ตอนที่ 141 อาณาจักรจุติพิภพขั้นห้า
“ในที่สุดข้าก็ออกจากผืนปาได้เสียที การต่อสู้กับสัตว์อสูรตลอดระยะเวลาสิบวันนี้นับว่า เป็นประโยชน์ต่อข้ายิ่งนัก มันทําให้ข้าสามารถใช้พละกําลังของร่างกายได้ดียิ่งอีกทั้งยังสามารถ ทะลวงขั้นพลังได้ด้วยเวลานี้ข้าเข้าสู่อาณาจักรแก่นปราณทองคําขั้นเก้าได้แล้วอีกไม่กี่เดือนก็จัก ถึงวันเกิดของข้าแล้ว คงจักดีไม่น้อยหากข้าสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นที่สูงขึ้นได้ก่อน”หลงเฉินพื้มพําพร้อมกับยิ้มออกมาในขณะที่เดินมุ่งหน้าไปยังเมืองด้านหน้า
เขายังคงใช้วิธีเช่นเดิมในการข้ามกําแพงเมืองไปอีกฝั่ง หลังจากที่เปิดสัมผัสเทวะออกสํารวจหาจุดที่ปราศจากผู้คนได้แล้ว หลงเฉินก็ทําการบินข้ามกําแพงเมืองไปด้วยปีกมารสวรรค์แทนการเดินเข้าทางประตูเมืองปกติ และเมืองนี้ก็มีชื่อว่าเมืองครามเทา เมืองนี้อยู่สุดเขตชายแดนของจักรวรรดิซุยและจากเมืองนี้สามารถเดินทางไปจักรวรรดิหวนจอได้โดยใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งวันเท่านั้น
“รู้สึกดีมากทีเดียวที่ได้เดินอยู่บนถนนหนทางที่มีผู้คนคลับคลั่งอีกครา…”
หลงเฉินพึมพําออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเมื่อในที่สุดก็ได้พบเห็นถนนหนทางที่เต็มไปด้วยผู้คนและมีชีวิตชีวาเช่นนี้ ตลอดทางที่เขาเดินไปนั้นมีทั้งเสียงผู้คนสนทนากัน และเสียงหัวเราะดูช่างครึกครื้นยิ่งนัก หลงเฉินยังคงเดินต่อไปตามถนนเส้นหลักของเมืองครามเทาแห่งนี้เขาพบเห็นร้านค้าและสถานที่หลากหลายและสถานที่หลายๆแห่งในเมืองก็ดึงดูดความสนใจของเขายิ่งนัก
“หอหลอมกลั่นโอสถ”
ตัวอักษรเหล่านี้ถูกเขียนไว้อย่างสวยงามบนป้ายขนาดใหญ่ และติดไว้บนสถานที่แห่งหนึ่ง
หอหลอมกลั่นโอสถแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ทุกคนในจักรวรรดิต่างก็รู้จักเป็นอย่างดี และเป็นโรงหลอมโอสถขนาดใหญ่ที่สุดหากเทียบกับจักรวรรดิอื่นๆ หอหลอมกลั่นโอสถนี้มีสาขาอยู่เกือบจะ ทั่วทุกเมืองที่มีชื่อเสียง และเมืองที่อยู่ติดกับจักรวรรดิอื่นๆ แม้จะมีการกล่าวกันว่าหอหลอมกลั่นโอสถนี้เป็นพลังที่น่ากลัว แต่ก็มิเคยพบเห็นหอหลอมกลั่นโอสถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของโลกภายนอกหรือส่งผลกระทบโดยตรง
