป็นคนเดียวที่สามารถกลมกลืนไปกับการตัดเย็บเช่นนี้ได้ ราวกับว่านี่เป็นการออกแบบมาเพื่อเธอเช่นเดียวกัน
“แชะ แชะ…” ในเวลานี้เสียงกล้องดังขึ้นในสถานที่จัดงาน
“นี่มันคืองานศิลปะอย่างแท้จริง” ในตอนที่พวกเขาเดินผ่านฝูงชนสามารถได้เสียงคนรอบข้างอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากชื่นชม
เป่หมิงโม่เชิดหน้าขึ้นสูง ความรู้สึกในใจไม่ต้องพูดถึงเลย วันนี้พวกเขากลายเป็นสนใจ
ในโอกาสเช่นนี้กู้ฮอนเองได้เห็นอะไรมากมาย ถึงแม้ว่าครั้งนี้ตนเองจะอยู่ในฐานะตัวละครเอก ความตึงเครียดในตอนแรกได้เปลี่ยนเป็นความมั่นใจในตัวเอง
เป่หมิงยี่เฟิงหยิบไมโครโฟนขึ้นมา มองดูพวกเขาเดินเข้ามาหาเขาทีละก้าว เขาไม่รู้จะพูดอะไรไปชั่วขณะ
สายตาได้ถูกพวกเขาดึงดูดไปอย่างสมบูรณ์
พวกเขาเป็นชนชั้นสูงในที่แห่งนี้ มาพร้อมกับออร่าที่ไม่มีใครเทียบได้ และยึดครองทั้งสถานที่นี้เอาไว้
“ทำไมล่ะ ไม่คิดจะแนะนำพวกเราให้ทุกคนรู้จักสักหน่อยเหรอ?”
ทันใดนั้นเสียงของเป่หมิงโม่ก็ดังขึ้นที่ข้างหูของเขา ทำให้เป่หมิงยี่เฟิงกลับมามีสติ ตนเองได้ยืนอยู่ระหว่างพวกเขาแล้ว
บนใบหน้าของเป่หมิงโม่มีรอยยิ้ม นี่เป็นสิ่งที่หาได้ยากที่จะเห็นเขาเป็นเช่นนี้
เป็นไปได้หรือว่าการที่ตนเองกระชากบริษัทเป่หมิงมาจากเขา เขาไม่ได้รู้สึกเกลียดชังตนเองแม้แต่น้อยเลยงั้นเหรอ?
ไม่ใช่แค่เขา แม้แต่ถังเทียนจื๋อยังรู้สึกแปลกๆ เขาไม่รู้ว่าท่าทางที่เป่หมิงโม่แสดงออกนั้นหมายถึงอะไร?
เกี่ยวกับความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะของเป่หมิงโม่ หรือว่า เพื่อวัตถุประสงค์อื่น
โดยสรุปแล้ว สิ่งนี้จะไม่มีทางหยุดแผนการของเขาได้หรอก คอยดูว่าใครจะหัวเราะเป็นคนสุดท้าย
คิดๆดูแล้ว ถังเทียนจื๋อก็แสดงถึงแสงอันเย็นเยียบที่รุนแรงออกมา
เป่หมิงยี่เฟิงรีบหันไปแนะนำทุกคนอย่างรวดเร็ว : “ก่อนหน้านี้ผมได้แนะนำกับทุกท่านว่าบริษัทเป่หมิงก่อตั้งอย่างเสร็จสมบูรณ์เพราะคุณเป่หมิงเจิ้งเทียนสำหรับบริษัทเป่หมิงที่มีขนาดเช่นทุกวันนี้ได้ คุณอารองของผมคุณเป่หมิงโม่ผู้สามารถทำงานได้อย่างเด็ดขาดแม้ในยามวิกฤต เขาเป็นผู้บุกเบิกรุ่นที่สองของบริษัทเป่หมิง หลังจากที่รับช่วงกิจการมาจากมาจากมือของคุณปู่แล้ว หลังจากนั้นไม่กี่ปีก็สามารถก้าวกระโดดไปทั่วประเทศและแม้กระทั่งเป็นแนวหน้าของอุตสาหกรรมระดับโลก”
ขณะที่พูด เขายังเหน็บแนมตัวเองเป็นครั้งคราว : ความสำเร็จดังกล่าวทำให้ผมรู้สึกกดดันมากจริงๆ แต่ว่าผมยังเต็มใจที่จะสัญญาต่อหน้าคุณอารองของผม : ผมจะพาบริษัทเป่หมิงขึ้นไปอีกระดับครับ”
