ตอนที่ 49 วันแต่งงานของฉันกับเซี่ยงเฉิงได้กำหนดแล้ว
ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่รู้ว่ายินจื่อเจิ้นเอาตระกูลจิ๋นให้อยู่ด้วยวิธีอะไร แต่ยังไงงานหมั้นครั้งนี้ก็สามารถลุล่วงไปด้วยดี และตั้งแต่แรกเริ่มจนจบตระกูลจิ๋นไม่ได้พูดถึงตระกูลยินเลยสักคำ และทุกคนก็ไม่มีใครสนใจเลยว่ายินไป่ฝันและหลี่หมึ้งจะมาหรือไม่มา ในสายตาพวกเขา ตอนนี้ยินจื่อเจิ้นถึงจะเป็นคนที่มีค่าที่สุด และถ้าผ่านไปอีกหลายๆปี ก็อาจจะมียินเสี้ยวเสี้ยวเพิ่มขึ้นอีกคนก็ว่าได้
หลังจากที่งานหมั้นได้งบลง คนที่ร่วมงานก็ทยอยกันออกจากงาน ผู้จัดการหวงได้ทำให้‘ร้านอาหารเทาถี้’ให้บริการเป็นอย่างดี ตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนสุดท้าย หลังจากที่ส่งแขกล็อตสุดท้ายกลับบ้านกันหมด ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ได้ถอนหายใจออกมาเบาๆ
คุณหญิงจิ๋นซื่อก็ได้กลับไปพักผ่อนตั้งนานแล้ว และหยูเจียห้วยและจิ๋นหยวนเฟิงเองได้เข้ามาใกล้พวกเขา ข้างหลังยังมีจิ๋นลี่ยวนเดินตามมาด้วย ทันใดนั้น ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงรีบรวบรวมกำลังทั้งหมดขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่พวกเขาได้ยืนอยู่ตรงหน้านิ่งๆ เธอก็ได้เอ่ยเรียกขึ้น “คุณพ่อคะ คุณแม่คะ พี่ชายคะ”
หยูเจียห้วยมองยินเสี้ยวเสี้ยว แล้วหยุดนิ่งไปสองวิพลางพูดขึ้น “อืม เดี๋ยวก็รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ วันนี้หนูก็เหนื่อยมากแล้ว รอให้หนูเรียนจบก็แต่งงานกับลี่ยวน ช่วงนี้ ถ้ามีเวลาว่างไม่มีอะไรให้ทำก็กลับไปที่บ้านบ่อยๆนะ”
ยินเสี้ยวเสี้ยวได้ยินแบบนี้ ในใจจึงรู้สึกโล่งอกไม่น้อย เธอถือว่าด่านของคนของตระกูลจิ๋นแล้ว ความอันตรายที่จะได้แต่งงานกับคนใหญ่คนโตก็ถือว่าได้การรับการแก้ไขเป็นที่เรียบร้อย ทันใดนั้นใบหน้าของยินเสี้ยวเสี้ยวจึงเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ยิ่งมีความสุขมากขึ้น จากนั้นก็พยักหน้า “อืม หนูไปแน่นอนค่ะ”
พูดจบ หยูเจียห้วยก็พาจิ๋นลี่ยวนกลับบ้านไป จิ๋นหยวนเฟิงยังต้องกลับไปทำธุระที่บริษัทจิ๋นซื่อ เธอจึงได้ใช้สายตาส่งพวกเขากลับไป จากนั้นก็รู้สึกโล่งอกอย่างจริงๆจังๆสักที
จิ๋นลี่ยวนจึงขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ยินเสี้ยวเสี้ยวได้ยินผู้จัดการหวงพูดขึ้นเสียงต่ำ “คุณชายสามครับ คุณยินครับ คุณชายเสี้ยงและคุณหนูรองตระกูลยินได้มาที่นี่ครับ”
ได้ยินดังนี้ มือยินเสี้ยวเสี้ยวที่ควงแขนของจิ๋นลี่ยวนไว้ก็ได้ดูเกร็งมากๆ ข้างหูจึงได้มีเสียงของจิ๋นลี่ยวนส่งมา “คุณอยากทำยังไง?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวเงยหน้าขึ้นแล้วมองเขา พอรู้ว่าตอนนี้จิ๋นลี่ยวนไม่ได้สนใจว่าตัวตนที่แท้จริงของตัวเองจะถูกเปิดเผยหรือไม่ แต่ตอนนี้เธอกลับไม่อยากให้ยินรั่วอวิ๋นรู้เรื่องนี้ จึงได้ค้องแขนของจิ๋นลี่ยวนแล้วเดินไปยังทิศที่หันหลังให้กับประตูใหญ่ จากนั้นก็พูดขึ้น “ฉันไม่อยากเจอพวกเขา”
จิ๋นลี่ยวนก็ได้หันหลังตามอย่างให้ความร่วมมือ จากนั้นก็มีพนักงานของ‘ร้านอาหารเทาถี้’เดินหน้ามานำทางพวกเขา แล้วเตรียมตัวออกจากที่นี่อีกทางออกนึง แต่เซี่ยงเฉิงและยินรั่วอวิ๋นก็ได้เดินเข้ามาใน‘ร้านอาหารเทาถี้’แล้ว พวกเขาได้ยินว่าวันนี้คุณชายสามแห่งตระกูลจิ๋นจัดพิธีหมั้น จึงรีบมาที่นี่ เพื่อที่จะหาโอกาสได้รู้จักและสนิทสนมกับตระกูลจิ๋น
พอเห็นข้างหลังของจิ๋นลี่ยวน เซี่ยงเฉิงจึงได้พายินรั่วอวิ๋นเดินรีบขึ้น จากนั้นก็เรียกขึ้นด้วยเสียงเบา “คุณชายสามตระกูลจิ๋นครับ”
ยินรั่วอวิ๋นสามารถเดินให้ทันฝีเท้าของเซี่ยงเฉิง เธอจึงก้าวเดินอย่างเร่งรีบ แล้วพอเห็นเรือนร่างของคนพวกนั้นอยู่ห่างไกลจากเธอเล็กน้อย จู่ๆก็รู้สึกคุ้นเคยขึ้นมา กลับทำให้เธอนึกไม่ออก เธอจำไม่ได้ว่าเธอเคยเห็นเรือนร่างที่ทำให้คนมองแล้วรู้สึกหลงนี้จากที่ไหน
จิ๋นลี่ยวนได้ยินว่าข้างหลังมีเสียงเรียกขึ้น แต่ก็ไม่ได้หยุดฝีเท้าลง ผู้จัดการหวงจึงยืนอยู่ตรงตำแหน่งที่พวกเขากับจิ๋นลี่ยวนและยินเสี้ยวเสี้ยวอยู่ห่างกันสิบเมตร จากนั้นก็ขวางทางพวกเขาไว้อย่างมีมารยาท และยืนอยู่นิ่งเหมือนภูเขาลูกหนึ่งแล้วไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว
“คุณชายสามตระกูลจิ๋นครับ สวัสดีคับ ผมเป็นผู้บริหารของบริษัท’เซี่ยงเวิ่น’ ที่ชื่อว่าเซี่ยงเฉิงครับ เราสามารถพูดคุยกันหน่อยไหมครับ?” เซี่ยงเฉิงมองเรือนร่างที่ดูแข็งแกร่งและสง่าอย่างร้อนใจ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเคารพและถ่อนตน พอเห็นจิ๋นลี่ยวนหยุดฝีเท้าลงก็พยายามพูดให้ดีกว่าเดิม “ทางเรา’เซี่ยงเวิ่น’ อยากจะร่วมงานกับบริษัทตระกูลจิ๋นหน่อยครับ……”
ยังไม่ทันได้พูดจบ ผู้ชายตรงข้างหน้าก็ได้เหอะที่ดังขึ้นเบาๆ แล้วไม่พูดไม่จาใดๆ จากนั้นผู้หญิงที่อยู่ข้างๆผู้หญิงที่ได้หันหน้าข้างมาเล็กน้อย แค่ตำแหน่งที่เซี่ยงเฉิงและยินรั่วอวิ๋นยืนอยู่นั้นไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ จึงไม่สามารถมองเห็นว่าคนๆนั้นคือใคร
ยินเสี้ยวเสี้ยวได้ยินคำพูดของเซี่ยงเฉิง ก็อยากจะเหอะออกมาเสียงเบา ไม่ใช่เพราะว่าเธอดูถูก‘เซี่ยงเวิ่น’แค่ว่าถ้าเอา‘เซี่ยงเวิ่น’ไปเปรียบเทียบกับบริษัทจิ๋นซื่อ มันยังไม่ได้อยู่เหนือเขาเลยสักนิด พอดูจากบริษัทในเมืองT แม้กระทั่งทั้งประเทศ ก็ยังไม่เคยมีใครกล้าเรียกชื่อบริษัทโดยการเรียกนามสกุลของตระกูลแบบนี้ ส่วนมากก็จะเรียกชื่อของท่านประธานขึ้นก่อน อย่างเช่น‘เซี่ยงเวิ่น’และ‘บริษัทจื่อยิน’อะไรแบบนี้ แต่ถ้าใครที่อยากจะเรียกนามสกุลของผู้อื่นออกมาโดยตรงแบบนี้ ตอนนี้พวกเขายังไม่มีกล้าใครมีเรื่องกับตระกูลจิ๋นเลยสักคน
เซี่ยงเฉิงก็คงจะฟังออกว่าเสียงเหอะนั้นเป็นเสียงที่ดูถูกและเหยียดหยามเขาอยู่ ใบหน้าของเขาจึงได้รีบไปเล็กน้อย แต่เขาก็ยังไม่มีความกล้าที่จะไปมีเรื่องกับคุณชายสามตระกูลจิ๋น จึงทำได้เพียงยอมรับมัน และเตรียมตัวที่จะเอ่ยปากพูดว่าเมื่อไหร่ ผู้ชายที่อยู่ข้างหน้าที่ให้เขาเห็ยแค่ข้างหลังก็ได้จูงมือผู้หญิงที่อยู่ข้างๆแล้วเดินจากไปอย่างไม่แสแย เขากับยินรั่วอวิ๋นกลับถูกคนขวางทางไว้……
ตั้งแต่แรกจนถึงตอนสุดท้าย ยินรั่วอวิ๋นจับจ้องแต่ผู้หญิงคนนั้นไว้ไม่ปล่อย ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคย ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกว่าพวกเธอรู้จักกัน แต่กลับไม่ได้เห็นหน้าเธอ……
และในวันที่สอง เมื่อทุกคนเห็นว่าในหนังสือพิมพ์ที่เขียนข่าวของตระกูลจิ๋นที่รายงานแต่ตัวหนังสือ กลับไม่มีรูปแม้แต่สักรูป ทั้งเมืองT มีคนไม่น้อยที่ฝันอยากจะแต่งเข้าไปในตระกูลจิ๋น……
ครอบครัวตระกูลจิ๋นได้รักใคร่และเอาใจสะใภ้มากๆ จึงเป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนคิด…….
ตั้งแต่ที่ฉีกหน้ากับยินไป่ฝันและหลี่หมึ้ง ช่วงนี้ชีวิตของสบายสุขมากขึ้น เธอพักอาศัยอยู่ที่บ้านยินก็เหมือนพักอยู่ในโรงแรม อาหารก็หากินเอง อยากตื่นเมื่อไหร่ก็ตื่นเมื่อนั้น อยากนอนเมื่อไหร่ก็นอนเมื่อนั้น…….
เพราะว่างานแต่งของยินรั่วอวิ๋นและเซี่ยงเฉิง ช่วงนี้คนในบ้านของตระกูลยินจึงออกบ้านเช้าและกลับบ้านดึกทุกวัน เพื่อที่จะร่วมงานกับตระกูลเสี้ยง และเพื่อเรื่องงานแต่งของทั้งสองคน ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ไม่มีเวลาไปสนใจพวกเขา เพราะว่าเธอก็ต้องเริ่มเขียนวิทยานิพนธ์ และการดีไซน์แบบโฆษณาของเธอก็ใกล้จะจบลง……
วันนี้อากาศดีมาก พระอาทิตย์ก็ได้สอดส่องไปทั่วหล้า ทั้งโลกนี้เต็มไปด้วยความสว่าง แม้แต่ยินเสี้ยวเสี้ยวยังรู้สึกกว่าตัวเองเหมือนได้เกิดใหม่ จึงได้นั่งอยู่นิ่งๆแล้วกำลังทำโฆษณาของตัวเองไปด้วย และเธอก็ได้แก้แบบที่เธอดีไซน์ไปด้วย เธอนั่งแก้ไปแก้มาอยู่อย่างนั้น ท่าทางของเธอดูยุ่งมาก
กริ๊งๆ
พอได้ยินเสียงกริ่งประตู ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ได้วิ่งไปเปิดประตู จากนั้นจึงทำคิ้วขมวดขึ้นมาทันที แล้วถามคนสองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างไม่มีการเกรงอกเกรงใจใดๆ “พวกเธอมาได้ยังไง?”
จากนั้นก็ได้เดินเข้าไปในโลกส่วนตัวของยินเสี้ยวเสี้ยว มุมปากของยินรั่วอวิ๋นจึงเผยยิ้มออกมาอย่างได้ใจ จากนั้นก็ได้ควงแขนของเซี่ยงเฉิงแล้วเดินไปข้างหน้า จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานและเก้อเขินเล็กน้อย “พี่ ยังมัวแต่ยุ่งกับทำโฆษณาอีกหรอ?”
ทีแรกยินเสี้ยวเสี้ยวที่ยังอารมณ์ดีอยู่ ตอนนี้ก็ได้เปลี่ยนไปเป็นไม่ค่อยดีแล้ว จึงได้เงยหน้าขึ้นแล้วมองพวกเขาพลางถามขึ้นเสียงเบา “พวกเธอมีเรื่องอะไรก็ว่ามาตรงๆ”
เธอไม่คิดว่ายินรั่วอวิ๋นมาหาเธอที่นี่ เพื่อที่จะถามทำโฆษณาของเธอไปถึงไหนแล้ว!
เธอโง่ขนาดนั้นเลยหรอ?
ยินรั่วอวิ๋นเดินไปตรงข้างหน้าโต๊ะทำงานของยินเสี้ยวเสี้ยว จากนั้นก็กวาดสายไปยังคอมของเธอ แล้วได้ก้มหน้าลงพลางยิ้มเบาๆขึ้น จากนั้นก็ได้มองเซี่ยงเฉิงแล้วพูดขึ้น “พี่ งานแต่งของฉันกับเซี่ยงเฉิงได้กำหนดวันไปแล้วนะ ตอนนี้ฉันมาส่งการ์ดเชิญให้พี่……”
สีหน้าของยินเสี้ยวเสี้ยวยังคงเป็นเหมือนเดิม เธอจึงได้ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยพลางมองพวกเขา “อืม ยินดีด้วยนะ มาการ์ดเชิญมาให้ฉันแล้วออกไปได้”
พอยินรั่วอวิ๋นเห็นยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ได้ทำสีหน้าที่สบอารมณ์ใดๆ ในใจจึงรู้สึกไม่พอใจมาก!
ตั้งแต่เด็กจนโต สิ่งที่เธอเกลียดที่สุดก็คือสีหน้าของยินเสี้ยวเสี้ยวที่ยอมเธอทุกอย่าง และเธอไม่เอาอะไรสักอย่างก็ได้ และท่าทางที่ “ไม่รู้จักหวาดกลัว”! จริงๆแล้วเธอสมควรที่จะได้เป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลยินมากกว่า
“พี่ ฉันกับเซี่ยงเฉิงแต่งงานกันแล้ว! วันข้างหน้าฉันก็คือภรรยาของเซี่ยงเฉิง และเป็นสะใภ้ของตระกูลเสี้ยง!” ยินรั่วอวิ๋นขยับเข้าไปใกล้ยินเสี้ยวเสี้ยวแล้วพูดขึ้นเป็นคำๆอย่างชัดเจน เหมือนสัมผัสได้ว่าอารมณ์ของตนได้รับการกระทบ เธอจึงสูดลมหายใจเขาลึกๆแล้วพูดขึ้น “พี่ พี่คงไม่โทษฉันใช่ไหม? ฉันแต่งงานก่อนพี่ แต่ว่าสถานการณ์ที่พี่เขยต้องพบเจอ ฉันไม่รู้เรื่อง…… ไม่รู้ว่าพวกพี่จะแต่งงานกันเมื่อไหร่……และคุณลุงเสี้ยงกับเซี่ยงเฉิงก็อยากจะให้ฉันแต่งเข้าไปในบ้านเร็วๆ……ฉัน……”
“อืม เธอแต่งเถอะ ฉันไม่มีข้อคิดเห็นใดๆทั้งนั้น!” ยินเสี้ยวเสี้ยวพูดขึ้นด้วยเสียงเรียบเฉย จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นแล้วมองยินรั่วอวิ๋น
“เสี้ยวเสี้ยว คุณอย่าทำแบบนี้สิ รั่วอวิ๋นแค่กลัวว่าคุณจะไม่สบายใจ ดังนั้นตอนที่พึ่งจะทำการ์ดเชิญเสร็จ เราก็ได้ส่งมาให้คุณเลย” เซี่ยงเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วมองยินเสี้ยวเสี้ยว จู่ๆเขาก็รู้สึกว่าช่วงนี้ได้เคียดแค้นยินรั่วอวิ๋นเกินไปจริงๆ เขาจึงรู้สึกไม่สบายใจ “เสี้ยวเสี้ยว รั่วอวิ๋นเธอเป็นคนที่จิตใจดีจริงๆ คุณอย่าทำแบบนี้กับเธอ…….”
ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ได้เผยยิ้มใดๆออกมา ตัวของเธอจึงพิงลงตรงเก้าอี้ข้างหลัง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นแล้วมองพวกเขาสองคนพลางพูดขี้น “เซี่ยงเฉิง คุณอย่าคิดไปเองและรู้สึกดีเกินไปเอง รวมไปถึงรั่วอวิ๋นด้วย เธอก็อย่ารู้สึกว่าอยากจะขอโทษฉัน ทำตัวเองซะขนาดนี้ คนที่ไม่รู้ก็นึกว่าฉันที่เป็นพี่สาวรังแกเธออีก! เธออยากแต่งก็แต่ง อยากหย่าก็หย่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับฉันแม้แต่นิดเดียว ตอนนี้เธอแต่งงานกับเซี่ยงเฉิง ฉันแต่งงานกับจิ๋นลี่ยวน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นอกจากเราที่มีนามสกุลที่เหมือนกัน เราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันอีก! ต่อให้พี่สาวได้แต่งงานกันไปแล้ว ฉันก็จะไม่มีทางหน้าด้านๆไปขอความช่วยเหลือจากเธอ ฉันเชื่อว่าเธอเองก็คงไม่หน้าด้านมาขอความช่วยเหลือจากฉันเหมือนกัน ถึงแม้ว่าพวกเธอจะรู้สึกว่าเธอไม่มีอะไรที่จะช่วยพวกเธอได้ การ์ดเชิญก็เอามาให้ฉัน ฉันรับไว้แล้ว และฉันจะไปหรือไม่ไป นั่นก็อีกเรื่องนึง เพราะไม่รู้ว่าวันนั้นฉันมีเวลาไหม ตอนนี้ ฉันยุ่งอยู่ เชิญพวกเธอออกไปได้แล้ว”
คำพูดพวกนี้ พูดจบทำให้ใบหน้าของเซี่ยงเฉิงและยินรั่วอวิ๋นดูเกร็งไปหมด นั่นเป็นคำพูดที่อยากจะตัดขาดความสัมพันธ์กับพวกเขาอย่างชัดเจน ใครที่ได้ยินต่างก็รู้สึกไม่ดีใจทั้งนั้น
“พี่……” ยินรั่วอวิ๋นเรียกขึ้นเหมือนตัวเองได้ทนความลำบากมากๆ และยังไม่ทันได้พูดต่อ ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ได้มองเธอด้วยสายตาที่เย็นชา สุดท้ายคำพูดอีกมากมายที่อยากพูดกลับต้องเข้าไปในลำคอ ตอนที่ยินเสี้ยวเสี้ยวโกรธ เธอก็ไม่กล้าไปยุ่งกับเธอมากนัก สุดท้ายยินรั่วอวิ๋นก็ได้ควงแขนเซี่ยงเฉิงออกไป ในปากก็ได้พูดถึงคำว่า ‘พูดได้ดี’ คำพูดของเธอได้เอ่ยถึงคำพูดที่เมื่อกี้ยินเสี้ยวเสี้ยวพูดออกมาไม่หยุด
ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่อยากจะสนใจพวกเขา จึงได้เห็นไปยุ่งกับงานออกแบบของเธออย่างหงุดหงิด
ยินรั่วอวิ๋นก็ได้พูดคำที่แสดงว่าตัวเองเป็นผู้อ่อนแอ ขณะเดียวกันก็ได้หันมามองยินเสี้ยวเสี้ยวไม่หยุด นัยน์ตาอันลุ่มลึกนั้นมีความเคียดแค้นแอบแฝงอยู่!
เธอเกลียดยินเสี้ยวเสี้ยว เกลียดตั้งแต่เด็กจนโต!
จริงๆแม่ของเธอเป็นแม่ของผู้นำครอบครัวยิน เธอสมควรที่จะได้เป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลยิน! แต่ว่ายินเสี้ยวเสี้ยวมีแม่แต่กลับไม่ได้ถูกแม่สั่งสอนมาดีๆ ไม่เพียงแต่เอาพี่ชายที่เป็นพ่อแม่เดียวกันของเธอไป! แล้วยังแย่งตำแหน่งคุณหนูใหญ่ตระกูลยินไปอีกด้วย ดูๆแล้วทำให้คนรู้สึกเบื่อหน่ายจริงๆ!
เธอเกลียดเธอ แค้นเธอ และรังเกียจเธอ!
ถ้าไม่ใช่ยินเสี้ยวเสี้ยว เธอก็คงจะเป็นเจ้าหญิงคนเดียวในตระกูลยิน และจะได้รับการรักใคร่เอาใจใส่จากพ่อแม่เป็นอย่างดี แล้วยังมีพี่ชายที่คอยสงสารและเห็นค่าเธอ!
ยินเสี้ยวเสี้ยว สิ่งที่เธอทุกอย่างล้วนเป็นของที่เธอแย่งไปจากเธอ! เธอจะทำให้ทุกคนได้เห็นว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลยินควรเป็นใครกันแน่!