บทที่ 1138 มัคคุเทศก์เส็งเคร็ง
“เหอๆ พ่อก็โดนบังคับเช่นกัน เสื้อผ้าพวกนี้ล้วนเป็นความคิดของหยินปู้ฝัน เด็กคนนี้ แต่พ่อคิดว่าแบบนี้ก็ดีนะ” โม้จิ่งเฉิงก็ล้อเธอเล่นเช่นกัน
“ฉันถูกใส่ร้ายจริงๆนะ อย่างมากก็แค่ซ้อนกลเท่านั้นเอง เป่หมิงโม่ทุ่มเทกับงานแต่งงานของพวกเธอไปไม่น้อยเลย ฉันก็ไม่อาจนั่งดูโดยไม่สนใจได้”
หยินปู้ฝันรีบอธิบาย เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าเปิดโปงแผนการของเป่หมิงโม่ล่วงหน้าไปแล้วเล็กน้อย
“งานแต่งงานหรือ งานแต่งงานของฉันกับใครกัน” กู้ฮอนขมวดคิ้ว เธอรู้สึกสับสนไม่เข้าใจเรื่องราวอยู่บ้าง
แน่นอนว่าเธอเป็นคนที่ไม่รู้เรื่องคนนั้น และก็เป็นคนเดียวที่ไม่รู้
“แม่ครับ แน่นอนว่าเป็นงานแต่งงานของแม่กับพ่อสิ พวกเราแอบเตรียมการกันมาหลายวันแล้ว” หยางหยางกลัวว่าจะถูกแย่งความดีความชอบไป จึงดึงมือกู้ฮอนพลางเอ่ยพูดออกมาจนหมด
แต่สิ่งที่ทำให้หยางหยางคิดไม่ถึงก็คือ หลังจากที่กู้ฮอนฟังจบแล้ว สีหน้าก็ทะมึนลงในทันที
เธอหันหน้ากลับไปมองเป่หมิงโม่ที่กำลังเดินมาทางตัวเอง
ระยะห่างระหว่างพวกเขาในตอนนี้ไม่ถึงหนึ่งเมตรแล้ว
“ฉันอยากจะฟังคำอธิบายของคุณมาก คุณคิดว่าคุณทำแบบนี้ ฉันจะตอบรับด้วยความยินดีหรือ” เธอรู้สึกมีโทสะเล็กน้อย รู้สึกว่าตัวเองถูกทำให้เป็นเหมือนกับคนโง่คนหนึ่ง
…….
ประโยคนี้ทำให้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนชะงักค้าง
อย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าในตอนนี้ เธอจะมีโทสะ
มีหญิงสาวคนไหนที่ไม่ปรารถนาก้าวเดินเข้าไปแต่งงานในโบสถ์กัน โดยเฉพาะคนที่เหมือนกับเธอในตอนนี้
เป่หมิงโม่เดินมาถึงด้านหน้าเธอ จับมือเธอขึ้นมาอีกครั้ง “กู้ฮอน โปรดเชื่อผม นี่คือเรื่องจริงจังนะ ผมหวังว่าจะมีครอบครัวที่สมบูรณ์ ลูกๆก็เช่นกัน คุณจะไม่ใช่ได้อย่างไรกันล่ะ เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้ช่วงหนึ่ง ผมสับสนกับการตัดสินใจแบบนี้มาโดยตลอด จนกระทั่งก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ถึงได้ตัดสินใจครั้งสุดท้าย”
“คุณอยากจะมีครอบครัวนั้นง่ายมาก ผู้หญิงที่อยู่รอบตัวคุณมีมากมาย คว้ามาสักคนหนึ่ง พวกเธอล้วนอยากใจจะขาด” กู้ฮอนสะบัดมือของเขาออก หันหลังให้กับเขา
แสดงท่าทางมีโทสะออกมา
“ฮอน ลูกทำอย่างนี้ได้อย่างไร……” โม้จิ่งเฉิงดูจนถึงตอนนี้แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองจำเป็นต้องพูดตำหนิลูกสาวบุญธรรมของตัวเองสักหน่อย
เรื่องราวระหว่างพวกเขา โม้จิ่งเฉิงก็ถือได้ว่าเห็นมาด้วยกัน “โม่ เขาทำแบบนี้ก็มีสาเหตุเช่นกัน พวกลูกผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาด้วยกัน ลูกไม่เข้าใจเขาหรอกหรือ”
