การที่กู่ฉวี่หังแถลงข่าวด้วยตัวเอง พลันทำให้นักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้าจำนวนมากรู้สึกตื่นเต้นดีใจกับเรื่องนี้ กู่ฉวี่หังนั้นนับเป็นอาจารย์ที่เป็นระดับอัจฉริยะบุคคล เคยบรรลุสุดยอดสัจธรรมสูงสุด อีกทั้งเวลานี้คือระดับจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์เจ็ดดวงแล้ว
เวลานี้กู่ฉวี่หังกล้าบรรยายวิชาที่ลานธรรม สิ่งที่จะถ่ายทอดย่อมประกันได้ว่าเป็นแก่นอย่างแน่นอน มิฉะนั้นหละก็ หากเพียงแค่นำเอาพื้นๆ มาบรรยาย มิเท่ากับเป็นการอับอายขายหน้าผู้คนรึ?
“ไม่ทราบว่ามีผู้ร่วมงานท่านใดยินดีร่วมสนทนาธรรมกับฉวี่หังกันบ้างหละ? ทุกคนมาร่วมคึกครื้นด้วยกันก็ดี” กู่ฉวี่หังไม่เพียงต้องการบรรยายที่ลานธรรมเท่านั้น ยังออกปากเชื้อเชิญอีกด้วย
เมื่อกู่ฉวี่หังส่งคำเชิญออกมาทุกต่างรู้สึกว่ามันแตกต่างกันแล้ว ถ้าหากให้อาจารย์สองคนร่วมบรรยายด้วยกัน นั่นเป็นการบ่งบอกว่าตั้งใจจะให้มีการชี้ผลแพ้ชนะกันแล้ว
แน่นอน เรื่องนี้หาใช่เป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ จะอย่างไรเสีย กล่าวสำหรับสถาบันศึกษาเทพเจ้าแล้วมันก็เป็นเรื่องดี หากระหว่างอาจารย์จะมีการแข่งขันกัน เมื่อมีการแข่งขันกันก็จะมีการแลกเปลี่ยนกันและกัน เมื่อมีการแลกเปลี่ยนกันก็จะมีความก้าวหน้า
สำหรับการเชื้อเชิญในลักษณะเช่นนี้ของกู่ฉวี่หังไม่มีใครตอบรับตรงๆ จะอย่างไรเสียการบรรยายที่ลานธรรมเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มาก ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าไปบรรยายวิชาอย่างกะทันหัน หากไม่ระวังจะทำให้ชื่อเสียงของตนต้องเสียไป
“สหายชิเย่สนใจหรือไม่?” หลังจากที่กู่ฉวี่หังออกปากเชื้อเชิญไปแล้ว ก็ออกปากเชิญหลี่ชิเย่แห่งเรือนตำราด้วยท่าทีหนักแน่นจริงจัง อีกทั้งเป็นการเชื้อเชิญต่อหลี่ชิเย่เพียงคนเดียว
การที่กู่ฉวี่หังออกปากเชื้อเชิญหลี่ชิเย่ขึ้นมากะทันหัน พลันทำให้บรรดานักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้าตะลึงนิดหนึ่ง เนื่องจากทุกคนล้วนแล้วแต่คาดไม่ถึงว่ากู่ฉวี่หังจะออกปากเชิญหลี่ชิเย่ขึ้นมากะทันหัน
ฐานะของกู่ฉวี่หังในสถาบันศึกษาเทพเจ้านั้นไม่ต้องพูดถึง เขามีชื่อเสียงดังไปทั่วตั้งแต่ยังคงเป็นนักศึกษาอยู่ เมื่อเขาได้กลายเป็นอาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้าแล้ว ทุกคนต่างมองว่าเขาจะกลายเป็นอาจารย์ที่โดดเด่นมากที่สุด ขอเพียงเขายินดีเป็นอาจารย์สอนอยู่ในสถาบันศึกษาเทพเจ้าเรื่อยๆ คงมีสักวันต้องแซงล้ำหน้าผู้เฒ่าม่อได้แน่
