บทที่ 1164 หลุดพ้นจากการติดตาม
“ใครบอกว่าจะกลับไป? ใบหน้าที่น่ารำคาญของพ่อฉันดูมามากพอแล้ว ออกมาก็ดีแล้วไม่เห็นก็สบายใจดี หรือคุณไม่รู้สึกเหมือนผม?”
……
เจอหยางหยางถามกลับแบบนี้ เหงื่อบนหน้าผากของเหล่าโล๋แทบจะหยดลงมาเลยทีเดียว
นี้เขาแสดงตัวอย่างชัดเจนว่าต้องการให้เลือกยืนข้างใคร
สองพ่อลูกนี้ไม่มีใครกล้าทำผิดต่อเขา
“คุณชายน้อยหยางหยาง ฉันเป็นแค่คนรับใช้ที่เจ้านายส่งมาให้ดูแลคุณเท่านั้น”
ความกดดันคือไม่ตอบรับคำเขา
“โอเค ผมจะออกไปเดินเล่น วันนี้คุณก็พักผ่อน ดูหนัง หรือจะไปหาสาวๆก็ได้” พูดถึงตรงนี้ หยางหยางก็ทำท่าทางสีหน้าจริงจัง : “คุณลุงโล๋ ผมว่าลุงน่ะที่แกล้งทำเป็นพ่อของผมอีกนิดเดียวก็เกือบโดนจับได้แล้ว เพราะแบบนี้ไง ต้องไปเรียนรู้จากคุณลุงหัวฟูบ้าง หาผู้หญิงดีๆ สักคน มีลูกสักคน หาโอกาสได้ลองเป็นพ่อคน คิดว่าคงอีกนานกว่าฉันจะได้กลับไป เพื่อป้องกันการโดนจับได้ถ้าโดนเชิญผู้ปกครองอีกครั้ง”
……
การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตคน แต่หยางหยางกลับพูดเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ
“คุณชายน้อยหยางหยาง ผมไปกับคุณดีกว่า ไม่อย่างนั้นผมจะรายงานกับเจ้านายได้ยาก”
เหล่าโล๋แสดงท่าทีจริงจัง
“ช่างเป็นคนซื่อตรง” หยางหยางแอบขมวดคิ้วแล้วขมวดคิ้วอีก
*
อีกด้านหนึ่งของเมือง รถยนต์คันหนึ่งวิ่งวนไปวนมาบนถนน
กู้ฮอนรู้สึกตื่นเต้น
ลูกชายนั่งอยู่ข้างๆ เธอ ส่วนลูกสาวนั่งแถวหลังบนรถ
“ลูกนัดกับหยางหยางแล้วใช่ไหมว่าเจอกันที่ไหน?”
เฉิงเฉิงมองแม่และพยักหน้า : “ใช่ที่สวนสาธารณะข้างหน้าไม่ไกลจากตรงนี้มาก”
***
เวลาเป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก
ขณะที่ในใจของคนเม่ไปด้วยความหวังและการเฝ้ารอ มันกลับเดินช้ามาก จนเหมือนเหมือนผ่านไปเป็นปีเลยด้วยซ้ำ
จนผู้คนอยากให้มันผ่านไปเร็วกว่านี้หน่อย
และมันเวลาที่ผ่านไปเร็วมากเช่นกัน ขณะที่เกือบเคลิ้มอยู่กับช่วงเวลาวัยเด็กที่วิ่งเล่นสนุกสนานอยู่ในสนามกับเพื่อน แต่เมื่อตื่นขึ้นมากลับพบว่าตัวเองกำลังกลายเป็นคนแก่ที่อยู่ไม่ไกลจากความตายแล้ว
แน่นอน ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกคนอยากหยุดเวลาไว้ตอนที่ตัวเองสบายใจและมีความสุขที่สุด
*
สำหรับกู้ฮอนที่นั่งรอพบลูกชายอย่างตื่นเต้นอยู่บนเก้ายาวในสวนสาธารณะนั้น
เพียงเพื่อช่วงเวลานี้ แทบจะเป็นการรอที่ยาวนานมากของตัวเธอเอง
เธอแทบจะไม่อยากรอ หวังให้ลูกชายปรากฏตัวโดยเร็ว
แต่ เวลาก็เดินไปทุกนาทีทุกวินาทีนานกว่าสองชั่วโมงแล้ว
จิ่วจิ่วอยู่ในอ้อมกอดของแม่ เธอรอมานานจนเริ่มง่วงแล้ว เธอเงยหน้าถามอย่างอ่อนแรง : “แม่ ทำไมพี่หยางหยางยังไม่มา พี่เขาลืมแล้วรึเปล่า?”