“คุณแม่ คุณพ่อจริงใจกับคุณแม่นะครับ ตอนที่คุณแม่ออกไปข้างนอก แม้ว่าคุณพ่อจะไม่พูด แต่คุณพ่อก็ดูโทรศัพท์มือถือไม่หยุด” เฉิงเฉิงก็เอ่ยตาม
กู้ฮอนยิ้มเย็นชา “แค่ดูโทรศัพท์มือถือก็อธิบายได้ชัดเจนแล้วหรือว่าเขาสนใจแม่ ไม่ใช่ว่านั่งเล่นเกมส์หรืออ่านข่าวอยู่ตรงนั้นหรือ”
เฉิงเฉิงรีบโบกมือไปมา “ไม่ใช่ครับ ในโทรศัพท์มือถือล้วนเป็นรูปของคุณแม่ กระทั่งภาพหน้าจอก็ใช่”
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา กระทั่งเป่หมิงโม่ก็ตะลึงค้างไปแล้ว “โทรศัพท์มือถือของพ่อล็อคเอาไว้ตลอด ลูกเห็นได้อย่างไร”
ในตอนนี้หยางหยางก็เขยิบมาอยู่ข้างกายเฉิงเฉิง ยกแขนข้างหนึ่งพาดไว้บนบ่าของเขา ใบหน้าท่าทางเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม “อาศัยความสามารถนี้ของพี่ชาย โทรศัพท์มือถือของพ่อจะนับเป็นอะไรได้ ง่ายเหมือนปลอกกล้วยเข้าปาก อีกอย่าง รหัสก็ง่ายมากด้วย ก็คือวันเกิดของแม่……”
“เอาโทรศัพท์มาให้ฉัน” กู้ฮอนในตอนนี้ก็ไม่เกรงใจแล้ว เอ่ยประโยคหนึ่ง หมุนตัวไปหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อของเขา
เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ว่ามีรหัส อีกทั้งหลังจากที่ใส่วันเกิดของตัวเองเข้าไปแล้ว ก็เปิดได้จริงๆ
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าภาพบนหน้าจอเป็นรูปภาพของตัวเอง อีกทั้งยังเปลี่ยนไปมาไม่หยุด นอกจากตัวเองแล้วก็ยังมีลูกๆด้วย……
ดูถึงตรงนี้แล้ว ใจที่มีโทสะเมื่อครู่นี้ก็อ่อนยวบลงมาไม่น้อย เธอคิดไม่ถึงเลยจริงๆ อีกทั้งรูปภาพมากมายเหล่านี้ล้วนไม่ใช่โพสต์ท่าทางถ่าย แต่เป็นการแอบถ่ายในมุมต่างๆ
“ถ่ายได้แย่จริงๆ” เธอยัดโทรศัพท์มือถือใส่มือของเป่หมิงโม่
เป่หมิงโม่เก็บโทรศัพท์มือถือให้เรียบร้อย มองออกว่า ตอนนี้อารมณ์ของเธออ่อนลงบ้างแล้ว
พูดความจริง เมื่อครู่นี้เขาก็ไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ของเธอออกได้ 100% ทั้งยังกังวลอยู่บ้างจริงๆว่า ถ้าหากเธอยืนยันที่จะจากไปทั้งอย่างนี้ ตัวเองจะจัดการอย่างไรดี
เป่หมิงโม่ที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงมาโดยตลอด เมื่อครู่นี้เขาเกือบจะแบกรับเอาไว้ไม่ไหวแล้ว
โชคดีที่ประโยคเดียวของเฉิงเฉิง สามารถคลี่คลายวิกฤตเล็กๆนี้ให้ผ่านไปได้
“แค่กๆ” ตอนนี้สามารถดำเนินการในลำดับขั้นตอนต่อไปได้แล้วใช่หรือไม่” คราวนี้หยินปู้ฝันอาสาเป็นพิธีกรด้วยตัวเอง
“ลำดับขั้นตอนอะไร พวกคุณจะเล่นลูกไม้อะไรกันแน่ จะให้ฉันฉลองวันเกิดนี้ได้สำเร็จดีๆได้หรือไม่” กู้ฮอนมองไปที่เป่หมิงโม่และหยินปู้ฝันด้วยสายตาดุร้าย
“เฮ้ๆ ขอบอกไว้ก่อนเลยนะว่า ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น” หยินปู้ฝันยกมือขึ้นสูง แสดงความไม่เกี่ยวข้องอะไรออกมา ตัวเองก็แค่ผ่านมาเฉยๆ
“แกร๊กๆ…….”