สมควรทราบว่า ผู้เฒ่าม่อคืออาจารย์ที่มีอาวุโสมากที่สุดของสถาบันศึกษาเทพเจ้า อย่าว่าแต่ผู้อำนวยการสถาบันคนปัจจุบันเลย แม้แต่ผู้อำนวยการคนก่อนก็ให้ความเคารพนับถือผู้เฒ่าม่อเป็นอันมาก สิ่งนี้หาใช่เป็นเพราะว่าผู้เฒ่าม่อนั้นมีความแข็งแกร่งเพียงใด แต่เป็นเพราะเขามีวิธีการถ่ายทอดธรรมไขข้อปริศนาที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนคนอื่น เคยมีระดับจอมเทพจำนวนไม่น้อยและเซียนหวังส่วนหนึ่งล้วนแล้วแต่เป็นศิษย์ของเขาทั้งสิ้น
ต่อให้บางคนได้กลายเป็นระดับจอมเทพ เป็นระดับเซียนหวังไปแล้ว ก็ยังเคยหวนกลับมาฟังการบรรยายของผู้เฒ่าม่อ
ต่อให้คุณสมบัติของกู่ฉวี่หังในสถาบันศึกษาเทพเจ้าเทียบไม่ได้กับอาจารย์รุ่นอาวุโส แต่ว่าในส่วนของกลุ่มคนรุ่นใหม่นั้นนับว่ามีความโดดเด่นมากแล้ว อาจารย์ที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ยากที่จะเทียบเคียงกับเขาได้
สำหรับหลี่ชิเย่นั้น กล่าวได้ว่าในด้านการบรรยายธรรมไขข้อปริศนานั้นยังไม่มีอะไรผลงานอะไรในเวลานี้ ทุกคนต่างรู้จักเขาว่าเป็นอาจารย์จอมโหด ทุกคนรุ้เพียงว่าเขาทำร้ายคนได้โหดมา ไม่เหมือนดั่งกู่ฉวี่หังที่เคยสอนอยู่ชั้นเรียนศตาคารมาหลายปี ได้รับการชื่นชมและได้รับการต้อนรับจากนักศึกษาเป็นจำนวนมาก
นักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้าที่มีสติปัญญาส่วนหนึ่งก็ได้กลิ่นที่แตกต่างในทันที โดยเฉพาะเหล่านักศึกษาที่เป็นระดับอัจฉริยะบุคคล พวกเขาเข้าใจได้ในทันที พวกเขารู้ว่านายน้อยทะยานฟ้าเป็นนักศึกษาของกู่ฉวี่หัง พวกเขามีฐานะเป็นอาจารย์กับนักศึกษา แต่ไม่เหมือนความสัมพันธ์ระหว่างนักศึกษากับอาจารย์ในสถาบันศึกษาเทพเจ้า ความสัมพันธ์พวกเขาดูเหมือนเป็นศิษย์กับอาจารย์มากกว่า
เวลานี้กู่ฉวี่หังพลันก้าวออกมาเชื้อเชิญให้หลี่ชิเย่ร่วมบรรยายวิชาที่ลานธรรม ทำให้บรรดานักศึกษาระดับอัจฉริยะบุคคลเหล่านี้เข้าใจได้ในทันทีว่า นายน้อยทะยานฟ้าได้ผู้สนับสนุนแล้ว เป็นการเคลื่อนไหวต้องการท้าสู้กับหลี่ชิเย่
“ถ่ายทอดวิชารึ?” สำหรับกู่ฉวี่หังที่มาแบบเปิดเผยบริสุทธิ์ยึดมั่นในคุณธรรม และกระทำการอย่างเอิกเกริกเช่นนี้ หลี่ชิเย่ก็ไม่ปฏิเสธตอบรับการเชิญของกู่ฉวี่หังในทันที ยิ้มกล่าวว่า “ในเมื่อมีอารมณ์สุนทรีเช่นนี้ก็สนทนาธรรมกันสักหน่อย ไขปริศนาให้กับนักศึกษาบ้างก็ดี”
“เสือปะทะสิงห์นะเนี่ย” นักศึกษาที่มีสติปัญญาเมื่อได้ยินการตอบรับของหลี่ชิเย่แล้ว สามารถได้กลิ่นที่แตกต่างได้ทันที ถึงกับพึมพำออกมา
“ขอบคุณพี่ชิเย่ที่ให้เกียรติ พวกเราพบกันที่ลานธรรมในอีกห้าวันข้างหน้า” กู่ฉวี่หังที่มีบุคลิกลักษณะอันมีเสน่ห์สูงสุด ยิ้มกล่าวว่า “น้องมีความรู้ตื้นเขิน ถึงเวลาจะมอบ ’การแผ่ขยายของหลักกฎเกณฑ์’ หนึ่งบทเป็นหัวข้อบรรยาย”
“ตกลง พบกันหลังจากนี้ห้าวัน” หลี่ชิเย่ก็ตอบรับทันที และกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะบรรยายเกี่ยวกับจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรสักบทหนึ่ง”
“ดีมาก น้องจะรอฟังกฎที่มีการบัญญัติไว้อย่างชัดเจนรัดกุมของพี่ขิเย่!” บุคลิกอันมีเสน่ห์ของกู่ฉวี่หังทำให้นักศึกษาจำนวนมากให้ความนับถือ
เมื่อหลี่ชิเย่ และกู่ฉวี่หังสองฝ่ายได้นัดหมายอีกห้าวันให้หลังพบกันที่ลานธรรมเพื่อถ่ายทอดวิชา พลันก่อเกิดเป็นเสมือนหนึ่งพายุฝนฟ้าคะนองขึ้นภายในสถาบันศึกษาเทพเจ้า สร้างความสนใจให้กับผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วน บรรดานักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้าต่างบอกเล่ากันปากต่อปาก
กู่ฉวี่หังและหลี่ชิเย่กำลังจะจัดให้มีการถ่ายทอดความรู้ที่ลานธรรม ได้ปลุกความสนใจให้กับนักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้า นักศึกษาจำนวนนับไม่ถ้วนต่างตั้งตาคอย
“อาจารย์ฉวี่หังกำลังจะบรรยาย’การแผ่ขยายของหลักกฎเกณฑ์’ เจ้าจะไปฟังหรือไม่?” นี่คือสิ่งที่นักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้าต่างทยอยกันพูดคุยสนทนากันถึงการถ่ายทอดความรู้ในครั้งนี้.Aileen-novel
“ไปสิ ทำไม่ไม่ไปหละ การบรรยายวิชาความรู้ในลานธรรมเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง การบรรยายครั้งก่อนรู้สึกจะเป็นหนึ่งปีที่แล้ว ยังเป็นการบรรยายของอาจารย์โจว การบรรยายของอาจารย์ฉวี่หังในครั้งนี้ข้าต้องไปแน่นอน ครั้งนี้จะต้องเป็นการบรรยายที่เปี่ยมด้วยความรู้สึกหรือความเห็นส่วนตัวอย่างเต็มที่ รับรองว่าต้องได้รับดอกผลไม่ธรรมดาแน่นอน” มีนักศึกษากล่าวด้วยความรู้สึกที่ดีใจยิ่ง
ความจริงแล้ว นักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้าที่ได้ยินว่ากู่ฉวี่หังจะจะบรรยาย’การแผ่ขยายของหลักกฎเกณฑ์’ ที่ลานธรรมแล้ว ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาของศตาคาร หรือหอศักดิ์สิทธิ์ กระทั่งจวงนราชัน ส่วนใหญ่แล้วต่างทยอยกันแสดงท่าทีว่าจะไปฟังการบรรยายของกู่ฉวี่หัง
ความนิยมชมชอบในตัวกู่ฉวี่หังในสถาบันศึกษาเทพเจ้านั้นยากจะหาผู้ใดเทียม โดยเฉพาะในบรรดาอาจารย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ มีเพียงอวี่เชียนเสวียนที่พอจะฝืนเทียบเคียงกับเขาได้บ้าง
เวลานี้กู่ฉวี่หังยินดีถ่ายทอดวิชาความรู้ที่ลานธรรม สิ่งนี้กล่าวสำหรับนักศึกษาแล้วเป็นโอกาสที่หาได้ยาก บรรดานักศึกษาเหล่านี้จะยอมพลาดโอกาสที่หาได้ยากยิ่งเช่นนี้อย่างไรเล่า
