เดิมพันรักยัยตัวแสบ – เดิมพันรักยัยตัวแสบ – บทที่ 1167 อย่าประมาทฉัน

เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 1167 อย่าประมาทฉัน

บทที่ 1167 อย่าประมาทฉัน

คิดถึงตรงนี้ เขารีบดูดเส้นบะหมี่เข้าปากไปอีกคำ : “ถ้าคุณเอาโทรศัพท์มาคืนผม ก็อาจจะลดโอกาสในการหายตัวไปของได้น่ะ หรือว่าในเวลาที่คุณหาผมไม่เจอก็ช่วยทำให้คุณสบายใจขึ้นมาได้หน่อย ทั้งสองฝ่ายได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน เป็นเรื่องปกติ”

พูดพลางวางตะเกียบลง และยืนมือน้อยไปตรงหน้าเหล่าโล๋ : “สำหรับคุณแล้วนี่ถือเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่ามาก”

มองหน้าหยางหยางที่มีซอสติดอยู่ ดูออกได้อย่างชัดเจนว่ามีการวางแผนมาเป็นอย่างดี

นี่ทำให้เหล่าโล๋อดคิดไม่ได้ว่า ท่าทางที่เขาแสดงออกมามีแค่เป่หมิงโม่เท่านั้นที่ทำออกมาได้

พูดได้เลยว่าดีเอ็นเอเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์มาก

เงาของคนรุ่นก่อนมักจะมาปรากฏอยู่ในรุ่นลูกรุ่นหลานของเขา

นี่คือการถ่ายทอดทางพันธุกรรมอย่างหนึ่ง และเป็นถ่ายทอดทางจิตวิญญาณอีกอย่างหนึ่ง

นี่กลายเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่เหล่าโล๋รับมือได้ยาก

แต่ที่เห็นได้อย่างชัดเจนก็คือ เด็กที่นั่งอยู่ตรงข้ามเป็นสิ่งท้าทายที่ยิ่งใหญ่กว่าอีก ไม่ใช่รึไง?

มองสีหน้าเหล่าโล๋ที่ไม่เปลี่ยนแปลง

ในใจหยางหยางเองก็กำลังคาดเดาอยู่

จริงๆ แล้วเขาก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าวิธีนี้จะได้ผล

เพราะว่าต่อให้ตัวเองหายตัวไปจริงๆ แค่เขาเอ่ยปากบอกพ่อไป ต่อให้หนีไปสุดขอบฟ้า ก็ถูกตามล่ากลับมาอยู่ดี

เขาไม่เคยสงสัยในความสามารถของตัวเองเลยสักนิด

แต่วันนี้กลับมาได้อย่างสงบสุข เห็นได้ชัดว่าเหล่าโล๋ไม่ได้บอกพ่อของเขา

ถ้าเหตุผลที่เขากลับมาวันนี้เป็นเพราะพ่อ ตัวเองก็คงทำอะไรไม่ได้

แต่เรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดก็สามารถเกิดขึ้นได้รอบตัว

สำหรับหยางหยางแล้ว ก็คือ : ความสุขเกิดขึ้นได้ในทันทีทันใด

แค่เห็นคุณหยิบโทรศัพท์ที่เคยเป็นของเขาออกมาจากกระเป๋าเสื้อ

ไม่ได้วางไว้ในมือเขาแต่กลับวางไว้บนโต๊ะ

หยางหยางมีความสุขขึ้นมาชั่วคราว และยังรู้สึกตัวเองได้รับชัยชนะน้อยๆ คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะมีความสามารถด้านนี้เหมือนกัน

บางทีโตไปเขาอาจจะเป็นนักพูดหรือนักเจรจาก็ได้

ความคิดของเด็กช่างมีจินตนาการอย่างยิ่ง

ตอนเป็นเด็กจะมีความฝันมากมาย เช่น นักแข่งรถ นักกายกรรม นักพูดหรือแม้แต่นักเจรจา…

ทุกอาชีพฟังดูแล้วทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นทั้งนั้น

แต่ไม่มีใครรู้อนาคต ก็เหมือนกับตอนนี้ที่ไม่รู้

หยางหยางกำลังจะยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์ กลับถูกมือใหญ่นั้นหยุดไว้

“คุณชายน้อยหยางหยาง ฉันคืนโทรศัพท์ให้คุณได้ แต่มีข้อตกลงหนึ่งข้อ หลังจากนี้ห้ามทำแบบวันนี้อีก ฉันสัญญากับเจ้านายไว้ว่าจะดูแลคุณอย่างดี ดังนั้นคุณช่วยให้ความร่วมมือด้วย”

