บทที่ 1148 ถูกเอาเปรียบอีก
นิ้วมือค่อยๆลูบลงไปบนเส้นเลือดที่นูนขึ้นมา มันทำให้เธออดไม่ได้ที่จะถึงเรื่องที่เกิดขึ้นสองสามชั่วโมงก่อนหน้านี้…
รู้สึกถึงแก้มที่ค่อยๆร้อนอย่างทนไม่ไหว
บางทีตอนนี้ไม่ใช่เขาที่หลงใหลเธอ แต่เปลี่ยนเป็นเธอที่หลงเขาแล้ว…
มันเป็นความรู้สึกที่ทำให้ตนเองฝันละเมออีกครั้ง ราวกับโบยบินขึ้นไปบนท้องฟ้า
โดยส่วนใหญ่ ต่างพูดว่าผู้ชายต้องการการสื่อสารทางกายมากกว่าผู้หญิง แต่ในความเป็นจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น
ผู้หญิงนั้นต้องการมากยิ่งขึ้น
เพียงแต่ว่า มีการมอบสิ่งที่เรียกว่า ‘ข้อจำกัด’ เอาไว้มากมาย ทำให้พวกเธอเคยชินที่จะใช้วิธี ‘กลยุทธ์ทางอ้อม’ แสดงออกมาเพื่อดึงดูดผู้ชายอยู่ตลอดเวลาและทำให้พวกเขายอมจำนน
ด้วยวิธีนี้ก็จะสามารถผลัก ‘ข้อกล่าวหา’ ของ ‘สิ่งที่อาจจะมีก็ได้’ ไปยังฝ่ายตรงข้าม
และจากนั้นตัวเองก็สามารถแอบเพลิดเพลินกับความสุขกับกระบวนการทั้งหมดที่เขานำมา
เธอมองผู้ชายของเธออย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกครั้ง
สิ่งนี้ทำให้เธอนึกถึงในคืนนั้นที่เป็นเช่นเดียวกัน และในคืนเดียวกันนั้นเอง ผู้ชายคนเดียวกันได้ครอบครองร่างของตัวเองเป็นครั้งแรก และได้ทิ้งเมล็ดพันธุ์เอาไว้
หลังจากที่ตั้งครรภ์ได้สิบเดือน สองชีวิตใหม่เอี่ยมได้กำเนิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ และยิ่งไปนั้นพวกเขาได้เดินทางผ่านวันที่ยากลำบากและมีความหมายเคียงข้างตนเอง
แต่ว่าในคืนนั้นเธอไม่กล้าแล้วก็ไม่อยากเห็นชายที่กดทับอยู่บนตัวเธอ มันเป็นความกลัวและความกังวลที่เพิ่มมากขึ้น
บ่อยครั้งหลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นแล้ว ก็ไม่กล้าที่จะหันหน้ากลับไปมองได้อีกต่อไป
มีหลายครั้งที่เธอเคยคิดว่า ถ้าหากวันนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น อย่างนั้นแล้วในวันต่อมาจะเป็นเช่นไร…
สิ่งที่สูญเสียไป อาจะนำไปสู่สิ่งใหม่ๆมากมาย
สิ่งนี้วนไปเป็นวงเวียนแห่งการกระทำ
ถ้าหากเป็นไปตามที่คาดไว้จริง ก็จะไม่มีลูกๆที่น่ารักสามคน จะไม่มีวันได้พบกับแม่ แม้กระทั่งเวลาต่อมาพ่อก็ได้แก้แค้นเป่หมิงโม่แล้วก็จะไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง หรือบางทีอาจจะยืนดูความตลกขบขันของเขาอยู่ด้านข้าง…
อย่างนั้นแล้วจะมีความหมายอะไรอีกล่ะ?
แน่นอนว่าตนเองก็จะมีลูก แต่ก็จะไม่ใช่ลูกรักทั้งสามคนนี้อีก ถ้าอย่างนั้นความสนุกจะไม่น้อยลงไปเหรอ?
