ตูม…จังหวะที่สถาบันศึกษาเทพเจ้าได้ทำการตรึงการขยายตัวของโลกดึกดำบรรพ์เอาไว้แล้วนั้น ทันใดนั้นเอง มือขนาดใหญ่พลันยื่นลงมาจากบนท้องฟ้า ตรงเข้าไปคว้าภูเขาลูกหนึ่งที่อยู่ลึกเข้าไปในสถาบันศึกษาเทพเจ้า มองเห็นภูเขาลูกนี้ที่เสมือนดั่งแกะสลักขึ้นมาจากทองและหยก ปรากฎต้นไม้หยกและไม้ศักดิ์สิทธิ์ขึ้นอยู่บนยอดเขา ใบไม้ที่ปลิงไสวไปตามลมได้ส่งเสียงดังแกร้งค์แกร้งค์ที่ไพเราะออกมา
คร๊ากกเสียงแตกละเอียดดังขึ้นมา เห็นมือขนาดใหญ่ข้างนี้จัดการถอนเอาภูเขาลูกนี้ขึ้นมาดื้อๆ นับว่ามือขนาดใหญ่นี้ก็ไม่ได้โลภมากมายนัก เพียงต้องการชิงเอาภูเขาลูกนี้ของสถาบันศึกษาเทพเจ้าไปเท่านั้น
“อย่าคิดทำร้าย…” ขณะที่มือขนาดใหญ่กำลังจะแย่งชิงเอาภูเขานี้ไป ปรากฎเสียงตวาดออกมาด้วยความโกรธทยอยดังออกมาจากสถาบันศึกษาเทพเจ้า มีผู้เฒ่าที่ดีดตัวขึ้นพร้อมกับเสียงตึงกระบี่ศักดิ์สิทธิ์คล้ายดั่งน้ำตกสวรรค์ที่ฟาดฟันลงไปที่มือขนาดใหญ่ข้างนั้น
ได้ยินเสียงดังปุ…เลือดสดๆ กระฉูด มือขนาดใหญ่ข้างนี้ถูกกระบี่ฟันจนได้รับบาดเจ็บในทันที มือขนาดใหญ่ที่ได้รับบาดเจ็บนี้คลายมือออก ได้ยินเสียงปังดังขึ้น ภูเขาที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารได้ตกลงไปตั้งอยู่ที่เดิม
“สถาบันศึกษาเทพเจ้า ได้เวลาที่จะมอบสุดยอดของวิเศษต่างๆ ออกมาได้แล้ว” เวลานี้ เจ้าของมือขนาดใหญ่ที่ถูกฟันจนได้รับบาดเจ็บได้ปรากฎตัวขึ้น เป็นระดับจอมเทพองค์หนึ่ง เขาคำรามเสียงยาวคำหนึ่ง ด้านหลังของเขาพลันปรากฏจอมเทพเจ็ดองค์โผล่ขึ้นมา
เมื่อระดับจอมเทพทั้งเจ็ดปรากฏตัวขึ้นมา อานุภาพจอมเทพพลันตลบอบอวล ไปทั่ว กลิ่นอายที่น่ากลัวเสมือนดั่งทะเลที่กว้างใหญ่ไพศาลต้องการท่วมปกคลุมสถาบันศึกษาเทพเจ้าจนจมมิดอย่างนั้น
“ลั่วเหวินชาง หยิ่งเฉินอวี่” ในขณะนี้ ดวงตาทั้งสองของอดีตผู้อำนวยการสถาบันศึกษาเทพเจ้าปรากฎภาพเหตุการณ์ในอดีตขึ้นมาอย่างชัดเจนตรงหน้า จ้องมองดูระดับจอมเทพทั้งแปดยิ้มเยาะทีหนึ่ง กล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “ที่แท้คือกลุ่มแปดเสาหลักนะเนี่ย ใครกันในครั้งนั้นที่คุกเข่าอยู่ด้านนอกของสถาบันอยู่นานไม่ยอมลุกขึ้น!”
กลุ่มแปดเสาหลัก…นักศึกษาสถาบันศึกษาเทพเจ้าจำนวนไม่น้อยรู้สึกตระหนกในใจยิ่งนัก นี่มันคือหนึ่งในกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดของทวีปเจียวเหิงโจวเลยนะ ประกอบด้วยจอมเทพจำนวนแปดองค์
ขณะเดียวกัน นักศึกษาสถาบันศึกษาเทพเจ้าจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกไม่เป็นธรรมอยู่ในใจ เนื่องจากจอมเทพที่อยู่ในกลุ่มแปดเสาหลักมีจอมเทพที่เคยเป็นนักศึกษาสถาบันศึกษาเทพเจ้ามาก่อน
“ผู้อำนวยการสถาบัน ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องในอดีตไปแล้ว” จอมเทพอีกคนที่อยู่ด้านหลังจอมเทพที่ลงมือก่อนเป็นองค์แรกรู้สึกผะอืดผะอมอยู่บ้าง หัวเราะเจื่อนๆ ทีหนึ่งและกล่าวว่า “ผู้อำนวยการสถาบัน สถาบันศึกษาเทพเจ้าจะกลายเป็นอดีต อย่างไรเสียก็ต้องมีผู้ที่แบ่งแยกสถาบันศึกษาเทพเจ้าเป็นส่วนๆ อยู่แล้ว ศิษย์ขอหยิบเอาไปสักส่วนหนึ่ง ย่อมดีกว่าตกเป็นของบุคคลอื่น”
จอมเทพผู้นี้ก็คือลั่วเหวินชางนั่นเอง เขาเคยเป็นนักศึกษาสถาบันศึกษาเทพเจ้า และได้ร่วมกับจอมเทพอื่นๆ ก่อตั้งเป็นกลุ่มแปดเสาหลักขึ้นมา กลายเป็นหนึ่งในองค์กรที่แข็งแกร่งที่สุดของทวีปเจียวเหิงโจว
“หน้าหนาไร้ยางอาย…” มีนักศึกษาด่าออกมาด้วยความดูแคลน เมื่อได้ยินคำพูดของลั่วเหวินชาง
“เฮ่อการทำงานของร้อยเผ่าพันธุ์มักชักช้าแบบนี้แหละ อยากจะทำชั่วแต่ก็ไม่อยากเสียภาพพจน์ ข้ายอมพวกเจ้าจริงๆ” เวลานี้ราชันมารอวี่หลุนหัวเราะเสียงดังและกล่าวว่า “ในเมื่ออยากได้ ก็เอาไปเลย”
ขาดคำ ปรากฏราชันมารอวี่หลุนเปล่งประกายสว่างไสวทั้งตัว พริบตาเดียวนั้นเองร่างจริงของเขาได้มาถึง ตูมอานุภาพราชันรุนแรง ตามติดด้วยเท้าขนาดใหญ่ข้างหนึ่งที่เหยียบลงไป หวังทำลายสถาบันศึกษาเทพเจ้า
แว้งค์ แว้งค์ แว้งค์เสียงสั่นสะเทือนดังขึ้น ระบบป้องกันแต่ละชั้นของสถาบันศึกษาเทพเจ้าปรากฏขึ้นมา ส่งประกายเจิดจ้าละลานตา แนวป้องกันมีความใสเป็นประกายงดงาม อักขระยันต์จอมราชันเซียนหวังไหลเวียน พวยพุ่งเป็นอานุภาพจอมราชันเซียนหวังขึ้นมา
ปัง…เสียงหนึ่งดังขึ้น นาทีนี้แนวป้องกันของสถาบันศึกษาเทพเจ้าได้ป้องกันเท้านั้นของราชันมารอวี่หลุนเอาไว้ได้ พริบตาเดียวนั่นเอง ทั่วทั้งสถาบันศึกษาเทพเจ้าได้ถูกอานุภาพราชันที่น่ากลัวปราศจากผู้เทียบเทียมปกคลุมเอาไว้
จะอย่างไรเสียสถาบันศึกษาเทพเจ้าก่อตั้งขึ้นโดยพวกของราชันเซียนเฟย ธาตุแท้ภายในลึกล้ำยากจะหยั่งถึง เวลานี้ภายในสถาบันศึกษาเทพเจ้าปรากฏแนวป้องกันของจอมราชันเซียนหวัง ต่อให้ราชันมารอวี่หลุนมีชะตาฟ้าถึงสิบสายก็ยังคงถูกต้านเอาไว้ได้
“ยังทำเหม่ออะไร? ในเมื่อหักหน้ากันอย่างเปิดเผยไปแล้ว หรือว่ายังคิดจะเป็นหญิงพรหมจรรย์อย่างนั้นรึ?” เวลานี้ราชันมารอวี่หลุนหัวเราะกล่าวต่อจอมเทพของกลุ่มแปดเสาหลักว่า “ยังไม่ลงมือตอนนี้จะรอจนถึงเมื่อไหร่กัน?”
ตูมเสียงหนึ่งดังขึ้น ราชันมารอวี่หลุนร้องเสียงดังขึ้นมา ชะตาฟ้าสิบสายลอยอยู่เหนือศีรษะ พริบตาเดียวนั่นเอง พลังของชะตาฟ้าตลบอบอวลท่ามกลางฟ้าดิน ทั่วฟ้าดินเสมือนหนึ่งถูกพลังที่น่ากลัวปราศจากผู้ต่อกรดันจนระเบิดอย่างนั้น
“เปิด…” เวลานี้ราชันมารอวี่หลุนคำรามเสียงยาว ในมือถือค้อนยักษ์ที่มีกฎเกณฑ์จอมราชันแตละสายที่ทิ้งตัวลงมาดั่งน้ำตกสวรรค์ พริบตาเดียวนั้นเอง ค้อนยักษ์ของเขาได้ทุบลงมา ได้ยินเสียงดั่งสนั่นปัง ทั่วทั้งสถาบันศึกษาเทพเจ้าเกิดการสั่นไหวโคลงแคลงขึ้นมา
ภายในสถาบันศึกษาเทพเจ้า สีหน้าของผู้คนจำนวนมากเปลี่ยนไปมาก ทุกคนล้วนแล้วแต่รู้สึกเหมือนถูกค้อนยักษ์ทุบลงกลางอกอย่างแรง สำหรับนักศึกษาสถาบันศึกษาเทพเจ้ายิ่งไม่ต้องพูดถึง หวั่นไหวจนใบหน้าซีดเผือด
นี่คือจอมราชันที่มีชะตาฟ้าสิบสาย เรียกได้ว่าพลันที่เขาลงมือสามารถเผาผลาญท้องฟ้าต้มน้ำทะเลให้เดือดได้ เป็นผู้ดำรงอยู่ในฐานะสามารถทำลายทุกสรรพสิ่งได้
“ทำลาย…” ในขณะนี้จอมเทพทั้งแปดของกลุ่มแปดเสาหลักก็ทยอยกันลงมือ เนื่องจากพวกเขาได้หักหน้ากันอย่างเปิดเผยไปแล้ว จึงไม่มีสิ่งใดที่จะต้องแอบซ่อนเอาไว้อีก ถือโอกาสตอนนี้ชิงเอาสิ่งที่ต้องการมาให้ได้เสียก่อน
“ตั้งมั่นในตำแหน่งของตนเอาไว้…” เวลานี้เสียงของอดีตผู้อำนวยการสถาบันศึกษาเทพเจ้าคำรามเสียงยาวทีหนึ่ง ระบบป้องกันทั้งหมดของสถาบันศึกษาเทพเจ้าถูกปลุกให้ตื่นขึ้น พริบตาเดียวนั้นเอง อักขระยันต์นับไม่ถ้วนของจอมราชันเซียนหวังสถาบันศึกษาเทพเจ้าพวยพุ่งขึ้นมา ดุจดั่งลาวาเหลวที่พวยพุ่งขึ้นมา ปรากฎสว่างไสวไปทั่วสถาบันศึกษาเทพเจ้า กลับกลายเป็นค่ายกลขนาดยักษ์ทีปราศจากผู้เทียบเทียม.Aileen-novel.