ประโยคนี้สำหรับเด็กคนนี้แล้วก็ยากสำหรับเขาเหมือนกัน

มองหน้าแดงๆ ของเหล่าโล๋ จิตใจที่มีความสุขของหยางหยางก็รู้สึกสงสาร

จริงๆ แล้วระหว่างพวกเขาไม่มีอะไรขัดแย้งกัน เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ถ้าพูดกันตามตรงแล้วเหล่าโล๋ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย

“สบายใจเถอะ ผมเป่หมิงซีหยางพูดคำไหนคำนั้น สัญญาว่าหลังจากนี้จะไม่ทำให้คุณยุ่งยากอีกโอเคไหม” เขาพูดพลางเอามือเล็กๆ ตบที่หน้าอกตัวเอง

“Hello……”

เห็นหยางหยางที่มีท่าทางยินดีบนหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง

“นายโดนยึดโทรศัพท์ไม่ใช่รึไง?” เฉิงเฉิงถือโทรศัพท์ ตอนแรกเขาสงสัย แต่ก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมในทันที : “หรือว่าเอาบัตรของแม่ไปซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่อีกแล้ว?”

จริงๆแล้วเขาไม่เห็นด้วยที่แม่เอาบัตรเครดิตให้หยางหยางไป

ไม่ใช่เพราะเขารู้สึกว่าไม่เป็นธรรมกับตัวเอง แต่เป็นเพราะเขาเข้าใจในตัวหยางหยาง

การให้บัตรใบหนึ่งที่ไม่รู้ว่าในนั้นมีอยู่เงินเท่าไหร่กับคนที่ไม่ค่อยสนใจอะไรอย่างเขานั้น ถือเป็นการปล่อยให้ทำตามใจอย่างหนึ่ง

ถ้าพ่อรู้เข้า ก็ต้องไม่เห็นด้วยกับวิธีการแบบนี้ของแม่

แต่ในสถานการณ์แบบนั้น จะห้ามแม่ได้ยังไง?

เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้ ถ้าทำแบบนั้นจะกลายเป็นศัตรูที่ทำลายบรรยากาศได้ง่ายๆ

ไม่มีทางเลือกที่ดีเลย

ขณะที่กลับมา เฉิงเฉิงก็อธิบายความคิดของตัวเองให้แม่ฟังแล้ว

กู้ฮอนก็เห็นด้วยกับความคิดของลูกชาย กำลังเตรียมตัวจะจัดการกับบัตรที่ให้หยางหยางไป

ไม่ควรใช้เงินทำให้ลูกเสียคน

*

มองหน้าหยางหยางที่เพิ่งจะยิ้มร่าอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงขึ้นมาทัน คิดว่าเขาคงไม่พอใจกับการคาดการณ์ของเฉิงเฉิง : “เป่หมิงซีเฉิง เราเป็นพี่น้องกันแท้ๆ น่ะ แถมยังเป็นพี่น้องฝาแฝดอีกด้วย นายจะประเมินตัวเองสูงแค่ไหนฉันไม่สนใจ แต่อย่างน้อยก็ไม่ควรประเมินฉันต่ำๆ สิ”

หยางหยางคงจะโกรธจริงแล้ว เขาพูดพลางหยิบบัตรที่แม่ให้ไว้ออกมาจากกระเป๋าเสื้อตัวเอง และส่ายไปส่ายมาตรงหน้ากล้องโทรศัพท์ : “ฉันเป่หมิงซีหยางไม่ใช่คนที่เห็นเงินแล้วตาโตแบบนั้น นายดูไว้ให้ดี”

ระหว่างที่พูด เขาเห็นหยางหยางหยิบกรรไกรออกมา ท่าทีกัดฟันดุเดือด ไม่นานเขาตัดบัตรใบนั้นแยกเป็นสองส่วน และโยนทิ้งไปบนโต๊ะ

“เห็นรึยัง ฉันไม่สนใจเงินที่แม่ให้มา!”

จริงๆ แล้วหลังจากที่เฉิงเฉิงพูดแบบนั้นออกไป เขาเองก็รู้สึกว่าไม่สมควร

ยังไม่ได้ทันได้พูดอะไรเพิ่มเติม ก็เห็นเหตุการณ์ทำลายบัตรใบนั้นเสียก่อน

นี่ทำให้เขารู้สึกตกใจเล็กน้อย

ตั้งแต่หยางหยางย้ายออกไปจากคฤหาสน์หลังใหญ่นี้ ทุกครั้งที่ได้คุยโทรศัพท์กับเขา จะรู้สึกคลุมเครือทุกครั้งเหมือนเขากำลังค่อยๆ เปลี่ยนไป

จนกระทั่งครั้งนี้ หลังจากที่ได้ใกล้ชิดเขาความรู้สึกนั้นยิ่งชัดเจนขึ้น

จริงๆ แล้วระยะเวลาที่หยางหยางออกจากบ้านไปยังไม่นานขนาดนั้น

หรือว่าการใช้ชีวิตอยู่ด้านนอกจะเปลี่ยนคนคนหนึ่งได้ง่ายขนาดนั้นเลยหรือไง?

เห็นท่าทีหยางหยางโกรธแบบนั้น เขามีความคิดที่จะขอโทษ : “เป่หมิงซีหยาง ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ฉันแค่คิดว่าที่แม่ให้เงินนายเพราะอยากให้นายมีชีวิตที่สะดวกสบายขึ้นหน่อย ไม่อยากให้นายเอาไปใช้ฟุ่มเฟือยกับเรื่องอื่น”

หยางหยางฟังคำพูดของเฉิงเฉิงแต่กลับยังไม่หายโกรธสักนิด

“พอแล้ว นายไม่ต้องอธิบายอะไรกับฉันแล้ว ฉันไม่สนใจ ตอนนี้ฉันออกจากบ้านแล้ว นายก็เป็นนายน้อยเพียงคนเดียวของบ้านแล้ว ตำแหน่งนายน้อยนี้ฉันไม่ได้ต้องมันตั้งแต่แรกแล้ว ฉันว่าหลังจากนี้ถ้าไม่มีธุระอะไรใหญ่โตก็คงไม่ต้องโทรแล้วแหละ แบบนี้นายเองก็ไม่ลำบากใจ”

จากนั้นหยางหยางก็ปิดเครื่องไป

เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าการที่เขาพยายามคิดว่าวิธีเป็นร้อยเป็นพันเพื่อให้ได้พบแม่และเพื่อเอาโทรศัพท์คืนมาจากเหล่าโล๋ เวลาผ่านไปไม่นานเรื่องกลับกลายเป็นแบบนี้

หัวใจน้อยๆ ของหยางหยางรู้สึกเสียใจ

ขณะนั้นเองกู้ฮอนนั่งอยู่ที่ระเบียงในห้องนอนคนเดียว

อากาศในตอนกลางคืนเย็นลงเล็กน้อย สายลมที่พัดผ่านตัวเธอทำให้เธอรู้สึกเย็นขึ้นมานิดหน่อย

มุมปากของเธอขยับขึ้นนิดหน่อย ดูออกได้ไม่ยากว่าวันนี้เธอค่อนข้างอารมณ์ดี

ในท้องฟ้าที่มืดมนมองไม่เห็นดวงดาว หรือแม้แต่แสงสว่างจากพระจันทร์ก็ไม่มี

สำหรับคนเป็นแม่แล้วไม่มีอะไรที่มีความสุขมากกว่าการพบหน้าลูกชาย

แค่เวลาที่ได้อยู่ด้วยกันนั้นน้อยไปหน่อย

นี้เป็นช่วงเวลาที่เธอได้เพลิดเพลินไปกับท้องฟ้ายามค่ำคืน

เป่หมิงโม่กำลังอยู่ในห้องหนังสือ

*

“ป็อก ป็อก …” เสียงเคาะประตูดังขึ้น

กู้ฮอนลุกขึ้นจากเก้าอี้หวาย จัดชุดนอนให้เรียบร้อยและค่อยๆเดินไป

“ลูกรัก ทำไมยังไม่นอนอีก?”

เมื่อเปิดประตู ก็เฉิงเฉิงยืนอยู่ตรงหน้า

ตามกฎแล้วตอนนี้ควรเป็นเวลาพักผ่อนแล้ว ปกติแล้วจะแค่หยางหยางที่ละเมิดกฎนี้ แต่เฉิงเฉิงจะไม่ทำ

“ลูกเป็นอะไรไป?” เธอเห็นอาการแปลกๆ ของลูกชาย ที่ไม่เหมือนกับตอนกินข้าว

เห็นได้ชัดว่าเขามีอะไรในใจ

การรับมือกับลูกแต่ละคนของกู้ฮอนไม่เหมือนกัน

การปฏิบัติกับหยางหยาง ส่วนใหญ่คือความเคยชิน นี้คือประสบการณ์ที่พวกเขาสะสมกันมาหลายปีจากการใช้ชีวิตด้วยกัน

การปฏิบัติกับเฉิงเฉิง ส่วนใหญ่คือการเสียไปก่อนจึงจะได้รับ และการชดเชยความรู้สึกจากภายในสู่ภายนอก ในบรรดาลูกๆ อาจจะรู้สึกผิดต่อเขามาก

ส่วนจิ่วจิ่วลูกสาวคนเล็กนั้น…

การปฏิบัติกับเด็กน้อยที่แทบจะตัวติดกัน ก็คือ ความรัก ความหลง

แน่นอน ความรักความเอ็นดูที่แม่มีต่อน้องสาวแบบนี้ เฉิงเฉิงและหยางหยางไม่เคยคิดอิจฉา

และก็แน่นอนว่าเพราะพวกเขาคือพี่ชาย รักและเอ็นดูน้องสาวด้วยเช่นกัน นี้ไม่ให้ความรู้สึกขัดแย้งใดๆ

*

กู้ฮอนดึงลูกชายเข้ามาในห้องและปิดประตูลง

“ลูกรัก ลูกเป็นอะไร มีอะไรอยากคุยกับแม่ไหม?”