จะไม่มีข้อมูลของพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด ตนเองก็ต้องใช้ชีวิตอยู่ในช่วงเวลาถูกคนประทุษร้ายเพียงเท่านั้น บางทีอาจจะเป็นอย่างนี้ไปทั้งชีวิต…
เธอหันหน้าไปมองแสงจันทร์นอกหน้าต่าง ฉันควรขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้ฉันได้พบกับเขา ทำให้ตัวเองได้มีชีวิตแบบนี้ ถึงแม้ว่าช่วงเวลาก่อนหน้านี้ จะทำให้ตัวเองแทบจะเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่เขา…
ร่างของชายที่อยู่ข้างๆเธอขยับเล็กน้อย จากนั้นเธอรู้สึกว่าแขนนั้นโอบเธอแน่นอีกรอบ และแนบกับหน้าอกของเขา จนสามารถได้ยินเสียงเต้นของหัวใจที่ทรงพลัง
“คุณกำลังดูอะไรอยู่?” ในเสียงที่ทุ้มต่ำมีความเหนื่อยล้าอยู่เล็กน้อย เขายังตื่นไม่เต็มที่
กู้ฮอนออดอ้อนด้วยการแนบลงไปบนตัวเขาอีก : “ฉันกำลังคิดถึงอดีตที่ผ่านมาของเรา เพื่อจะได้นับความผิดของคุณได้ง่ายขึ้นยังไงล่ะคะ”
***
เป่หมิงโม่อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย สำหรับเขาแล้ว นี่ดูเหมือนจะไม่ใช่สัญญาณที่ดี ในส่วนลึกของผู้หญิงทุกคนซ่อนความต้องการแก้แค้นเอาไว้ไม่น้อย
หลายคนก็ฝังมันเอาไว้อย่างสมบูรณ์
แต่สิ่งนี้ไม่ได้แสดงว่าไม่มีมีอยู่
เมื่อดูจากที่ปรากฏในตอนนี้ ดูเหมือนว่า ‘ภูเขาไฟน้อย’กู้ฮอนคนนี้เริ่มส่งสัญญาณของกิจกรรมแล้ว
หรือว่าเมื่อสักครู่นี้ก็ยังไม่ได้ดับไฟของเธอ ตรงกันข้ามยังมีบางอย่างถูกกระตุ้น…
ควรจะต้องคิดวิธีแก้ไขแล้ว
สมองของเขาเริ่มทำการวางแผนอย่างรวดเร็ว นี่เป็นเรื่องที่ต้องใช้สมองมากกว่าการเจรจาทางการค้าใดๆที่เขาเคยเผชิญมา
มีคำพูดหนึ่งกล่าวไว้ว่า : หาบ้านนั้นยากกว่าหางานมากนัก
ดูแล้วเหมือนจะเป็นเรื่องจริง
ไม่อาจปล่อยให้เธอรู้สึกถึงความวิตกกังวลเล็กๆน้อยๆของตนเองได้เลย
เขาลูบผมนุ่มของเธอเบาๆ : “นึกได้เท่าไหร่แล้ว? อยากให้ผมช่วยแนะนำหรือเปล่า?”
“คุณไม่กลัวว่าฉันจะเปิดบัญชีหนี้เก่าขึ้นมาแล้วคุณจะไม่สามารถมีชีวิตที่ดีงั้นเหรอ?” กู้ฮอนเงยหน้าขึ้นมองเขา ราวกับกำลังให้คำแนะนำแก่เขา
ความจริงจากใจของเธอนั้น เธอเองก็ไม่อยากหวนกลับไปคิดถึงสิ่งที่ไม่มีความสุขเหล่านั้นในอดีต
ชีวิตล้วนแต่ต้องก้าวไปข้างหน้า ทำไมต้องมองย้อนกลับไปด้วยล่ะ?
เรื่องที่ผ่านไปแล้วเหล่านั้น ทำได้เพียงแค่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งคู่ยากจะซ่อมแซมด้วยการเพิ่มรอยร้าวลงไป
หรือว่ารอยร้าวระหว่างพวกเขายังมีไม่มากพอ?
รอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นที่มุมปากของเป่หมิงโม่ เพียงแต่ว่ารอยยิ้มนี้ถูกซ่อนไว้อย่างดีท่ามกลางความมืด : “เป็นอะไรไป หรือว่าจู่ๆก็รู้สึกว่าตัวเองทำพลาดแล้ว?”
ยังไงเขาก็เป็นคนฉลาด แม้กระทั่งจุดนี้ที่ไม่มีใครสังเกตเห็น
คิดไม่ถึงจริงๆว่าเขาจะมองทะลุได้ไวขนาดนี้ สิ่งนี้ทำให้กู้ฮอนรู้สึกไม่ประสบความสำเร็จจริงๆ ทั้งความรู้สึกและใบหน้า
เดิมทีตนเองต้องการใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ แต่กลับถูกผู้ชายคนนี้ฉวยโอกาสอีกแล้ว
นี่มันคือการทำร้ายตัวเองจริงๆ ไม่รู้สึกถึงความสำเร็จใดๆเลยจริงๆ
“ฉันเพียงแค่หวังดีอยากจะเตือนคุณนิดหน่อยเท่านั้น ในตอนที่มีความสุขอย่าได้ดีใจจนลืมตัวรู้หรือเปล่า” กู้ฮอนเริ่มปกป้องตัวเองอย่างสุดกำลัง
อย่างไรก็ตาม เธอก็ถูกกดอยู่ใต้ร่างของเขาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว : “คุณ คุณจะทำอะไรน่ะ…”
เพิ่งจะผ่านไปนานเท่าไหร่เอง ดูเหมือนตัวเองยังรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดจางๆ หรือว่าผู้ชายคนนี้ทำอีกเร็วๆนี้…
K! เป็นพ่อม้าจริงๆสินะ
ร่างใหญ่ของเป่หมิงโม่เหมือนกับกำลังถูกเงาดำปกคลุมอยู่ แล้วเปลวไฟที่ยังไม่มอดสนิทก็ถูกจุดขึ้นมาอีกครั้ง
ในชีวิตนี้ เขามั่นใจว่าเธอคือคนที่เขาต้องการ
“ดูเหมือนว่าผมเองก็ใจดีมากเลยอยากจะเอาคำพูดที่คุณพูดเตือนผมเมื่อกี้นี้บอกคุณกลับไปว่าอย่าได้ดีใจจนลืมตัว” พูดจบเขาก็ค่อยๆโน้มตัวลงมาปิดริมฝีปากของเธอ…
พ่ายแพ้แล้วจริงๆ พ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง…
จู่ๆก็ต่อต้านผู้ที่เหนือกว่าอีกครั้ง
ถึงแม้ว่าเธอจะหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ดูเหมือนว่าเธอจะกลับมาเริ่มชอบและอยู่ร่วมกับเขาได้ หรือล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ การอยู่ร่วมกันด้วยวิธีการเช่นนี้
มันไม่ใช่แนวความคิดที่คล้ายคลึงกับมาโซคิสต์
การเข้าหากันของคนสองคน บางทีอาจจะทำให้หลายๆคนรู้สึกเวลาผ่านไปช้าเหลือเกิน ใช้ทั้งแรงกายและแรงใจ นั่นอาจได้เพียงว่าพวกเขาเจอคนผิดเสียแล้ว
ถ้าหากคุณได้พบกับคนที่ใช่ สิ่งนั้นจะเป็นอีกความรู้สึกหนึ่ง
เป็นการต่อสู้กันอย่างมีความสุขไม่มีสิ้นสุด
