ราชันเทพลั่วจวินหัวเราะและกล่าวว่า “พี่เถาโซ่ว แม้ว่าอำนาจของสกัดฟ้ายากจะต้านทาน แต่อย่าลืมไปสิ ยุคนี้ยังมีเทียนฉวนอยู่นะ ใต้หล้ายังจะมีกี่คนที่สามารถต่อต้านกับเทียนฉวนได้ กี่คนที่จะต้านกับราชันซื่อตี้ได้?” คำพูดของราชันเทพลั่วจวินทำให้ในใจของผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องเย็นวาบ เทียนฉวนได้มีราชโองการลงมาแล้ว จุดยืนต่อภัยพิบัติครั้งนี้ของสถาบันศึกษาเทพเจ้านับว่าชัดเจนมาก เทียนฉวนจะต้องทำลายล้างสถาบันศึกษาเทพเจ้า ให้ได้ หากเทียนฉวนต้องการทำลายสถาบันศึกษาเทพเจ้าหละก็ เช่นนั้นแล้ว เกรงว่าการลงมือของราชันซื่อตี้คงเป็นเรื่องที่ช้าหรือเร็วเท่านั้น
เวลานี้ราชันเสวียนตี้ได้สังเกตการณ์การต่อสู้แล้ว เกรงว่าราชันเสวียนตี้ก็ต้องลงมืออย่างแน่นอน ถึงเวลานั้นแล้วบวกกับราชันซื่อตี้ จอมราชันที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายสององค์ลงมือพร้อมกัน อยากถามดูว่า ในโลกนี้ยังจะมีใครสามารถช่วยเหลือสถาบันศึกษาเทพเจ้าได้อีก
ในโลกนี้ จอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายมีเพียงสี่องค์เท่านั้นเอง ราชันเทพชิงมู่ล่องลอยปราศจากร่องรอย เวลานี้จอมราชันที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายสององค์ลงมือ เกรงว่าคงไม่มีใครสามารถช่วยเหลือสถาบันศึกษาเทพเจ้าได้แล้วจริงๆ
“พี่เถาโซ่ว สถาบันศึกษาเทพเจ้าต้องถูกทำลายแน่นอน เชิญกลับไปเถอะ ท่านได้พยายามเต็มที่แล้ว” เวลานี้ราชันเทพลั่วจวินเห็นว่าเซียนหวังเถาโซ่วไม่พูดไม่จา จึงเอ่ยขึ้นมาช้าๆ
เซียนหวังเถาโซ่วไหนเลยจะไม่เข้าใจเหตุผลข้อนี้ แต่ว่าเขายังคงสงบนิ่ง และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “สถาบันศึกษาเทพเจ้ามีบุญคุณต่อข้า และก็คือบ้านของข้า วันนี้ขอเพียงข้าเถาโซ่วยังมีลมหายใจอยู่ จะพยายามปกป้องสถาบันศึกษาเทพเจ้าเต็มที่ ไม่ตายไม่เลิก!”
คำพูดของเซียนหวังเถาโซ่วสงบนิ่ง และเรียบเฉยมาก แต่กลับทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องสะดุ้ง โดยเฉพาะจอมเทพที่สำเร็จการศึกษาจากสถาบันศึกษาเทพเจ้า ถึงกับหวั่นไหวในใจ
ผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องถามใจตัวเอง ตัวเองสำเร็จการศึกษามาจากสถาบันศึกษาเทพเจ้า ตัวเองได้เรียนรู้อะไรจากสถาบันศึกษาเทพเจ้ามาบ้าง? แต่ ในยามที่สถาบันศึกษาเทพเจ้ากำลังตกอยู่ในอันตราย ตัวเองสามารถทำอะไรเพื่อสถาบันศึกษาเทพเจ้าได้บ้าง
“ถูกต้อง ปกป้องสถาบันศึกษาเทพเจ้าด้วยชีวิต!” มีอาจารย์ที่อดคำรามเสียงยาวออกมาไม่ได้ ต้องการร่วมเป็นร่วมตายกับสถาบันศึกษาเทพเจ้า
“อารามเมฆขาวสนับสนุนสถาบันศึกษาเทพเจ้า ศิษย์มาสายไป โปรดอภัย!” ในขณะนี้มีระดับจอมเทพคำรามเสียงยาวดังก้องไปทั่วฟ้าดิน มองเห็นจอมเทพผู้หนค่งก้าวเท้าเข้าไปในสถาบันศึกษาเทพเจ้า คำรามเสียงยาวและเข้าต่อสู้ชี้ขาดกับศัตรูที่บุกรุกเข้ามาในสถาบันศึกษาเทพเจ้า!
“จอมเทพไป่หวินมาแล้ว” มีผู้ที่เอ่ยขึ้นมาเมื่อมองเห็นจอมเทพที่ลอยล่องดั่งเมฆขาว
“หงเย่ยินดีปกป้องสถาบันศึกษาเทพเจ้าด้วยชีวิต!” เวลานี้ จอมเทพอีกผู้หนึ่งก็คำรามเสียงยาวและออกมาจากมุมมืดเข้าไปในสถาบันศึกษาเทพเจ้า ร่วมต่อสู่เคียงบ่าเคียงไหล่กับเหล่าผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้า
“พี่หงเย่ นับรวมข้าจินกวางด้วยคน!” จอมเทพองค์ที่สามก็ทนไม่ไหวติดตามเข้าไปในสถาบันศึกษาเทพเจ้าเช่นกัน
“เทียนฉวนก็ดี จอมราชันสิบสองชะตาฟ้าก็ช่าง สถาบันศึกษาเทพเจ้าไม่มีวันล้ม ข้ายินดีร่วมเป็นร่วมตายกับสถาบันศึกษาเทพเจ้า!” ในเวลานี้ ปรากฏระดับจอมเทพอีกหลายองค์ก็ได้เข้าร่วมกับสถาบันศึกษาเทพเจ้า ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับอาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้า!
ความจริงแล้ว จอมเทพบางส่วนที่สำเร็จการศึกษาจากสถาบันศึกษาเทพเจ้าได้มาถึงนานแล้ว เพียงแต่พวกเขาส่วนใหญ่มาด้วยท่าทีเป็นผู้ชม กระทั่งมีบางส่วนที่มีใจเห็นแก่ตัว หากว่าสถาบันศึกษาเทพเจ้าถูกทำลาย บางทีพวกเขาอาจจะถือโอกาสตอนชุลมุนฉกฉวยผู้ประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ ได้บ้าง
แต่ว่า คำพูดของเซียนหวังเถาโซ่วกับสร้างความสะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจของบรรดาจอมเทพเหล่านี้ ทำให้พวกเขานึกถึงช่วงเวลาที่สดใสมีชีวิตชีวาและตื่นเต้นขณะที่ตนกำลังศึกษาอยู่ในสถาบันศึกษาเทพเจ้า ช่วงเวลานั้นบางทีสถาบันศึกษาเทพเจ้าอาจไม่ได้มอบสุดยอดเคล็ดวิชาให้กับพวกเขา แต่ กลับมอบวิธีการเอาตัวรอดในโลกแห่งผู้บำเพ็ญตนที่ทารุณโหดร้าย สถาบันศึกษาเทพเจ้าได้เปิดโอกาสในสิบสามทวีปให้กับพวกเขา!
อาจกล่าวได้ว่า สถาบันศึกษาเทพเจ้าได้วางรากฐานชีวิตให้กับพวกเขา ท้ายที่สุด จึงส่งผลให้พวกเขาได้กลายเป็นจอมเทพ สามารถมีอำนาจบารมีได้ในถิ่นๆ หนึ่ง สามารถทำให้ครอบครัวลูกหลานเจริญรุ่งเรืองขึ้นมา
ดังนั้น วันนี้สถาบันศึกษาเทพเจ้ามีภัย บรรดาจอมเทพเหล่านี้ถูกกระตุ้นด้วยคำพูดของเซียนหวังเถาโซ่วแล้ว ถึงกับเลือดในกายเดือดพล่าน ทยอยกันก้าวออกมาช่วยเหลือสถาบันศึกษาเทพเจ้าอีกแรงหนึ่ง ยินดีร่วมเป็นร่วมตายกับสถาบันศึกษาเทพเจ้า
“ฆ่า…” เวลานี้เซียนหวังเถาโซ่วไม่ต้องการเปลืองน้ำลายกับพวกราชันเทพลั่วจวินอีกต่อไป คำรามเสียงยาว พลันลงมือก็อาศัยชะตาฟ้าสิบสาย ฉับพลันพุ่งเข้าสังหารพวกราชันเทพลั่วจวิน
พวกของราชันเทพลั่วจวินก็คำรามเสียงยาวออกมา ร่วมมือกันระหว่างจอมราชันทั้งห้า ต้านรับกับเซียนหวังเถาโซ่ว จะอย่างไรเสียเซียนหวังเถาโซ่วคือเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสาย ดูถูกไม่ได้เลย!
“สถาบันศึกษาเทพเจ้าย่อมเป็นสถาบันศึกษาเทพเจ้า จะอย่างไรเสียก็คือแหล่งต้นกำเนิดและสถานที่บ่มฟักให้ได้ดิบได้ดีของร้อยชาติพันธุ์ แม้ว่าจะมีระดับจอมเทพและเซียนหวังได้ทรยศต่อสถาบันศึกษาเทพเจ้า ต้องการมีส่วนได้แบ่งปันผลประโยชน์จากสถาบันศึกษาเทพเจ้าไปแล้ว แต่ก็ยังคงมีผู้คนจำนวนมากไม่ลืมบุญคุณจากการบ่มเพาะของสถาบันศึกษาเทพเจ้า ในรอบพันล้านปีที่ผ่านมา สถาบันศึกษาเทพเจ้าได้บ่มฟักเซียนหวังและจอมเทพมาแล้วเป็นจำนวนเท่าไร” แม้แต่ระดับจอมเทพเผ่าสวรรค์ที่ดูชมเหตุการณ์อยู่ก็กล่าวทอดถอนใจออกมา
ทุกคนต่างก็รู้ว่านี่คือโลกของปลาใหญ่กินปลาเล็ก ใครไม่ทำเพื่อตัวเองฟ้าดินจะลงโทษ แต่ทว่า ในขณะที่สถาบันศึกษาเทพเจ้ากำลังมีภัย ยังคงมีผู้ที่ยินดีก้าวออกมาปกป้องมัน ยินดีร่วมเป็นร่วมตายกับมัน นี่แหละคือสถาบันศึกษาเทพเจ้า มันหาใช่เป็นสำนักที่สืบทอดกันมาตามประเพณีแต่โบราณ แต่มันคือความหวังของร้อยชาติพันธุ์ เป็นแหล่งต้นกำเนิดและสถานที่บ่มฟักให้ได้ดิบได้ดีของร้อยชาติพันธุ์!
“ใครจะมาเป็นผู้ต่อต้านกับจอมราชันที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายกันเล่า” แม้ว่าจะมีจอมเทพมากมายเข้าร่วมรบในสมรภูมิรบ แต่ภาพรวมต่อสถานการณ์ยังคงไม่ดีนัก โดยเฉพาะภาพเงาสะท้อนในกระจกเงาของราชันเสวียนตี้ มันเหมือนเป็นเงามืดที่ใหญ่โตครอบคลุมอยู่ในใจของทุกคนในสถาบันศึกษาเทพเจ้า ไม่ว่าใครก็ต้องหวั่นเกรงต่อจอมราชันที่มีชะตาฟ้าสิบสองสาย และมีเหตุผลเพียงพอที่ทำให้ทุกๆ คนต้องหวาดกลัว.ไอลีนโนเวล.
แว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้นมา ขณะที่ทุกคนกำลังหวั่นเกรงต่อผู้ดำรงอยู่ในฐานะราชันเสวียนตี้อยู่นั้น ฉับพลันนั้น โลกดึกดำบรรพ์พลันปรากฏประกายสีเขียวขึ้นมา และประกายสีเขียวดังกล่าวได้ปกคลุมทั่วทั้งสถาบันศึกษาเทพเจ้าในชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น
เวลานี้ ได้ยินเสียงแผ่วเบาแว้งค์ แว้งค์ แว้งค์ดังขึ้น มองเห็นใบไม้สีเขียวแต่ละใบที่ปลิวลงมาจากฟากฟ้า ใบไม้สีเขียวทุกๆ ใบที่ปลิวลงมาเสมือนหนึ่งได้ปะพรมสิ่งที่เปี่ยมล้นไปด้วยความมีชีวิตชีวาให้กับสถาบันศึกษาเทพเจ้า ทำให้ทั่วทั้งสถาบันศึกษาเทพเจ้าล้วนแล้วแต่รู้สึกชุ่มชื่นอยู่ท่ามกลางความมีชีวิตชีวาสีเขียวเช่นนี้
แค่วกกเสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้ปรากฏต้นกล้าต้นหนึ่งโผล่ขึ้นมาจากใต้พื้นดินภายในสถาบันศึกษาเทพเจ้า มันค่อยๆ เจริญเติบโตขึ้น ภายในระยะเวลาอันสั้น ต้นกล้าต้นนี้ได้เจริญงอกงามกลายเป็นต้นไม้ยักษ์ที่สูงเสียดฟ้า แต่ทว่า ต้นไม้ขนาดยักษ์ที่สูงเสียดฟ้าต้นนี้กลับจากมีใบไม้สีเขียวเพียงใบเดียวเท่านั้น
ใบไม้สีเขียวใบนี้ดูอ่อนมาก เหมือนว่าหลังจากที่ใบไม้สีเขียวใบนี้ปรากฏแล้ว มันเป็นการประกาศว่าเป็นโลกที่ถือกำเนิดขึ้นใหม่อย่างนั้น
แน่นอนที่สุด หลังจากที่ใบไม้สีเขียวใบนี้ปรากฏขึ้นมาแล้ว บรรดาอาจารย์ ผู้เฒ่า และจอมเทพ เซียนหวังผู้ให้การสนับสนุนสถาบันศึกษาเทพเจ้าทั้งหมด ต่างรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา ความอ่อนล้าหายไปราวปลิดทิ้ง กระทั่งบาดแผลตามร่างกายก็สมานหายเป็นปรกติ โดยรวมแล้วมีกำลังวังชาเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่า แข็งแกร่งดุดันดังเสือและมังกร
“เซียนหวังอิเย่…” เวลานี้ไม่รู้ว่าเป็นเสียงของผู้เฒ่าคนไหนในสถาบันศึกษาเทพเจ้าที่ร้องเสียงดังขึ้นมา
แม้ว่าเสียงร้องนี้ไม่นับว่าดังกังวานนัก แต่ว่าชื่อของ “เซียนหวังอิเย่” นับว่าเพียงพอแล้ว ต่อให้เรียกด้วยเสียงที่เบาที่สุดยังคงสร้างความสะเทือนหวั่นไหวให้กับผู้คน ยังคงมีอำนาจสยบเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินได้
“เซียนหวังอิเย่ เซียนหวังชะตาฟ้าสิบสองสายร้อยชาติพันธุ์พวกเรามาแล้ว!” เมื่อใบไม้ลักษณะเช่นนี้ปรากฎขึ้นมามีผู้อดที่จะร้องคำรามออกมาด้วยเสียงแหลมดัง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้าถึงกับกลั้นไม่อยู่ ต้องน้ำตานองหน้าด้วยความดีใจ! ปากก็พร่ำร้องเรียก “เซียนหวังอิเย่!”
“เซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายของเผ่าพันธุ์มนุษย์พวกเรา!” มีผู้อดที่จะร้องคำรามออกมาไม่ได้
เซียนหวังอิเย่คือเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายเพียงหนึ่งเดียวของร้อยชาติพันธุ์ เป็นความภาคภูมิใจของเผ่าพันธุ์มนุษย์ แน่นอน เซียนหวังอิเย่เป็นผู้ที่มีสายเลือดของเผ่าวิญญาณเทพกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่เมื่อมีการเอ่ยถึงเซียนหวังอิเย่แล้ว เผ่าพันธุ์มนุษย์ก็จะถือว่าเขาเซียนหวังของตน!
“เซียนหวังอิเย่กำลังจะมาแล้ว” แม้แต่จอมราชันที่ดูชมอยู่ยังต้องพึมพำออกมาด้วยความใจหายใจคว่ำ
เซียนหวังอิเย่ คือความมหัศจรรย์ของร้อยชาติพันธุ์ ความภาคภูมิใจของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เป็นผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะสามารถต่อต้านกับราชันซื่อตี้ ราชันเสวียนตี้ได้! ตลอดเวลาที่ผ่านมา การดำรงอยู่ของเซียนหวังอิเย่ทำให้ภายในใจของร้อยชาติพันธุ์เปี่ยมด้วยความหวัง ขอเพียงเซียนหวังอิเย่ไม่ได้ล้มลง พวกเขาก็จะมีต้นทุนพอที่จะต่อต้านกับเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่าได้!
