นายน้อยทะยานฟ้าบรรยายอย่างช้าๆ เหตุผลชัดเจนลื่นไหลโดยไม่ติดขัด สิ่งที่พูดออกมาล้วนแล้วแต่พอเหมาะพอเจาะทั้งสิ้น นายน้อยทะยานฟ้าใช่ว่าเพิ่งจะได้บรรยายเป็นครั้งแรก กล่าวได้ว่าก่อนหน้านั้นเขาเคยบรรยายแทนกู่ฉวี่หังมาก่อน ได้สั่งสมประสบการณ์อย่างเพียงพอ ดังนั้น แม้ว่าจะต้องบรรยายต่อหน้านักศึกษาจำนวนมาก แม้ว่าจะต้องยืนบรรยายในลานธรรม เขายังคงสงบนิ่งรับมือได้อย่างไม่สะทกสะท้าน
จากข้อนี้ ไม่อาจไม่ยอมรับว่าศักยภาพของนายน้อยทะยานฟ้าสูงมาก มีประสบการณ์สูง หากทักษะของเข้าก้าวขึ้นอีกระดับหนึ่ง ยังคงมีโอกาสรั้งอยู่ที่สถาบันศึกษาเทพเจ้าเป็นอาจารย์ได้
“เรื่องการแผ่ขยายของหลักกฎเกณฑ์ที่อาจารย์ฉวี่หังจะบรรยาย เป็นการสำแดงอานุภาพของเคล็ดวิชาเป็นหลัก ดังนั้น อาจารย์ฉวี่หังจึงได้สรรสร้างเคล็ดวิชาและวิธีที่จะขุดเอาพลังแฝงออกมา ทำการสำแดงอานุภาพของเคล็ดวิชาใดวิชาหนึ่งจนถึงขีดสูงสุด กระทั่งไร้ขีดจำกัด…” เวลานี้ เมื่อนายน้อยทะยานฟ้าพูดถึงช่วงที่ยอดเยี่ยมแล้ว เสมือนหนึ่งเป็นวาจาที่ไพเราะน่าฟัง มีสีสันงดงาม เป็นสัจธรรมที่ยอดเยี่ยมสุดบรรยาย
แว้งค์ แว้งค์ แว้งค์…จากการที่นายน้อยทะยานฟ้าบรรยายนั้น กฎเกณฑ์สัจธรรมในลานธรรมเริ่มมีการเคลื่อนไหว มองเห็นกฎเกณฑ์แต่ละสายใต้พื้นดินที่ยืดตัวออกมา เสมือนหนึ่งสายน้ำที่กำลังไหลริน เมื่อบรรยายถึงตอนที่ยอดเยี่ยม กฎเกณฑ์สัจธรรมยิ่งดูเหมือนเป็นภูติที่กระโดดโลดเต้น แลดูงดงามยิ่งนัก เหมือนเป็นเทพธิดาที่กำลังร่ายรำอย่างนั้น
ขณะเดียวกันลวดลายเต๋าที่อยู่บนผนังสัจธรรมก็เริ่มมีการเคลื่อนไหว ลวดลายเต๋าเสมือนดั่งเป็นเกลียวคลื่นที่ซัดเข้าหาเป็นระลอก เหมือนทะเลสัจธรรมที่ปรากฏคลื่นขึ้นมา ทอดสายตามองออกไป ดูเหมือนต้องการถักทอกลายเป็นบทคัมภีร์สูงสุดบทหนึ่ง
แรกเริ่มเดิมที บรรดานักศึกษาที่เข้าฟังคำบรรยาย มีจำนวนไม่น้อยที่เห็นแก่หน้าของพวกนายน้อยทะยานฟ้า เทพบุตรซือจง ยุวกษัตริย์หกกระบี่ จุดประสงค์หลักต้องการไปประจบประแจง
แต่ว่า นายน้อยทะยานฟ้ายิ่งบรรยายยิ่งยอดเยี่ยม บรรดานักศึกษาที่ดูชมอยู่ด้านนอกลานธรรมต่างรับฟังแล้วชมเปาะ ดังนั้น จึงมีนักศึกษาทยอยเดินทางเข้าไปในลานธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อฟังการบรรยายภายในลานธรรม
แว้งค์…แว้งค์…แว้งค์…เสียงดังตูมตามดังขึ้นมาเป็นระลอก จากการที่นักศึกษาซึ่งนั่งฟังอยู่ภายในลานธรรมแล้วจนเกิดความรู้สึกเคลิบเคลิ้มยิ่งขึ้น สัจธรรมของตัวพวกเขาเองก็เริ่มสอดประสานกับลานธรรมขึ้นมา ข้างกายของพวกเขาปรากฏกฎเกณฑ์แต่ละสายขึ้นมา กฎเกณฑ์ของพวกเขาเคลื่อนที่ถักทอเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นสัจธรรมของตนเอง สัจธรรมของพวกเขายืดและขยายเป็นระยะๆ จากการยืดและขยายเป็นระยะๆ ของสัจธรรม ทำให้พลังสัจธรรมพวยพุ่งออกมาเหมือนดั่งน้ำพุ แล้วไหลเข้าไปในร่างกายของนักศึกษาอย่างไม่ขาดสาย ทำให้นักศึกษาจำนวนมากที่อยู่ภายในลานธรรมรู้สึกสบายไปทั่วทั้งตัว
การมานั่งฟังคำบรรยายในลานธรรมแห่งนี้ หากสิ่งที่บรรลุยิ่งมากเท่าไร ดอกผลที่เก็บเกี่ยวได้ก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ขณะเดียวกันก็สามารถทะลุทะลวงสัจธรรมที่อุดตันได้ง่ายยิ่งขึ้น
บรรดานักศึกษาที่นั่งฟังคำบรรยายอยู่ภายในลานธรรมทยอยกันทำให้สัจธรรมสอดประสานกับตน การสอดประสานจะอ่อนด้อยหรือแข็งแกร่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน และดอกผลที่เก็บเกี่ยวได้ก็ต่างกัน
สำหรับนักศึกษาที่ฟังการบรรยายอยู่ด้านนอกลานธรรมก็จะไม่เกิดเหตุการณ์สัจธรรมสอดประสานกันเช่นนี้ขึ้นมา จะต้องอยู่ภายในบริเวณลานธรรมเท่านั้นที่จะได้เก็บเกี่ยวดอกผลเช่นนี้ได้ จะอย่างไรเสีย สัจธรรมจะไม่สามารถสอดประสานได้พร่ำเพื่อ มันจำเป็นต้องอาศัยเวลาและสถานที่ที่เหมาะสม
จากการที่นายน้อยทะยานฟ้ายิ่งบรรยายยิ่งยอดเยี่ยม จึงมีนักศึกษาที่เข้าร่วมฟังคำบรรยายมากยิ่งขึ้น นักศึกษาจากศตาคารได้เข้าร่วมเป็นส่วนใหญ่ นักศึกษาจากหอศักดิ์สิทธิ์ก็เข้าร่วมเป็นส่วนใหญ่เช่นกัน ขณะที่จวนราชันก็มีนักศึกษาที่เข้าร่วมอยู่ไม่น้อย
นักศึกษาส่วนหนึ่งที่ไม่ได้เข้าร่วม ไม่ก็มีความแค้นกับนายน้อยทะยานฟ้า ไม่ก็ตัวของเขาเองมีพรสวรรค์ที่สูงมาก และมีศักยภาพที่แข็งแกร่งมากอยู่แล้ว
แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม เมื่อนายน้อยทะยานฟ้าบรรยายถึงช่วงท้ายๆ แล้ว นักศึกษากว่าครึ่งของสถาบันศึกษาเทพเจ้าก็ได้เข้าไปในลานธรรมเพื่อรับฟังคำบรรยายของนายน้อยทะยานฟ้าแล้ว
