บทที่163 เรื่องราวอันยาวนาน
ยังดี ที่สีหน้าของจิ๋นลี่ยวนไม่ได้ย่ำแย่ขนาดนั้น
ยังดี ที่จิ๋นลี่ยวนดูเหมือนจะไม่ได้โกรธ
ยังดี……
ยินเสี้ยวเสี้ยวแอบถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วเดินตามจิ๋นลี่ยวนเข้าไปในบ้านหลังนั้น
เธอจินตนาการว่าห้องนี้ควรจะสบายหรือหรูหราขนาดไหนมานับครั้งไม่ถ้วน ด้านในจะมีของใช้ประจำที่บ้านในยุคนี้ควรจะมีอยู่อย่างครบถ้วนขนาดไหน แต่หลังจากที่เข้ามาแล้วก็ต้องรู้สึกประหลาดใจ
ข้างในนี้ไม่มีอะไรเลย ดูเก่าแก่ราวกับว่ามีอายุมานับศตวรรษแล้ว
ขนาดทีวียังเป็นรุ่นเก่าที่ยังเป็นจอขาวดำ โซฟาก็สึกกร่อนจนไม่เหลือสีเดิม ไม่มีตู้เย็น พื้นเองก็เป็นพื้นพื้นซีเมนต์ธรรมดา……
ทุกอย่างเผยให้เห็นถึงกลิ่นอายของความมีอายุอันยาวนาน
เขาหาผ้าขนหนูแห้งๆมาเช็ดน้ำฝนบนตัวของยินเสี้ยวเสี้ยว คิ้วของจิ๋นลี่ยวนขมวดเล็กน้อยจนสุดท้ายก็เร่งให้ยินเสี้ยวเสี้ยวเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ ในห้องน้ำเรียบง่ายไม่มีแม้แต่เครื่องทำความร้อนในห้องน้ำ
หลังจากทำให้ร่างกายอบอุ่นแล้วยินเสี้ยวเสี้ยวก็ออกมาจากห้องน้ำ ถึงได้เห็นว่าจิ๋นลี่ยวนทำโจ๊กชามหนึ่งมาให้เธอดื่ม
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้วทั้งสองคนก็มานั่งเงียบๆบนโซฟา
เธอมีคำถามมากมายที่อยากจะถาม แต่กลับไม่กล้าถามออกมา
เพราะเธอมาที่นี่ด้วยตัวเองโดยไม่ได้รับการอนุญาตจากเขาก่อน ในเวลาแบบนี้หากไปคาดคั้นถามอะไร ก็คงจะเกินไปหน่อย
ถ้าหากเขาเกินโมโหขึ้นมาจะทำอย่างไร
ยินเสี้ยวเสี้ยวในเวลานี้ พยายามวางตัวให้อ่อนน้อมที่สุดแล้ว แต่กลับไม่ได้คิดเลยว่านี่ก็เหมือนการยื่นมีดไปให้จิ๋นลี่ยวน คล้ายกับการปล่อยให้เขาขอหรือเอาอะไรไปจากตัวเธอก็ได้ จนตอนที่เธอเริ่มเข้าใจแล้วในตอนสุดท้าย โลกใบนี้ก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเป็นอีกวันแล้ว……
เป็นอย่างที่มู่เยียนหรานพูด เธอไม่มีอะไรเลย
จิ๋นลี่ยวนปิดเปลือกตาไม่รู้กำลังคิดอะไรอยู่ มีเพียงแค่ลูกตาที่เคลื่อนไหวเล็กน้อยใต้เปลือกตาทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้ว่าเขาไม่ได้หลับ เพียงแค่กำลังครุ่นคิดเท่านั้น ผ่านไปครู่ใหญ่ยินเสี้ยวเสี้ยวถึงได้ลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปในครัวเพื่อทำบะหมี่ชามหนึ่งมาให้เขา
หกโมงเย็นแล้ว เขาจะไม่ทานอะไรเลยไม่ได้
ขณะทานจิ๋นลี่ยวนก็ยังคงรักษาความเงียบ ยินเสี้ยวเสี้ยวเองก็ไม่ได้พูดอะไรแค่ทำเหมือนตัวเองนั้นคนล่องหนเท่านั้น หลังจากล้างจานเสร็จแล้วยินเสี้ยวเสี้ยวก็พูดกับเขาว่า “งั้นคุณก็พักผ่อนดีๆนะ ฉันขอตัวกลับก่อน”
เพียงประโยคเดียว ก็ทำเอาจิ๋นลี่ยวนถึงกับชะงักไป และก็ทำตัวเองชะงักไปด้วย
เธอก้มหน้าลงแล้วขำตัวเอง ตอนนี้เองยินเสี้ยวเสี้ยวถึงได้รู้ว่า ที่จริงแล้วเธอไม่ได้ต้องการจะสอดแนมความลับของเขา เธอก็แค่ต้องการจะอยู่ข้างเขา อยากจะเห็นว่าเขายังใช้ชีวิตได้ดีเพียงเท่านั้นเอง
ตอนนี้ หลังจากได้เห็นแล้วว่าจิ๋นลี่ยวนไม่ได้มีปัญหาอะไรก็เลยคิดว่าจะกลับไปก่อน
เพียงแต่ไม่รู้ว่า ตอนนี้ที่สนามบินยังมีเที่ยวบินที่จะกลับไปที่เมืองTอยู่หรือเปล่า
พอหันกลับไป ยินเสี้ยวเสี้ยวก็เริ่มเตรียมตัวกลับไปด้วยท่าทางสบายๆ
มือเล็กๆผลักประตูเก่าแก่บานนั้น แต่เอวกลับถูกผู้ชายที่อยู่ด้านหลังโอบเอาไว้อย่างแน่นหนา
แรงที่เข้ามาปะทะนั้นทำให้หัวใจทั้งดวงของยินเสี้ยวเสี้ยวสั่นไหวเบาๆไปด้วย ตามด้วยการที่จิ๋นลี่ยวนแนบชิดที่แก้มเธอแล้วกระซิบที่ข้างหูเธอว่า “เสี้ยวเสี้ยว เดี๋ยวฉันเล่านิทานให้เธอฟัง เธออยากฟังไหม”
……
ภายในความมืด ยินเสี้ยวเสี้ยวกับจิ๋นลี่ยวนนอนอยู่บนเตียงที่ทั้งเย็นและแข็ง ได้ยินเสียงเม็ดฝนนอกหน้าต่างอย่างชัดเจนที่ข้างหู ฝนตกอย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง ราวกับว่าจะเป็นแบบนี้ไปจนสุดหล้าฟ้าเขียวก็มิปาน
นิทานเก่าแก่มาก แต่กลับเศร้าสร้อยมากด้วย
ยี่สิบห้าปีก่อน บ้านจิ๋นนั้นเริ่มมีชื่อเสียงในเมืองTมาช้านานแล้ว แถมยังเจิดจรัสยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้มาก ตอนนั้นบ้านจิ๋นยังมีชายชราจิ๋นอยู่ และยังมีคุณชายทั้งสองของบ้านจิ๋นอยู่ด้วย
คนหนึ่งชื่อจิ๋นหยวนเชิ่ง เป็นคุณชายใหญ่ของบ้านจิ๋นที่น้อยคนนักจะรู้จัก อีกคนคือจิ๋นหยวนเฟิง เป็นคุณชายสองของบ้านจิ๋นที่ทุกคนต่างก็รู้จัก และความสัมพันธ์ระหว่างคุณชายทั้งสองนั้นก็ดีมาก
หลายๆคนที่รู้จักจิ๋นหยวนเชิ่งต่างก็คิดว่า จิ๋นหยวนเฟิงอาจจะหรือแท้จริงแล้วเป็นพี่ชาย ทั้งสองคนอายุห่างกันหนึ่งปี แต่นิสัยกลับต่างกันราวฟ้ากับเหว จิ๋นหยวนเชิ่งนิสัยแข็งกร้าว ค่อนข้างชอบแสดงออก ส่วนจิ๋นหยวนเฟิงนั้นรู้จักพลิกแพลง นิสัยค่อนข้างเก็บตัว ทั้งสองคนต่างก็ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างไม่น่าเชื่อ
คุณชายของบ้านจิ๋นแต่งกับคุณหนูของตระกูลหยู เหตุการณ์นี้เคยเป็นข่าวที่แพร่สะพัดไปทั่วเมืองT ในขณะนั้นผู้คนถึงกับลืมไปว่ายังมีคุณชายในบ้านจิ๋นอีกคนที่ไปอยู่ต่างประเทศและยังไม่ได้แต่งงาน
ตอนที่จิ๋นหยวนเชิ่งกลับประเทศมานั้นยังมีอายุเพียงยี่สิบสี่ปี ซึ่งเป็นช่วงวัยที่กำลังดีมาก และในตอนนั้นหยูเจียห้วยก็ได้แต่งเข้าบ้านจิ๋นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แถมจิ๋นลี่โป๋เองก็อายุใกล้ห้าขวบเข้าไปแล้วด้วย จู่ๆจิ๋นหยวนเชิ่งก็กลับมาแถมยังพาผู้หญิงคนหนึ่งกับเด็กคนหนึ่งกลับมาด้วย
เด็กคนนั้นก็คือจิ๋นลี่ยวน น่าเสียดายที่ตอนนั้นเขายังอยู่ในท้องของมารดาอยู่เลย และกำลังใกล้คลอด
ชายชราจิ๋นกับคุณย่าจิ๋นทั้งคู่ออกมาที่ห้องรับแขกบ้านจิ๋นเพื่อดูผู้หญิงคนนั้น
ผู้หญิงบ้านนอกที่เรียบง่ายคนหนึ่ง เวลายิ้มคิ้วเป็นรูปโค้งมน เป็นคนจีนเชื้อสายฝรั่งเศสที่จิ๋นหยวนเชิ่งรู้จักตอนที่อยู่ฝรั่งเศส เป็นผู้หญิงที่อาศัยอยู่ในฟาร์มปศุสัตว์ในฝรั่งเศส แม้ว่าฐานะที่บ้านจะค่อนข้างดี แต่สำหรับบ้านจิ๋นแล้ว ก็คือสาวบ้านนอก ที่มีแต่กลิ่นของบ้านนอกคอกนานั่นเอง
“ผมจะแต่งงานกับรุ่ยซี เธอคือคนเดียวที่ผมจะรักในชีวิตนี้ ในท้องเธอมีเลือดเนื้อเชื้อไขของผมอยู่” นี่คือสิ่งแรกที่จิ๋นหยวนเชิ่งพูดกับคนชราทั้งสองของบ้านจิ๋นหลังจากที่กลับมาถึง
เดิมทีคิดว่าจะได้รับคำอวยพรจากคนที่บ้าน แต่ใครจะรู้ จินตนาการที่สวยงามทั้งหมดนั้นได้แตกเป็นเสี่ยงๆในทันที เมื่อผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องนอนของจิ๋นหยวนเชิ่ง
ชายชราจิ๋นกับคุณย่าจิ๋นต่างก็เริ่มเลิ่กลั่ก แต่ก็ยังตบโต๊ะและคำรามอย่างบ้าคลั่งว่า “ไอ้ลูกไม่รักดี โดนนังจิ้งจอกตัวนี้หลอกล่อจนไม่ลืมหูลืมตาไปแล้วเหรอ ผู้หญิงแบบนี้มีสิทธิ์อะไรที่จะแต่งเข้าบ้านจิ๋นของพวกเรา สมองแกมีปัญหาไปแล้วใช่ไหม”
สีหน้าของรุ่ยซีค่อยๆซีดเผือดไปทันที จนเผลอจับมือจิ๋นหยวนเฟิงแน่น
เธอเป็นลูกสาวของครอบครัวเล็กๆ ก่อนจะมาที่บ้านจิ๋นก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าบ้านจิ๋นเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยมหาศาลแบบนี้ มีอีกข้างก็เผลอลูบท้องตัวเองอย่างไม่รู้ตัว รุ่ยซีแสดงออกว่ากำลังกลัวเล็กน้อย
ส่วนผู้หญิงอีกคนกลับเข้าใจสถานการณ์ในที่เกิดเหตุได้อย่างรวดเร็ว ก้าวไปข้างหน้าแล้วพูดกับจิ๋นหยวนเชิ่งว่า “พี่หยวนเชิ่ง พี่บอกไว้ว่าพี่จะแต่งงานกับฉันไง ทำไมพี่ถึงกลับคำล่ะ ฉันรอพี่มาสิบปี ทำไมพี่ถึงทำกับฉันแบบนี้”
จิ๋นหยวนเฟิงรู้สึกได้ว่าตัวของรุ่ยซีแข็งทื่อไปทันที เลยรีบพูดปรามทันทีว่า “หยูเจียเฉียง เธออย่าพูดจาเรื่อยเปื่อย นั่นเป็นแค่เกมที่พวกเราเล่นกันตอนอายุสิบสามสิบสี่ ควรจะเอามาจริงจังด้วยเหรอ ฉันไม่เคยเกี่ยวข้องอะไรกับเธอ เธออย่ามาป้ายสีฉัน ฉันไม่มีทางอยู่กับเธอหรอก !”
หยูเจียเฉียงเป็นพี่สาวของหยูเจียห้วย เรื่องที่แอบปลื้มจิ๋นหยวนเชิ่งตั้งแต่วัยเยาว์นั้นไม่ใช่ความลับอะไรสำหรับบ้านจิ๋นกับตระกูลหยู ก็เหมือนกับที่ตอนนี้จิ๋นลี่หยาวแอบปลื้มเฉิงชื่อชิง เป็นสิ่งที่ทุกคนต่างก็รู้ดี สิ่งเดียวที่ต่างกันก็คือจิ๋นหยวนเชิ่งแทบจะลืมมันไปแล้ว
“พี่หยวนเชิ่ง พี่ทำแบบนี้ไม่ได้นะ ฉันรอพี่มาสิบปี พี่จะมาปัดความรับผิดชอบได้ยังไง” หยูเจียเฉียงเริ่มลนลาน ตอนนั้นหยูเจียห้วยเองก็ไม่สะดวกออกหน้าเลยทำได้แค่พาจิ๋นลี่โป๋ไปอีกทางอย่างเงียบๆ “บ้านจิ๋นกับตระกูลหยูมีการหมั้นหมายอยู่ พี่จะทำเหมือนเรื่องนี้ไม่มีสำคัญได้ยังไง”
จิ๋นหยวนเชิ่งแทบไม่มองเธอแม้แต่ครั้งเดียว หันไปพูดกับชายชราจิ๋นกับคุณย่าจิ๋นว่า “คุณพ่อ คุณแม่ ผมจะแต่งงานกับรุ่ยซี ส่วนเรื่องการหมั้นหมายกับตระกูลหยู ตอนนั้นก็ไม่ได้ตกลงกันว่าเป็นผมไม่ใช่เหรอครับ ตอนนี้หยวนเฟิงกับเจียห้วยแต่งงานกันแล้วก็ถือว่าทำตามสัญญาแล้ว ภรรยาของผมมีแค่รุ่ยซี ไม่มีทางเป็นคนอื่นเด็ดขาด !”
ท่าทีของจิ๋นหยวนเชิ่งนั้นยังคงแข็งกร้าวจนถึงที่สุด แต่ชายชราจิ๋นกับคุณย่าจิ๋นในตอนนั้นก็ไม่มีทางยอมรับง่ายๆ ถึงแม้ว่าจะเห็นรุ่ยซีท้องโตอยู่ก็ตาม รีบสั่งให้คนควบคุมตัวจิ๋นหยวนเชิ่งแล้วไล่ให้รุ่ยซีออกไปทันที
วันนั้นในเมืองTกำลังฝนตกอยู่พอดี รุ่ยซีถูกไล่ออกมาจากบ้านจิ๋นแต่ก็ไม่ได้ไปไหน เพียงแค่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งเพื่อหลบฝน
เธอเป็นชาวจีนโพ้นทะเลคนหนึ่ง เพิ่งจะกลับมาจากต่างประเทศ ไม่มีคนรู้จักที่ไหนถึงแม้อยากจะออกไปหรืออยากจะหาความช่วยเหลือก็เป็นไปไม่ได้
จิ๋นหยวนเชิ่งโกรธมาก แทบจะทำลายห้องของตัวเองทั้งหมด แต่ว่าชายชราจิ๋นบอกว่าไม่ปล่อยก็คือไม่ปล่อย จะคาดคั้นให้จิ๋นหยวนเชิ่งแต่งงานกับหยูเจียเฉียงให้ได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรจิ๋นหยวนเชิ่งก็ไม่ยอมสนใจ
ในคืนนั้น รุ่ยซีที่กำลังท้องโตยืนรออยู่ตรงหน้าบ้านตระกูลจิ๋น แต่สุดท้ายก็ทนสภาพแบบนี้ไม่ไหวจนเป็นลมล้มไป ตอนที่จิ๋นหยวนเชิ่งได้ข่าวจากจิ๋นหยวนเฟิง เขาก็แทบจะกลายเป็นบ้า
ตอนนั้นจิ๋นลี่ยวนที่อยู่ในท้องรุ่ยซีนั้นมีอายุเก้าเดือนแล้ว ใกล้คลอดเต็มที
ตอนนั้นผู้คนรอบตัวที่ห่วงใยเธอเลยรีบไปที่บ้านจิ๋นเพื่อหาคนชราทั้งสอง แต่ตอนนั้นพวกเขากำลังคุยเรื่องใหญ่กับตระกูลหยูอยู่ เลยไม่ได้ไปสนใจ
จิ๋นหยวนเชิ่งมองผ่านหน้าต่างเห็นว่ารุ่ยซีที่อยู่กลางสายฝนเหมือนมีเลือดไหลออกมา ดวงตาก็แดงก่ำด้วยความโกรธ และโดดลงมาจากห้องนอนแบบไม่คิด ชั้นสามไม่ถือว่าสูงและไม่ถือว่าต่ำ ตอนที่กระโดดลงมากระแทกกับต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ถึงขาจะบาดเจ็บแต่ก็ไร้ความรู้สึกไปแล้ว……
จิ๋นหยวนเฟิงกับจิ๋นหยวนเชิ่งสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก ในเวลานั้นเลยไม่สนเรื่องอื่นแล้วรีบพาตัวไปส่งโรงพยาบาลทันที แต่แล้วจิ๋นลี่ยวนยังไม่ทันได้ไปถึงโรงพยาบาล ไปถึงแค่หน้าประตูก็ออกมาจากท้องของรุ่ยซีทันที จิ๋นหยวนเชิ่งดีใจอย่างที่สุด ส่วนรุ่ยซีกลับถูกส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉิน……
เด็กที่คลอดในวันฝนพรำ หากติดเชื้อ อาจจะเป็นเรื่องใหญ่หรือเล็กก็ได้……
จิ๋นหยวนเชิ่งอุ้มเด็กที่แข็งแรงยืนรอรุ่ยซีอยู่หน้าประตูห้องผ่าตัด โดยลืมเรื่องที่ขาตัวเองบาดเจ็บไปจนสิ้น ตอนที่เขาได้สติกลับมานั้นก็เป็นเช้าของวันที่สองแล้ว บาดแผลติดเชื้ออย่างร้ายแรงทำให้กล้ามเนื้อถูกทำลาย ต่อจากนี้อาจจะมีผลกระทบต่อการเดินอยู่บ้าง จะพูดให้ถูกก็คือจิ๋นหยวนเชิ่งขากะเผลก
เรื่องนี้ทำให้ชายชราจิ๋นกับคุณย่าจิ๋นเหมือนถูกไม้ฟาดหัวอย่างแรง
จิ๋นหยวนเชิ่งคนนี้ถึงแม้ฝีมือการทำธุรกิจอาจจะไม่ดีเท่าจิ๋นหยวนเฟิง แต่ก็มีพรสวรรค์เรื่องคณิตศาสตร์มาก คนแบบนี้ไม่ว่าบริษัทไหนก็เป็นที่ต้องการมาก เป็นถึงคุณชายใหญ่บ้านจิ๋นแต่กลับยอมขากะเผลกเพื่อผู้หญิงแค่คนเดียว ถ้าข่าวแบบนี้ถูกแพร่ออกไป ตอนนั้นคงไม่ต้องพูดถึงแค่เรื่องผลประโยชน์ที่มีร่วมกับตระกูลหยู แต่กับชื่อเสียงของบ้านจิ๋นเองก็คงต้องได้รับความเสียหายด้วย
ชายชราจิ๋นในตอนนั้นกระทืบเท้าคำรามด้วยความโกรธ “ไอ้ลูกไม่รักดี ! ถ้ามีปัญญาแกก็ไปเลี้ยงผู้หญิงกับลูกของแกด้วยตัวเองเลย ! บ้านจิ๋นของฉันไม่ขาดแคลนหลานชาย ยิ่งไม่ขาดแคลนลูกชายด้วย ! แกจะตายก็ไปตายให้ไกลๆเลย จากวันนี้เป็นต้นไปห้ามกลับมาอีก ! ฉันจะถือว่าไม่มีลูกชายอย่างแก ! รีบไสหัวไปให้ไกลๆเลย !