ได้ฟังคำพูดของเป่หมิงยี่เฟิงแล้ว รอยยิ้มของเป่หมิงโม่เลือนหายไปเล็กน้อย แล้วเขาก็นึกถึงพ่อของเขา ไม่รู้จริงๆว่าวิธีที่เขาทำอยู่ตอนนี้ วิญญาณของพ่อบนฟ้าจะเข้าใจหรือเปล่า***
***
จากนั้น เป่หมิงยี่เฟิงก็มองไปทางกู้ฮอน
สำหรับเขา ควรจะแนะนำเธออย่างไรดี? แฟนเก่า? แฟนของอารอง? หรือแม่ของพวกหลานชาย…
สถานะของเธอเป็นสิ่งที่ยากที่สุดที่จะอธิบายได้
แต่ทว่าเขารู้สึกว่าควรจะทำให้เป็นทางการมากกว่านี้ถึงจะถูก
“สาวสวยที่ยืนอยู่ข้างคุณอารองของผมท่านนี้ คือคุณกู้ฮอนประธานคนที่สามของบริษัทเป่หมิง เธอใช้เวลาอยู่ที่บริษัทเป่หมิงเพียงไม่นาน ดังนั้นแขกทุกท่านอาจจะไม่ทราบ ว่าเธอรับหน้าที่อันหนักหน่วงนี้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดของบริษัทเป่หมิง ไม่ง่ายเลยที่ผู้หญิงตัวคนเดียวจะค้ำยันกลุ่มบริษัทที่ใหญ่ขนาดนี้ และแน่นอนว่าเป็นเธอ บริษัทเป่หมิงถึงส่งต่อมาหาผมอย่างราบรื่น
——ประธานคนที่สี่ของบริษัทเป่หมิง ขอให้พวกเราปรบมือให้กับความเข้มแข็งและอุตสาหะของเธอด้วยครับ”
พูดจบเขาก็เป็นผู้นำปรบมือขึ้นมาก่อน
“ว้าว…”
คำพูดนี้ของเป่หมิงยี่เฟิง ไม่ใช่เพียงแค่การพูดให้ดูดีแค่ภายนอก ถึงแม้ว่าในช่วงเวลานั้นตนเองจะเริ่มจ้องตะครุบตำแหน่งของเธอ แล้วยังมีส่วนร่วมในการเคลื่อนไหวเพื่อยึดอำนาจทั้งทางตรงหรือว่าทางอ้อมด้วยก็ตาม
แต่ภายในใจก็นับถือและชื่นชมเธออย่างจริงใจ
หลังจากเสียงปรบมือผ่านไป เป่หมิงยี่เฟิงก็ประกาศว่า : “ลำดับต่อไป ขอเชิญอดีตประธานของบริษัทเป่หมิงทั้งสองท่านเต้นรำเพื่อพวกเราสักหนึ่งเพลงนะครับ”
ทันใดนั้น เสียงเพลงก็ดังขึ้น
เป่หมิงโม่และกู้ฮอนเองก็ไม่ปฏิเสธที่จะเต้นรำกับบทเพลง “Moon River” กลุ่มคนล้อมรอบฟลอร์เต้นรำโดยธรรมชาติ และล้อมพวกเขาไว้ตรงกลาง
เพลงนี้นุ่มนวลและไพเราะ พวกเขายืดตัวเบาๆและเต้นอย่างสวยงาม ทุกคนมีความสุขจริงๆ
*
วันนี้ที่ร้านอาหารมีแต่แอนนิคนเดียวที่ทำความสะอาด พรุ่งนี้เป็นวันเริ่มเปิดกิจการแล้ว วันนี้ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องแก้ไข
อันที่จริง เมื่อวานนี้เธอกับกู้ฮอนทำความสะอาดจนเกือบหมดแล้ว
แต่จะพูดอย่างไรดีล่ะ แอนนิต้องการให้มันไม่มีข้อผิดพลาดใดๆเลย เป็นการเปิดร้านที่สมบูรณ์แบบ ดังนั้นเธอจึงยังไม่สบายใจ
ในเวลานี้เอง ประตูร้านอาหารถูกผลักออก และมีสายลมเย็นพัดเข้ามา
แอนนิมองเห็นผู้ที่มาเยือนแล้ว ทันใดนั้นแก้มก็แดงระเรื่อขึ้นมาจางๆ “คุณมาที่นี่…วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอคะ?”