“เซียนหวังอิเย่จะลงมือแล้วรึ?” มีผู้พึมพำออกมา เมื่อมองเห็นต้นไม้ขนาดยักษ์ที่สูงเทียมฟ้าซึ่งมีใบไม้เพียงใบเดียวที่อยู่ภายในสถาบันศึกษาเทพเจ้าต้นนั้น
“ไม่ลงมือง่ายดายเช่นนั้นหรอก ก็เหมือนเช่นราชันเสวียนตี้อย่างนั้น พวกเขาจะไม่ลงมือง่ายดาย เซียนหวังอิเย่ก็ดี ราชันเสวียนตี้ก็ช่าง คู่ต่อสู้ของพวกเขาคือจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสาย” จอมเทพผู้หนึ่งได้เอ่ยขึ้นมาช้าๆ
“จอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายจะไม่ลงมือง่ายดาย” จอมราชันระดับล่างที่ยืนดูเป็นผู้ชมอยู่ก็พยักหน้าและกล่าวว่า “สวรรค์ลงทัณฑ์มันช่างน่ากลัวเหลือเกิน แม้ว่าที่ตรงนี้คือโลกดึกดำบรรพ์ไม่ได้อยู่ในสิบสามทวีป โอกาสที่จะเกิดสวรรค์ลงทัณฑ์ลดลงไปมากทีเดียว แต่ว่า จอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายโอกาสจะถูกสวรรค์ลงทัณฑ์จะสูงกว่าพวกเรามาก ถ้าหากจอมราชันเซียนหวังสององค์ที่มชะตาฟ้าสิบสองสายลงมือพร้อมกัน เกรงว่าโอกาสจะถูกสวรรค์ลงทัณฑ์จะเพิ่มเท่าตัว”
“เซียนหวังอิเย่เผยโฉมแล้ว ในที่สุดก็มีผู้ที่สามารถต่อต้านกับราชันเสวียนตี้ได้แล้ว” นักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้าต่างหายใจด้วยความโล่งอก
การคงอยู่ของราชันเสวียนตี้เสมือนหนึ่งเป็นก้อนหินขนาดยักษ์ที่กดทับลงบนจิตใจของทุกๆ คน แต่ทว่า เวลานี้เซียนหวังอิเย่ของร้อยชาติพันธุ์ก็ได้เผยโฉมแล้ว เมื่อมีเซียนหวังอิเย่มาต่อต้านกับราชันเสวียนตี้ ทำให้สถาบันศึกษาเทพเจ้าพลันเปี่ยมด้วยโอกาสในทันที ทำให้สถานการณ์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้ามีโอกาสพลิกกลับได้ทันที
“เซียนหวังอิเย่ก็มาแล้ว” เวลานี้หลิวจินเซิ่นที่มองดูต้นไม้ยักษ์ที่สูงเทียมฟ้าแล้วถึงกับหวั่นไหวในใจ ต่อให้ตัวเขาซึ่งมีดวงตราสัญลักษณ์สิบเอ็ดดวงในครอบครอง ยังคงให้ความเคารพเลื่อมใสต่อเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสาย
สำหรับจอมเทพเก้ากระบี่มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป สถานการณ์ไม่เป็นผลดีต่อพวกเขา
“สมควรแก่เวลาที่ตาเฒ่าเฉี่ยนต้องออกโรงได้แล้ว” หลี่ชิเย่ไม่รุ้สึกแปลกใจแม้แต่น้อยกับการเผยโฉมออกมาของเซียนหวังอิเย่ เขาดูสงบเงียบมาก เหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่อยู่ในความดาดการณ์ของเขา เวลานี้เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้า รอคอยจังหวะ รอคอยโอกาส เขากำลังรอคนผู้หนึ่ง รอศัตรูเก่าแก่ของเขานั่นก็คือราชันซื่อตี้นั่นเอง
แว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้เองบนท้องฟ้าของสถาบันศึกษาเทพเจ้า มีประตูมิติเปิดออกบานหนึ่ง โดยที่ประตูมิติบานนี้ดูประกายเจิดจ้าสว่างไสวยิ่งนัก กระทั่งเรียกได้ว่าละลานตา สามารถดูรู้ว่าประตูมิติดังกล่าวนี้ได้ก้าวข้ามทวีปแล้วทวีปเล่ามา เป็นประตูมิติที่ทรงพลังอย่างยิ่ง
ด้านข้างของประตูมิติด้านหนึ่งมีพระราชอาสน์ตั้งอยู่ตัวหนึ่ง พระราชอาสน์ตัวนี้แกะสลักขึ้นมาจากหิน มีความโบราณเรียบง่ายมาก โดยที่ไม่มีการประดับตกแต่งใดๆ แต่ทว่าอำนาจราชันตลบอบอวล ทำให้ผู้พบเห็นบังเกิดอารมณ์อยากจะกราบไหว้
………………..