กู้ฮอนก้มหน้ามองลูกสาวและยิ้มน้อยๆ : “พี่เขาไม่มีทางลืมพวกเรา น่าจะติดธุระอะไรอยู่ พวกเรารอเขาอีกหน่อยเถอะดีไหม”
จิ่วจิ่วพยักหน้าและหาวเบาๆ
เฉิงเฉิงถือว่าเป็นอีกคนที่ใจเย็น แต่จากการรอมานานแบบนี้เขาเองก็เริ่มนั่งไม่ติดเหมือนกัน
เขาขมวดคิ้ว รู้สึกเหมือนความสัมพันธ์ทางจิตวิญญาณของตัวเองกับหยางหยางขาดหายไป
ไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไร
โทรไปหาก็ได้ยินแค่การตอบกลับง่ายๆ ว่า “ไม่สามารถติดต่อได้”
ผู้ชายคนนี้กำลังทำบ้าอะไรอยู่?
เขารู้ว่าตอนนี้หยางหยางไม่มีโทรศัพท์
สำหรับเด็กในยุคนี้ที่ใช้โทรศัพท์เป็นหลักในการติดต่อสื่อสาร เมื่อไม่มีโทรศัพท์จึงกลายเป็นอีกหนึ่งเรื่องน่ากลัวสำหรับพวกเขา
เหมือนตัวเองถูกทิ้งไว้ในโลกนี้อย่างโดดเดี่ยว
แน่นอน พวกเขาคิดไม่ออกว่าพ่อแม่หรือบรรพบุรุษที่เกิดก่อนพวกเขา ก่อนหน้านี้ติดต่อสื่อสารกันอย่างไร
*
“คุณลุงโล๋ ลุงตามผมมานานขนาดนี้ไม่เหนื่อยรึไงกัน?”
ขณะที่หยางหยางกำลังรีบไปยังสวนสาธารณะที่นัดหมายกัน
เขาเดินอยู่ด้านหน้า เหล่าโล๋เดินตามหลังโดยเว้นระยะห่างจากเขา
ในเมื่อนายน้อยออกเดินทาง เขาจะนั่งรออยู่ที่บ้านได้อย่างไร
นี้เป็นความรับผิดชอบที่มีต่อนายน้อย และคำสัญญาที่มีต่อเจ้านาย
หยางหยางหยุดเดินและมองด้วยความโกรธไปที่ผู้ชายที่ใส่สูทสีดำ สวมแว่นตากันแดดที่เดินอยู่ไม่ไกล
เหล่าโล๋เดินขึ้นมาไม่มีกี่ก้าว : “นายน้อย ฉันมีหน้ารับผิดชอบดูแลความปลอดภัยของคุณ สบายใจได้ พวกเราจะรักษาระดับความปลอดภัยให้อยู่ในขอบเขต แบบนี้ฉันก็จะไม่รบกวนคุณ คุณเองก็จะได้รับความปลอดภัย”
หยางหยางเริ่มร้อนใจ อีกแค่สองแยกก็จะถึงสวนสาธารณะที่นัดกับเฉิงเฉิงไว้แล้ว
แต่ผู้ชายที่อยู่ด้านหลังยังคงตามติดเขาเป็นเงา
การที่เขาจะพบกับแม่ตามลำพัง เขารู้ดีเรื่องนี้พ่อเขาไม่อนุญาต
ถ้าเขารู้เข้า ตัวเองไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ถึงจะโดนทำโทษเขาก็ไม่สนใจ
แต่แม่จะมีส่วนเกี่ยวข้องเพราะเขา นั้นน่าเศร้ามากไปแล้ว
ถึงแม้เขาจะรู้ว่าพ่อจะไม่ทำอะไรแม่ก็ตาม
ก็ควรจะหาโอกาสสลัดเขาให้หลุด ให้พ้นจากสายตาเขาจะดีที่สุด
เขาหันกลับไปมองรอบๆ ตัวมองหาตึกสูง และถนนที่มีคนเดินไปมาเยอะแยะ
เมืองนี้ประชากรอาศัยอยู่หลายสิบล้านคน ทำให้เมืองนี้เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงระดับโลก
อยากจะหลีกหนีจากใครสักคนในเมืองนี้คงไม่ใช่เรื่องยาก…
หยางหยางมองคนรอบตัวที่เดินผ่านไปมา สมองเขาเริ่มคิดหาวิธีที่จะสลัดผู้ติดตามที่ตามติดอยู่ออกไป
บางครั้งถ้าคนเราโชคดี ไม่ต้องคิดอะไรก็โชคดี
ตำแหน่งที่พวกเรายืนอยู่ตอนนี้เป็นสี่แยกใหญ่
เมื่อไฟเขียวมาถึงทุกคนจะรีบเดินขวักไขว่ไปมาบนทางข้ามนี้