หอหลอมกลั่นกลั่นโอสถมีนักหลอมโอสถเก่งกาจระดับต้นๆกระจายอยู่ทั่วทุกสาขา แม้กระทั่งอาจารย์เฉียนซึ่งเป็นนักหลอมโอสถที่เก่งที่สุดแห่งจักรวรรดิซุย ก็ยังอยู่ที่หอหลอมกลั่นโอสถนี้ในสาขาเมืองมังกร ว่ากันว่าในแต่ละสาขาของหอหลอมกลั่นโอสถนี้ จักมีนักหลอมโอสถระดับสูงหลายคนประจําอยู่
มิค่อยมีผู้ใดรู้เรื่องราวเกี่ยวกับต้นกําเนิดของหอหลอมกลั่นโอสถนี้มากนัก หลายเรื่องเกี่ยวกับหอหลอมกลั่นโอสถนี้ยังคงเป็นปริศนา มิมีผู้ใดรู้ว่าสาขาหลักของหอหลอมกลั่นโอสถนี้อยู่ที่ใดกันแน่บ้างก็ว่าตั้งอยู่ภายในอาณาจักรซุยแห่งนี้ แต่นั่นก็เป็นเพียงข้อสันนิษฐานที่ไร้หลักฐานสนับสนุน
นักหลอมโอสถของหอหลอมกลั่นโอสถนี้ ล้วนมีความเชี่ยวชาญในการหลอมกลั่นสมุนไพรชนิดต่างๆ พืชพลังวิญญาณ แร่ธาตุ และส่วนผสมอื่นๆ ให้เป็นโอสถเม็ดและน้ํา ไม่ว่าจะเป็นโอสถที่ให้ผลในการเสริมสร้างการบ่มเพาะพลัง รักษาบาดแผล กําจัดพิษ ชําระล้างร่างกาย และสร้างเสริมความแข็งแกร่ง รวมถึงโอสถอื่นๆอีกมากมาย
หอหลอมกลั่นโอสถแห่งนี้จะมีกิจการหลักๆเพียงแค่สองเรื่องเท่านั้นคือ หนึ่ง – จําหน่ายโอสถที่หลอมโดยนักหลอมโอสถจากสาขาต่างๆ หอหลอมกลั่นโอสถนี้จะมีทั้งโอสถเม็ดและน้ําซึ่งมีสรรพคุณหลากหลายมากมาย อีกทั้งยังกระจายโอสถที่มิมีผู้ใดหลอมกลั่นได้ให้กับสาขาต่างๆของตน
ส่วนกิจการหลักอีกหนึ่งอย่างของหอหลอมกลั่นโอสถก็คือ การจัดซื้อจัดหาวัตถุดิบต่างๆ หอหลอมกลั่นโอสถนี้จะรับซื้อทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นพืชสมุนไพร พืชพลังวิญญาณ แร่ธาตุชิ้นส่วนสัตว์อสูร และสิ่งอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการหลอมกลั่นโอสถ
สิ่งที่หลงเฉินต้องการทําในเวลานี้ก็คือ เขาต้องการขายร่างสัตว์อสูรที่เขาสังหารมาตลอดการเดินทางร่างของสัตว์อสูรนับเป็นสมบัติมีค่า เพราะมันเป็นสิ่งจําเป็นสําหรับสูตรในการหลอม กลั่นโอสถหลายๆสูตร ว่ากันว่ายิ่งสัตว์อสูรตนนั้นดุร้ายและแข็งแกร่งมากเพียงใดก็จะยิ่งส่งผลดีต่ อการหลอมกลั่นโอสถมากเท่านั้น นั่นเป็นสาเหตุให้หอหลอมกลั่นโอสถเปิดรับซื้อร่างของสัตว์อสูรจากเหล่านักล่า การทําเช่นนี้ส่งผลดีพร้อมกันถึงสองเรื่อง ประการแรก.. หอหลอมกลั่นโอสถจักมีวัตถุดิบที่ต้องการ และประการที่สองเป็นการควบคุมจํานวนสัตว์อสูรที่ดุร้ายและแข็งแกร่งไปในตัว
“แต่ปัญหากลับอยู่ที่อายุของข้านี่สิ!!”
หลงเฉินพึมพํากับตัวเองในขณะที่ครุ่นคิดถึงสิ่งต่างๆอย่างรอบคอบ เนื่องจากเขายังอายุน้อยเกินไปที่จะสามารถขายสัตว์อสูรดุร้ายมากมายที่เก็บอยู่ในแหวนบรรจุของตนได้เขามสามารถที่ บอกอายุจริงของตนได้ อีกทั้งยังมิสามารถให้ผู้คนพบเห็นแหวนบรรจุของตนได้อีกด้วยหาไม่แล้ว ทุกสายตาคงหันมาจับจ้องอยู่ที่เขาเป็นแน่ หลงเฉินมิต้องการสร้างความปั่นป่วนโกลาหลให้เกิดขึ้นที่หอหลอมกลั่นโอสถได้ เพราะเขาเองก็มิรู้ตื้นลึกหนาบางของหอหลอมกลั่นโอสถแห่งนี้
“ดูท่าข้าคงต้องหลบไปหาที่เงียบๆ เพื่อหาทางปกปิดรูปลักษณ์ที่แท้จริงของตนเอง..” หลงเฉินพึมพําออกมายิ้มๆ คล้ายนึกแผนการบางอย่างออกมาได้
หลงเฉินเดินตรงไปยังถนนที่ว่างเปล่าเส้นหนึ่ง และได้หยิบเอาหน้ากากอาถรรพ์มายาออกมาเปลี่ยนใบหน้าของตนเองให้เป็นผู้อื่น ต่อมาจึงมองสํารวจไปตามถนนเรื่อยๆ และในที่สุดเขาก็พบร้านที่ขายหน้ากากตั้งอยู่ หลงเฉินเดินตรงเข้าไปซื้อหน้ากากที่มีสีสันและแบบที่แตกต่างกันถึงสามอันแล้วจึงเดินจากมา
หลงเฉินเดินกลับไปยังถนนที่ว่างเปล่าอีกครา เขาทําการหยุดเวลาการเปลี่ยนใบหน้าด้วยหน้ากากอาถรรพ์มายาไว้ แล้วสวมหน้ากากธรรมดาที่เพิ่งซื้อมาแทน จากนั้นก็เปลี่ยนมาสวมอาภรณ์ที่หรูหราสง่างามมากขึ้นแทน แล้วจึงเดินออกไป
หลงเฉินใช้วิชาอําพรางสวรรค์ซึ่งช่วยให้เขาสามารถสร้างขั้นพลังบ่มเพาะลวงๆให้ผู้อื่นรับรู้ได้แม้แต่รัศมีพลังที่พวยพุ่งออกจากร่างก็ยังเป็นรัศมีลวงซึ่งทําให้ผู้อื่นยากที่จะจับได้ วิชานี้ซุนเป็นผู้สอนให้เขาผู้ที่สําเร็จวิชานี้จะสามารถแสดงพลังบ่มเพาะของตนได้สูง หรือต่ํากว่าพลังบ่มเพาะที่ แท้จริงของตน
หลงเฉินตัดสินใจที่จะใช้วิชาอําพรางสวรรค์นี้สร้างพลังบ่มเพาะลวงๆขึ้น อีกทั้งยังต้องการทดสอบอานุภาพของวิชานี้ด้วย หลงเฉินใช้วิชาอําพรางสวรรค์สร้างรัศมีพลังในอาณาจักรจุติพิภพขึ้นและผู้ที่อยู่ต่ํากว่าอาณาจักรนี้ย่อมมิสามารถมองเห็นรัศมีพลังในอาณาจักรจุติพิภพลวงๆนี้ได้
“ฮ่าๆๆๆ เจ้านี้ช่างขี้โม้โอ้อวดนัก!! เจ้ารู้สึกเช่นใดบ้างที่สามารถเข้าสู่อาณาจักรจุติพิภพขั้นห้าได้?” ซุนกระซิบข้างหูของหลงเฉินพร้อมกับหัวเราะคิกคัก
“รู้สึกดีมากทีเดียวแม้จะเป็นเรื่องโกหกหลอกลวงก็ตาม! แต่มิเป็นไร อีกไม่นานข้าก็จักสามารถเข้าสู่อาณาจักรจุติพิภพได้จริงๆแล้ว…”
หลงเฉินเอ่ยตอบเสียงเบาพร้อมรอยยิ้ม แต่เป็นเพราะหน้ากากได้ปกปิดใบหน้าไว้ซุนจึงมิได้เห็นหลงเฉินเดินไปพร้อมกับมองสํารวจไปรอบๆ
“หยุดก่อน!”
หลงเฉินร้องตะโกนเรียกคนผู้หนึ่งให้หยุดด้วยน้ําเสียงที่ดุดันไม่น้อย..