บทที่ 1090 ขอบเขต
เขาขับรถพาเธอวนไปรอบๆ เมืองที่เขาอยู่อาศัยกันมาเป็นสิบปี
มองไปยังถนนที่คุ้นเคยและผู้คนที่รีบร้อน
จริงแล้วในใจของคนเหล่านั้นซ่อนความลับมากมายที่ไม่อยากให้คนข้างๆ รู้
เป่หมิงโม่คิดว่าเขาควรทำอะไรสักหน่อย
***
เป่หมิงโม่พากู้ฮอนกลับมาที่คฤหาสน์หลังใหญ่ หลังจากกลับมา ทุกคนดูออกว่าเธอไม่มีความสุขเลย
นี้ทำให้หวีหรูเจี๋ยและโม้จิ่งเฉิงรู้สึกสงสัย รอให้กู้ฮอนกลับขึ้นไปพักก่อน ค่อยถามเป่หมิงโม่ว่าหลังจากที่พวกเขาออกไปเกิดเรื่องอะไรขึ้น
เป่หมิงโม่ก็ไม่ได้ปิดบังอะไร บอกทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้พวกเขาฟังอย่างง่ายๆ
“ฮอนคนนี้ ถึงแม้นิสัยหลายอย่างจะเหมือนกันกับหลี่เชิน แต่ก็มีบางส่วนที่เหมือนกันกับลู่ลู่ ท่าทีที่แสดงออกดูเข้มแข็ง แต่ในใจลึกๆ ค่อนข้างอ่อนไหว” หวีหรูเจี๋ยถอนหายใจอีกครั้ง
เธอไม่รู้จะดีใจหรือลำบากใจกับกู้ฮอน
*
ที่บาร์ Zeus.
ป่ายมู่ซีวางไวน์แดง2แก้วไว้บนโต๊ะ และเดินหันหลังออกไปจากห้องพิเศษ
เป่หมิงโม่ยื่นมือไปหยิบแก้วขึ้นมาดมใกล้ๆ จมูกสักครู่ พยักหน้าอย่างพอใจและดื่มไปนิดหน่อย
“ไวน์นี้รสชาติไม่เลว คุณลองชิมดู”
พูดพลางมอง แก้วที่วางอยู่ตรงหน้าโล่ฮาน
โล่ฮานก้มมองของเหลวสีแดงเข้ม สองนิ้วจับที่ก้านแก้วค่อยๆ ขยับไปมา
ของเหลวสีแดงเข้มยังคงนิ่งสนิท ไม่ขยับตามแก้วไวน์
มองอยู่สักพัก เขาเงยหน้าขึ้นมองเป่หมิงโม่ที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับตัวเอง และยิ้มน้อยๆ : “คุณเป่หมิง ฉันรู้ว่าคุณเป็นคนพูดตรงไปตรงมา ทำไมตอนนี้รู้จักที่จะพูดอ้อมค้อมแล้วหรือไง”
เป่หมิงโม่ฟังและยิ้มจางๆ : “ทำไมจะเชิญคุณมาดื่ม ถ้าไม่มีการวางแผนบังคับ คุณจะไม่สบายใจรึไง ถ้าเป็นแบบนี้ ฉันจะปล่อยให้คุณสบายใจหน่อยแล้วกัน”
พูดพลางวางแก้วในมือลงบนโต๊ะ และหุบยิ้ม : “คุณช่วยพาคนคนหนึ่งจากในนั้นออกมาหน่อย”
“พาคนออกมา?” สีหน้าของโล่ฮานเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมาเล็กน้อย : “คุณเป่หมิง ฉันรู้มานานแล้วในโลกของธุรกิจคุณสามารถเรียกลมเรียกฝนได้ อยากได้อะไรก็ได้ แต่ฉันไม่ได้มีความสามารถมากเหมือนคุณที่อยากได้อะไรก็ได้จากวงการศาล เกรงว่าเรื่องนี้ฉันจะช่วยคุณไม่ได้”
พูดจบเขาก็เดินออกไป โดยไม่ดื่มไวน์ในแก้วด้วยซ้ำ
เป่หมิงโม่มองไปที่เขาพลางตบมือ : “คุณโล่ไม่ต้องกังวล เหมือนว่าจะมีอะไรเข้าใจผิดระหว่างเรา ฉันไม่ได้จะให้คุณทำผิดวินัย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการทำผิดกฎหมายเลย”
“ถ้าอย่างนั้นพาคนออกมาหมายถึงอะไร?” โล่ฮานทรงตัวให้มั่นคงอีกครั้ง อยากจะฟังว่าจริงๆ แล้วเขากำลังคิดอะไรอยู่
“ฉันแค่อยากให้คุณช่วยพาคนคนหนึ่งจากในนั้นออกมาสักครึ่งวัน ฉันสัญญาจะส่งเขากลับไปให้คุณภายในครึ่งวันแค่นั้นเอง”
จากนั้นเป่หมิงโม่ก็อธิบายความคิดของตัวให้โล่ฮานฟังอย่างละเอียด
หลังจากที่โล่ฮานขมวดคิ้วแน่น ในที่สุดเขาก็พยักหน้า : “คุณเป่หมิง พูดตามหลักเหตุผลแล้วการทำแบบนี้คือการเหยียบเส้นขอบการตกเป็นผู้ต้องสงสัย แต่คุณทำเพื่อกู้ฮอน เรื่องนี้ฉันยินดีช่วยคุณ ขณะเดียวกันฉันหวังว่าคุณรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับฉัน”
เป่หมิงโม่หัวเราะร่าและยกแก้วในมือขึ้น
โล่ฮานยังคงเหมือนเดิมไม่ขยับเขยื้อนแก้วใบนั้นของตัวเอง : “ขอบคุณสำหรับการต้อนรับ ฉันแค่มีความเคยชินอย่าหนึ่งคือขณะที่กำลังจัดการธุระที่เป็นทางการฉันไม่ดื่ม เรื่องต้องขอให้คุณยกโทษด้วย”
“ไม่เป็นไร ในเมื่อคุณคิดว่านี้เป็นเรื่องทางการ งั้นฉันไม่บังคุณแล้วกัน รอให้จัดการธุระเสร็จ ฉันจะเชิญคุณมาดื่มในฐานะเพื่อน
***
อีกครั้งที่เป่หมิงโม่นั่งอยู่ในห้องเยี่ยมที่เยือกเย็น เขาไม่มั่นใจที่ตัวเองทำแบบนี้จะได้ผลไหม แค่คิดว่าทำอะไรเพื่อกู้ฮอนได้สักเล็กน้อย ก็คุ้มค่าแล้ว
เขาได้ยินเสียงฝีเท้าจากที่ไกลค่อยๆ ใกล้เข้ามา
ไม่นานตรงหน้าเขาก็มีคนเพิ่มขึ้นมาอีกคน
“ป้าซิน พวกเราไม่เจอกันนานแล้ว ฉันรู้ช่วงเวลาที่คุณอยู่ในนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย”
ขณะนั้นเอง ผู้คุมก็ถอดกุญแจมือบนมือของเจียงฮุ่ยซินออก
เธอขยับข้อมือน้อยๆ บนข้อมือของเธอมีรอยแดงจากกุญแจมืออยู่
เธอมองเป่หมิงโม่และยิ้มจางๆ : “ประธานเป่หมิงวันนี้คุณมาที่นี่ไม่ใช่เพื่อมาเยาะเย้ยฉันใช่ไหม ถ้าเป็นแบบนั้น ตอนนี้น่าจะพอใจคุณแล้ว ถึงตอนนั้นจะได้อธิบายกับแม่คุณอย่างละเอียดว่าฉันอยู่ที่นี่อย่างไร ให้เธอมีความสุขด้วย ใช่แล้ว ตอนนี้ตระกูลเป่หมิงควรจะอยู่ในอำนาจของเด็กคนนั้นถึงจะถูก แต่ฉันรู้พวกคุณสองคนแค่แสดงละครต่อหน้าคนนอกเท่านั้นเอง ถ้ารู้ก่อนหน้าไม่ควรจะช่วยคุณเลย”
ดูก็รู้ ตอนที่เธอเจอเป่หมิงโม่เธอรู้สึกอย่างไร
เป่หมิงโม่ดูท่าทีที่เจียงฮุ่ยซินแสดงออกยังคงสงบนิ่ง ถึงแม้เธอจะพูดถึงแม่ของเขาและกู้ฮอนหยาบคายไปบ้าง