มันสะท้อนถึงตัวตนในแง่มุมต่างๆ การสื่อสารทางอารมณ์และกายภาพไม่อาจทำให้พวกเขาต้องแยกจากอีกฝ่าย มีแต่ทำให้ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
หลายปีต่อมา…
บนเก้าอี้ม้านั่งยาวริมสนามหญ้าสีเขียว ชายและหญิงโอบกอดซึ่งกันและกัน
ที่พนักเก้าอี้ด้านหลังของพวกเขา มีลูกโป่งสีแดงสามใบผูกด้วยเชือกสีแดง สองลูกมีขนาดใหญ่กว่าอันเล็กอีกอันเล็กน้อย
พวกมันเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกันกับลงที่พัด เหมือนกับว่าพยายามจะสลัดให้หลุดพ้นจากพันธนาการที่ผูกติดไว้บนตัว
ใบหน้าของชายหนุ่มและหญิงสาวมีความสุข อาบไปด้วยรอยยิ้มภายใต้แสงแดดยามบ่ายที่อบอุ่น
“พี่คะมาที่นี่หน่อย…ดูว่าหนูเจออะไร เป็นด้วงตัวใหญ่มากเลยค่ะ” เด็กหญิงตัวน้อยสวมชุดสีชมพูแล้วถักเปียเล็กๆสองข้าง กำลังยืนอยู่ใต้ต้นไม้เล็กๆกลางสนามหญ้า
ดูเหมือนว่าเธอได้ค้นพบโลกใบใหม่ นิ้วชี้ไปยังตัวด้วงกว่างสีดำที่นอนคว่ำอยู่บนลำต้น
เด็กชายตัวน้อยที่กำลังเล่นว่าวอยู่ไม่ไกลจากเธอเมื่อได้ยินก็หันไปมอง : “เธอจับมันลงมาสิ ฉันมีอยู่แล้วหนึ่งตัว จับคู่ให้มันได้พอดีเลย”
เมื่อเด็กหญิงตัวน้อยได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความเศร้าโศก ถึงแม้ว่าเธอจะอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับ ‘เจ้าตัวนี้’ แต่ก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวอีกครั้ง : “พี่ชายมาจับสิคะ หนูไม่กล้า…”
สายตามองดูตัวด้วงที่เมื่อกี๊ยังนอนนิ่งไม่ขยับเริ่มไต่ขึ้นมาเล็กน้อย
“พี่ชายรีบๆสิคะ มันจะหนีไปแล้ว”
“เฮ้ เป่หมิงซีเฉิง นายไม่ช่วยจิ่วจิ่วจับหน่อยเหรอ” เด็กชายที่เล่นว่าวยกเท้าขึ้นเตะหินก้อนเล็กๆ ไปโดนตัวเด็กชายอีกคนที่กำลังนอนคว่ำอ่านหนังสืออยู่ไม่ไกลอย่างแม่นยำ
ข้างกายเขายังมีสุนัขที่กำลังคลานอย่างเกียจคร้านตัวหนึ่งกำลังหรี่ตานอนหลับอย่างสบาย
เฉิงเฉิงหันหน้าไปมองเขา โดยไม่มีความคิดที่จะลุกขึ้น : “จิ่วจิ่วกำลังหาของให้นาย นายสมควรช่วยเธอ ฉันยังต้องอ่านหนังสือ”
หยางหยางที่กำลังเล่นว่าวเหลือบมองเขาแล้วบุ้ยปาก : “ อ่านหนังสือมันมีอะไรดี งั้นฉันจะไป” พูดแล้วหยางหยางก็ผิวปากส่งเสียงเรียกสุนัขที่นอนอยู่ข้างๆเฉิงเฉิง
หูของเบลล่าที่แต่เดิมที่ตกลงมาหลังจากได้ยินเสียงที่คุ้นเคยก็ตั้งขึ้นทันที หลังจากนั้นก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
“มานี่สิ”