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว กู่ฉวี่หังจะบรรยายเรื่อง’การแผ่ขยายของหลักกฎเกณฑ์’ ขณะที่หลี่ชิเย่จะบรรยาย ‘จิตแห่งการบำเพ็ญเพียร’ ซึ่งปฏิกิริยาในเรื่องนี้ของนักศึกษาสถาบันศึกษาเทพเจ้าคือเรียบเฉย
แน่นอน สิ่งนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับความนิยมชมชอบในตัวของหลี่ชิเย่ ความนิยมชมชอบในตัวของหลี่ชิเย่ในสถาบันศึกษาเทพเจ้าห่างชั้นกับกู่ฉวี่หังยิ่งนัก ความนิยมชมชอบในตัวของกู่ฉวี่หังล้นทะลักตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน ชื่อเสียงของเขาโด่งดังไปทั่วหล้า ในขณะนี้ ไม่รู้ว่ามีนักศึกษาจำนวนเท่าไรที่เลื่อมใสศรัทธาในตัวของกู่ฉวี่หังที่เป็นอาจารย์ระดับอัจฉริยะ
ขณะที่หลี่ชิเย่เป็นอาจารย์ที่ไร้ชื่อไร้เสียงเพิ่งมาได้ไม่นาน ความนิยมชมชอบของเขาจะไปแปรียบกับกู่ฉวี่หังได้อย่างไรกันเล่า ทุกคนรู้จักหลี่ชิเย่เป็นเพราะชื่อเสียงความเป็นอาจารย์จอมโหดที่โด่งดัง
เมื่อได้ยินว่าหลี่ชิเย่ลงมือโหดร้ายเช่นนี้ อยู่ๆ ก็ลงมือทำร้ายนักศึกษา ยิ่งทำให้นักศึกษาจำนวนมากต้องถอยออกห่าง
นอกจากเรื่องความนิยมชมชอบในตัวของหลี่ชิเย่ที่เทียบไม่ได้กับกู่ฉวี่หังแล้ว ขณะเดียวกันหัวข้อการบรรยายของหลี่ชิเย่ทำให้นักศึกษาจำนวนมากรู้สึกไม่น่าสนใจ กล่าวสำหรับนักศึกษาจำนวนมากแล้ว ทำอย่างไรถึงจะฝึกปรือได้อย่างรวดเร็วยิ่งกว่าเดิม มีวิธีอย่างไรในการเพิ่มการฝึกให้เร็วขึ้น มีความลึกซึ้งพิสดารอย่างไรไปสำแดงอานุภาพของสัจธรรมได้มากกว่า นั่นแหละจึงเป็นสิ่งที่นักศึกษาจำนวนมากกระหายอยากได้สิ่งนี้มา
สำหรับเรื่องของจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรนั้น กล่าวสำหรับนักศึกษาจำนวนมากมองว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เลื่อนลอยจับต้องไม่ได้ กระทั่งมีนักศึกษาบางคนคิดว่าจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรมีหรือไม่มีก็ได้
ดังนั้น เมื่อได้ยินหัวข้อการบรรยายของหลี่ชิเย่แล้ว นักศึกษาจำนวนไม่น้อยจึงขาดความสนใจ
“ประโยชน์ของจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรคงมีไม่มากกระมัง” นักศึกษาจำนวนมากต่างขาดความสนใจในหัวข้อบรรยายของหลี่ชิเย่ และกล่าวว่า “หัวข้อเช่นนนี้ฟังหรือไม่ฟังก็ไม่มีความหมายแล้วหละ”..ไอลีนโนเวล
นอกเหนือจากนักศึกษาจำนวนหนึ่งที่ขาดความสนใจในหัวข้อบรรยายแล้ว มีเพียงนักศึกษาส่วนหนึ่งที่มีท่าทีเฝ้าดูหัวข้อบรรยายของหลี่ชิเย่
ในห้าวันนี้ บรรดานักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้าต่างตั้งตาคอย รอคอยให้ห้าวันนี้ผ่านพ้นไปเร็วๆ ทุกคนต่างเฝ้าคอยการบรรยายของกู่ฉวี่หัง
