ยอดหญิงอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 145-1 แผนลับของสองแม่ลูก นักบวชทายเซียมซี

ตอนที่ 145-1 แผนลับของสองแม่ลูก นักบวชทายเซียมซี

ตะวันทะยานสูง หลังกลับจากบ้าน หลังจากรับประทานอาหารเที่ยงเสร็จ บ่าวจากจวนอ๋องเข้ามารายงานว่า เตรียมรถม้าไว้แล้ว

อวิ๋นหว่านชิ่นเรียกให้อวิ๋นจิ่นจ้งมาอยู่ข้างกาย พลางลุกขึ้นยืน คนของตระกูลอวิ๋นทั้งน้อยใหญ่ ต่างพากันไปส่งพระชายาเสด็จกลับ เฉกเช่นเดียวกับที่มาต้อนรับในตอนเช้า

ยามที่คนกลุ่มหนึ่งเดินใกล้ถึงประตู มีเพียงเสียงแผ่วเบาของอวิ๋นเสวียนฉั่งที่ถามม่อไคไหลว่า “อนุฟางเล่า? เหตุใดจึงไม่มาส่งชายาเอก”

ถงฮูหยินพูดพร่ำขึ้นด้วยความไม่พอใจ “แค่ไม่ให้นางมากินข้าวด้วย แม้แต่จะส่งชายาเอกยังไม่ยอมออกมาเลย นางคนชั้นต่ำคนนี้ ข้าต้องจัดการให้ได้สักวัน!”

ขณะนั้นเอง เกิดเสียงเร่งรีบของฝีเท้าดังขึ้น อวิ๋นหว่านชิ่นได้ยิน จึงหันไปมองครู่หนึ่ง พบว่าอนุฟางพาเซียงหรงวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าแดงก่ำ พลางเอ่ย

“ข้าเสียมารยาทแล้วเจ้าค่ะๆ ข้าติดธุระที่เรือนนิดหน่อยจึงมาช้า! เกือบมาส่งไม่ทันแล้ว! ชายาเอกอย่าตำหนิข้าเลยนะเจ้าคะ!”

เมื่อเอ่ยจบ สองแขนประกบเข้าหากัน พลางคำนับต่ออวิ๋นหว่านชิ่น

อวิ๋นเสวียนฉั่งเห็นนางเอะอะโวยวาย ยิ่งไม่ชอบใจ หันหน้าหนี คร้านจะสนใจ

เมื่อถงฮูหยินเห็นว่านางมาแล้ว จึงขมวดคิ้ว “เอาล่ะๆ คนมากันครบแล้ว ก็ไปเถอะ”

อนุฟางไม่ได้โมโหจากการถูกมองข้ามเฉกเช่นเมื่อก่อน เพียงหัวเราะเยาะเบาๆ จนแทบไม่อาจสังเกตุเห็น ก่อนจะเดินตามหลังไป

อวิ๋นหว่านชิ่นหรี่ตาลง นางคนแซ่ฟางคนนี้ นับตั้งแต่การแต่งงานของตนกับฉินอ๋องได้กำหนดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทุกครั้งที่นางพบตนล้วนมีสีหน้าคับแค้นใจ ราวกับตนไปแย่งโอกาสอวิ๋นหว่านถงของนางอย่างไรอย่างนั้น ยิ่งวันนี้ที่กลับมาบ้าน นอกจากการตอบรับหน้าประตูแล้ว นางก็ไม่เคยเป็นมิตรต่อตนขนาดนี้อีกเลย

มองให้ละเอียดอีกที ดูเหมือนว่าเสื้อผ้าของอนุฟางไม่เหมือนกับเมื่อตอนเช้าแล้ว เปลี่ยนเป็นกระโปรงหม่าเมี่ยนปักลายกิ่งเหมยเขียวอมเหลืองคลุมด้วยเสื้ออ่าวทำจากผ้าต่วนสีแดงเลือดนกปักด้วยด้ายเงิน พร้อมห้อยต่างหูหยกคู่หนึ่ง คล้ายว่าแต่งกายจะออกจากบ้านไปพบผู้คน อย่างไม่ต้องสงสัย