ทันใดนั้นเอง ภายในสถาบันศึกษาเทพเจ้าปรากฎร่างเงาที่สูงตระหง่านปราศจากผู้ต่อกร เช่นราชันเซียนเฟย ราชันเทพจงหนาน ราชันเซียนหมิงเหริน ราชันเซียนเฟยหยาง ราชันเซียนฉวี่เจิน ราชันเซียนเฮ่าไห่ เทพโบราณกุยฝาน เซียนหวังอิเย่…เป็นต้น ราชันเซียนและเซียนหวังแต่ละองค์ที่ปราศจากผู้ต่อกรในหล้าล้วนแล้วแต่เคยทำการปลุกเสกให้กับสถาบันศึกษาเทพเจ้ามาก่อน พวกเขาต่างเคยถ่ายทอดพลังที่ปราศจากผู้ต่อกรให้กับสถาบันศึกษาเทพเจ้ามาก่อน
“คึกครื้นขนาดนี้แล้วจะพลาดได้อย่างไรเล่า!” เวลานี้ราชันเซียนไป่เลี่ยนหัวเราะเสียงดัง เสกเอาเตาศักดิ์สิทธิ์ออกมาเตาหนึ่ง ได้ยินเสียงดังตูมเปลงเพลิงที่ร้อนแรงดั่งคลื่นยักษ์เทราดลงมาอย่างไม่ขาดสาย ทำการเผาผลาญระบบป้องกันของสถาบันศึกษาเทพเจ้าไปทั่ว
“นั่นหน่ะสิ ไหนๆ ก็มาแล้วไฉนจะต้องหลบซ่อนตัวเล่า” เวลานี้บนท้องฟ้าปรากฏคนผู้หนึ่งโผล่ขึ้นมา คนผู้นี้เหมือนเมฆหมอกที่ล่องลอย มีความเลือนรางอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่มองเห็นเขายืนอยู่ตรงนั้นแหละ แต่ก็ดูเหมือนไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้อย่างนั้น
“ที่แท้พี่ชาติที่สองก็มาด้วยแล้ว คึกครื้นดี” ราชันเซียนไป่เลี่ยนถึงกับหัวเราะเมื่อมองเห็นคนผู้นี้
“งานเลี้ยงยิ่งใหญ่เช่นนี้ ข้าไหนเลยจะพลาดได้อย่างไร” คนผู้นี้หยิ้มและกล่าวว่า “ในมือของข้ากำลังขาดแคลนทรัพยากรอยู่นิดหนึ่ง ไม่แน่นักอาจสามารถวัฏสงสารได้อีกสักชาติก็เป็นได้” กล่าวพลางหัวเราะขึ้นมา
คนผู้นี้หัวเราะไปแต่มือไม่ได้หยุด มองเห็นกงจักรอันหนึ่งถูกส่งออกจากมือ ได้ยินเสียงตึงดังสนั่น เสมือนหนึ่งเป็นดวงดาวขนาดใหญ่ที่ตกจากฟ้าฟันใส่สถาบันศึกษาเทพเจ้า
ราชันเซียนชาติที่สอง…จอมเทพที่ยังไม่ได้เผยโฉมมองเห็นคนผู้นี้แล้วถึงกับเย็นวาบในใจ และกล่าวว่า “คนผู้นี้เหมือนดั่งในตำนานสามารถวัฏสงสารได้จริงหรือ?”
“เล่าลือกันว่าอาจจะเป็นเรื่องจริง” จอมเทพผู้หนึ่งก็มีท่าทีหนักแน่นจริงจัง และกล่าวว่า “เล่าลือกันว่าชาติก่อนของเขาคือราชันเซียนชาติที่หนึ่ง แต่เมื่อเขาขึ้นมาที่แดนสิบได้ถูกเหล่าราชันล่าสังหาร กลายเป็นราชันเซียนจากเก้าแดนเพียงองค์เดียวที่ถูกสังหารไปหลังจากศึกล่าราชันไปแล้ว หลังจากเว้นช่วงมายุคสมัยหนึ่ง หลังราชันเซียนกวานฟ่งแล้ว เขาได้ขึ้นสู่แดนสิบอีกครั้ง เรียกตัวเองว่าราชันเซียนชาติที่สอง รายละเอียดที่ว่าเขาคือราชันเซียนชาติที่หนึ่งกลับชาติมาเกิดหรือไม่นั้น ไม่สามารถตรวจสอบได้”
ราชันเซียนชาติที่สอง ราชันเซียนองค์ที่สองแห่งแคว้นโบราณนิรันดร์กาล ของแดนวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ เล่าลือกันว่าเขาคือราชันเซียนชาติที่หนึ่งกลับชาติมาเกิด รายละเอียดเท็จจริงอย่างไรไม่มีใครทราบ
“ทำลาย…” เวลานี้มนุษย์ประหลาดที่มีหัวเป็นสิงโตร่างเป็นคนก็ปรากฎตัวแล้ว คำรามเสียงยาวออกมาทีหนึ่ง เหนือศีรษะของเขาปรากฏเป็นวังวนชะตาฟ้า ยกแขนทั้งสองขึ้นแล้วเหวี่ยงลงอย่างแรงคล้ายเป็นเทือกเขาขนาดยักษ์สองลูก ได้ยินเสียงดังตูมที่ดังสนั่น แนวป้องกันของสถาบันศึกษาเทพเจ้าถูกเขาทุบจนปรากฎสะเก็ดไฟที่แตกกระจายพวยพุ่งออกมา มีท่าทีที่ทำลายฟ้าดินอย่างนั้น
“งานเลี้ยงยิ่งใหญ่เช่นนี้หากไม่กินสักหน่อยคงเสียดายแย่” เวลานี้ เสียงหนึ่งที่เหมือนลอยมาจากแดนไกล โดยที่เสียงนี้มีทิศทางที่ไม่แน่นอน บางครั้งลอยมาจากด้านตะวันออก บางครั่งก็ลอยมาจากด้านทิศตะวันตก
พริบตาเดียวนั้นเอง มองเห็นคนผู้หนึ่งที่ปรากฏตัวขึ้นมา คนผู้นี้มีชุดที่หลวมส่งเสียงดังผับผับยามต้องสายลม สิ่งหนึ่งที่ดึงดูดผู้คนหาใช่เป็นกลิ่นอายจอมราชันที่เปล่งออกมาจากร่างของเขา แต่มาจากเขาสีทองที่อยู่บนหัวของเขา แต่เมื่อมองดูให้ละเอียดก็จะพบว่านั่นไม่ใช่เขาสีทอง แต่เป็นก้อนเนื้องอก ก้อนเนื้องอกนี้เคลื่อนไหวขยุกขยิกได้ เหมือนว่าด้านในมีหนอนที่คลานขยุกขยิกนับพันล้านตัวที่ทะลุผิวหนังออกมา ทำให้ผู้คนสั่นเทิ้มเมื่อได้เห็นภาพนี้
ราชันเซียนฉงหวง…จอมเทพที่แอบซ่อนตัวอยู่ถึงกับสั่นเทิ้มทีหนึ่ง เมื่อได้เห็นราชันเซียนผู้นี้ และกล่าวว่า “ราชันเซียนที่ทำให้ขนลุกขนพองมากที่สุดมาแล้ว มักจะฆ่าคนโดยผู้ถูกฆ่าไม่ทันรู้ตัวอยู่เสมอๆ”