แววตาของเธอเต็มไปด้วยความนุ่มนวล ความรักและความอบอุ่นที่มีต่อลูก

ความรู้สึกนี้เหมือนกับความรู้สึกที่แม่ของเธอมอบให้เธอในตอนนั้น

นี้คือความรู้สึกที่แม่ทุกคนมอบให้ลูกเหมือนกัน

หลังจากที่เฉิงเฉิงและหยางหยางทะเลาะกันไปแล้ว ก็คิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

ก็เหมือนกับเมื่อก่อนที่พวกเขาขัดแย้งกัน ไม่มีอะไรน่าพูดถึง

อีกอย่างระหว่างพี่น้องกันจะไม่มีความเกลียดชังอะไรมากมาย ผ่านไปไม่กี่วันก็กลับมาคุยกันเหมือนเดิม เหมือนลิ้นกับฟันที่ทะเลาะกันนั้นเอง

แต่ครั้งนี้ เฉิงเฉิงนอนให้ลมผัดผ่านหน้าต่างอยู่บนเตียงของตัวเอง

หันหน้าไปมองท้องฟ้ามืด ในใจกลับรู้สึกอึดอัด

เพราะความผูกพันทางจิตใจของพวกเราหรือไม่?

หลังจากที่เขาพยายามไม่สนใจ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ก็คิดว่าควรจะเล่าเรื่องนี้ให้แม่ฟัง

*

เฉิงเฉิงเงยหน้ามองแม่

ตากลมคู่นั้นส่องประกายเหมือนท้องฟ้ายามราตรี

เขาเล่าเรื่องความไม่สบายใจที่เขาทะเลาะกับหยางหยาง รวมถึงเรื่องที่หยางหยางทำลายบัตรใบนั้นทิ้งไปด้วยมือตัวเอง

“แม่ ผมแค่หวังดีไม่อยากให้หยางหยางใช้เงินฟุ่มเฟือย แม่ว่าผมพูดเกินไปรึเปล่า?”

เห็นแววตาที่ขอความช่วยเหลือจากลูกแบบนั้น กู้ฮอนทำได้เพียงก้มลงจูบหน้าผากเขาเบาๆ

“ลูกทำในฐานะพี่ชาย ไม่ได้ทำอะไรผิด เรื่องนี้เป็นเพราะแม่ทำผิดเอง ไม่เป็นไร หยางหยางน่ะโกรธได้ไม่นานหรอก ไม่กี่วันก็ดีเหมือนเดิม”

แม่ที่รู้จักลูกดี สำหรับกู้ฮอนที่ใช้ชีวิตร่วมกันกับหยางหยางมาหลายปี

ถือได้ว่ารู้นิสัยใจคอของลูกคนนี้ดี

ไม่ใช่แค่นั้น เธอยังชื่มชมในความสามารถที่ติดตัวเขามาตั้งแต่เกิด

นั่นก็คือ : ไม่ว่าเจะเจ็บปวดเพราะอะไร แค่ทำตัวตามปกติ ความเจ็บปวดก็จะหายไปได้เอง

เขาไม่ชอบความโกรธเกลียด นี้อาจจะเกี่ยวข้องกับนิสัยส่วนตัวไม่กลัวอะไรที่ติดตัวเขามาตั้งแต่เกิด

บางครั้งนี่ก็ทำให้กู้ฮอนที่เป็นแม่รู้สึกประหลาดใจ

ลูกของตัวเองทั้งสองคน ทั้งๆ ที่เป็นฝาแฝด นอกจากหน้าตาที่เหมือนกันแล้ว เรื่องอื่นๆ พวกเขาแตกต่างกันไม่น้อยเลย

หรือนี่จะเป็นสองด้านที่แตกต่างกันของคนราศีสิงห์

*

“เอ้า ทำไมมาอยู่ที่นี่ ยังไม่นอนอีก”

เสียงประตูเปิดเข้ามาเบาๆ จนสองแม่ลูกแทบไม่ได้ยิน

เดิมพันรักยัยตัวแสบ

เดิมพันรักยัยตัวแสบ

Status: Ongoing

เธอเป็นหญิงสาวที่มีความลำบาก ตกลงเป็นแม่อุ้มบุญ เขาเป็น ประธานใหญ่ เธออ่อนโยนและน่ารัก เขาโหดร้ายและเย็นชา.

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท