อาจกล่าวได้ว่า ราชันเจี้ยนตี้คือจอมราชันที่โดดเด่นที่สุด ซึ่งสิ่งนี้ก็เพียงพอที่จะบ่งบอกถึงธาตุแท้ภายในตระกูลเฉี่ยน นอกเหนือจากตระกูลเฉี่ยนจะมีราชันซื่อตี้ที่เป็นจอมราชันปราศจากผู้ต่อกรในหล้าแล้ว ยังได้ให้กำเนิดราชันเจี้ยนตี้ที่เป็นจอมราชันระดับอัจฉริยะยากจะหาใดเทียมในหล้าอีกด้วย กระทั่งเรียกได้ว่าขาดอยู่เพียงแค่นิดเดียวก็สามารถกลายเป็นจอมราชันที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายเช่นเดียวกันกับราชันซื่อตี้แล้ว
ถึงแม้ว่าราชันเจี้ยนตี้จะมีชะตาฟ้าเพียงสิบเอ็ดสาย แต่ว่าด้วยสายเลือดเซิ่นฉวนของเขา อย่างน้อยก็สามารถชดเชยด้านชะตาฟ้าที่ด้อยไปได้ไม่มากก็น้อย ด้วยสาเหตุนี้เอง จึงมีการลือกันว่ามีความเป็นไปได้ที่ราชันเจี้ยนตี้จะได้เป็นผู้สืบทอดของราชันซื่อตี้ในอนาคต
แน่นอน กล่าวสำหรับฐานะบนสวรรค์ของราชันเจี้ยนตี้ก็มีคำตำหนิเล็กๆ น้อยๆ จากคนบางคน เนื่องจากฐานะบนสวรรค์ของราชันซื่อตี้ก็นับว่ามีความสำคัญมากพอแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเขายังได้ปกครองเทียนฉวน ซึ่งเป็นองค์กรจอมราชันที่น่าสยองขวัญยากจะหาใดเทียม
ถ้าหากว่าราชันเจี้ยนตี้ได้เป็นจอมราชันชะตาฟ้าสิบสองสายได้จริงๆ เช่นนั้นแล้วตระกูลเฉี่ยนก็จะมีจอมราชันชะตาฟ้าสิบสองสายถึงสององค์ ด้วยกำลังของตระกูลเฉี่ยนเพียงพอที่จะบดขยี้ทำลายทุกๆ สายสำนักราชันเซียนในหล้าได้ กระทั่งลำพังอาศัยแค่ตระกูลเฉี่ยนของพวกเขาก็สามารถทำลายล้างเผ่าสวรรค์ทั้งเผ่า กระทั่งเผ่าพันธุ์ทั้งหมดของสิบสามทวีปได้!
บางทีก็อาจเป็นเพราะอย่างนี้นี่เอง ทุกคนจึงไม่ต้องการเห็นราชันเจี้ยนตี้กลายเป็นจอมราชันที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายกระมัง มิฉะนั้นหละก็ อำนาจของตระกูลเฉี่ยนจะคุกคามต่อสิบสามทวีปมากเหลือเกิน
“ชื่อของท่านปรมาจารย์ก้องอยู่ในรูหู!” เวลานี้ราชันเจี้ยนตี้ก้าวเดินเข้าไป จ้องมองดูหลี่ชิเย่ ยังคงเปี่ยมด้วยความพาล
หลี่ชิเย่มองดูราชันเจี้ยนตี้แล้วถึงกับเผยรอยยิ้มออกมาเต็มใบหน้า กล่าวอย่างช้าๆ ว่า “ลูกหลานของตระกูลเฉี่ยนนับว่ามีฝีมืออยู่บ้างโดยแท้ เพียงแต่ไม่รู้ว่าบิดาเป็นพยัคฆ์ลูกจะเป็นพยัคฆ์หรือไม่ หากบิดาเป็นพยัคฆ์แต่ลูกเป็นสุนัข นับว่าเป็นการเสี่อมเสียต่อชื่อเสียงบารมีของบรรพบุรุษเหลือเกิน” หัวเราะพลาง จ้องมองดูราชันซื่อตี้ที่นั่งอยู่ด้านหลังประตูมิติ
ราชันซื่อตี้ไม่ได้แสดงอาการโกรธ เพียงนั่งสงบนิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่มีใครสามารถคาดเดาถึงความคิดของเขาได้
“ข้า เจี้ยนตี้ไม่จำเป็นต้องอาศัยรุ่นบรรพบุรุษ!” ราชันเจี้ยนตี้ยิ้มเยาะทีหนึ่ง และกล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “ใครๆ ในหล้าล้วนแล้วแต่เกรงกลัวท่าน ข้ากลับต้องการรู้ว่าท่านจะไร้เทียมทานเฉกเช่นคำร่ำลือหรือไม่!”
“เจ้าสมควรเกรงกลัวข้า” หลี่ชิเย่พยักหน้าด้วยท่าทีจริงจัง และกล่าวว่า “ถ้าหากเจ้าไม่กลัวข้า เช่นนั้นแล้วจงกลับบ้านไปฟังบรรพบุรุษเจ้าเล่านิทานให้ฟัง ให้เขาได้เล่านิทานที่เกี่ยวกับข้ากับเขาในทุกยุคทุกสมัยให้เจ้าได้ฟัง”
เมื่อหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว หัวเราะและเรียกราชันซื่อตี้ที่อยู่ด้านหลังประตูมิติว่า “ตาเฒ่าเฉี่ยน เจ้าคงไม่ใช่ไม่ได้เล่านิทานเกี่ยวกับพวกเราสักหน่อยกระมัง เห็นทีวิธีการสั่งสอนลูกหลานของเจ้าคงไม่เท่าไร ดูสิ ลูกหลานของเจ้าก็เป็นถึงจอมราชันที่มีชะตาฟ้าสิบเอ็ดสายแล้ว ยังทำเหมือนเป็นหนุ่มน้อยคนหนึ่ง เหมือนคนที่มีทิฐิ! จอมราชันสิบสองชะตาฟ้าอย่างเจ้าดูจะล้มเหลวอยู่บ้างนะ”
“คนหนุ่มย่อมมีวีถีการดำรงชีวิตของคนหนุ่ม โลกของพวกเขาปล่อยให้พวกเขาตัดสินใจเอง” ราชันซื่อตี้เอ่ยขึ้นช้าๆ เสมือนหนึ่งเป็นผู้ที่อยู่เหนือความเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดา
“ท่าน อย่าได้อาศัยความเป็นผู้อาวุโสแล้วเข้าใจว่าจะต้องเหนือกว่าผู้อื่นเสมอไป!” ท่าทีของหลี่ชิเย่สร้างความไม่พอใจอย่างยิ่งให้กับราชันเจี้ยนตี้ กล่าวเย็นชาออกมาว่า “ข้าคือข้า ตระกูลเฉี่ยนคือตระกูลเฉี่ยน วันนี้ข้าไม่ได้เป็นตัวแทนของใครทั้งนั้น ข้าอาศัยตัวข้าเองท้าสู้กับท่าน!”
คำพูดลักษณะเช่นนี้ของเจี้ยนตี้ ทำให้จอมราชันเซียนหวังที่อยู่ในเหตุการณ์จำนวนไม่น้อยต้องมองตากันและกัน สิ่งนี้ใช่เป็นเพราะราชันเจี้ยนตี้หาญกล้าท้าทายกับผู้ที่ดำรงอยู่ในสถานะอย่างหลี่ชิเย่
ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ คำพูดของราชันเจี้ยนตี้น่าสนใจมาก เล่าลือกันว่า แม้ว่าราชันเจี้ยนตี้จะเป็นจอมราชันองค์ที่เก้าของตระกูลเฉี่ยน และตระกูลเฉี่ยนก็ได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ได้รับการบ่มฟักอย่างเต็มที่จากตระกูลเฉี่ยน กระทั่งมีความเป็นไปได้ที่อาจกลายเป็นผู้สืบทอดของราชันซื่อตี้
แต่มีการลือกันว่าร ความสัมพันธ์ระหว่างราชันเจี้ยนตี้กับราชันซื่อตี้ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของเขาไม่ได้ดีนัก กระทั่งเคยมีข่าวเรื่องปู่กับหลานสองคนถึงขั้นเคยลงไม้ลงมือต่อกัน
ด้วยเหตุนี้เอง ราชันเจี้ยนตี้จึงได้มุ่งไปยังสวรรค์ โดยปรกติแล้วน้อยครั้งนักที่จะกระทำการในนามของตระกูลเฉี่ยน
ส่วนเรื่องที่ว่าเพราะเหตุใดราชันเจี้ยนตี้จึงได้ระหองระแหงกับราชันซื่อตี้นั้น บุคคลภายนอกไม่อาจทราบได้ เพียงแต่มีการคาดเดาว่าราชันเจี้ยนตี้ต้องการหลุดพ้นจากการควบคุมของบรรพบุรุษตระกูลเฉี่ยน และมีผู้กล่าวว่าราชันเจี้ยนตี้ต้องการทำการใหญ่มากกว่านั้น การรั้งอยู่ในตระกูลเฉี่ยน ทำให้เขาต้องอยู่ใต้การครอบงำของราชันซื่อตี้ตลอดไป ต่อให้เขาสามารถทำการที่โดดเด่นมากไปกว่านี้ เมื่อเทียบกับซื่อตี้ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของเขาแล้วก็จะต้องสลดและอับแสง
เนื่องเพราะมีการคาดเดาเช่นนี้นี่เอง ทุกคนต่างเข้าใจว่ามันคือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ราชันเจี้ยนตี้เข้าร่วมกับสวรรค์แต่ไม่เข้าร่วมกับเทียนฉวน ยิ่งไปกว่านั้นก็คือเหตุผลที่ราชันเจี้ยนตี้ก่อตั้งกองกำลังพันธมิตรขึ้นมา เนื่องจากเขาไม่ต้องการมีชีวิตอยู่ภายใต้รัศมีที่ครอบงำของบรรพบุรุษของตนเอง
“เฮ่อ ลูกหลานตระกูลเฉี่ยนนับว่ารุ่นหลังสู้รุ่นก่อนไม่ได้” หลี่ชิเย่หัวเราะส่ายและหน้ากล่าวว่า “จอมราชันชะตาฟ้าสิบเอ็ดสายเท่านั้นไม่มีค่าคู่ควรจะกล่าวถึง บรรพบุรุษตระกูลเจ้าเมื่ออยู่ต่อหน้าข้ายังพอจะสู้กันได้ มดปลวกตัวน้อยๆ อย่างเจ้า อย่างเก่งก็ได้แต่กระโดดโลดเต้นได้สองสามทีเท่านั้นเอง”
“วาจาสามหาวมาก…” ราชันเจี้ยนตี้ส่งเสียงฮึออกมา ดวงตาทั้งสองดูเย็นชาและกล่าวน่าครั่นคร้ามออกมาว่า “ข้ากลับต้องการดูว่าจะสมดังคำร่ำลือหรือไม่ เป็นไปตามคำเล่าลือว่าปราศจากผู้ต่อกรเช่นนั้นจริงหรือไม่!”