“ความยอดเยี่ยมของสัจธรรมมีคำอรรถาธิบายร้อยแปดพันเก้า อาจารย์ฉวี่หังเป็นผู้ชี้เส้นทางให้กับทุกคน ท่ามกลางทะเลสัจธรรมที่กว้างใหญ่ไพศาลสุดลูกหูลูกตา…” นายน้อยทะยานฟ้าพูดเจื้อยแจ้ว และได้สรุปเค้าโครงโดยย่อของกู่ฉวี่หังจบสิ้น
“บรรยายได้ดีเหลือเกิน” เมื่อนายน้อยทะยานฟ้าบรรยายจบสิ้นแล้ว ภายในลานธรรมปรากฏเสียงดังกึกก้องขึ้นมาเป็นระลอก เทพบุตรซือจงกับยุวกษัตริย์หกกระบี่ปรบมือขึ้นก่อนใครอื่น ลุกขึ้นกล่าวชื่นชมออกมา
แม้ว่าเทพบุตรซือจงกับยุวกษัตริย์หกกระบี่ทั้งสองคนมีเป้าหมายประจบประแจงนายน้อยทะยานฟ้าก็ตาม แต่ว่าบรรดานักศึกษาที่อยู่ในลานธรรมก็ได้ปรบมือขึ้นมา เป็นความจริงที่นายน้อยทะยานฟ้าบรรยายได้ดีมาก หลังจากนี้อีกหลายปี ไม่แน่นักเขาอาจมีสิทธิ์ได้กลายเป็นอาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้าจริงๆ
แว้งค์…ในเวลานี้เอง ผนังสัจธรรมที่อยู่ด้านหลังนายน้อยทะยานฟ้าสว่างไสวขึ้นมา ตามติดด้วยเสียงดังช่าาา ช่าาาขึ้น เสมือนหนึ่งคลื่นยักษ์ที่ม้วนตัวขึ้นมา มองเห็นลายเต๋าบนผนังสัจธรรมกลายเป็นลูกคลื่นไล่หลังตามกันมาลูกแล้วลูกเล่า
สุดท้ายเสียงแว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น ลวดลายเต๋าถักทอเข้าด้วยกัน กลายเป็นดอกสัจธรรมดอกหนึ่ง เมื่อคลื่นบนผนักสัจธรรมสงบลงแล้ว ได้ยินเสียงดังปุ ปุดังขึ้นมาสองครั้ง ดอกสัจธรรมดอกนี้ได้มีกลีบดอกเบ่งบานออกมาสองกลีบ
“ดอกสัจธรรมที่มีกลีบดอกสองกลีบ!” นักศึกษาร้องเสียงดังออกมา เมื่อมองเห็นผนังสัจธรรมได้ฝากดอกสัจธรรมที่มีกลีบดอกสองกลีบเอาไว้
“นายน้อยทะยานฟ้านับว่ายอดเยี่ยมโดยแท้จริง อีกสองปีก็คงรั้งอยู่ที่นี้เป็นอาจารย์ได้แล้ว” เวลานี้เสียงชมเปาะดังขึ้น
“นั่นสิ นายน้อยทะยานฟ้าสามารถเป็นอาจารย์ได้จริงๆ” นักศึกษาจำนวนไม่น้อยกล่าวคล้อยตามขึ้นมา
ในขณะนี้นายน้อยทะยานฟ้าได้ฝากชื่อ ‘หวังเสวียนจี๋’ อักษรสามตัวซึ่งเป็นชื่อของเขาเองเอาไว้ เขาหัวเราะและกล่าวว่า “พูดไปแล้วก็น่าละอายนัก ข้ายังบรรยายได้ไม่ดีนัก ไม่สามารถนำเอาเนื้อหาที่ลึกซึ้งและยอดเยี่ยมของอาจารย์ฉวี่หังมาอรรถาธิบายให้ถึงแก่น”
“เจ้าบรรยายได้ดีมากแล้ว…” ในเวลานี้เสียงที่เปี่ยมด้วยความเฉพาะตัวดังขึ้น และกล่าวว่า “หากเจ้าเข้าสู่การบำเพ็ญเพียรเร็วกว่านี้หลายๆ ปี ไม่แน่นักอาจไล่ตามทันข้าแล้ว”