ตูม…เสียงดังสนั่น ขณะที่ทุกคนกำลังเฝ้ารอคอยการบรรยายของกู่ฉวี่หังอยู่ ทันใดนั้น ปรากฏเสียงดังสนั่นขึ้นที่สถาบันศึกษาเทพเจ้า ฟ้าดินสั่นไหวโคลงแคลงไปมา
ตามติดด้วยเสียงตูม ตูม ตูมดังขึ้นมาเป็นระรอกไม่ขาดสาย สัจธรรมดังตูมตาม ทันใดนั้นเองพลังฟ้าดินจากทุกสารทิศรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว แก่นของเหล่าสัจธรรมในโลกเพิ่มขึ้นในทันที พลังที่น่ากลัวและปราศจากผู้เทียบเทียมได้รวมตัวกันขึ้นเหนือท้องฟ้าของสถาบันศึกษาเทพเจ้าอย่างบ้าคลั่ง
พลังที่ไม่มีสิ้นสุดได้รวมตัวเข้ามา ความเร็วเช่นนี้เกิดขึ้นรวดเร็วเหลือเกิน เสมือนดั่งพายุฝนฟ้าคะนองอย่างนั้น อีกทั้งพลังเช่นนี้ไม่ได้มีนิมิตใดๆ มาก่อน บทจะเกิดก็เกิดขึ้นเลย
ตูม…เสียงดังสนั่น ขณะที่นักศึกษาทั้งหมดของสถาบันศึกษาเทพเจ้ายังไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทันใดนั้นฟ้าดินดังตูมตาม หมื่นสัจธรรมส่งเสียงประสาน หลักกฎเกณฑ์สัจธรรมจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง ทั่วทั้งบริเวณของสถาบันศึกษาเทพเจ้าคล้ายดั่งน้ำตกจำนวนนับไม่ถ้วนที่ไหลย้อนขึ้นไปอย่างนั้น หลักกฎเกณฑ์ทั้งหมดล้วนแล้วแต่พุ่งขี้นสู่ท้องฟ้าดูอลังการยิ่งนัก สร้างความสะเทือนหวั่นไหวแก่จิตใจของผู้คนอย่างยิ่ง
ในพริบตาเดียวนี้เอง บนท้องฟ้าพลันปรากฏชะตาฟ้าห้าสิบแปดสายขึ้นมากะทันหัน เพียงชั่วพริบตาเดียว พลังขมุกขมัวที่ไม่มีสิ้นสุดได้ปกคลุมไปทั่วสถาบันศึกษาเทพเจ้า ทำให้สถาบันศึกษาเทพเจ้ากลับกลายเป็นทะเลขมุกขมัวที่กว้างใหญ่ไพศาลไร้ขอบเขต
ขณะที่ชะตาฟ้าทั้งห้าสิบแปดสายลอยล่องอยู่ท่ามกลางทะเลขมุกขมัวแวบวับ เสมือนดั่งเป็นมังกรแท้จริงแต่ละตัวที่ว่ายอยู่ท่ามกลางทะเลที่กว้างใหญ่ไพศาล
ชะตาฟ้าทั้งห้าสิบแปดสายนี้มาได้รวดเร็วมาก ทำให้ทุกคนตั้งตัวไม่ทัน พลันมองดูด้วยความงุนงง
พลังที่เกิดจากการรวมตัวกันอย่างฉับพลันของชะตาฟ้าห้าสิบแปดสายนี้ช่างน่ากลัวเพียงใด และสุดยอดปราศจากผู้เทียบเทียมเช่นใด ยามที่พลังเช่นนี้ปรากฏ อย่าว่าแต่นักศึกษาที่ตกใจจนต้องคลานอยู่กับพื้น แม้แต่อาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้าที่ต้องเผชิญกับพลังเช่นนี้ก็รู้สึกหายใจไม่สะดวก
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” ในเวลานี้ นักศึกษาทั้งหมดที่อยู่ในสถาบันศึกษาเทพเจ้าต่างตกใจจนเซ่อ ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่รู้ว่าได้เกิดเรื่องอะไรขึ้น
ยังคงเป็นอาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้าที่มีประสบการณ์มาก จึงมีอาจารย์จำนวนไม่น้อยที่ได้สติกลับมาแล้วถึงกับหวั่นไหวในใจ พึมพำออกมาว่า “เซียนหวังใหม่กำลังถือกำเนิดขึ้นแล้ว”
ไม่เพียงแต่อาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้าที่ถูกทำให้ตระหนกตกใจ ความจริงแล้วแม้แต่จอมราชันเซียนหวังของสิบสามทวีปก็ตระหนกตกใจเช่นกัน ระดับปราศจากผู้ต่อกรจำนวนเท่าไรของสิบสามทวีปถึงกับรู้สึกเย็นวาบในใจเมื่อต้องตกใจกับเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้
ทุกคนย่อมรู้ดีว่า นับตั้งแต่ชะตาฟ้ารวมตัวกันกระทั่งมีการสืบทอดชะตาฟ้าต้องเป็นขั้นเป็นตอน ซึ่งขั้นตอนดังกล่าวโดยปรกติแล้วจะค่อนข้างยาว อย่างต่ำก็ต้องมีสิบกว่าวันถึงหลายสิบวัน กระทั่งหนึ่งถึงสองปีก็เป็นไปได้
เวลานี้ พลังแก่นฟ้าดินพลันรวมตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน และชะตาฟ้าปรากฏขึ้นฉับพลันทันที ทั้งหมดนี้มาได้รวดเร็วมาก เหมือนดั่งพายุฝนฟ้าคะนองอย่างนั้น ไม่มีลางบอกเหตุใดๆ แล้วจะไม่ให้ทุกคนต้องตระหนกตกใจได้อย่างใดกัน
ในเวลานี้สายตาแต่ละคู่จับจ้องมาจากแดนแห่งการสืบค้น มีผู้ที่บ่นพึมพำออกมาว่า “นี่เป็นเหตุการณ์ประหลาดนะเนี่ย หรือว่าจะมีผู้มีความสามารถพิเศษถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว?” บรรดาจอมราชันเซียนหวังจากทวีปอื่นๆ ต่างทยอยกันมองมาที่ทวีปเจียวเหิงโจว
“หรือว่าจะเป็นลางบอกเหตุว่าจะมีจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายเกิดขึ้นอย่างนั้นรึ?” มีเซียนหวังที่มองดูชะตาฟ้าจำนวนห้าสิบแปดสายเหนือท้องฟ้าของสถาบันศึกษาเทพเจ้า ถึงกับหวั่นไหวในใจ
ในหนึ่งยุคสมัย ฟ้าดินสามารถรวบรวมชะตาฟ้าได้เจ็ดสิบสองสาย สำหรับยุคนี้ ก่อนหน้านี้ราชันสวรรค์เต้าหลงเป็นผู้สืบทอดชะตาฟ้าได้ก่อนหกสาย ติดตามมาด้วยจินเก๋อที่สืบทอดชะตาฟ้าได้สี่สาย ต่อมาเหรินเซิ่นก็สืบทอดชะตาฟ้าได้สี่สายเช่นกัน เวลานี้ชะตาฟ้าสำหรับยุคนี้ยังคงเหลืออยู่ห้าสิบแปดสาย
จอมราชันเซียนหวังจำนวนไม่น้อยต่างรู้สึกหวั่นไหวในใจเมื่อมองเห็นการรวมตัวกันอย่างฉับพลันของชะตาฟ้าห้าสิบแปดสาย มันเป็นลางบอกเหตุที่ไม่ธรรมดา ทุกคนล้วนแล้วแต่เข้าใจได้ว่า จะมีผู้ที่ผงาดขึ้นมาเร็วๆ นื้
เซียนหวังจะถือกำเนิดขึ้นแล้ว…หลังจากผ่านไปชั่วครู่ บรรดานักศึกษาที่เป็นอัจฉริยะบุคคลของสถาบันศึกษาเทพเจ้าก็ทยอยกันได้สติกลับมา ถึงกับหวั่นไหวในใจและพึมพำออกมา
ตูม..เสียงดังสนั่น นาทีนี้เอง ปรากฏร่างเงาร่างหนึ่งจากสถาบันศึกษาเทพเจ้าที่พุ่งตัวขึ้นไปบนท้องฟ้า ด้วยท่าทีที่มีบารมียิ่งใหญ่คับฟ้า
ขณะที่ร่างเงาสายนี้พุ่งตัวขึ้นไปด้วยท่าทีเหนือฟ้า เยาะเย้ยหมื่นชาติขณะเหลือบตามอง กลิ่นอายที่โบราณเรียบง่ายของเขาพลันตลบอบอวลระหว่างฟ้าดิน ตัวเขาคล้ายดั่งเป็นราชาโบราณที่ก้าวออกมาจากยุคสมัยดึกดำบรรพ์ สามารถควบคุมจักรวาลได้!