“ป้าซิน วันนี้ฉันไม่ได้มารบกวนคุณเพราะเรื่องนี้ อีกอย่าง ตอนนี้ฉันไม่ใช่ประธานเป่หมิงอะไร ระหว่างฉันกับฮอนและบริษัทเป่หมิงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน”
“คุณพูดอะไร?” เจียงฮุ่ยซินคิดว่าตัวเองได้ยินไม่ชัด มองเขาด้วยความสงสัยสักพัก จากนั้นก็หัวเราะขำขัน : “คุณกำลังหลอกให้คนแก่อย่างฉันสบายใจรึไง? ความมั่งคั่งมหาศาลอย่างตระกูลเป่หมิงอยู่ในมือ คุณจะยอมปล่อยหรือไง สงสัยจะโดนปลด ฉันดูไม่ผิด ยี่เฟิงต้องมีอนาคตที่ดีแน่นอน”
“ป้าซินพูดถูกครึ่งหนึ่ง ไม่ผิดตอนนี้เป่หมิงยี่เฟิงเป็นประธานใหญ่ของบริษัทเป่หมิง แต่ไม่ใช่เขาแย่งมันไปจากมือของฉัน เพราะฉันให้เขาเอง” เป่หมิงโม่พูดพลางสำรวจบรรยากาศรอบด้าน
กำแพงที่หนาวเย็นทั้งสี่ด้าน ถึงแม้แสงแดดจากด้านนอกจะส่องเข้ามาได้ทางหน้าต่าง แต่นอกหน้าต่างนั้นก็เป็นรั้วเย็นๆ เหมือนกัน
“ในสภาพแวดล้อมแบบนี้เรื่องภายนอกที่คุณรู้คงไม่มากนัก สำหรับรายละเอียดเรื่องนี้ คงต้องรอตอนที่ยี่เฟิงมาเยี่ยมคุณ ค่อยถามเขาแล้วกัน ฉันมาที่นี่วันนี้ไม่ใช่เพื่อสิ่งนี้”
เจียงฮุ่ยซินขมวดคิ้ว เธอรู้ดีแต่ไหนแต่ไรมาเป่หมิงโม่ไม่เคยพูดโกหก แต่สำหรับประโยคเมื่อกี้ทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ
“ในเมื่อไม่ได้มาเยาะเย้ยฉัน งั้นคุณมาทำอะไรที่นี่ คนแก่อย่างฉันยังมีประโยชน์อะไรกับคุณอีก?”
“ป้าซิน ฉันคิดว่าระหว่างคุณกับฉัน แม่ฉันยังมีเรื่องเข้าใจผิดที่ต้องอธิบายกันอีกมากแต่นี่เป็นเพียงเรื่องระหว่างเรา ไม่เกี่ยวกับคนอื่น ดังนั้นที่ฉันมาวันนี้เพื่อให้คุณชี้แจ้งเรื่องหนึ่งต่อหน้าหลี่เชิน”
พูดถึงตรงนี้ เจียงฮุ่ยซินยิ้มและพยักหน้า : “คุณอยากให้ฉันยืนยันต่อหน้าตาแก่หลี่เชินด้วยตัวเองว่าแม่คุณไม่ได้ทำเด็กคนนั้นหาย แต่เป็นฉันใช่ไหม”
“โม่ ฉันเห็นคุณมาตั้งแต่เล็กๆ ถึงแม้จะไม่เข้าใจนิสัยคุณ แต่ก็เดาได้ไม่ยาก คุณไม่ใช่คนที่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่น”
***
การเผชิญหน้ากับเจียงฮุ่ยซินที่ไม่เข้าใจตัวเขา เป่หมิงโม่ทำได้แค่ยิ้มจางๆ
คำอธิบายทั้งหมดของตัวเองถูกรวมอยู่ในรอยยิ้มแล้ว
เจียงฮุ่ยซินมองเขาและพยักหน้า
จริงๆแล้วในใจของเธอมีคำตอบอยู่แล้ว
บทบาทของเขาต่อกู้ฮอนแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง และบางทีความแตกต่างนี้อาจจะเป็นเพราะเขาสร้างขึ้นมาเองกับมือ
และความเปลี่ยนแปลงของเขา เพราะกู้ฮอนสร้างขึ้นมา
“คุณไม่เสียดายรึไงที่ปล่อยบริษัทเป่หมิงไป คุณไม่เสียดายความพยายามที่สูญเปล่าในช่วงหลายปีมานี้รึไง?”