เบลล่ายืนอยู่ที่เดิมแล้วอ้าปากหาวกว้าง จากนั้นก็ยืดเอว หลังจากสะบัดขนบนตัวแล้ว ก็วิ่งไปหาหยางหยางอย่างกระฉับกระเฉง
หยางหยางเอาเชือกของว่าวผูกไว้ที่ปลอกคอของมัน : “ฉันจะไปจับด้วง แกอยู่ที่นี่ดูแลว่าวให้ดี ถ้าว่าวตกลงมาก่อนฉันกลับ แกมีปัญหาแน่”
“หงิง…” เบลล่าเงยหน้ามองหยางหยางอย่างไร้เดียงสา
ว่าวตั้งเสร็จแล้ว เช่นนี้แล้วหยางหยางถึงเดินไปหาจิ่วจิ่วอย่างไม่รีบร้อน : “แม้แต่ด้วงตัวเดียวยังไม่กล้าจับฉันคิดว่าต่อจากนี้ไม่ต้องออกมาเล่นกับฉันแล้วล่ะ เป็นคนขี้ขลาดจริงๆ”
“แต่หนูช่วยหาเพื่อนให้ด้วงของพี่ได้นะ” เมื่อจิ่วจิ่วได้ยินก็มองไปที่ใบหน้าเล็กๆของเขาแล้วทำท่าโกรธ
หยางหยางมาถึงใต้ต้นไม้ แล้วเงยหน้ามอง ด้วงกว่างตัวนั้นปีนขึ้นไปอยู่บนกิ่งที่สองอย่างรวดเร็วเรียบร้อยแล้ว
เขายื่นมือไปจับมันไม่ถึงแล้ว
ตัวด้วงญี่ปุ่นนั้นหาพบได้ยาก จะปล่อยให้มันหนีไปแบบนี้ได้ยังไง
หยางหยางแกว่งแขนข้างหนึ่งขึ้นไปด้านบน แล้วพ่นน้ำลายสองหยดลงกลางฝ่ามือ
จิ่วจิ่วที่มองอยู่ด้านข้าง ทำหน้ารังเกียจ : “พี่ชายนี่สกปรกจริงๆ”
แต่หยางหยางไม่สนใจ ยกลำตัวขึ้นไปด้านบน สองมือกอดต้นไม้ไว้แน่นสอดคล้องกับขาด้านล่าง ปีนขึ้นต้นไม้ได้อย่างคล่องแคล่วราวกับเป็นลิง
ในไม่ช้าก็ได้ยินหยางหยางพูดว่า : “เฮ้เฮ้ แกยังคิดจะบินอยู่อีก แกคิดว่าตัวเองเป็นลิงสินะ ยังไงก็หนีไม่รอดฝ่ามือของฉันหรอก”
มองดูลูกที่อยู่บนต้นไม้ เป่หมิงโม่อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว : “คุณให้คลอดอะไรออกมากันแน่ ตลอดทั้งวันไม่เคยที่จะหยุดพัก ไต่บนหลังคาอย่างกับหัวขโมย ลูกของบ้านฉิงฮัวถูกเขาทำให้เสียคนไปแล้ว สองวันที่ผ่านลั่วเฉียวมองผมด้วยสายตาที่ไม่ดีเลย”
เมื่อเทียบกับความไม่สบายใจของเขาแล้ว กู้ฮอนกลับดูสงบนิ่งมากว่า
เธอยิ้มบางๆแล้วมองเขาอย่างไม่ใส่ใจ : “คุณบอกว่าฉันคลอดอะไรออกมา นี่ไม่ใช่สายพันธุ์ของคุณหรือไงคะ นอกจากนี้ ถึงไม่มีหยางหยาง แล้วลั่วเฉียวเคยมองคุณด้วยสายตาที่ดีงั้นเหรอ? คุณเป่หมิง อย่าได้รู้สึกดีเกินไปนักเลย”
“หรือว่าผมเป็นที่เกลียดชังของเธอมากเลยใช่ไหม? ที่จริงแล้วผมไม่เคยทำอะไรเธอเลยนะ ไม่เคยโยนลูกของเธอลงไปในบ่อน้ำด้วย” เป่หมิงโม่รู้สึกว่าตัวเองไร้เดียงสาจริงๆ ที่จริงก็ใจดีกับเธอมากแล้ว อย่างน้อยก็ไม่เคยมีอารมณ์ดีกับคนอื่นขนาดนี้