บทที่ 1070 เตรียมโจมตี
พูดจบ กู้ฮอนเดินหลบถังเทียนจื๋อ และเดินออกจากบ้านมา
เธอไม่อยากอยู่ที่นี่นาน เมื่อขึ้นรถไม่นานก็ขับออกมา
เป่หมิงโม่ที่หลบอยู่ในเงามืดเห็นเธอขับรถออกมาแล้ว ถึงวางใจ
คิดไม่ถึงว่าหลี่เชินจะพักอยู่ที่นี่
ที่จริงเขาอยากที่จะกดสตาร์ทรถแล้วขับออกไป แต่จู่ๆ ในหัวก็มีความคิดแว๊บขึ้นมาจึงทำให้เขาไม่ได้กดสตาร์ทรถ
เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู หลี่เชินที่นั่งผิดหวังอยู่ในห้องรับแขกก็ดึงสติกลับมาได้: “รีบไปเปิดประตู บางทีกู้ฮอนกลับมา”
ขณะที่ถังเทียนจื๋อเปิดประตู ก็พบว่านั่นไม่ใช่กู้ฮอน แต่เป็นเป่หมิงโม่
ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ
“ทำไมนายมาอยู่ที่นี่?”
เป่หมิงโม่ยิ้มอย่างเย็นชา: “ทำไม นายลอบไปหากู้ฮอนได้ แต่ไม่อนุญาตให้ฉันลอบมาหาเหรอ? ทำไม ไม่กล้าให้ฉันเข้าไป?”
“ตลกและ ฉันมีอะไรที่ไม่กล้า แค่กลัวว่านายไม่กล้าเข้าไป” ถังเทียนจื๋อพูด พลางหลีกทางให้
เป่หมิงโม่ก้าวเท้าเข้าไป
“วางใจเถอะ ฉันมาคนเดียว” ขณะที่เข้าเดินเข้ามา ก็รู้สึกว่าถังเทียนจื๋อที่อยู่ข้างหลังเขา ชะเง้อหน้าออกไปมองรอบๆ
“มองไม่ออกเลย ว่าเจ้านายของนายเป็นผู้ชายที่คิดถึงเรื่องเก่าๆ ด้วย” เป่หมิงโม่พลางเดินเข้าไปข้างใน พลางมองซ้ายมองขวาแล้วหันไปเห็นรูปภาพสีขาวดำที่แขวนอยู่ตรงผนัง
ขณะนั้นก็มีเสียงชายชราดังขึ้นในห้องนั่งเล่น: “ใช่ ถ้าหากไม่คิดถึงเรื่องในอดีต จะมาอยู่ที่นี่ให้เสียเวลาและแรงเปล่าทำไม”
หลี่เชินนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น บทสนทนาระหว่างถังเทียนจื๋อกับเป่หมิงโม่ เขาได้ยินอย่างชัดเจน
เขาไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่ กับการเห็นเป่หมิงโม่อยู่ที่นี่
เป่หมิงโม่เดินตรงเข้าไปในห้องนั่งเล่น และยื่นต่อหน้าเขา
“ไม่เสียแรงที่เป็นคนตระกูลเป่หมิง มีความกล้าจริงๆ ถึงกับมาที่นี่คนเดียว นั่งสิ” หลี่เชินที่นั่งอยู่บนโซฟาของตนมองไปที่เป่หมิงโม่
เป่หมิงโม่ก็ไม่เกรงใจ เขายื่นมือไปลากเก้าอี้มานั่งลงตรงข้ามหลี่เชิน และถังเทียนจื๋อที่ตามมาข้างหลังก็ยืนบังประตูห้องรับแขกไว้
เป่หมิงโม่หันไปมองเขา แล้วยิ้มอย่างเย็นชา จากนั้นก็เห็นกระเช้าผลไม้ที่วางอยู่บนโต๊ะน้ำชา
จู่ๆ เขาก็หยิบมีดออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แล้วก็กดปุ่ม “ฟรึ่บ” มืดเงาคมๆ ก็เด้งออกมา
มันทำให้ถังเทียนจื๋อตื่นตระหนกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เขารีบลูบที่เอวตัวเองอย่างอัตโนมัติ ตรงจุดนั้นเขามักจะพกอาวุธไว้เสมอ
***
เป่หมิงโม่ถือมีดเอาไว้ในมือ แกว่งไปแกว่งมาแม้แต่ถังเทียนจื๋อและหลี่เชิน พอได้เห็นก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ
จากมุมของสายตาเขาเหลือบมองไปเห็นถังเทียนจื๋อจากทางด้านหลัง มุมปากกระตุกยิ้มเล็กน้อย เขาไม่ได้พูดอะไร แค่ยื่นมือออกไปหยิบแอปเปิลจากกระเช้าผลไม้ขึ้นมา
แล้วปอกเปลือกออกด้วยท่าทีชิวๆ
จากนั้นก็ใช้สองมือก็บีบแอปเปิลแยกออกจากกันแล้วยื่นให้หลี่เชิน: “ไม่ว่ายังไง คุณก็เป็นผู้ใหญ่ กระเช้าผลไม้ดีๆ แบบนี้ แอปเปิลลูกแรกเป็นของคุณ ยังไงซะคุณก็เป็นพ่อของกู้ฮอน”
หลี่เชินมองไปที่เขาแล้วหัวเราะอย่างเย็นชา: “นายมาที่นี่ทำไม? อย่าคิดว่าปอกเปลือกแอปเปิลให้ฉัน พูดดีหนึ่งประโยค แล้วฉันจะคืนบริษัทเป่หมิงให้นาย นายก็เป็นนักธุรกิจ การซื้อขายที่ขาดทุนแบบนั้นฉันไม่ทำหรอกนะ”
เขาพูด พลางยื่นมือไปหยิบแอปเปิลมา และกัดมันลงไปคำหนึ่ง อย่างไม่เกรงใจเหมือนกัน
เป่หมิงโม่ปอกเปลือกลูกที่สองต่อ แต่ว่าลูกนี้เป็นของเขา
“คุณไม่ต้องพูดอะไรมาก แน่นอนว่า ที่ผมมาครั้งนี้ไม่ได้มาเพราะบริษัทเป่หมิง แต่ยังไงก็พูดขึ้นมาแล้ว งั้นผมจะไม่พูดก็ไม่ได้:นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมบอกคุณเรื่องในปีนั้น ที่กู้ฮอนหายตัวไป มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับแม่ผมเลย อีกอย่างถ้าพูดแบบเสียสุดๆ ถ้าหากเป็นแม่ผมที่ทำจริงๆ ความผิดแม่ก็มาคิดบัญชีกับลูกชาย มาลงที่ผมคนเดียวก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องเอาบริษัทเป่หมิงเข้ามาเอี่ยวด้วย แล้วสิ่งที่พวกคุณทำอยู่ตอนนี้มันก็ผิดศีลธรรมไปหน่อยมั้ย”
“ศีลธรรม? ถึงตอนนี้แล้วยังมาพูดว่าศีลธรรมอะไรอีก พวกแกแม่ลูกมันเลวด้วยกันทั้งคู่ คนหนึ่งทำลูกฉันหาย ส่วนอีกคนก็ให้ลูกสาวฉันตั้งท้องให้เพื่อผลประโยชน์ ถึงแม้กู้ฮอนจะไม่ถือสา ในฐานะคนเป็นพ่อจะเอาคืนให้ถึงที่สุด บริษัทเป่หมิงจะไม่กลับไปอยู่ในมือขอพวกนาย สำหรับบัญชีนี้ของนาย ฉันจะให้นายชดใช้!” หลี่เชินยิ่งพูดยิ่งโมโห อยากจะกรีดเนื้อผู้ชายด้านหน้าเป็นชิ้นๆ ถึงจะระงับอารมณ์โกรธได้
ถังเทียนจื๋อในตอนนี้ ตวงแดงเปลี่ยนเป็นสีแดงแล้ว เขาดึงมีดพกที่อยู่ติดตัวกับเขาตลอดทั้งวันทั้งคืนออกมา
ขอแค่หลี่เชินสั่ง ก็สามารถใช้ความเร็วในระหว่างที่เป่หมิงโม่ไม่ทันตั้งตัว เสียบลงไปเอาชีวิตเขาได้เลย
นี่ก็เป็นเรื่องหนึ่งจากสิ่งที่เขาหวังมาหลายปี
แต่น่าเสียดาย สถานการณ์ของหลี่เชินในตอนนี้ เหมือนจะไม่ให้เขาลงมือ
ตอนนี้บรรยากาศในห้องนั้นเหมือนจะระเบิด หลี่เชินนั้นโมโห ถังเทียนจื๋อก็พร้อมโจมตี
แต่มันก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อเป่หมิงโม่ เขาก็ยังคงนั่งกินแอปเปิลอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่
เขาควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ดี
“มีมารยาท ผมเรียนคุณ:ลุงหลี่ ขอพูดเรื่องที่ไม่ควรจะพูด สำหรับเรื่องที่พวกคุณอยากจะแก้แค้นแม่ของผม หลังจากที่พวกคุณรู้เรื่องราวทั้งหมอย่างชัดเจน พวกคุณก็ยังคงดิ้นกันอยู่ที่นี่ คงไม่กล้ายอมรับความจริงที่พวกเราพูด เป็นเพราะว่า ที่พวกคุณ ‘พยายามาม’ มาตลอดหลายปีนั้นสูญเปล่า มันก็จริง ที่บางครั้งมันก็ยากที่จะต้องยอมรับความจริง แต่ยังไงมันก็คือความจริง ไม่ว่าพวกคุณจะเชื่อหรือไม่ มันก็อยู่ตรงนี้ ส่วนเรื่องจริงเกี่ยวกับกู้ฮอน ผมยอมรับได้ว่าในตอนนั้นผมทำร้ายเธอ ปัญหาข้อนี้ ผมยินยอมชดเชยให้เธอ”
***
“ชดเชย?” ถังเทียนจื๋อที่ยืนอยู่ตรงประตู ก็เล่นมืดพกอย่างชิวๆ : “นายพูดขนาดนี้แล้ว งั้นอะไรก็ทำเรียบร้อยแล้ว วันนี้ก็ไม่ต้องกลับแล้ว อยู่ที่นี่เถอะ”
“นายพูดหมายความว่าไง?” เป่หมิงโม่หันหลังไปหาถังเทียนจื๋อ
ถังเทียนจื๋อเงยหน้าแล้วยิ้มอ่างเยือกเย็น: “ทุกคนก็ต่างเป็นคนฉลาด ยังจะเสแสร้งอะไรอีก ความหมายของฉันก็คือเอาชีวิตนายทิ้งไว้ที่นี่ยังไงล่ะ!”
พอประโยคนี้ถูกพูดออกไป ทำให้หลี่เชินนั้นช็อก: “เทียนจื๋อ นายบ้าไปแล้วเหรอ!”
“เจ้านาย ที่ผมทำแบบนี้มันเป็นเพราะผม ท่านมีความแค้นกันเขา ผมก็มีความแค้นกับเขาเหมือนกัน มีแค่จัดการเขา ถึงจะหายแค้น แน่นอน วางใจครับ ยังไงมันก็เป็นความคิดของผม มันไม่เกี่ยวกับท่าน”
ในตอนนี้ ถังเทียนจื๋อเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น
เขาเดินเข้าไปหาเป่หมิงโม่ทีละก้าวๆ : “ฉันคิดมาตลอดว่าจะชำระแค้นยังไงดี คิดไม่ถึงว่าวันนี้นายจะมาติดกับฉัน”
เขามองไปที่ถังเทียนจื๋อที่เดินเข้ามาหาทีละก้าวๆ แต่เป่หมิงโม่ก็ยังคงนั่งอยู่บนที่นั่งอย่างนิ่งๆ : “เห็นทีระหว่างพวกเราคงต้องตายกันไปข้างถึงจะจบ แต่ฉันก็สงสัยจริงๆ ว่านายมีความสามารถพอที่จะทำมันได้มั้ย”
“ติ๊งต๋อง……”
ขณะหน้าสิ่วหน้าขวาน ก็มีเสียงกริ่งดังขึ้น
ถังเทียนจื๋อกระตุกคิ้ว
ในตอนนี้ เขาเกลียดคนที่เข้ามาขัดจังหวะจริงๆ
ตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะแก่การจัดการเป่หมิงโม่ ไม่ว่าเจ้านายจะไม่เห็นด้วยที่ตนทำแบบนี้ ยังไงเขาก็ยังอยู่ข้างตน
ที่นี่เป็นที่ของเขา
ฟ้าดินและคน เข้าข้างเขาแล้ว
ถึงแม้เป่หมิงโม่จะต่อสู้ได้ ถึงจะเสียเวลาไปบ้างแต่ตัวเขาสามารถจัดการเขาได้
คิดไม่ถึงว่าเวลานี้ จะมีคนมาเคาะประตู
พวกเขาพักอยู่ที่นี่มาสักพักแล้ว ไม่มีใครไปมาหาสู่ ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่คนนอกจะมาเคาะประตู
“ติ๊งต๋อง……”
เสียงกริ่งดังขึ้นอีกครั้ง
“เทียนจื๋อ เก็บมีด” หลี่เชินว่าเขา
สถานการณ์แบบนี้ ไม่ว่าใครจะมาเห็น ก็คงจะไม่ดี อีกอย่างอาจจะมีปัญหามากขึ้นกว่าเดิมก็ได้
“ถือซะว่านายโชคดีไป แต่ว่าเรื่องของเรายังไม่จบ!” ถังเทียนจื๋อเก็บมีดพกใส่เอวอย่างหงุดหงิดและเดินไปเปิดประตู
ในห้องรับแขกเหลือแค่เป่หมิงโม่กับหลี่เชินสองคน
“ฉันรู้จักถังเทียนจื๋อดี ถ้าหากเขาบอกว่าจะไม่ปล่อยนายไป ก็คงต้องตามนายไปจนตาย”
ในตอนนั้นเป่หมิงโม่ก็เก็บมีดพกของตัวเองเช่นกัน เขาก็ยังคงดูอ่อนน้อมอยู่: “ไม่ว่าคุณอยากจะเตือนผมหรือไม่ยังไม่ก็ขอบคุณครับ เขาจะทำอะไรกับผม ผมไม่เป็นไร ผมจะอยู่กับเขาจนถึงที่สุด”
“อืม ไม่เสียแรงที่เป็นลูกชายของเป่หมิงเจิ้งเทียน เมื่อก่อน ตอนที่ยังไม่ได้เกิดเรื่อง ฉันกับเขาก็เคยทะเลาะกัน แน่นอนว่าเป็นเรื่องความสัมพันธ์ของแม่กู้ฮอนและแม่ของนาย เขาเหมือนกับนายไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน”
“ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นของคุณเกี่ยวกับพ่อ”
หลี่เชินถอนหายใจ: “เรื่องบนโลกนี้เดายากจริงๆ คิดไม่ถึงว่าพวกเราทั้งสองคนจะทะเลาะกันได้ถึงขั้นนี้”
“ที่เป็นแบบนี้ทั้งหมดก็เป็นแผนของคุณ ผมรู้ คุณไม่ใช่คนธรรมดา แต่คุณแค่ไม่ต้องการค้นหาความจริง คุณแค่เชื่อในความจริงที่มันหลอกคุณมายี่สิบกว่าปี”
***
“ฉันไม่ต้องการที่จะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องไร้สาระนี้กับนายแล้ว ถ้าหากตอนนี้นายจะไปล่ะก็ งั้นก็เชิญนายออกไปเถอะ บางทีอาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้ออกไปแล้วก็ได้”
เป่หมิงโม่ไม่ได้หันหลังเดนออกไป แต่ยังคงนั่งอยู่ต่อ
*
ขณะที่ถังเทียนจื๋อเดินมาถึงที่หน้าประตู เสียงกริ่งครั้งที่สามก็ดังขึ้น
เขาโกรธจนไฟท่วมหัว ที่จริงอยากจะระบายอารมณ์ใส่เป่หมิงโม่สักหน่อย คิดไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้
คนที่ควรมาก็มาแล้ว ความโกรธที่มีก็ยังไม่จางหายไป ต้องโทษที่เขาโชคไม่ดี
“ใครกัน!” เสียงของเขาดังมาก แม้กระทั่งความเร็วในการเปิดประตูก็เร็วมาก
แต่พอเมื่อเขาเห็นคนที่อยู่หน้าประตู ความโกรธของเขาก็หายไปเกือบครึ่ง
นี่เป็นครั้งที่สองที่เขารู้สึกแปลกใจเมื่อเปิดประตู
“นายไม่พอใจฉันเหรอ? ฉันก็เกลียดการเจอหน้านายเหมือนกัน ที่ฉันกลับมาเพราะฉันลืมของเอาไว้”
กู้ฮอนที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูพูดขึ้น แล้วก็ใช้มือผลักถังเทียนจื๋อหลบไปข้างๆ แล้วก็เบียดตัวเข้าไป
“กู้ฮอน เธอเข้าไม่ได้……”
ไม่รอให้เขาพูดจบ กู้ฮอนก็มายืนอยู่ในห้องรับแขกแล้ว
เมื่อเธอเห็นเป่หมิงโม่กำลังนั่งอยู่ในนี้ ก็ถึงกับช็อก
ขณะเดียวกัน เป่หมิงโม่ก็ตกใจที่เห็นกู้ฮอนกลับมา เพราะว่าเขาแอบตามเธอมา