บทที่ 1081 ปฏิกิริยาตอบโต้
แต่หลังจากที่มาก็ได้พบว่า ถังเทียนจื๋อคนนี้มิใช่เป็นคนดี การทำร้ายตัวเองในแต่ละครั้งนั้นราวกับจะเอาชีวิต ชัดเจนว่าเขาจะทำให้ตัวเองถึงที่ตายในที่สุด
หากเป็นแบบนี้ต่อไป เวลาผ่านนานไปก็ไม่ใช้วิธีที่ดี ดูแล้วน่าจะต้องจัดการให้เขาล้มลงมาก่อนแล้วค่อยมาว่ากันอีกที
ขณะที่เป่หมิงโม่กำลังวางแผนจะจัดการกับถังเทียนจื๋ออยู่ขณะนั้น ก็ได้มีคนลงมาจากลานจอดเครื่องบินแล้วก็วิ่งไปอย่างรวดเร็ว
ตอนที่คนนี้ปรากฏออกมา คำแรกที่พูดก็คือ “พวกคุณหยุดมือเดี๋ยวนี้”
เสียงที่จู่ ๆ ดังขึ้นมา ทำให้เป่หมิงโม่ที่กำลังจะเตรียมการก็ได้หยุดการกระทำนั้นลง
เขาได้หันตัวไปยังทางต้นเสียง ก็ไม่อาจจะไม่ขมวดคิ้ว “คุณมาได้ยังไง”
“ระวัง”
คนนั้นพูดเสียงดังออกมา
แต่การเตือนครั้งนี้มันสายตา
“ปั้งงงงงง……”
หนึ่งหมัดนี้ได้ต่อยไปยังส่วนเอวของเป่หมิงโม่
ซึ่งส่วนนี้เป็นส่วนที่อ่อนแอที่สุดของร่างกายมนุษย์อย่างหนึ่ง ได้ยินแต่เสียงอวดครวญของเขาที่ล้มลงอยู่บนพื้น
ถังเทียนจื๋อเห็นโอกาสแบบนี้ เขาก็ไม่อาจจะปล่อยโอกาสนี้อีกต่อไป ตอนนี้ก็คงจะต้องทำให้เป่หมิงโม่ตายอย่างเดียวเท่านั้น จึงจะทำให้ความแค้นของเขาหายไป
เขาก็เลยกำหมัดขึ้นมา ขณะที่กำลังจะเอาหมัดต่อยไปยังเป่หมิงโม่แรง ๆ อยู่นั้น ก็ได้มีเงามาปรากฏต่อหน้าของเขา
******
ถังเทียนจื๋อในตอนนี้ หัวสมองของเขาก็ถูกความแค้นครอบงำเต็มที่ ต่อให้มีคนมาขัดขวางมากมายก็ไม่สงสัยที่จะต่อสู้ต่อไป
และเขาในขณะนี้ เห็นเทพฆ่าเทพ เห็นพระฆ่าพระ
“โอยยยยยยยย” เสียงโอดร้องด้วยความเจ็บปวด
นี่คือสิ่งที่ทำให้ถังเทียนจื๋อได้สติกลับมาบ้าง
เสียงที่คุ้นเคย แต่ไม่ใช่เสียงที่เป่หมิงโม่ร้องออกมา
สายตาของเขาก็ได้หันไปยังต้นเสียง ก็เห็นเพียงแต่ร่างกายของคนหนึ่ง ภาพเหมือนกับลมพัดต้นไม้ไปมา แล้วใบไม้ก็ลอยไปมา
ยังดีที่รอบข้างลานจอดเครื่องบินมีระเบียงอยู่ ร่างกายของคนนั้นได้ล้มไปแถวนั้น หลังจากก็ตกลงไปบนพื้น
ร่างกายที่อ่อนโยนทำให้เขาคุ้นเคยและรู้ดีมากกว่าใคร จะคิดยังไงก็คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะลงมือกับเธอ
“กู้ฮอน…….” ถังเทียนจื๋อยืนอยู่ที่เดิม เขาอยากจะร้องออกมาดัง ๆ แต่เสียงที่ออกไปมีความเบาเป็นที่สุด เบาจนที่ว่ามีเพียงแต่ตัวเองเท่านั้นที่ฟังได้
เป่หมิงโม่ที่ถูกถังเทียนจื๋อทำให้ล้มลงบนพื้น ขณะที่กำลังหันไปก็รู้ว่ากู้ฮอนมาแล้ว
ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงหาตัวเองเจอ แต่เมื่อสักครู่ที่ถังเทียนจื๋อจะต่อยเขาไปอย่างหนักหน่วงอีกครั้งหนึ่ง ก็ได้เห็นอย่างชัดเจนว่าเธอได้ใช้ร่างกายอันอ่อนโยนของเธอมาบังตัวเองเอาไว้
ถึงแม้ส่วนเอวจะรู้สึกมีความเจ็บปวดที่สุด แต่เขาก็ยังกัดฟันลุกขึ้นมา หลังจากนั้นเดินอย่างไม่เป็นธรรมชาติไปหากู้ฮอน
ตอนนี้เธอถูกตีจนเป็นลมไป ปากก็ยังมีเลือดซิบ ๆ อยู่
การโจมตีเมื่อสักครู่นี้ หากเป็นตัวเองได้รับ ก็คงไม่เป็นอะไร แต่คนที่โดนคือเธอ……
“กู้ฮอน คุณหยุดก่อน ฉันจะไปส่งคุณส่งที่โรงพยาบาล” ขณะที่พูด เขาก็ได้ยื่นมือไปอุ้มเธอขึ้นมา หลังจากนั้นก็กัดฟันลุกขึ้นมา เดินไปทีละก้าวทีละก้าว แล้วก็ออกจากประตูไป
ถังเทียนจื๋อก็ยืนอยู่ที่เดิม เห็นพวกเขาออกไป
*
ตอนที่กู้ฮอนฟื้นขึ้นมา เธอก็ได้ยินเสียงของรถกู้ภัย
เธอพยายามที่จะลืมตาขึ้นมา แต่กลับรู้สึกมึน ๆ เมา ๆ อะไรก็มองไม่ชัดเจน หลังจากเปิดประตูรถออกมา
ข้างหน้าก็เป็นสีขาวหมด
ความเจ็บปวดตรงที่ไหล่ทำให้เธออ้าปากออกมา
และได้มีเสียงของความเจ็บปวดออกมา
“กู้ฮอน อดทนอีกสักหน่อย ใกล้จะถึงโรงพยาบาลแล้ว”
เธอได้ยินเสียงของเป่หมิงโม่ ก็ได้พยายามที่จะหันหัวตัวเองไปหาเขา แต่กลับรู้สึกว่าหัวตัวเองไม่สามารถขยับได้แล้ว
“กู้ฮอน คุณพักผ่อนก่อนไม่ต้องขยับแล้ว” เป่หมิงโม่ได้พูดข้าง ๆ หูของเธอ
“คุณชายเป่หมิง คุณก็เจ็บไม่เบาเลยนะ อย่าขยับบ่อยเกินไป”
เสียงนี้เป็นเสียงของหมอ
*
เสียงกระดิ่งเลิกเรียนดังขึ้น หยางหยางและเฉิงเฉิงมาพบกันที่สนามกีฬาเป็นประจำ และไปรับจิ่วจิ่ว สามพี่น้องก็ได้เดินไปยังหน้าประตูโรงเรียน
“วันนี้ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ฉันมีความรู้สึกไม่ค่อยสบายยังไงไม่รู้” หยางหยางเดินไปพูดไป
“ฉันก็รู้สึก” เฉิงเฉิงคิดว่าตัวเองเป็นคนเดียว ตอนกลางวันจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ไม่คิดว่าหยางหยางก็รู้สึกแบบนี้