เวลานี้ เห็นคนผู้หนึ่งเหินฟ้าเข้ามา เวลานี้ท่าทีของเขาดูห้าวหาญทระนง สง่างดงามไม่สะทกสะท้าน เสมือนหนึ่งก้าวเดินออกมาจากภาพวาดอย่างนั้น มีความสูงส่ง และความสง่างามอย่างบอกไม่ถูก ท่วงท่าของเขาแม้ไม่มีท่าทีที่อยู่เหนือผู้คน แต่กลับมีกลิ่นอายของความสูงส่งสายหนึ่ง
ต่อให้เขาไม่มีท่าทีที่สยบผู้คน แต่ว่า ยามที่ผู้คนต้องยืนอยู่ต่อหน้าของเขาแล้ว ต่างลุกขึ้นยืนแสดงความเคารพด้วยความเลื่อมใสศรัทธาในทันที
“อาจารย์ฉวี่หัง…” ในขณะนี้เสียงร้องด้วยความดีใจจำนวนไม่น้อยดังขึ้น บรรดานักศึกษาทั้งหมดที่อยู่ในลานธรรมต่างลุกขึ้นมาให้การต้อนรับ กระทั่งมีนักศึกษาอดที่จะร้องเสียงแหลมดังออกมาไม่ได้
“อาจารย์ฉวี่หังเท่เหลือเกิน เขาไม่เพียงเป็นอัจฉริยะบุคคลอันดับหนึ่งของสถาบันศึกษาเทพเจ้า ยังเป็นสุดหล่ออันดับหนึ่งของสถาบันศึกษาเทพเจ้าพวกเราอีกด้วย” กระทั่งมีนักศึกษาหญิงบางส่วนที่มีท่าทีหลงใหล แทบจะน้ำลายไหลยืดออกมาขณะมองดูท่วงท่าทีมีความสง่างามของกู่ฉวี่หัง
ความจริงแล้ว นักศึกษาหญิงของสถาบันศึกษาเทพเจ้าจำนวนไม่น้อยที่รักใคร่ชื่นชมในตัวของกู่ฉวี่หัง ซึ่งก็หาใช่เป็นความลับแต่อย่างใด จะอย่างไรเสีย เฉกเช่นกู่ฉวี่หังที่เสมือนดั่งมังกรและหงส์ในหมู่คน ไม่ว่าจะก้าวเดินไปยังที่ใดก็เป็นที่ดึงดูดความสนใจของผู้คน กล่าวสำหรับยอดอัจฉริยะบุคคลเช่นเขา ไม่รู้ว่ามีหญิงสาวจำนวนเท่าไรที่หลงไหลในตัวเขาตั้งแต่แรกเห็น
“กู่ฉวี่หัง…” นักศึกษาบางส่วนที่สูงกว่าเขาหลายรุ่นเมื่อเห็นการมาถึงของกู่ฉวี่หังแล้ว ถึงกับทอดถอนใจออกมาเบาๆ ในใจมีความรู้สึกมากมายที่บอกไม่ถูก
โดยปรกติแล้วการเรียนในสถาบันศึกษาเทพเจ้าสามารถสำเร็จการศึกษาและไปจากได้ภายในสามถึงสี่ปี แต่ก็มีนักศึกษาบางส่วนที่ยินดีอยู่ศึกษาต่อ แน่นอน สำหรับนักศึกษาที่ต้องการอยู่ต่อเพื่อศึกษาในขั้นสูงขึ้นไปนั้น ทางสถาบันศึกษาเทพเจ้าก็มีเงื่อนไขในระดับหนึ่งเหมือนกัน
การมาถ่ายทอดวิชาที่ลานธรรมในครั้งนี้ของกู่ฉวี่หังนั้น ได้ทำให้นักศึกษาชั้นสูงขึ้นไปจำนวนมากปรากฎตัวออกมา พวกเขาต่างต้องการการดูว่าการบรรยายของกู่ฉวี่หังนั้นพวกเขาควรจะฟังหรือไม่
ชื่อของเส้าเหนียนหวังกู่ฉวี่หังเป็นที่เลื่องลือในสถาบันศึกษาเทพเจ้าอยู่แล้ว ใครบ้างหละที่ไม่รู้จักชื่อของเขา? ระดับจอมเทพที่มีอายุน้อยที่สุด อัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่ผู้มีโอกาสได้เป็นเทพโบราณมากที่สุด
ในขณะนี้ ด้านนอกลานธรรมมีนักศึกษาจำนวนไม่น้อยที่เคยอยู่รุ่นเดียวกับกู่ฉวี่หังถึงกับทอดถอนใจออกมา นักศึกษาอย่างพวกเขายังคงอยู่เพื่อเรียนต่อชั้นสูงขึ้นไปในสถาบันศึกษาเทพเจ้า ขณะที่กู่ฉวี่หังไม่เพียงกลายเป็นระดับจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์เจ็ดดวงแล้ว ยังกลายเป็นอาจารย์ผู้มีพลังแฝง มีพรสวรรค์มากที่สุดของสถาบันศึกษาเทพเจ้า
เมื่อนำมาเปรียบเทียบกันแล้ว ช่วงห่างระหว่างกันก็ปรากฏขึ้นมา ซึ่งจะโทษบรรดานักศึกษาที่เคยเรียนอยู่รุ่นเดียวกันกับกู่ฉวี่หัง และหรือที่ก่อนหน้าหลายรุ่นต้องทอดถอนใจออกมากับสิ่งนี้ก็ไม่ถูก
ขณะที่กู่ฉวี่หังก้าวเท้าเข้าไปยังลานธรรมนั้น นักศึกษาที่อยู่ด้านนอกลานธรรมได้กรูกันเข้ามาดั่งน้ำขึ้น แม้แต่นักศึกษาจากจวนราชันที่หยิ่งยโสยิ่งซึ่งยืนอยู่ด้านนอกลานธรรมก็ทยอยกันเข้าไปในลานธรรม เข้านั่งประจำที่เพื่อเตรียมตัวฟังคำบรรยายจากกู่ฉวี่หัง
เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น บริเวณลานธรรมเต็มไปด้วยผู้คน กล่าวได้ว่าบรรดานักศึกษาทั้งสามระดับชั้นของสถาบันศึกษาเทพเจ้าก็ได้เข้าไปในลานธรรมกันแล้ว นักศึกษาจากจวนราชัน หอศักดิ์สิทธิ์ ศตาคารที่เป็นสามชั้นเรียนหลักที่ยังไม่เข้าไปลานธรรมเพื่อฟังการบรรยายนับว่ามีจำนวนน้อยมากๆ แล้ว
ไม่เพียงนักศึกษาจากสามชั้นเรียนหลักที่ทยอยกันเข้านั่งประจำที่เพื่อฟังการบรรยายแล้ว แม้แต่นักศึกษาบางส่วนที่อยู่ชั้นเรียนสูงกว่านั้นก็เข้ามาแล้ว สมควรทราบว่าในบรรดานักศึกษาที่อยู่ชั้นสูงขึ้นไปเหล่านี้ บางส่วนเป็นนักศึกษาอัจฉริยะบุคคลที่อยู่ศึกษาต่อในชั้นสูงต่อไป บางส่วนก็เป็นระดับจอมเทพอยู่แล้ว
นักศึกษาขั้นสูงเหล่านี้ไม่มีอารมณ์จะฟังขณะนายน้อยทะยานฟ้าบรรยาย จะอย่างไรเสียงยังไปไม่ถึงมาตรฐานที่พวกเขาต้องการ
แต่ว่า เมื่อกู่ฉวี่หังมาถึงแล้ว บรรดานักศึกษาที่รั้งอยู่ศึกษาในขั้นสูงต่อไปจำนวนไม่น้อยได้ทยอยกันเข้านั่งประจำที่ เนื่องจากพวกเขาได้ฟังเค้าโครงจากนายน้อยทะยานฟ้ามาแล้ว พวกเขาต่างรู้สึกว่าหัวข้อการบรรยายของกู่ฉวี่หังสมควรที่พวกเขาจะเข้าฟัง
เทพบุตรซือจงที่มองเห็นหัวคนที่เคลื่อนไปมาด้วยความแออัด ถึงกับกล่าวทอดถอนใจออกมาว่า “เสน่ห์ของอาจารย์ฉวี่หังไม่มีสิ้นสุดเลยนะ จำนวนผู้มาฟังการบรรยายในครั้งนี้ เกรงว่าคงไม่ด้อยไปกว่าการสอนของอาจารย์อาวุโสของสถาบันศึกษาเทพเจ้ากระมัง”
“การบรรลุในสัจธรรมของอาจารย์ได้ล้ำหน้าบรรดาระดับจอมเทพไปแล้ว อาจารย์แม้จะอายุน้อยไปนิดหนึ่ง แต่หากเขาตกผลึกอีกหลายปี เกรงว่าเขาสามารถไล่ตามทันอาจารย์อาวุโสของสถาบันศึกษาเทพเจ้า กระทั่งแซงล้ำหน้า อนาคตอาจารย์ต้องได้เป็นระดับเทพโบราณ ความสำเร็จขอบเขาหาใช่ผู้ที่มีประวัติความเป็นมาไม่ชัดเจนสามารถเทียบเคียงได้” นายน้อยทะยานฟ้ากล่าวขึ้นมาช้าๆ
“ฮึ นั่นสิ การขึ้นแท่นบรรยายของอาจารย์คราวนี้จะต้องสุดยอดและน่าตื่นเต้นแน่ ต้องสามารถสยบคนแซ่หลี่ได้แน่” ยุวกษัตริย์หกกระบี่ส่งเสียงฮึออกมา กล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “รอเจ้าคนแซ่หลี่ขึ้นเวทีให้เป็นที่ขายขี้หน้าก็แล้วกัน อาศัยเขาหน่ะหรือมีสิทธิ์ประลองกับอาจารย์ฉวี่หัง ไม่เจียมตัว”
ยุวกษัตริย์หกกระบี่ได้แตกหักกับหลี่ชิเย่อย่างสิ้นเชิงไปแล้ว ดังนั้น เขาจึงพร้อมที่จะเสียค่าตอบแทนเท่าไรก็ยอม ไม่มีอะไรที่เขาไม่กล้าพูดอีกแล้ว
เปรียบเทียบกับยุวกษัตริย์หกกระบี่แล้ว ด้านของนายน้อยทะยานฟ้าและเทพบุตรซือจงกลับจะสำรวมนิดหนึ่ง พวกเขาเพียงแค่ยิ้มๆ เท่านั้น
นายน้อยทะยานฟ้าเผยรอยยิ้มออกมาและกล่าวว่า “ครั้งนี้อาจารย์จะต้องสร้างความตื่นตะลึงขึ้นแน่ คอยดูก็แล้วกัน ต้องมีอะไรสนุกๆ แน่” กล่าวพลางเผยรอยยิ้มที่มีความหมายลึกซึ้งออกมา
“เร็วๆ นี้ ฉวี่หังได้กักตนทบรรลุสัจธรรมและตระหนักรู้ ประสบการณ์นี้ไม่กล้าเก็บเอาไว้คนเดียว ดังนั้น จึงได้นำออกมาเพื่อทุกคนร่วมเสพด้วยกัน” เวลานี้กู่ฉวี่หังได้ขึ้นยืนบนแท่นบรรยาย มองดูนักศึกษาที่คราคร่ำอยู่ตรงหน้า กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “เรื่อง ’การแผ่ขยายของหลักกฎเกณฑ์’ ที่จะนำมาบรรยายในครั้งนี้เป็นปัญหาที่พวกเราพบเจอบ่อยมากในการฝึก ปัญหาข้อนี้ที่เป็นแกนกลางเกี่ยวพันถึงความลึกซึ้งยอดเยี่ยมของสัจธรรมที่เป็นที่สุดของการวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลง…”