เจียงฮุ่ยซินมองเป่หมิงโม่และในหัวเธอมีคำถามเกิดขึ้นมากมาย
“มีอะไรน่าเสียดาย บริษัทเป่หมิงนอกจากจะให้ความร่ำรวยกับฉันแล้วยังให้อะไรฉันได้อีก? คนสนิทค่อยๆ หายไปทีละคน ทำให้บ้านไม่เป็นบ้าน ถ้าฉันไม่อยู่ตรงจุดนั้น คุณยังจะวางแผนให้พวกยี่เฟิงมาจัดการฉันไหม จนกระทั่งจัดการแม่ของฉันหลังจากที่เธอกลับมาไหม? ถ้าเรื่องพวกนี้ทำไม่สำเร็จ งั้นฮอนก็ไม่สูญเสียลู่ลู่ตลอดไป”
ต้องยอมรับสมมุติฐานที่เขาพูดเป็นเรื่องจริง สาเหตุของทั้งหมดเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์
นี้ทำให้เจียงฮุ่ยซินตกอยู่ในภวังค์เช่นกัน
สิบนิ้วของเธอประสานกันและวางตรงระเบียง คิ้วขมวดแน่น
สำหรับเธอแล้วนี่เป็นเรื่องเดียวกันไหม
“ป้าซิน ฉันรู้ที่คุณทำก็เพื่อเจ้าสาม ไม่มีแม่คนไหนที่ไม่คิดถึงลูก คุณอาจจะคิดว่าพ่อของฉันจะไม่เหลือที่ยืนในตระกูลเป่หมิงให้เจ้าสาม ไม่ให้ความสำคัญกับเขา หลังจากผ่านเรื่องราวมากมาย รู้สึกว่าพ่อของฉันจะปกป้องเจ้าสามมากกว่าฉันและพี่ใหญ่เสียอีก ตั้งแต่เด็กเจ้าสามไม่เหมือนกับพวกเรา สำหรับเขาครอบครัวที่สมบูรณ์ ชีวิตที่ไร้ความกังวลและเต็มไปด้วยความสวยงาม ถ้าให้เขาเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา กับสงครามทางธุรกิจจึงจะเป็นวิธีที่โหดร้ายที่สุด แน่นอน ฉันปฏิเสธความรักที่คุณมีต่อเขาไม่ได้ ดังนั้นตอนที่ฉันออกจากตระกูลเป่หมิง จึงไม่เคยขอความคิดเห็นจากคุณ สร้างความไว้วางใจที่สามารถรับรองได้ว่าชีวิตหลังจากนี้ของเจ้าสามจะไม่ลำบาก ก็คงเป็นเรื่องเดียวที่พี่อย่างฉันทำให้ได้”
หัวใจคนเราก็คือเลือดเนื้อ ต่อให้เกลียดใครเท่าไหร่ แต่เมื่อได้ยินเรื่องราวเหล่านี้ก็หวั่นไหวได้เหมือนกัน
ความคิดและแรงจูงใจของเจียงฮุ่ยซินเป่หมิงโม่พูดถูก น้ำตาค่อยๆ คลอนัยน์ตาเธออย่างช้าๆ
“โม่ ถ้าสิ่งที่คุณพูดเป็นเรื่องจริง งั้นฉันต้องขอบคุณ คุณจริงๆ คิดไม่ถึงว่าคุณจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ แต่โลกนี้ไม่มียาที่จะแก้ความเสียใจในภายหลัง ฉันทำให้ลู่ลู่ตาย เธอไม่สามารถกลับมาได้อีกแล้ว ทุกคืนที่อยู่ที่นี่ฉันฝันถึงเธอ ฝันถึงวันเวลาที่พวกเราอยู่ด้วยกันเมื่อก่อน ฉันต้องขอโทษเธอและฮอน ฉันทำเรื่องไม่ดีกับพวกเขาสองแม่ลูกรวมถึงแม่ของเธอไว้มากมาย”
เป่หมิงโม่มองเธอและพยักหน้า : “ใช่ ทำไปไม่น้อย บางอย่างทำไปแล้วไม่สามารถย้อนกลับได้อีก แต่เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ต้องผ่านไป ในอนาคตไม่ทำอีกก็พอแล้ว นี้เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ฉันมาที่นี่ ช่วยฉันและฮอนหน่อย เช่นเดียวกันเป็นโอกาสที่จะชดใช้ให้ลู่ลู่สักครั้ง”
เจียงฮุ่ยซินพยักหน้า : “โม่ ในเมื่อคุณพูดมาขนาดนี้แล้ว ฉันยังพูดอะไรได้อีก แค่ได้ช่วยพวกเขาอย่างที่คุณบอก ฉันก็ยินดี”
***
เรื่องราวหลังจากนี้เป็นไปอย่างราบรื่น
พาเจียงฮุ่ยซินออกมาชั่วคราว โล่ฮานก็ไม่ได้ลำบากอะไรมากมาย
เพียงแค่ตอนที่หลี่เชินเห็นเจียงฮุ่ยซิน ย่อมรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย