“นี่เขาต้องการทำอะไร?” เมื่อซึหุนหลินได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่แล้วถึงกับรู้สึกสั่นเทา กล่าวด้วยความหวาดผวาว่า “หรือว่า หรือว่าต้องการสร้างเผ่าพันธุ์ขึ้นมาใหม่รึ? สร้างสิ่งมีชีวิตที่ใหม่ทั้งหมดรึ?”
“ไม่…” เมื่อซึหุนหลินกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว ได้ปฏิเสธแนวคิดของตนทันที และกล่าวว่า “สิ่งนี้ไม่ได้รับการอนุญาตจากสวรรค์อยู่แล้ว หากสร้างสิ่งมีชีวิตต้องถูกทำลายล้างแน่ ภัยพิบัตินี้สยดสยองไม่ด้อยไปกว่าสวรรค์ลงทัณฑ์”
นาทีนี้ซึหุนหลินคิดไปไกล จะอย่างไรเสียเขาก็คือจอมเทพคนหนึ่ง สิ่งที่เขาสามารถสัมผัสมีมาก และสิ่งที่เขารับรู้ก็มีมาก ในอาณาจักรของจอมเทพ เขาสามารถรับรู้เรื่องราวมากมายที่ระดับอ่อนด้อยไม่สามารถรับรู้ได้
เมื่อนึกถึงอะไรต่อมิอะไรต่างๆ นานาแล้ว ซึหุนหลินถึงกับรู้สึกสะท้าน เนื่องจากเขาได้นึกถึงตำนานที่เนิ่นนานมากเรื่องหนึ่ง ไม่มีใครรู้ว่าตำนานเรื่องนี้เป็นจริงหรือเท็จ แต่เขาไม่กล้าไปนึกถึงมากมายและไม่กล้าไปถามถึง ต่อให้เป็นถึงระดับจอมเทพก็ตามที
เนื่องจากตำนานเรื่องนี้ได้เกี่ยวพันถึงเรื่องราวมากมาย เกี่ยวพันถึงต้นกำเนิด เกี่ยวพันถึงปรัชญาเมธี เกี่ยวพันถึงเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์ และร้อยชาติพันธุ์ อาจกล่าวได้ว่า สิ่งที่เกี่ยวพันกับตำนานเรื่องนี้ไม่มีเผ่าพันธุ์ใดสามารถรอดไปได้!
ดังนั้น ซึหุนหลินจึงยอมที่จะไม่ไปนึกถึงมัน ยอมทำเป็นว่าไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลย เขาไม่ต้องการไปสืบค้นเกี่ยวกับตำนานเรื่องนี้ ความจริงแล้ว นับแต่อดีตกาลเป็นต้นมาใช่ว่ามีเขาคนเดียวที่เป็นเช่นนี้ มีระดับจอมเทพจำนวนไม่น้อยกระทั่งจอมราชันเซียนหวังก็ไม่ต้องการไปเผชิญกับมัน!
สำหรับพวกของธิดาราชันฉีหลินนั้น พวกเขากลับไม่ได้นึกถึงชั้นที่ลึกขนาดนี้ ซึ่งอาณาจักรเช่นนี้ก็หาใช่ชั้นที่พวกเขาสามารถรับกับมันได้อยู่แล้ว
“การที่เผ่ารอยโลหิตกลับไปยังไกลกันดารถือเป็นการกลับบ้านเกิดเมืองนอนยามชราอย่างนั้นรึ?” ซึหุนหลินถึงกับพึมพำออกมาว่า “พวกเขาคิดจะทำอะไร?” เมื่อนึกมาถึงตรงนี้แล้ว เขาถึงกับเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา
“จะไปสนใจว่าพวกเขาจะทำอะไรทำไม” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยและกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “เรื่องบางเรื่องใช่ว่าทุกคนจะเข้าไปสอดได้ โดยเฉพาะพวกผีดิบที่ไม่สามารถปรากฎตัวเหล่านั้น!” ครั้นกล่าวมาถึงตรงนี้ ปรากฏแววตาที่เยือกเย็นออกมา
“ตูม ตูม ตูม…” นาทีนี้เอง เสียงตูมตามดังขึ้นเป็นระลอก มองเห็นกองเรือขนาดยักษ์แล่นเข้ามา และได้แล่นเข้าไปเทียบท่าในอ่าวท่าเรือ โดยจอดอยู่ใต้หน้าผา
“กองเรือของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังน่ะเนี่ย แล่นเข้ามาทั้งกองเรือ เขาจะทำอะไรของเขานะ?” ผู้คนถึงกับกล่าวด้วยความหวาดผวา เมื่อเห็นกองเรือที่ใหญ่โตมโหฬารแล่นเข้ามา
กองเรือที่ใหญ่โตมโหฬารนี้มีสัญลักษณ์ที่มีเพียงหนึ่งเดียวของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวัง นี่มันเป็นกองเรือของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังจริงๆ
ในขณะนี้ ทั้งจินเก๋อและองค์หญิงเทียนหวงได้ปรากฏตัวบนเรือรบลำหนึ่ง ขณะเดียวกันบนเรือรบเหล่านั้นได้ปรากฎกองทหารแต่ละขบวน ทั้งหมดสวมใส่ชุดเกราะแลดูกล้าหาญเด็ดเดี่ยว เสมือนดั่งเป็นเหล็กกล้าน้ำหลากที่สามารถกวาดล้างสิ้นเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน เป็นกองทหารที่แข็งแกร่งและอันธพาลยิ่ง
“นี่คือกองทหารที่มีไพร่พลนับล้านของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวัง บัญชาการโดยองค์หญิงเทียนหวง” หลายคนรู้สึกตระหนกและกล่าวขึ้น เมื่อมองเห็นกองทหารลักษณะเช่นนี้มาปรากฏอยู่ที่ตรงนี้
ในขณะนี้ จินเก๋อที่ยืนอยู่บนเรือรบมีแววตาดั่งตะเกียงศักดิ์สิทธิ์ ส่องประกายสว่างไสวไปทั่วฟ้าดิน นาทีนี้เขามองเห็นหลี่ชิเย่แล้ว
“สหายหลี่ ก่อนจะเป็นจอมราชัน ข้ากลับต้องการสู้กับท่านสักครั้ง บุญคุณความแค้นระหว่างเราสมควรสะสางแล้ว” ในเวลานี้ จินเก๋อที่มีแววตาดั่งตะเกียงศักดิ์สิทธิ์ส่องประกายสว่างไสวไปทั่วฟ้าดินได้เอ่ยขึ้นมาช้าๆ
เสียงของจินเก๋อไม่ได้ดังกังวานเป็นพิเศษ แต่สามารถทำให้ทุกคนต่างได้ยินคำพูดของเขาได้อย่างชัดเจน
ในเวลานี้ ทุกคนต่างจ้องมองไปที่จินเก๋อและหลี่ชิเย่ บุญคุณความแค้นระหว่างพวกเขานั้นไม่ต้องไปพูดถึง ทุกคนทั่วหล้าต่างรู้ดี เวลานี้จินเก๋อได้พูดคำๆ นี้ออกมากะทันหัน พลันทำให้ผู้คนจำนวนมากกลั้นหายใจเอาไว้ หรือว่าระหว่างหลี่ชิเย่กับจินเก๋อจะเปิดศึกขึ้นแล้ว
“สะสางหนี้บุญคุณความแค้นทำได้ทุกเมื่อ ใยจะต้องรีบเช่นนี้” หลี่ชิเย่นั้นเรียบเฉยยิ่งนัก กล่าวออกมาตามอารมณ์
“ข้าเกรงว่าหลังจากที่สืบทอดชะตาฟ้า สำเร็จเป็นจอมราชันแล้วค่อยมาสะสางบุญคุณความแค้นส่วนตัวกับสหายหลี่ เป็นการเอาชนะไม่สมศักดิ์ศรี” จินเก๋อเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “แม้ว่าสหายหลี่ฝีมือยากจะหาผู้ใดเทียม ฝืนลิขิตสวรรค์ยิ่งนัก หากว่าข้าสำเร็จเป็นจอมราชันแล้ว ขอเพียงไม่อยู่ในฝอเหย่ ข้าจินเก๋อมั่นใจว่าสามารถสังหารสหายหลี่ได้! เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว เกรงว่าสหายหลี่จะไม่มีโอกาสได้สำแดงออกมาได้อย่างเต็มที่”
“ทุกอย่างอย่าพูดให้มันมั่นใจเกินไปนัก” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “ในเมื่อเจ้ามีความมั่นใจถึงเพียงนี้ งั้นก็ไปสืบทอดชะตาฟ้าให้เต็มที่เพื่อบรรลุเป็นจอมราชันก็แล้วกัน รอให้เจ้าสำเร็จเป็นจอราชันแล้วค่อยมาท้าสู้กับข้าก็ยังไม่สาย หากท้าสู้กับข้าในเวลานี้ เกรงว่าจะไม่ได้เห็นด้านที่ปราศจากผู้ต่อกรของข้าไปตลอดกาล! นี่เป็นการให้โอกาสแก่เจ้าสักครั้งของข้า คิดจะท้าสู้กับข้า ไปบรรลุเป็นราชันเซียนเถอะ”
คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่พลันทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์รู้สึกเสียวสันหลังวาบบ การสำเร็จได้เป็นจอมราชันของจินเก๋อเป็นสิ่งที่ทุกคนให้การยอมรับ เวลานี้หลี่ชิเย่ถึงกับกล้าบอกว่าจินเก๋อต้องเป็นจอมราชันแล้วเท่านั้นจึงท้าสู้กับเขาได้ นับว่าอหังการเหลือเกิน มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม!
จินเก๋อไม่ได้โกรธ และไม่ได้รู้สึกอึดอัด เขานิ่งเงียบไปเหมือนว่ากำลังครุ่นคิดถึงคำพูดของหลี่ชิเย่
เวลานี้ องค์หญิงเทียนหวงที่ยืนอยู่ข้างกายจินเก๋อได้ยื่นมือออกมากำมือสามีของตนเอาไว้แน่น พยักหน้าเงียบๆ ให้กับเขา พวกเขาสองสามีภรรยาไม่จำเป็นต้องสื่อสารกันด้วยคำพูดอีกแล้ว ทุกๆ ถ้อยคำล้วนแล้วแต่อยู่ท่ามกลางความเคลื่อนไหวและการกระทำแล้ว
“ตกลง…” จินเก๋อสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ในเมื่อสหายมั่นใจว่าปราศจากผู้ต่อกร ข้าจินเก๋อก็ไม่กล้าไม่เจียมตน รอให้ข้าบรรลุเป็นจอมราชันเสียก่อน ค่อยมาทำความรู้จักกับความไร้ผู้ต่อกรของสหาย!”
“ข้าจะรอ” หลี่ชิเย่พูดและยิ้มเรียบเฉย
องค์หญิงเทียนหวงมองดูสามีของตนไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงแค่กุมมือของเขาเอาไว้แน่นเท่านั้น ทุกอย่างล้วนแล้วแต่อยู่ท่ามกลางความเงียบนี้
หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าคงอดกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ เวลานี้พวกเขามีกองทัพที่ประกอบด้วยไพร่พลเป็นล้านอยู่ในมือ ผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งเบื้องหลังก็มาถึงแล้ว เรียกได้ว่าไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวต่อผู้ใด ในเวลานี้พวกเขามั่นใจว่ามีกำลังเพียงพอที่จะกวาดล้างศัตรูใดๆ จนสิ้น ต่อให้มีจอมราชันเซียนหวังลงมือ พวกเขาก็มีความมั่นใจเพียงพอไปเผชิญหน้า!
ภายใต้ความได้เปรียบในการปราบปรามอย่างเด็ดขาดเช่นนี้ โลกมันกลม เมื่อพบเห็นศัตรูที่สังหารบิดาตน หากเป็นคนอื่นคงบุกเข้าไปให้รู้แล้วรู้รอดไปแล้ว สั่งการให้กองทัพนับล้านบุกเข้าสังหารหลี่ชิเย่ แก้แค้นให้กับบิดาและน้องชายที่ตายไป
แต่องค์หญิงเทียนหวงไม่ได้ทำเช่นนี้ ต่อให้เวลานี้ในมือของนางมีกองทัพเป็นล้าน ต่อให้นางมีป้ายอาญาสิทธิ์ในมือที่สามารถสั่งการได้ แต่นางได้วางความแค้นส่วนตัวเอาไว้ข้างๆ ทุกอย่างให้น้ำหนักกับการบรรลุจอมราชันของสามีเป็นสำคัญ
ต่อให้สามีของนางยินดีแก้แค้นแทนนางเพื่อสะสางบุญคุณความแค้น นางก็ไม่เห็นด้วยกับการกระทำเช่นนี้ของสามี นางไม่ต้องการเห็นสามีของตนต้องพลาดโอกาสการบรรลุเป็นจอมราชันเพียงเพราะบุญคุณความแค้นส่วนตัวของนาง!
“สหาย พวกเรารอพบกันในระดับสูงสุด” สุดท้าย จินเก๋อเองก็ไม่วุ่นวายอยู่กับเรื่องความแค้น แสดงคารวะแบบจีนต่อหลี่ชิเย่ในระยะห่างไกล และกล่าวด้วยท่าทีหนักแน่นจริงจัง
หลี่ชิเย่เพียงแค่ยิ้มๆ พยักหน้า และไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ตูม ตูม ตูม…” นาทีนี้ กองเรือของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังได้ระดมพล ไพร่พลนับล้านเคลื่อนพลดั่งน้ำหลากเหล็กกล้าติดตามจินเก๋อขึ้นไปยังไกลกันดาร กองทัพที่ยิ่งใหญ่ปราศจากผู้เทียบเทียมได้มุ่งหน้าเข้าไปยังไกลกันดาร
“นี่คิดจะทำอะไร? หรือจินเก๋อต้องการบุกยึดไกลกันดารอย่างนั้นรึ?” หลายคนรู้สึกตกใจและคาดเดากันเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว
ไม่มีใครรู้ว่าจินเก๋อนำกำลังทหารนับล้านมาทำอะไรที่ไกลกันดาร บางคนเข้าใจว่าเขามาเพื่อค้นหาของวิเศษ บางคนคิดว่าเขามาเพื่อต้องการพิชิตไกลกันดาร
“เขาจะบรรลุเป็นจอมราชันแล้ว” หลี่ชิเย่ กล่าวเฉยเมยขณะมองดูกองทัพนับล้านที่ยกไปไกลแล้ว
“ทำไมถึงพูดแบบนี้?” อู่ฟ่งหยิ่งพูดต่อไปว่า “ไม่เห็นปรากฎการณ์การรวมตัวของชะตาฟ้านี่” การพูดการจาของนางดูนุ่มนวลไม่น้อยโดยที่นางไม่รู้ตัว
“ที่ตรงนี้สามารถเบิกฟ้าได้โดยตรง ไม่จำเป็นต้องมองเห็นการรวมตัวกันของชะตาฟ้า” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมยขณะมองไปที่ไกลกันดาร
“ทำไมจะต้องเลือกบรรลุเป็นจอมราชันที่ไกลกันดาร?” แม้แต่ธิดาราชันฉีหลินก็ให้รู้สึกสงสัย และกล่าวว่า “ไกลกันดารอันตราย หากพลาดจะสูญเสียกองทัพนับล้านได้”
แม้ว่าดูไปแล้วกองทัพนับล้านของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังยิ่งใหญ่และปราศจากผู้ต่อกรมาก แต่ว่า การมาอยู่ท่ามกลางพื้นที่ที่อันตรายเช่นไกลกันดารเช่นนี้ เกรงว่ากองทัพที่มีไพร่พลเป็นล้านไม่พอกระทั่งยัดขี้ฟันเสียด้วยซ้ำ
“มีสองประเด็น” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “เนื่องจากเขาได้พลาดการสืบทอดชะตาฟ้าไปแล้วครั้งหนึ่ง การจะสืบทอดอีกครั้งไม่ค่อยง่าย เขามีความทะเยอทะยานไม่น้อย หวังจะสืบทอดชะตาฟ้าให้ได้สี่สายในคราเดียว ดังนั้น เขาจำเป็นต้องเลือกไกลกันดารมาช่วยเขาอีกแรง ประการที่สอง จอมราชันเซียนหวังไม่ต้องการกลับคืนสู่โลกปัจจุบัน!”
เมื่อหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วได้มองขึ้นไปบนท้องฟ้า และกล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “ไม่ว่าจะเป็นจอมราชันเซียนหวังที่แข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม เมื่อไหร่ที่กลับคืนสู่โลกปัจจุบันก็ต้องหวั่นเกรงต่อสวรรค์ลงทัณฑ์ แต่ว่า เมื่ออยู่ที่แดนแห่งการสืบค้นมันต่างกัน สวรรค์ลงทัณฑ์ยากจากปรากฏ เรียกได้ว่าแดนแห่งการสืบค้นเป็นสถานที่ที่เหมาะเป็นที่พักพิงสุดท้ายของจอมราชันเซียนหวัง”
“จินเก๋อเจ้าหมอนี่สามารถทำได้สำเร็จด้วยการให้จอมราชันของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังมาคุ้มครองให้กับเขา นับว่ายอดเยี่ยมมาก เมื่อมีจอมราชันมาคุ้มครองด้วยตนเอง เขาต้องทำได้สำเร็จแน่” อู่ชีก็เข้าใจและกล่าวด้วยความอิจฉายิ่งนัก
“จอมราชันหลายองค์รวมตัวกัน หากกลับสู่โลกปัจจุบันต้องนำมาซึ่งสวรรค์ลงทัณฑ์แน่นอน แต่อยู่ในแดนแห่งการสืบค้นจะต่างกัน” หลี่ชิเย่ยิ้มและกล่าวว่า “มาคราวนี้พวกเขาทุ่มเต็มที่ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามก็จะต้องส่งตัวจินเก๋อขึ้นไปให้ได้ ให้เขาได้เป็นจอมราชันให้จงได้!”
“จอมราชันหลายองค์ของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังมาคุ้มกันให้กับเขา ด้วยกำลังความสามารถของจินเก๋อคิดจะไม่เป็นจอมราชันก็คงยาก” ซึหุนหลินก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ดูท่าคราวนี้เขาต้องสำเร็จเป็นจอมราชันได้แน่ ส่วนจะได้สืบทอดชะตาฟ้ากี่สายนั้นขึ้นอยู่กับความสามารถของเขาแล้ว”
จอมราชันของสิบสามทวีปมีโอกาสสืบทอดชะตาฟ้าอยู่สามครั้ง แต่ละครั้งสามารถสืบทอดชะตาฟ้าได้อย่างมากสี่สาย ส่วนจะสามารถสืบทอดชะตาฟ้าต่อครั้งได้กี่สายนั้น ขึ้นอยู่กับกำลังความสามารถของแต่ละบุคคล
เมื่อพวกของธิดาราชันฉีหลินได้ฟังคำเช่นนี้แล้ว ต่างรู้สึกว่าคราวนี้แม้จินเก๋อไม่อยากเป็นจอมราชันก็คงยากเสียแล้ว
จินเก๋อเคยมีโอกาสได้เป็นจอมราชันนานมาแล้ว เสียดายคราวก่อนถูกลอบโจมตี จึงพลาดโอกาสการเป็นจอมราชันไป มาคราวนี้ ไม่ว่าจะเป็นตัวของจินเก๋อเอง หรือว่าตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวัง ล้วนแล้วแต่ให้ความสำคัญและระมัดระวังอย่างยิ่ง กล่าวสำหรับพวกเขาแล้วคราวนี้จะต้องทำสำเร็จให้จงได้ล้มเหลวไม่ได้อย่างเด็ดขาด ถ้าหากล้มเหลวถึงสองครั้ง จะไม่มีโอกาสได้สืบทอดชะตาฟ้าเป็นครั้งที่สามอีกแล้ว
ด้วยเหตุนี้เอง คราวนี้ตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังได้ใช้ความพยายามอย่างสูง จึงทำให้จอมราชันที่ยังคงเหลืออยู่ของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังยอมออกมาคุ้มครองให้กับจินเก๋อ
แม้ว่าจินเก๋อจะเป็นลูกหลานของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวัง แต่การที่จะให้จอมราชันสักองค์ออกมาคุ้มครองลูกหลานของตนเองนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก จอมราชันทั่วไปจะไม่ยอมออกมาลงมือเพื่อลูกหลานของตัวเองโดยง่ายดาย การที่บรรดาจอมราชันที่ยังคงเหลืออยู่ของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังยอมลงมือทั้งหมด ย่อมประเมินได้ว่าจินเก๋อและตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังได้ทุ่มเทสรรพกำลังไปเท่าไรจึงทำให้จอมราชันยอมลงมือได้
…………………………………………………………