เสียงอะไรกัน
ตอนนี้กู้ฮอนกำลังจะถามเขา เขากลับได้ยินเสียงเบาๆลอยออกมาจากบ้านหลังสีขาว
ออกมาจากบ้านหลังตรงกลางนั้น
จากที่เขารู้มา นอกจากหยินปู้ฝันที่ตัวเองไม่ได้เชิญมาแล้ว คนอื่นๆล้วนอยู่ที่นี่กันแล้ว
หรือจะบอกว่า ภายในบ้านหลังนั้นมีคนอื่นๆแอบซ่อนอยู่หรือ
แม้ว่าที่นี่จะเป็นอาณาเขตของตระกูลเป่หมิง แต่คนตระกูลเป่หมิงนั้นไม่ได้มาบ่อยนัก คนที่ดูแลที่นี่มีเพียงแค่คนทำความสะอาดและพนักงานรักษาความปลอดภัยหนึ่งถึงสองนายเท่านั้นเอง
หรือว่าจะมีโจร
กลางวันแสกๆก็กำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว ถึงกับกล้าที่จะเข้ามาขโมยของที่นี่
บ้านทั้งสามหลังนี้ไม่อนุญาตให้พนักงานเข้าไป ถ้าหากว่าแอบอยู่ทีนี่ ก็ถือว่ายังเป็นสถานที่ปลอดภัยแห่งหนึ่ง
เพียงแต่ว่าโจรคนนี้มาได้ผิดเวลาจริงๆ ถึงได้เลือกมาในวันนี้
เป่หมิงโม่มองดูบานประตูบ้านที่ปิดสนิท จากนั้นก็ส่งสายตาให้กับฉิงฮัวในทันที
เสียงเคลื่อนไหวเล็กน้อยที่ดังออกมาเมื่อครู่นี้ ฉิงฮัวก็ได้ยินเช่นกัน
เขายืนอยู่ด้านหลังของทุกคน อยู่ห่างจากบ้านหลังนั้นมากที่สุด เสียงที่ได้ยินก็ยิ่งชัดเจนขึ้นไปด้วย
เพียงแต่ว่าโชคดีที่นอกจากพวกเขาสองคนแล้ว คนอื่นๆล้วนไม่ได้ยินอะไร จะมีก็แต่เสียงของใบไม้เล็กน้อย
“เป่หมิงโม่ คุณจะเล่นลูกไม้อะไรอีก”
กู้ฮอนที่เห็นเป่หมิงโม่ส่งสายตาก็เหมือนจะเข้าใจผิดไปแล้ว
“ไม่มีอะไร เพียงแค่เมื่อครู่นี้มีอะไรบางอย่างพัดเข้าตา” เป่หมิงโม่ไม่อยากทำให้ทุกคนเกิดความวุ่นวาย จึงเอ่ยตอบส่งเดชไปประโยคหนึ่ง
ส่วนฉิงฮัวนั้นค่อยๆถอยตัวออกไปถึงหน้าประตูบ้านหลังนั้นในตอนที่เป่หมิงโม่ดึงดูดสายตาทุกคนได้สำเร็จ
“ไม่สู้พวกเราไปเดินเล่นกันที่อื่นสักหน่อยเถอะ คาดว่านอกจากผมแล้ว คนอื่นๆล้วนยังไม่เคยมาที่นี่” เป่หมิงโม่พูด อยากจะพาทุกคนไปจากที่นี่
รอจนทุกคนจากไปแล้ว ฉิงฮัวถึงได้ลงมือ
ด้วยวิธีนี้ก็จะสามารถกำจัดอันตรายที่ซุ่มซ่อนอยู่ออกไปได้โดยไม่มีใครรู้
เพียงแต่ คล้ายกับว่าทุกคนล้วนรู้สึกถึงความผิดปกตินี้ของเป่หมิงโม่
ทำไมเขาถึงได้อยากจะเป็นมัคคุเทศก์ขึ้นมากัน
“ในเมื่อโม่พูดแบบนี้ อย่างนั้นพวกเราก็ไปดูกันสักหน่อยเถอะ แต่ว่า โม่ มัคคุเทศก์นี้ต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เต็มที่สักหน่อยนะ” โม้จิ่งเฉิงก็สังเกตเห็นว่าฉิงฮัวไม่ได้อยู่ในกลุ่มของพวกเขาแล้ว ตอนที่ตัวเองแสร้งใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปนั้น ก็เห็นว่าฉิงฮัวเขยิบเข้าไปใกล้กำแพงบ้านหลังนั้นผ่านกล้อง