หลังจากออกจากจวน อวิ๋นหว่านชิ่นขึ้นรถ เมื่อนั่งลงแล้ว อดห่วงไม่ได้ จึงเปิดม่านออกพลางโบกมือให้น้องชาย โบกไปมา สายตาพลันถูกใครบางคนดึงดูดโดยไม่รู้ตัว…

ในฝูงชน อนุฟางจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว บ้างก็เขย่งเท้ามองไม่ยังนอกประตูบ้าน บ้างก็ก้มหัวพูดกับเซียงหรงเล็กน้อย

ฉิงเสวี่ยเห็นชายาเอกยังคงมองกลับไป จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “หากหลังจากนี้ชายาเอกคิดถึงคุณชาย แล้วเรียกให้เขาไปที่จวนอ๋อง……”

ยังพูดไม่จบ ทว่าชายาเอกกลับยกมือขึ้น ม่านร่วงลง “หลังจากรถม้าเลี้ยวตรงสี่แยกให้หยุดก่อน แล้วบอกให้รถม้าที่อยู่ด้านหลังกลับจวนฉินอ๋องไปก่อน”

เจินจูและฉิงเสวี่ยมองหน้ากัน ชูซย่าผู้เข้าใจสถานการณ์เป็นคนแรกเข้ามาถามว่า “เป็นอะไรไปหรือเพคะ”

“เกรงว่าอีกสักครูอนุฟางจะออกมา พวกเราไปดูกัน” หากเป็นไปตามที่อวิ๋นหว่านชิ่น อนุฟางจะออกมาข้างนอกจริงๆ ล่ะก็ จะมาเจอใครได้อีก นอกเสียจากอวิ๋นหว่านถง

หากเป็นเรื่องเล็ก ส่งจดหมายก็สิ้นเรื่องแล้ว ในเมื่อเจอหน้ากัน ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ

อวิ๋นหว่านชิ่นก็คร้านจะสนใจความคิดชั่วร้ายของสองแม่ลูกเช่นกัน เพียงแต่ตอนนี้อวิ๋นหว่านถงเป็นชายารองของเว่ยอ๋องผู้ที่เบื้องหลังตั้งตัวเป็นฝ่ายตรงข้ามกับฉินอ๋องมาตลอด…เช่นนั้นนางไม่ไปดูไม่ได้แล้ว

*

รถม้าที่กลับมาเยี่ยมบ้านเฝ้ามองดูอย่างไกลๆ รอให้เงาของรถม้าคันสุดท้าย หายลับไปจากปากทางเข้าตรอก และคนของตระกูลอวิ๋นกลับเข้าไปในบ้านเรียบร้อยแล้ว

บ่าวใช้เข้าไปเก็บกวาดลานเรือนและห้องหับ เจ้านายก็แยกย้ายกลับเรือนของตน บ้างพักผ่อน บ้างทำธุระของตัวเอง

อนุฟางตามอยู่ด้านหลังสุด เห็นอวิ๋นเสวียนฉั่งขึ้นไปยังหอสกาวจันทร์ที่เหลียนเหนียงอยู่ ทั้งยังเจอถงฮูหยินบ่นไปอีกคพักใหญ่ สีหน้าเหนื่อยล้า กลับห้องไปคาดว่าน่าจะต้องนอนกลางวันสักตื่นเพื่อพักผ่อนให้เต็มอิ่ม จากนั้นค่อยพาเซียงหรงไปทักทายม่อไคไหล แล้วออกไปหาของใช้ส่วนตัวให้ลูกๆ

การที่อนุในบ้านจะไปซื้อของใช้ส่วนตัวไม่ใช่เรื่องที่ผิดแปลกอะไร อีกทั้งเนื่องจากในช่วงนี้เรื่องของเว่ยอ๋องได้เงียบลงบ้างแล้ว นายท่านไม่ได้เคร่งครัดขนาดนั้นแล้ว ม่อไคไหลเอ่ยขึ้นอย่างไม่สงสัยสิ่งใด “เช่นนั้นบ่าวจะไปเตรียมเกี้ยวให้อนุฟาง”