แต่พวกเขาก็ได้สรุปเรื่องราวทั้งหมดคือ ปฏิกิริยาการตอบสนองของคู่แฝด
เหตุการณ์แบบนี้ คู่แฝดทั่วไปก็น่าจะมีความรู้สึกเช่นนี้เหมือนกัน ดังนั้นก็สามารถบอกได้ว่าไม่มีอะไรที่น่าค้นหาหรือสงสัย
“พวกคุณรู้สึกกันหมดเลย ทำไมฉันคิดว่ามีแค่ฉันคนเดียว วันนี้ตอนบ่ายฉันก็รู้สึกไม่สบายใจเลย จนถึงตอนนี้ก็ยังรู้สึกแบบนี้” จิ่วจิ่วพูด และยังใช้มือตัวเองมาลูบ ๆ คลำ ๆ หน้าอกตัวเอง
***
ขณะที่เด็กสามคนนี้มารออยู่ที่หน้าประตู ก็ไม่ได้เห็นคุณแม่มารับตัวเอง ขณะเดียวกันก็ไม่ได้เห็นคุณพ่อด้วย
มีเพียงแต่เงาร่างใหญ่ของฉิงฮัว
“ลุงหัวฟู” หยางหยางโบกมือให้กับฉิงฮัว
หลังจากนั้นเฉิงเฉิงกับจิ่วจิ่วก็โบกมือ
ขณะที่นั่งรถกลับบ้าน น้องสาวและเฉิงเฉิงที่นั่งอยู่ด้านหลัง “ลุงหัวฟู วันนี้ทำไมมารับพวกเรากลับบ้านล่ะ แม่และพ่อของพวกเราล่ะ ?”
“นี่………” ฉิงฮัวมีความรู้สึกลังเลใจ
ความจริงแล้วก่อนที่จะมารับเด็กสามคนนี้ก็ได้มีการเตรียมใจมาก่อนอยู่แล้ว พวกเขาจะต้องถามคำถามนี้แน่นอน
แต่คำพูดมาหยุดตรงที่ริมฝีปากแล้วก็ได้ถอนหายใจ “พวกเขามารับพวกเรากลับบ้านไม่ทัน ก็เลยให้ฉันมาแทน”
“พวกเขาไปทำอะไรล่ะ ?” หยางหยางที่นั่งข้าง ๆ ถามออกมา
“หยางหยาง ปัญหาเยอะแยะมากมาย อย่าไปรบกวนลุงหัวฟูขับรถได้ไหม” เฉิงเฉิงพูดออกมา
หยางหยางหัวไปหาเฉิงเฉิงอย่างไม่ยินยอม “ทำไมเมื่อสักครู่ที่คุณถามลุงหัวฟู มันไม่รบกวนการขับรถของเขารึ ? คุณถามได้ คนอื่นถามไม่ได้ใช่ไหม ?”
“คุณชายหยางหยาง ความจริงแล้วคุณชายเฉิงเฉิงไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้นเลย ความจริงก็ไม่มีอะไรหรอก เจ้านายและคุณผู้หญิงช่วงนี้มีเรื่องสำคัญที่จะต้องไปทำ หลังจากนี้หลายวันก็จะมีแอนนิมาดูแลพวกคุณนะ”
เป่หมิงโม่ตอนที่ส่งกู้ฮอน ขึ้นรถกู้ภัยครั้งแรก เขาก็ได้โทรศัพท์หาฉิงฮัว และได้อธิบายเรื่องราวที่จะต้องจัดการอย่างละเอียด
ฉิงฮัวก็เป็นคนที่เข้มงวดในหน้าที่ ทำตามคำสั่งของเจ้านายอย่างเคร่งครัดและรัดกุม
เป่หมิงโม่ ก็ได้กำชับเรื่องที่ตัวเองและกู้ฮอนได้รับบาดเจ็บ ห้ามไปพูดกับลูก ๆ ทั้งสามคนเด็ดขาด ก็บอกว่าเขาไปทำงานก็พอแล้ว
ไม่งั้น หากเกิดเรื่องแบบนี้ จะทำให้จิตใจของพวกเขาได้รับการโจมตีอย่างรุนแรง
ขณะที่เดียวกันฉิงฮัวก็ได้กำชับแอนนิ ลั่วเฉียวและคนที่มีความเป็นไปได้ที่จะมาอยู่กับเด็ก ๆ เหล่านี้อย่างเรียบร้อย
พอกลับมาถึงบ้าน แอนนิก็ได้ทำกับข้าวเย็นอยู่ที่คฤหาสน์ปานซาน
ตอนที่เธอรู้ว่ากู้ฮอนและเป่หมิงโม่ โดยเฉพาะกู้ฮอนที่บาดเจ็บร้ายแรง ทำให้เธอรู้สึกหายใจไปวูบหนึ่ง
หลังจากนั้นก็ได้จัดการเรื่องราวที่ร้านของตัวเองเสร็จสรรพแล้ว ก็รีบไปมาคฤหาสน์ปานซาน
แน่นอน คนที่มาส่งเธอก็คือหยินปู้ฝาน เพราะเขาเลิกงานแล้วก็ได้มาร้านครัวของแอนนิรายงานตัวอย่างทันเวลา
เกี่ยวกับเรื่องของกู้ฮอนทำให้พวกเขารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
“เด็ก ๆ กลับมาแล้ว……” เด็ก ๆ สามคนแบกกระเป๋าเข้ามาห้องครัว หวีหรูเจี๋ยและโม้จิ่งเฉิงก็ได้ยิ้มทักทายกับพวกเขาเหมือนเดิม
แต่หลังจากเด็กสามคนกินข้าวเสร็จก็ไม่ได้เห็นท่าทีที่แปลกแต่อย่างใด
หยินปู้ฝานกินข้าวเสร็จก็ขับรถออกไป
เขาออกมาจากคฤหาสน์ แต่ไม่ได้กลับบ้าน แต่ได้โรงพยาบาลที่ฉิงฮัวให้มา แล้วก็มาที่ห้องคนป่วยของเป่หมิงโม่และกู้ฮอน
ตอนที่เห็นพวกเขา ร่างกายของเป่หมิงโม่ ถูกพันด้วยผ้าพันแผล แต่ดูจากสภาพโดยรวมยังแล้วดีอยู่ นอกจากด้านบนของร่างกายถูกกระทำแล้ว การเดินก็น่าไม่มีปัญหาอะไร
แต่พอดูกู้ฮอน เขาก็มีความอาวรณ์เห็นใจ
เพียงเห็นแต่เธออยู่บนเตียงผู้ป่วย คอได้ถูกพันเอาไว้ ไหล่ทั้งสองของเธอได้เข้าเฝือกเอาไว้
ในตอนนี้ เธอนอนแล้ว ถึงแม้ไหล่ทั้งสองข้างจะมีการขยับอยู่ แต่ดูโดยรวมแล้วก็ยังดีอยู่
***
“มีเรื่องอะไรพวกเราไปคุยกันข้างนอกเถอะ อย่ารบกวนเวลาพักผ่อนของเธอเลย” เป่หมิงโม่พูดออกมาจากเสียงเบา กลัวว่าเสียงเหล่านี้จะทำให้เธอตื่นขึ้นมา
พวกเขาเดินมายังตรงทางเดิน ที่นี่คือห้องผู้ป่วยพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งหรือบุคลากรล้วนดีทั้งหมด แน่นอนว่า คนที่มาอยู่ที่นี่นั้นน้อยอย่างมากมาย
พอออกจากประตูมาก็ได้พบกับพยาบาลหนึ่งคนเดินมา “คุณชายเป่หมิง มีอะไรให้ช่วยไหม ?”
“ฉันกับคุณชายคนนี้มีเรื่องจะพูดคุยกัน ขอให้คุณดูแลเธอสักครู่ก่อนแล้วกันนะ” เป่หมิงโม่อยู่ที่นี่ ก็พูดเสียงที่เบาเช่นกัน
พยาบาลยิ้มแล้วก็พยักหน้า “ได้เลยค่ะคุณชายเป่หมิง แต่การบาดเจ็บของท่านยังไม่ดี ดังนั้นอย่าพูดคุยนานเกินไป จะต้องพักผ่อนด้วยนะคะ”
“ได้เลย ”
พอพูดเสร็จ เขาก็ได้ชี้ไปยังสถานที่ที่ห่างจากห้องผู้ป่วยไม่ไกลให้กับหยินปู้ฝาน ซึ่งเป็นห้องรอบรับแขกชั่วคราว
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ? เมื่อสองวันก่อนยังดีดีอยู่เลย ทำไมอยู่ดีดีพวกคุณสองคนก็……” หยินปู้ฝานขณะที่พูด ก็ได้เห็นเอวของเป่หมิงโม่ได้ถูกผ้าพันแผลพันเอาไว้
เป่หมิงโม่นั่งลงมา แล้วก็ได้คิดไปถึงเรื่องที่ตัวเองอยู่ในรถกู้ภัย ก็รู้สึกเจ็บใจเป็นที่สุด “ทั้งหมดนี้เป็นฉันที่ทำร้ายเธอ”
“คุณทำร้ายเธอ ?” หยินปู้ฝานคิดไม่ถึงและมองไปที่เขา “ตลอดมาไม่ใช่คุณดูแลเธอตลอดเลยไม่ใช่หรือ ? ทำไมทำร้ายเธอล่ะ ? คุณไปทำอะไรใส่ใครอีกล่ะ ? พวกเขาทำอะไรคุณไม่ได้ ก็เลยเอาเธอมาคุกคามหรือ บอกฉันมามันคือใคร ถึงแม้ฉันอาจจะไม่สามารถใช้แรงกายในการจัดการกับพวกเขา แต่อาศัยความคิดก็น่าจะมีหนทางอยู่บ้าง”
เป่หมิงโม่ส่ายมือ “ฉันคือใคร ที่นี่จะมีใครกล้าที่จะระรานกับฉัน แต่คุณก็พูดถูกหนึ่งอย่าง เพราะฉันทำให้เธอลำบาก” ขณะที่พูดเขาก็ได้พูดถึงเหตุการณ์ตอนบ่ายที่อยู่บนลานจอดเครื่องบินไปหนึ่งรอบ
หยินปู้ฝานขมวดคิ้ว “พอฟังคุณพูดแบบนี้ ถังเทียนจื๋อทำร้ายกู้ฮอนแน่นอนว่าจะต้องมีความผิด แต่ดูจากการกระทำแล้วน่าจะเป็นการทำร้ายโดยไม่ได้ตั้งใจ หากอยากจะจัดการกับคนที่ทำร้ายโดยไม่เจตนาก็คงจะยากหน่อย”
“คุณพูดเรื่องพวกนี้ฉันไม่เข้าใจหรือไงล่ะ ? สำหรับเรื่องราวของฉันและเขาสุดท้ายแล้วจะต้องมีผลที่ปรากฏออกมา เพียงแต่ฉันไม่รู้ว่าเพราะอะไรเธอถึงมาปรากฏในตระกูลเป่หมิง ณ เวลานี้” เป่หมิงโม่ที่เต็มไปด้วยคำถาม
*
คฤหาสน์อีกที่หนึ่งของเมือง หลี่เชินนั่งอยู่บนเก้าอี้และสูบบุหรี่อย่างช้า ๆ
ถังเทียนจื๋อยืนก้มหัวอยู่ด้านหลังเขา
ในห้องไม่มีแสงไฟอะไรเลย มีเพียงแต่แสงสีแดงส้มอ่อน ๆ ของบุหรี่ ที่กำลังจะมอดดับลง
“คุณบอกว่าวันนี้ตอนบ่าย เป่หมิงโม่ได้เอาหนังสือการถือหุ้นสองฉบับและได้ทำการเอาตระกูลเป่หมิงไปอย่างง่ายดายหรือ ? ”หลี่เชินพูดด้วยน้ำเสียงช้า ๆ