ดูเหมือนกับว่าจะเคร่งเครียดเล็กน้อย
คาดว่าคงเป็นแผนการระหว่างเป่หมิงโม่และฉิงฮัวล่ะมั้ง
อย่างแรกพาทุกคนไปจากสถานที่แห่งนี้ก่อน จากนั้นฉิงฮัวก็อาศัยช่วงเวลานี้ดำเนินการจัดเตรียมด้านใน นี่เป็นการแต่งงานสายฟ้าแลบจริงๆเลย
โม้จิ่งเฉิงยินดีมากที่ได้เห็นผลลัพธ์แบบนี้
แน่นอนว่าเขาไม่อยากจะเปิดเผยเรื่องนี้ออกไปจนหมด ถึงอย่างไรก็เตรียมการมาช่วงเวลาหนึ่ง อย่างไรก็ต้องแสดงออกมาให้สมบูรณ์แบบครั้งหนึ่งไม่ใช่หรือ
อีกอย่าง เขาก็หวังว่าลูกสาวบุญธรรมของตัวเอง กู้ฮอน จะสามารถแต่งงานเข้าไปในตระกูลเป่หมิงได้อย่างมีเกียรติในสังคม
คิดแล้ว เขาก็ให้ความร่วมมือในการพาหวีหรูเจี๋ยเดินตามเป่หมิงโม่เป็นอย่างมาก “พวกเรามาตั้งใจดูที่นี่เถอะ หรูเจี๋ย คุณจากที่นี่ไปหลายปีแล้ว ถือว่ามาเยี่ยมชมสถานที่ที่คุณเคยอยู่สักครั้งแล้วกัน”
***
ฉิงฮัวมองเป่หมิงโม่พาทุกคนอีกทางหนึ่ง ในไม่ช้าก็ไม่เห็นเงาร่างของพวกเขาแล้ว
เขาเตรียมตัวที่จะเอาชนะคนที่อยู่ในบ้านภายในเสี้ยววินาทีแล้ว
*
“แม่ครับ แม่ไปจากที่นี่สิบกว่าปีแล้ว แต่ว่าผมยังคงรักษาสไตล์และการจัดวางเครื่องเรือนแบบเดิมทั้งหมดเอาไว้อยู่
เป่หมิงโม่นั้นเหมือนกับมัคคุเทศก์เส็งเคร็ง พาทุกคนเดินไปรอบๆสวนนี้อย่างไร้จุดหมาย
ที่จริงแล้วเขาก็ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมาตลอด คนอื่นๆอาจจะไม่รู้สึกถึง เพียงแต่คิดว่าการแสดงออกแบบนี้ของเขานั้นถือว่าเป็นเรื่องปกติ หรือจะพูดได้ว่าฝืนใจทำในสิ่งที่ยากเกินไป
มีเพียงแค่โม้จิ่งเฉิงที่รู้ทันเขาจริงๆ แต่ว่ายังคงยินยอมจะให้ความร่วมมือกับเขา
เด็กๆจะไปคิดอะไรมากมาย มีเพียงแค่คำเดียวก็คือ เล่น
สำหรับกู้ฮอน ในตอนนี้อารมณ์ของเธอก็ไม่ได้ดีไปกว่าเป่หมิงโม่เท่าไร
เธอมองเป่หมิงโม่ที่เดินนำอยู่ด้านหน้าสุด ก็รู้สึกใจไม่สงบเล็กน้อย ในใจรู้ว่าวันนี้เจ้าหมอนี่ทำสิ่งที่แตกต่างจากที่เห็นโดยสิ้นเชิง แต่ก็ยังคงมีความประหลาดใจต่อเขาอยู่หลายส่วน
อยากจะรู้มากว่าเขาจะทำอะไรต่อไป
คิดไปคิดมา เธอก็เริ่มคิดถึงภาพทั้งสองคนที่อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่เมื่อครู่นี้…….
นี่ทำให้คนรู้สึกหัวใจเต้นตึกตักๆตลอดจริงๆ
แก้มของเธอปรากฏริ้วแดงขึ้นมาเล็กน้อยอีกครั้ง
ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงกว่า เป่หมิงโม่ก็ไม่ได้รับโทรศัพท์รายงานความปลอดภัยจากฉิงฮัว
ตอนนี้เขาก็รู้สึกว่าไม่มีอะไรจะให้แนะนำแล้วเช่นกัน ในใจก็เริ่มรู้สึกเป็นห่วงฉิงฮัวขึ้นมา
ถ้าหากว่าพบเจออะไรที่คาดไม่ถึงที่นี่จริงๆ ถึงแม้จะแค่ได้รับบาดเจ็บ ก็จะเกิดความรู้สึกว่าเป็นความผิดของตัวเอง ทั้งยังไม่สามารถจะเผชิญหน้ากับลั่วเฉียวและลูกของพวกเขาได้
แม้ว่าตัวเองจะไม่ได้ใส่ใจแม่ลูกคู่นั้นขนาดนั้น แต่พวกเขาก็เป็นถึงคนในครอบครัวของฉิงฮัว รวมไปถึงเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดคนหนึ่งของกู้ฮอน
“โม่ ลูกพาพวกเราเดินวนที่นี่รอบแล้วรอบเล่า วันนี้พาพวกเรามาออกกำลังกายที่นี่หรือว่าย้อนอดีตในคืนวันอันหวานชื่นกันล่ะ แม่รู้สึกเหนื่อยแล้ว ไม่สู้พวกเรากลับไปพักผ่อนกันที่ใต้ต้นไม้ใหญ่กันเถอะ” ถึงอย่างไรหวีหรูเจี๋ยก็เป็นผู้ชราคนหนึ่ง ร่างกายนั้นอยากจะทำแต่ไม่มีเรี่ยวแรงแล้ว
เมื่อมีคนเอ่ยนำขึ้นมา ถัดมาก็ได้รับการเออออห่อหมกตามกันมา
โดยเฉพาะหยางหยาง ที่จริงแล้วเขาเต็มไปด้วยความคาดหวังว่าจะค้นพบสิ่งแปลกใหม่ในสถานที่ที่ใหญ่ขนาดนี้มาก แต่ว่าเมื่อมาถึงแล้ว นอกจากดอกไม้ใบหญ้า ก็ไม่มีอะไรที่จะทำให้นัยน์ตาของตัวเองเป็นประกายสักอย่าง
สำหรับหยินปู้ฝันนั้น เขายิ่งไม่มีความคิดที่จะฟังคำพูดไร้สาระของเป่หมิงโม่ที่นี่ เพียงแค่รับผิดชอบช่วยโม้จิ่งเฉิงประคองคุณป้าก็พอแล้ว
แน่นอนว่า เขาค้นพบว่ากู้ฮอนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ที่จริงแล้วเขาอยากจะล้อเล่นกับเธอมาก แต่ในตอนนี้มีเป่หมิงโม่อยู่ด้วย แม้ว่าจะไม่กลัวเขา แต่ก็เป็นกังวลต่ออารมณ์ที่ไม่คงที่ของเจ้าหมอนี่อยู่บ้าง
เป่หมิงโม่ได้ยินแล้วก็รู้สึกลำบากใจ แต่กลับไม่สามารถแสดงความรู้สึกออกมาบนใบหน้าได้ “แม่ครับ ในเมื่อแม่เหนื่อยแล้ว อย่างนั้นก็พักอยู่ที่นี่ก่อนสักห้านาที ผมจะไปเตรียมการสักหน่อย”
“ลูกจะไปทำอะไร ไม่ใช่ว่ามีฉิงฮัวอยู่หรือ…….เอ๋ เขาไปไหนแล้วล่ะ”