เมื่อถึงไฟแดงทุกคนจะหยุดและรวมตัวกันมากขึ้นตรงจุดรอข้าม
ด้านใต้ของไฟเขียวยังมีป้ายนับเวลาถอยหลัง
ทางที่หยางหยางจะไป ตอนนี้ไฟเขียวแล้ว เวลาที่นับถอยหลังก็เหลือแค่ประมาณ10วินาทีแล้ว
ถ้าเดินตามฝูงชนไปตอนนี้ คนที่ตามติดมาด้านหลังน่าจะติดไปแดงด้านหลังพอดี
โอกาสมาถึงแล้ว เหลืออีกแค่ 3 วินาทีเท่านั้น
ผู้คนรอบตัวที่รอจะข้ามถนน เริ่มก้าวเท้าอย่างรวดเร็ว
ร่างเล็กๆ ของหยางหยางก็เร่งรีบตามไปด้วย
นี้ทำให้เหล่าโล๋รู้สึกคาดไม่ถึง
“นาย…คุณจะไปไหน?” เดิมทีเหล่าโล๋อยากจะเรียกว่า คุณชายน้อย
แต่ก็ไม่ได้เรียกออกมา
ในสถานที่แบบนี้ เกรงว่าจะเป็นที่สนใจ
ถ้าหยางหยางบังเอิญเจอกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เขาต้องโดนลงโทษหนักแน่ๆ
สายมองตามหยางหยางที่เดินไปตามฝูงชนอย่างเร่งรีบถึงฝั่งตรงข้ามอย่างปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว
แต่ตัวเองกลับติดอยู่อีกฝั่งหนึ่ง
ช่างร้อนใจอย่างยิ่ง เขาพยายามแสดงท่าทีบอกหยางหยางให้รอเขาอยู่ตรงนั้น
หยางหยางจะไปเชื่อฟังเขาได้ยังไง ในเมื่อเขาสร้างโอกาสได้แล้วจะปล่อยไปได้ยังไง
ก่อนที่จะจากไปเขายังทำหน้าตาหลอกผีใส่เหล่าโล๋อีก
จากนั้นร่างเล็กนั้นก็หายไปในฝูงชน
*
เห็นนายน้อยหายไปต่อหน้าต่อตา ใจเหล่าโล๋กระวนกระวายเป็นอย่างมาก
อยากจะพุ่งออกไปตอนนี้
แม้ว่าตอนนี้รถจะสัญจรไปมามากแค่ไหน เขาก็ต้องรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเอง
แต่กลับโดนกลุ่มคนตรงหน้าขวางไว้
ทำได้แค่มองเงาร่างเล็กๆ นั้น หายไปต่อหน้าต่อตาอย่างรวดเร็ว
“ขอโทษเจ้านาย ผมพลัดหลงกับนายน้อยเสียแล้ว” เหล่าโล๋รีบโทรหาเป่หมิงโม่ทันที
เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ถ้าอยากให้หยางหยางปลอดภัยต้องรีบรายงานกับเจ้านาย เพื่อจะได้รีบหาวิธีรับมือที่ดีที่สุด
*
เป่หมิงโม่ที่กำลังยุ่งอยู่กับการปลูกผัก มือหนึ่งถือจอบ หลังจากฟังรายงานของเหล่าโล๋จบ ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเบาๆ
แต่เขาไม่ได้ตำหนิคนของเขาที่ทำพลาด
ถือว่าค่อนข้างเข้าใจเด็กคนนี้ ถ้าเป็นคนอื่นน่าจะหายไปนานแล้ว
“อืม ฉันรู้แล้ว นายไม่ต้องตื่นเต้น ตามหาเขาจากทิศทางที่เขาหายไปนั่นแหละ” เขาตอบกลับอย่างสงบและมั่นคง
นี้ทำให้เหล่าโล๋รู้สึกแปลกใจ เหมือนเจ้านายคาดเดาเรื่องนี้ไว้ก่อนหน้าแล้ว
*
สลัดการตามติดของเหล่าโล๋ได้สำเร็จ หยางหยางก็เหมือนนกน้อยที่บินหนีออกจากกรง
รีบพุ่งตรงไปยังสวนสาธารณะที่นัดหมาย
ในใจตบมือยินดีกับการแหกคุกครั้งนี้ได้สำเร็จ
ถ้าตัวเองคิดวิธีการนี้ได้เร็วกว่านี้ คงจะสลัดเหล่าโล๋ให้ตามไม่ทันไปนานแล้ว
*
“แม่ดูนั้น!”
เฉิงเฉิงมองไปทางป่าเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเอง เห็นเงาร่างหนึ่งที่ไม่ต่างจากตัวเองมากตรงนั้น
เขามั่นใจว่านั้นคือหยางหยาง
ใช่จริงๆ ด้วย ตอนที่ร่างนั้นวิ่งเข้ามาก็คือหยางหยางที่มีเหงื่อเต็มตัว
กู้ฮอนดีใจขึ้นมาทันทีที่เห็นลูกชาย รีบวางจิ่วจิ่วที่อยู่ในอ้อมกอดลง และรีบวิ่งไปกอดลูกรักที่ไม่ได้เจอกันนานมาก
นานมากแล้วที่ไม่ได้เจอแม่ หยางหยางไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดีในตอนแรก ทำได้แค่กอดแม่ไว้แน่นๆ
กู้ฮอนรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของลูกชาย เธอเองก็ห้ามน้ำตาไว้ไม่อยู่
สองแม่ลูกกำลังแสดงบทที่มีแค่ในละครทีวีเท่านั้น ฉากการรวมตัวที่พลัดพรากมานาน
นี่กลับทำให้ลูกชายคนโตและลูกสาวคนเล็กรู้สึกใจสั่นเล็กน้อย
พวกเขาแค่ไม่ค่อยชินกับการแสดงออกแบบโอ้อวดแบบนี้
บางทีถ้าอาสามเป่หมิงยันอยู่ในเหตุการณ์ด้วย อาจจะมีแค่เขาที่ตบมือให้เหตุการณ์นี้ ถึงขนาดขอให้กู้ฮอน กลับมาสู่โลกการแสดงอีกครั้ง
แต่สำหรับหยางหยางแล้วไม่ต้องพูดถึง
*
ขณะที่ฉากแม่ลูกกลมเกลียวในสวนสาธารณะกำลังแสดงอยู่นั้น
บนถนนสองสายไม่ไกลจากพวกเขา มีผู้ชายใส่สูทเรียบร้อยคนหนึ่งสีหน้าแสดงความร้อนรนอย่างชัดเจน
ดวงตาของเขาเหมือนเครื่องสแกนที่หมุนไปอย่างรวดเร็ว มองสแกนทุกคนที่ผ่านไปมาบนถนนเหมือนกรองผ่านตะแกรงอย่างไงอย่างนั้น
แต่กลับไม่พบร่างเล็กๆ ที่คุ้นตา
แม้ว่าเหล่าโล๋จะรายงานเป่หมิงโม่ทันทีที่หยางหยางหายตัวไป และได้รับคำตอบที่สงบนิ่งมาแล้ว และยังบอกเขาว่าไม่ต้องร้อนใจอีก
แต่ความไว้ใจที่เจ้านายมีต่อเขา ทำให้เขาไม่สามารถหยุดได้
เขาต้องหาไปเรื่อยๆ
ไม่งั้นคงไม่มีหน้าไปพบเจ้านายอีก
เผชิญหน้ากับคนมากมายแบบนี้ การหาเด็กคนหนึ่งก็เหมือนกับการงมเข็มในมหาสมุทร
ควรเริ่มหาจากตรงไหนดี?
ถนนทุกสาย ร้านค้าทุกร้านหยางหยางอาจจะอยู่ตรงนั้น
*
ด้านหนึ่งเป็นการรวมตัวของแม่ลูก
อีกด้านกำลังวิตกกับการหายตัวไปของนายน้อย
ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้น…
เหมือนนกกระเรียนป่าที่กำลังเล่นกับดอกไม้ใบหญ้าของตัวเอง…
*
เป่หมิงโม่คนนี้ช่างเป็นผู้ชายที่ไม่มีหัวจิตหัวใจเสียเลย
รู้ข่าวว่าลูกของตัวเองหายไปแท้ๆ ยังนิ่งเฉยอยู่ได้
ถ้าคนอื่นไม่รู้คงคิดว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใส่ใจลูกชายคนเล็กแม้แต่น้อย
แต่ในใจเขารู้ดี
การหายไปของหยางหยาง ต้องเกี่ยวข้องกับที่กู้ฮอนพาลูกชายและลูกสาวออกไปแน่ๆ
เขาเคยออกคำสั่งกับคนในครอบครัวแล้วว่าห้ามไปพบกับหยางหยาง
ถึงขนาดให้เหล่าโล๋ยึดโทรศัพท์ของหยางหยางไว้แล้ว
แต่เขาก็รู้ดี วิธีการนี้ได้ผลแค่ชั่วคราวเท่านั้น