ราชันเซียนฉงหวง ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรต้องขนลุกซู่ในใจเมื่อได้ยินชื่อของคนผู้นี้ ราชันเซียนฉงหวงคือราชันเซียนจากเก้าแดน เขาเคยก่อตั้งสายสำนักราชันเซียนฉงหวงขึ้นที่แดนวิญญาณศักดิ์สิทธิ์
การที่ราชันเซียนฉงหวงเป็นที่หวาดหวั่นของผู้คนนั้น หาใช่เป็นเพราะเขาคือราชันเซียนที่อยู่ในระดับสูงสุด แต่เป็นเพราะราชันเซียนฉงหวงสามารถบังคับควบคุมสารพัดหนอนได้ หรือบางทีตัวเขาเองก็คือหนอนอยู่แล้ว มักจะสังหารเหยื่อโดยที่เหยื่อไม่ทันรู้ตัวอยู่เสมอๆ
เสียงตูม…ดังขึ้นเสียงหนึ่ง เวลานี้มองเห็นราชันเซียนฉงหวงอ้าปาก พ่นหนอนมารออกมาอย่างไม่มีสิ้นสุด มองเห็นบรรดาหนอนมารที่น่าเกลียดน่าลัวสามารถกัดกินทุกสิ่งทุกอย่างมีความดุดันยิ่งนัก ทำให้ผู้พบเห็นต้องตัวสั่นดั่งลูกนก
มองเห็นหนอนมารที่ราชันเซียนฉงหวงพ่นออกมาอย่างมืดฟ้ามัวดินปกคลุมไปทั่วแนวป้องกันของสถาบันศึกษาเทพเจ้า และกัดเทะอย่างบ้าคลั่ง
“สหาย ให้ข้าช่วยท่านอีกแรง” เวลานี้ด้านหลังของราชันเซียนชาติที่สองปรากฏร่างเงาแวบหนึ่ง พลันปรากฎราชันเซียนอีกองค์หนึ่ง มองเห็นราชันเซียนผู้นี้ยามลืมตาทั้งสองแล้วสามารถมองเห็นหยินและหย่างโดยพลัน เสียงตูมดังสนั่น มองเห็นประกายแสงสองสายหนึ่งหยินหนึ่งหยางที่ยิงออกจากตาทั้งสองของเขา ภายใต้การยิงประกายแสงสองสายทำให้แนวป้องกันของสถาบันศึกษาเทพเจ้าถูกยิงจนทะลุเป็นรูสองู
“พี่หยินหยางก็มาแล้ว” ราชันเซียนชาติที่สองเมื่อมองเห็นผู้ที่เข้ามาก็หัวเราะเสียงดัง กงจักรของเขาหมุนอย่างรวดเร็ว ทำการเลื่อยตัดแนวป้องกันของสถาบันศึกษาเทพเจ้า
ราชันเซียนหยินหยาง…มีจอมเทพที่จดจำประวัติของคนผู้นี้ได้ เมื่อมองเห็นราชันเซียนองค์นี้ และกล่าวว่า “คราวนี้ ราชันเซียนจากเก้าแดนมากันไม่น้อยเลยนะ”
“อย่าลืมไปสิ ที่ตรงนี้คือทวีปเจียวเหิงโจว เขตอิทธิพลของร้อยเผ่าพันธุ์ ราชันเซียนเก้าแดนจำนวนเท่าไร และเซียนหวังร้อยเผ่าพันธุ์เท่าไร พวกเขาเก็บตัวอยู่ในแดนแห่งการสืบค้นของทวีปเจียวเหิงโจว พวกเขาอยู่ใกล้สถาบันศึกษาเทพเจ้าขนาดนี้ เมื่อเนื้อชิ้นมันจ่ออยู่ข้างปาก พวกเขาจะยอมพลาดโอกาสรึ?” จอมเทพที่ซ่อนตัวลับๆ ยิ้มกล่าว
ยังคงมีจอมเทพจำนวนไม่น้อยที่ซ่อนตัวลับๆ ยังไม่ได้ลงมือ จอมเทพเหล่านี้โดยเฉลี่ยจะอ่อนด้อยกว่า พวกเขาแอบซ่อนตัวอยู่ลับๆ รอคอยจังหวะไปตัดแบ่งสถาบันศึกษาเทพเจ้า กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว ต่อให้พวกเขาไม่สามารถทำได้เหมือนดั่งพวกราชันมารอวี่หลุนที่ไปแบ่งปันทรัพยากรจำนวนมากของสถาบันศึกษาเทพเจ้าได้ ขอแค่ได้ดื่มน้ำซุปบ้างก็พอใจแล้ว
“ข้ามาแล้ว…” เวลานี้เทพสงครามร้อยแขนปรากฏตัวแล้ว บรรดาเหล่าเทพจำนวนมากของวิหารเหล่าเทพยังไม่ได้เผยโฉมออกมา แต่ว่าตัวเขาได้ลงมือแล้ว เหินฟ้าลงมาพร้อมอาวุธศักดิ์สิทธิ์ในมือ โจมตีอย่างหนักหน่วงกับแนวป้องกันของสถาบันศึกษาเทพเจ้า
ตูม ตูม ตูมทันใดนั้น สถาบันศึกษาเทพเจ้าตกอยู่ท่ามกลางการล้อมปราบของบรรดาราชันและเหล่าเทพ เมื่อบรรดาราชันและเหล่าเทพลงมือ ทำให้สถาบันศึกษาเทพเจ้าสั่นไหวโคลงแคลงไปมาในเวลานี้ พลังของบรรดาราชันและเหล่าเทพอาละวาดอย่างหนักไปทั่งหล้า ภายใต้พลังที่ส่ากลัวเช่นนี้ สถาบันศึกษาเทพเจ้าเสมือนหนึ่งเป็นเรือน้อยที่ลอยล่องอยู่ท่ามกลางคลื่นที่โหมสาดซัด พร้อมพลิกคว่ำได้ทุกเวลา และจมลงสู่ใต้ทะเลท่ามกลางพายุที่โหมเข้าหาอย่างรุนแรง
คร๊ากก คร๊ากก คร๊ากกภายใตการโจมตีต่อเนื่องเป็รระลอกของบรรดาราชันและเหล่าเทพ แนวป้องกันของสถาบันศึกษาเทพเจ้าปรากฎรอยร้าวขึ้นเป็นริ้วๆ ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าสถาบันศึกษาเทพเจ้าคงไม่สามารถยืนหยัดต่อไปได้
แม้ว่าบรรดาผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้าล้วนแล้วแต่มีความแข็งแกร่งยิ่งนัก แต่ทว่า ผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้าส่วนใหญ่จำเป็นต้องตรึงการขยายตัวของโลกดึกดำบรรพ์เอาไว้ก่อน มิฉะนั้นหละก็ สถาบันศึกษาเทพเจ้าจะต้องแตกสลายไปก่อนเป็นอันดับแรก
ทำให้คงเหลือผู้เฒ่าที่สามารถอำนวยการรบและป้องกันอยู่ไม่มาก ดังนั้น ทำให้ระบบป้องกันของสถาบันศึกษาเทพเจ้าอ่อนแอลงมากทีเดียว
สถาบันวิกฤติแล้ว…สีหน้าของหลิวจินเซิ่นเปลี่ยนไปมาก รู้สึกเป็นกังวลอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว
“ไม่รีบ” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมย สงบนิ่งยิ่งนัก กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “กองทัพที่แท้จริงยังมาไม่ถึงหน่ะ เมื่อจอมราชันชะตาฟ้าสิบสองสายมาถึง นั่นแหละจึงเป็นอันตรายที่แท้จริง”
……………………………………………….