“ไม่ต้องดู” หลี่ชิเย่กล่าวท่าทียิ้มแต้ขึ้นมาว่า “ข้าหน่ะปราศจากผู้ต่อกรอยู่แล้ว เพียงแต่ข้ากลัวว่าเจ้าจะยอมรับความพ่ายแพ้ไม่ได้ เกิดพลาดพลั้งสังหารเจ้าไปเสียเกรงว่าตาเฒ่าเฉี่ยนจะปวดใจกับหลานตัวน้อยๆ เช่นเจ้า หากไม่สังหารเจ้า ไม่รู้ว่าตาเฒ่าเฉี่ยนสามารถเอาอะไรมาแลกชีวิตของเจ้าได้”
เมื่อหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว ได้หัวเราะและกล่าวต่อราชันซื่อตี้ว่า “ตาเฒ่าเฉี่ยน เจ้าคิดว่าชีวิตของหลานตัวน้อยๆ ของเจ้ามีค่าเท่าไร? ถ้าหากเจ้ายินดีจ่ายค่าตัวนี้ได้ ข้ายินดีไตร่ตรองให้เจ้าได้ไถ่ชีวิตของเขาได้”
คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ทำเอาบรรดาจอมราชันเซียนหวังที่อยู่ในเหตุการณ์ต้องนิ่งเงียบ ในโลกนี้ยังจะมีใครหาญกล้าพูดกับราชันซื่อตี้เช่นนี้ แม้แต่ราชันเสวียนตี้ก็ไม่กล้าเรียกราชันซื่อตี้ว่า ‘ตาเฒ่าเฉี่ยน’ ตรงๆ เช่นนี้ แต่แล้ว หลี่ชิเย่กลับพูดคุยอย่างสนุกสนานไม่ใส่ใจแม้แต่น้อยนิด เหมือนว่าราชันซื่อตี้ในสายตาของเขาเป็นเพียงตาเฒ่าคนหนึ่งเท่านั้น
“เสี่ยวเจี้ยน ประมาทไม่ได้นะ” เวลานี้ซื่อตี้เอ่ยขึ้นมาช้าๆ
“ฮึ ข้าย่อมรู้ดี” ราชันเจี้ยนตี้ส่งเสียงฮึเย็นชา เมื่อเขาพูดคำพูดเช่นนี้ออกมาทุกคนย่อมเข้าใจได้ว่า เป็นไปตามคำเล่าลืออย่างนั้น เป็นความจริงที่ความสัมพันธ์ระหว่างราชันเจี้ยนตี้กับราชันซื่อตี้ไม่สู้จะดีนัก พวกเขาปู่กับหลานสองคนไม่ถูกกัน ยิ่งราชันเจี้ยนตี้ด้วยแล้วเหมือนเป็นผู้เยาว์ที่ทรยศ
เวลานี้ ราชันเจี้ยนตี้ยักคิ้วมองหน้าหลี่ชิเย่ กล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า ”ปรมาจารย์จะสู้กับข้าสักครั้งหรือไม่ ถือเสียว่าข้าเป็นผู้เยาว์คนหนึ่ง เชิญสอนสั่ง!”
“สอนสั่งไหนเลยต้องอาศัยท่านปรมาจารย์ เจี้ยนตี้ข้ากับเจ้ามาศึกษาเคล็ดวิชากระบี่กันดีไหม?” เวลานี้ เสียงที่อ่อนนุ่มดั่งหยกดังขึ้น
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่สวมใส่เสื้อตัวใหญ่ ในมือถือกระบี่ยาวเล่มหนึ่ง ท่าทางดูเป็นคนอ่อนโยนยิ่งนัก ไม่มีท่าทีของการคุกคามผู้คน ไม่มีอานุภาพราชันที่รุนแรงดั่งคลื่นทะเล มือที่กำกระบี่ยาวแลดูคล้ายเป็นสุภาพบุรุษที่ถ่อมตน ร่างกายของเขาแผ่กลิ่นอายความเป็นบัณฑิตออกมา เหมือนว่าเขาคือปราชญ์ผู้คร่าเคร่งอยู่กับตำรา
บนตัวของเขากระทั่งมองไม่เห็นกลิ่นอายของความเป็นราชันเซียน เขากลับจะเหมือนเป็นนักศึกษาคนหนึ่งมากกว่า เป็นสุภาพบุรุษที่ถ่อมตนคนหนึ่ง
ราชันเซียนเหรินเสียน…มีผู้ที่สามารถจดจำประวัติความเป็นมาของเขาได้ทันที เมื่อมองเห็นชายวัยกลางคนที่เสมือนดั่งเป็นผู้ที่คร่ำเคร่งอยู่กับตำราอย่างนั้น
“เป็นราชันเซียนที่ปราศจากผู้ต่อกรด้านเคล็ดวิชากระบี่อีกองค์! แบบนี่คู่ควรจะต่อสู้กันสักครั้ง” มีผู้ถึงกับพึมพำออกมา
ราชันเซียนเหรินเสียนราชันเซียนจากเก้าแดน เป็นราชันเซียนองค์ที่ห้าของพรรคเซียนเหิน เคยเป็นผู้ที่มีสายเลือดอเวจีที่เจือจางมากอยู่ในครอบครอง เนื่องเพราะเหตุนี้เอง เขาจึงได้ทำการแยกตัวเองให้ออกจากสายเลือดดังกล่าว หลังจากที่ได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสแล้ว ทำให้เขาสามารถขจัดสายเลือดอเวจีที่อยู่ภายในร่างกายได้เป็นผลสำเร็จในที่สุด
เรียกได้ว่าราชันเซียนเหรินเสียนได้อาศัยการกระทำของตนในการยืนยันตัวเองว่าเป็นส่วนหนึ่งของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เป็นสายเลือดของเก้าแดนโดยไม่ใช่สายเลือดอเวจี และเขาก็สามารถต้านความเย้ายวนใจของสายเลือดอเวจี ก้าวบนเส้นทางสุดยอดสัจธรรมที่เป็นของตนเอง
ราชันเซียนเหรินเสียนใช่เป็นเพียงราชันเซียนองค์หนึ่งเท่านั้น เขาเหมือนดั่งเช่นราชันเจี้ยนตี้อย่างนั้น หลงใหลในเคล็ดวิชากระบี่ เล่าลือกันว่าหลังจากที่เขามาถึงแดนสิบแล้วก็ได้มุ่งศึกษาค้นคว้าเรื่องเคล็ดวิชากระบี่ ประสบผลสำเร็จด้านเคล็ดวิชากระบี่ที่เป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใคร
แม้ว่าราชันเจี้ยนตี้จะมีฝีมือด้านเคล็ดวิชากระบี่ที่ยากจะหาผู้ใดเทียมในหล้าแล้ว แต่เมื่อเทียบกันระหว่างเหรินเสียนและเจี้ยนตี้แล้ว จะอย่างไรเสียในด้านเคล็ดวิชากระบี่ราชันเจี้ยนตี้ก็คือผู้เยาว์
“ท่านปรมาจารย์ ไม่พบกันเสียนาน” หลังจากที่ราชันเซียนเหรินเสียนได้พบกับหลี่ชิเย่แล้ว ได้แสดงคารวะด้วยการโค้งคำนับให้อย่างงาม
หลี่ชิเย่นั่งมั่นอยู่ตรงนั้น พยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “ราชันเซียนของพรรคเซียนเหินล้วนแล้วแต่เป็นความภาคภูมิใจของเก้าแดน และเป็นความภูมิใจของเผ่าพันธุ์มนุษย์”
“ขอบคุณที่ท่านปรมาจารย์ชื่นชม” ราชันเซียนเหรินเสียนโค้งคำนับอีกครั้ง เขาเข้าใจความหมายที่ลึกซึ้งในคำพูดคำนี้ของหลี่ชิเย่
จะอย่างไรเสีย ครั้งนั้นเขาคือผู้ที่มีสายเลือดอเวจีในครอบครอง แม้ว่าตามความหมายที่เข้มงวดแล้วเขาคือเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่ทว่า นับแต่ครั้งนั้นหลังจากที่อีกาทมิฬได้ทำลายล้างอเวจีจนสิ้นแล้ว เก้าชั้นฟ้ายังคงมีสายเลือดผสมของอเวจีหลงเหลืออยู่ เนื่องจากสายเลือดอเวจีนับว่าแข็งแกร่งเหลือเกิน ต่อให้ไม่ใช่สายเลือดอเวจีที่บริสุทธิ์ก็สามารถทำให้คนผู้นั้นกลับกลายเป็นแข็งแกร่งยิ่ง ทำให้การฝึกปรือเป็นไปด้วยความราบรื่นตามความปรารถนา
ด้วยสาเหตุนี้เอง ผู้คนจำนวนไม่น้อยไม่อาจต้านทานความเย้ายวนใจของสายเลือดอเวจี เคยมีผู้คิดที่จะรื้อฟื้นอเวจีให้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง กระทั่งตามหาเคล็ดวิชาการฝึกของอเวจี และเป็นเพราะเหตุนี้ทำให้อีกาทมิฬทำการกวาดล้างเก้าแดนยุคแล้วยุคเล่า ทำการสังหารสายเลือดอเวจีที่หลงเหลืออยู่ไปจำนวนไม่น้อย!
ครั้นนั้นเป็นเพราะตัวเขาที่มีสายเลือดอเวจีที่เบาบางมากในกาย ทำให้เขาได้แสดงออกถึงพรสวรรค์ที่สูงมากออกมา แม้ว่าหลี่ชิเย่ไม่ได้สังหารเขา แต่คัดค้านการไปเป็นราชันเซียนของเขา เพียงแต่ตอนนั้นบรรดาผู้เฒ่าของพรรคเซียนเหินผลักดันเขาให้ไปสืบทอดชะตาฟ้าอย่างเต็มที่ ให้เขาได้กลายเป็นราชันเซียน
ท้ายที่สุดแล้วด้วยสาเหตุบางประการ หลี่ชิเย่ได้นิ่งเงียบไม่ได้ลงมือต่อราชันเซียนเหรินเสียน ถ้าหากว่าครั้งนั้นอีกาทมิฬต้องการสังหารผู้เยาว์อย่างเขาหละก็ ต่อให้มีพรรคเซียนเหินคอยหนุนหลังก็ไร้ประโยชน์ สมควรทราบว่ากองทัพในมือของเขาในขณะนั้นสามารถเกรียงไกรไปทั่วเก้าแดน!
ขณะเดียวกันราชันเซียนเหรินเสียนเองก็ได้ให้คำมั่นในเรื่องนี้ว่า จะไม่ก้าวเดินไปบนเส้นทางของอเวจีอย่างเด็ดขาด และเนื่องเพราะเหตุนี้เอง ราชันเซียนเหรินเสียนได้ผ่านการทนทุกข์ทรมานครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อแยกตัวเองให้ขาดออกจากสายเลือดอเวจี กระทั่งหลังจากเขาได้กลายเป็นราชันเซียนแล้ว โดยส่วนตัวแล้วก็ได้มีการรักษาท่าทีด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง จะอย่างไรเสียเขาก็คือเผ่าพันธุ์มนุษย์ ไม่ใช่อเวจี!
“คนหนุ่มมีพลังที่น่าเคารพเลื่อมใส” เวลานี้ราชันเซียนเหรินเสียนจ้องมองดูราชันเจี้ยนตี้ และเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “เคล็ดวิชากระบี่กว้างไกล เงียบเหงาหนาวเย็น วันนี้สามารถพบเจอศัตรูรุ่นหลังที่แข็งแกร่ง ข้าบังเกิดจิตใจอยากจะประลอง ราชันเจี้ยนตี้มีใจเช่นนี้หรือไม่!”
ในเวลานี้ ทุกคนล้วนแล้วแต่มองไปที่ราชันเจี้ยนตี้กับราชันเซียนเหรินเสียน ฝีมือด้านเคล็ดวิชากระบี่ของราชันเจี้ยนตี้ได้รับการยกย่องว่าปราศจากผู้เทียบเทียม และด้วยเหตุนี้เองเขาจึงได้ก่อตั้งกองกำลังพันธมิตรขึ้น
ขณะที่ราชันเซียนเหรินเสียนมีชื่อเสียงด้านเคล็ดวิชากระบี่มาเนิ่นนาน ก่อนที่ราชันเจี้ยนตี้จะถือกำเนิดขึ้นมา ความสำเร็จด้านเคล็ดวิชากระบี่ของราชันเซียนเหรินเสียนก็มีชื่อเสียงขจรไปไกลแล้ว
แม้ว่าวันนี้ทุกคนต่างมาด้วยเรื่องของสถาบันศึกษาเทพเจ้า แต่จะอย่างไรก็ตามหากสามารถได้เห็นการต่อสู้ระหว่างจอมราชันทั้งสองผู้มีความสามารถด้านเคล็ดวิชากระบี่อยู่ในระดับสุดยอด ย่อมเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมและน่าตื่นเต้น เป็นการเสพสุขด้านการมองเห็นอย่างหนึ่งแน่นอน!