ลูกสาวนัดไว้ที่วัดหวาอัน ซึ่งก็คือวัดที่ถงฮูหยินพาสะใภ้ตระกูลอวิ๋นไปจุดธูปไหว้พระเมื่อวันก่อน วัดตั้งอยู่ในเขตชานเมือง ขึ้นชื่อเรื่องความกันดาร หากไม่ใช่เพราะช่วงนี้มีนักบวชพระธุดงค์อย่างไต้ซืออู้เต๋อมาล่ะก็ ในวันปกติจะมีศาสนิกชนหนุ่มสาวมาเยือนไม่มากนัก อนุฟางคิดว่าในเมื่อลูกสาวนัดเจอที่นั่นแล้ว จะต้องมีเรื่องอะไรที่ไม่อาจแพร่งพราย และอยากพูดกับตนเป็นการส่วนตัวแน่ๆ จึงเอ่ยขึ้นอย่างรีบร้อน

“ไม่เป็นอะไร ข้าไปเดินดูของแถวๆ นี้ ไม่ต้องใช้เกี้ยวหรอก วันนี้ชายาเอกของฉินอ๋องมาที่จวนก็ใช้อิฐสองสามกล่องนั่นสั่งสอนไปอยู่มิใช่หรือ ว่าให้ทางบ้านสำรวมและถ่อมตัวกันหน่อย อย่าทำตัวเป็นจุดสนใจให้มากนัก จะได้ไม่ต้องเป็นเป้าให้คนอื่นมาโจมตีเอาได้! ข้าเดินไปกับเซียงหรงแล้วกัน!”

อนุฟางเชื่อฟังคำคุณหนูใหญ่ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน ม่อไคไหลเงียบ ไม่ได้ถามอะไรมาก ปล่อยนางไป

อนุฟางพาเซียงหรงออกไปเช่ารถม้าคันหนึ่ง มุ่งหน้าไปยังวัดหวาอัน

——

วัดหวาอัน เป็นเซียงฝาง[1]ขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้านหลังพระราชวัง

ยวนยางผู้รออยู่นอกประตูวัดกว่าค่อนวันได้พาอนุฟางและเซียงหรงเข้าไปด้านใน

ภายในเซียงฝาง เรือนร่างของอวิ๋นหว่านถงคลุมด้วยเสื้อกั๊กยาวทำมาจากผ้าต่วนมันเงาพริ้วลม ปักลายดอกไห่ถังและกุหลาบแดง เกล้าผมสูงอย่างสวยงาม ประดับด้วยปิ่นปักผมอัญมณีรูปไข่นกพิราบเล็กใหญ่หลายฟอง แต่งกายสูงศักดิ์กว่าคราวที่กลับไปเยี่ยมบ้านเมื่อวันก่อนอยู่หลายส่วน ท่าทางและสีหน้าหยิ่งผยองอย่างมาก มีลักษณะของชายาองค์ชายแล้วในท้ายที่สุด

เพียงนึกถึงข่าวดีที่ฟังจากเซียงหรง อนุฟางก็ดีใจอย่างล้นพ้น ราวกับคนตรงหน้าไม่ใช่ลูกสาวของตน ทว่าเป็นอนาคตอันสดใสของตัวนางเอง ภายในหัว ปรากฏภาพถงฮูหยินหญิงแก่ไม่ยอมตายคุกเข่าอยู่บนพื้น เลียรองเท้าให้ตน และเหลียนเหนียงกับฮุ่ยหลันถูกตนตบหน้าไม่ยั้ง!

เมื่อคิดแล้ว นางก็รู้สึกตื่นเต้นยากเกินจะเก็บไว้ รีบวิ่งเข้าไปกอดลูกสาว “ลูกรักของแม่ เจ้าเป็นเกียรติแก่ตัวแม่มาก! ข้ารู้อยู่แล้วว่าเราสองแม่ลูกไม่ช้าก็เร็วจะต้องกดพวกคนชั้นต่ำพวกนั้นจมดินให้ได้สักวัน!”

อวิ๋นหว่านถงเห็นว่าอนุฟางตื่นเต้นยิ่งกว่าตน กอดตัวนางแน่นเสียจนตกใจ จึงผลักนางออกไปโดยไม่คิด “ท่านแม่ระวังหน่อย! ระวังกระแทกท้องข้านะ!”

ในตอนนี้ท้องนี่มีค่ายิ่งกว่ากองเงินกองทองเสียอีก!

อนุฟางนึกขึ้นได้ จึงถอยหลังไปสองสามก้าว “แม่ไม่ดีเอง ดีใจจนเกินเหตุ” นางยิ้มพลางมองไปยังท้องของลูกสาว “กี่เดือนแล้ว เว่ยอ๋องรู้เรื่องไหม”

ยวนยางที่อยู่ด้านข้างตอบแทนนายของตน “วันก่อนหมอของจวนอ๋องมาจับชีพจรแล้ว เพิ่งเดือนกว่าเองเจ้าค่ะ เพิ่งจะจับชีพจรครรภ์ได้เล็กน้อย ท่านอ๋องยังไม่ทราบเรื่อง คุณหนูอยากจะเชิญฮูหยินมาหารือกันก่อน”

“ตายจริง อายุครรภ์น้อยเพียงนี้ เช่นนั้นต้องดูแลเป็นพิเศษ สี่เดือนแรกเป็นหัวใจสำคัญเชียวนะ” อนุฟางโวยวาย “ยังจะหารืออะไรอีกหรือ รีบบอกท่านอ๋องสิ! ถึงตอนนั้นจะต้องทะนุถนอมเจ้าอย่างดีแน่…อย่าว่าแต่ท่านอ๋องเลย แม้แต่มเหสีรองเหวย ยังต้องมาเอาอกเอาใจเจ้า!” พูดถึงตรงนี้ ก็อดไม่ไหวที่จะเดินเข้าใกล้ข้างหูลูกสาวพลางยิ้ม “…กลับบ้านครั้งก่อน เจ้ายังร้องไห้และฟ้องว่าเว่ยอ๋องไม่แตะต้องผู้หญิงอยู่เลย แต่ก็ท้องแล้วไม่ใช่หรือ”

เอ่ยถึงตรงนี้ อวิ๋นหว่านถงพลันหน้าเสีย

——

[1] เซียงฝาง เป็นห้องที่อยู่ด้านทิศตะวันตกและทิศตะวันออก ด้านละ 3 ห้องตามแบบเรือนสี่ประสาน

ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

Status: Ongoing

ชาติที่แล้ว เพียงเพราะต้องการอยู่อย่างสุขสงบ อวิ๋นหว่านชิ่น จึงก้มหน้าอดทน ยอมให้คนอื่นชักจูงได้ตามใจ กว่าจะรู้ตัวว่านางเป็นหมากในแผนการที่ถูกวางเอาไว้เนิ่นนานแล้วก็สายเกินไป แม้จะดับเครื่องชนสะสางหนี้แค้นจนสำเร็จ แต่ว่าชีวิตก็ต้องจบลงอย่างน่าเวทนานัก

เพียงแต่สวรรค์มีตา ส่งนางย้อนกาลเวลากลับมายังวัยสิบสี่อีกครา ช่วงเวลาก่อนที่ทุกอย่างจะเริ่มพลิกผันไปสู่จุดที่ย่ำแย่ในอดีต ความคับแค้นใจในชาติก่อนจะต้องได้รับการชำระในชาตินี้! คำว่าอดทนในยามนั้นทิ้งมันไปเสีย นางจะใช้ทุกทักษะที่เชี่ยวชาญก้าวขึ้นเป็นยอดหญิงอันดับหนึ่งแห่งต้าเซวียน และใช้ทุกเล่ห์เหลี่ยมที่มีจัดการพวกเขาด้วยมือของนาง!

ผู้ใดอยากหาเรื่องนักก็เข้ามา ทุกสิ่งทุกอย่างในชาตินี้นางจะเป็นผู้บงการเอง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท