บรรดาเจ้าสำนัก และระดับบรรพบุรุษของสำนักเจ้าลัทธิทั้งหลายต่างรู้สึกงงงัน เมื่อมองเห็นจอมเทพหน้าวัวคุกเข่าต่อหน้าหลี่ชิเย่กะทันหัน พวกเขาไม่สามารถจินตนาการได้กับการที่จอมเทพระดับดวงตราสัญลักษณ์สิบเอ็ดดวงตกใจได้ถึงขนาดนี้ ในโลกนี้ยังจะมีสิ่งใดสามารถทำให้จอมเทพระดับดวงตราสัญลักษณ์สิบเอ็ดดวงตกใจได้ถึงเพียงนี้?
“ข้ากลับอยากให้เจ้าสอนข้าสักหน่อยนะ” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมย
“ข้าน้อยมีตาหามีแววไม่ ขอใต้เท้าโปรดลงโทษ ข้าน้อยยินดีรับการลงทัณฑ์จากใต้เท้า” เวลานี้จอมเทพหน้าวัวไม่กล้าแก้ต่างให้กับตนเอง ขอเพียงหลี่ชิเย่ละเว้นสำนักและเผ่าพันธุ์ของเขา สมควรทราบว่า หากทำให้อีกาทมิฬโกรธ เขาไม่จำเป็นต้องลงมือ แค่ออกปากก็มีจอมราชันเซียนหวังจำนวนมากยินดีรับใช้เขา ยินดีทำลายสำนักเขาหนิวซานอย่างพวกเขา!
“ขอใต้เท้าโปรดลงโทษ…” เวลานี้จอมเทพหน้าวัวตกใจจนวิญญาณเทพออกจากร่างกล่าวพร้อมกับโขกศีรษะ
ผู้คนจำนวนมากสุดที่จะจินตนาการได้ เมื่อมองเห็นจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สิบเอ็ดดวงตื่นตระหนกตกใจจนต้องคุกเข่าโขกศีรษะอยู่ตรงนั้น พวกเขาที่ไม่เคยเห็นผู้ชายที่สุดแสนจะธรรมดาที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้มาก่อน ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดผู้ชายที่สุดแสนจะธรรมดาที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้จึงน่ากลัวถึงเพียงนี้ และทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องเสียวสันหลังวาบ
บรรดาจอมราชันเซียนหวังต่างสลด ถ้าหากเป็นก่อนหน้า จอมราชันเซียนหวังระดับสูง และจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สิบเอ็ดดวง อาจจะมีความกล้าที่จะพูดเสียงแข็งต่อหน้าอีกาทมิฬบ้าง
แต่ว่า หลังผ่านศึกสถาบันศึกษาเทพเจ้าแล้ว เกรงว่าคงมีไม่กี่คนที่หาญกล้าพูดเสียงแข็งต่อหน้าอีกกาทมิฬแม้เพียงครึ่งคำอีกแล้ว! อีกาทมิฬสังหารจอมราชันเซียนหวังรวดเดียวสิบกว่าคน รวมทั้งเซียนหวังนจุ้งเทียน ราชันมารหลงเชียง ไล่ฆ่าจนผู้ยิ่งใหญ่แห่งความมืดวต้องหลบหนีไป ท้ายที่สุด กระทั่งราชันซื่อตี้ยังต้องอ่อนข้อให้! โลกนี้ยังจะมีใครกล้าเป็นศัตรูกับอีกาทมิฬได้อีก
เมื่อใดที่อีกาทมิฬโกรธ ไม่เพียงแค่สังหารจอมราชันเซียนหวังเท่านั้น ไม่แน่นักอาจสังหารพวกเขาทั้งตระกูล! เรื่องเช่นนี้ใช่ว่าในอดีตที่ผ่านมาอีกาทมิฬจะไม่เคยทำมาก่อน!
ดังนั้น ในยุคปัจจุบันจึงมีเพียงไม่กี่คนที่ยินยอมไปหาเรื่องกับอีกาทมิฬ ต่อให้พวกเขาที่เป็นจอมราชันเซียนหวังเหล่านี้ไม่กลัวตาย แต่ก็ต้องนึกถึงตระกูลของพวกเขา นึกถึงลูกหลานชนรุ่นหลังของพวกเขา!
“ช่างเถอะ” หลี่ชิเย่โบกมือเบาๆ ขณะมองดูจอมเทพหน้าวัวที่คุกเข่าโขกศีรษะอยู่ และกล่าวว่า “เห็นแก่เจ้าที่ยอมอ่อนข้อซึ่งนับว่าไม่ง่ายนัก วันนี้ข้าจะไม่ถือสาหาความกับเจ้า ไสหัวไปให้พ้น มาจากไหนก็กลับไปที่นั่น”
“ขอบคุณใต้เท่าที่ไว้ชีวิต ขอบคุณใต้เท้าที่ไว้ชีวิต!” จอมเทพหน้าวัวดีใจอย่างที่สุดที่รอดชีวิตมาได้ เขาไม่ได้หวังว่าตนเองสามารถมีชีวิตกลับออกไปจากที่ตรงนี้ ขอเพียงหลี่ชิเย่ยอมให้อภัยสำนักและตระกูลของเขาก็พึงพอใจอย่างที่สุดแล้ว เวลานี้หลี่ชิเย่ยังอภัยโทษให้กับเขา เรียกได้ว่าเป็นความกรุณาเป็นกรณีพิเศษ
จอมเทพหน้าวัวคุกเข่ากราบอีก สุดท้ายวิ่งหนีไปจากที่นี่อย่างล้มลุกคลุกคลาน ไม่กล้าอยู่นาน
หลังจากที่จอมเทพหน้าวัวนำพาจอมเทพอีกสี่จากไปแล้ว จอมราชันเซียนหวังระดับสูงจำนวนมากก็อยู่ในอาการนิ่งเงียบ พวกเขาต่างรู้ว่ากล่าวสำหรับอีกาทมิฬแล้ว การสังหารจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สิบเอ็ดดวงนั้นไม่รู้สึกมีอะไรน่าสนใจอีกต่อไป เขาขี้คร้านจะลงมือแล้ว ดังนั้น ทันทีที่จอมเทพหน้าวัวยอมอ่อนข้อคุกเข่าลงกับพื้น อีกาทมิฬก็ขี้คร้านจะไปสังหารเขา ให้อภัยกับจอมเทพหน้าวัวที่ไม่ให้ความเคารพยิ่งไป
บรรดาจอมราชันเซียนหวังระดับสูงก็เข้าใจได้ว่า ในขณะนี้มีเพียงจอมราชันเซียนหวังสิบสองชะตาฟ้า และผู้ยิ่งใหญ่แห่งความมือจึงสามารถทำให้อีกาทมิฬเกิดความสนใจได้ ส่วนยอดฝีมือคนอื่น ๆ ไม่มีคุณสมบัติกระทั่งเป็นศัตรูของเขา ขอเพียงไม่ไปหาเรื่องเขา เขาขี้คร้านจะไปยุ่งกับเจ้าอยู่แล้ว
เทพธิดาเก็บจันทราเพียงส่งเสียงฮึเย็นชาออกมา และไม่ได้พูดอะไรมากเมื่อเห็นหลี่ชิเย่มาถึง
“เอาล่ะ เจ้าทำต่อไปได้แล้ว” หลังจากจอมเทพหน้าวัวไปแล้ว หลี่ชิเย่หันหลังกลับมายิ้มแต้กล่าวกับเทพธิดาเก็บจันทราว่า “ข้าก็คือผู้คุมครองของเจ้า!”
คำพูดประโยคสุดท้ายของหลี่ชิเย่ไม่ได้พูดให้เทพธิกาเก็บจันทราฟัง แต่เป็นการพูดให้ผู้ที่มีคุณสมบัติในสิบสามทวีปได้ฟัง คำพูดคำนี้ของหลี่ชิเย่ชัดเจนที่สุดแล้ว เขาต้องการบอกกล่าวต่อจอมราชันเซียนหวังทั้งหมดของสิบสามทวีป เทพธิดาเก็บจันทรามีอีกาทมิฬเป็นคนคุม จากนี้ต่อไปนางก็คือคนของอีกาทมิฬ!
ดังนั้น หลังจากนี้เทพธิดาเก็บจันทราทำการสืบทอดชะตาฟ้าต่อไป ใครกล้าลอบโจมตีเทพธิดาเก็บจันทรา คนผู้นั้นก็ต้องประเมินตัวเอง มิฉะนั้นล่ะก็ คือการรนหาที่ตายเอง!
ดังนั้น หลังจากที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมาแล้ว ทุกอย่างนิ่งเงียบ บรรดาจอมราชันเซียนหวังที่มีคุณสมบัติทั้งหมดเมื่อได้ยินคำพูดคำนี้แล้วก็ไม่กล้าส่งเสียงออกมา ทุกคนล้วนแล้วแต่เข้าใจแล้วว่า ต่อจากนี้จะไปหาเรื่องผู้หญิงคนนี้ไม่ได้!
“คนขี้อวด…” เทพธิดาเก็บจันทราไม่รับไมตรี สำหรับคำพูดของหลี่ชิเย่ เพียงส่งเสียงแสดงความไม่พอใจออกมา ยังคงไม่สะทกสะท้าน เพียงจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยท่าทีเหงาเศร้าเท่านั้นเอง
“ข้าแค่รอให้เจ้ามีศักยภาพพอแล้วมาท้าสู้กับข้าเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่เปี่ยมด้วยความอะลุ่มอหล่วยกับเทพธิดาเก็บจันทรา ไม่ใส่ใจโดยสิ้นเชิง กล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยออกมา
“แน่นอน!” เทพธิดาเก็บจันทราจ้องมองด้วยท่าทีเย็นชา กล่าวด้วยน้ำเสียงเหงาเศร้าว่า “เจ้าอย่าได้ทำลำพองใจ!”
“คนอย่างข้าก็มีข้อเสียอย่างนี้แหละ แก้ไม่หาย ลำพองใจจนเคยตัวไปแล้ว” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “หากเจ้ามองแล้วไม่สบอารมณ์ ก็มาฆ่าข้าเสียสิ” ไอลีนโนเวล
“คงมีสักวัน จะฆ่าเจ้าแน่!” เมื่อถูกหลี่ชิเย่ท้าทายเช่นนี้ ต่อให้เทพธิดาเก็บจันทราที่นิ่งไม่หวั่นไหวยังคงถูกยั่วโมโหจนรู้สึกมันเขี้ยว จึงกล่าวถ้อยคำนักเลงออกไป
ในโลกนี้ เกรงว่าคงมีเพียงเทพธิดาเก็บจันทราเท่านั้นที่กล้าพูดกับอีกาทมิฬเช่นนี้ หากเป็นคนอื่นกล้าพูดโดยไม่ละอายว่าจะสังหารอีกาทมิฬล่ะก็ เกรงว่าคงเป็นการรนหาที่ตายเอง ต้องถูกสังหารโดยอีกาทมิฬอย่างแน่นอน!
เสียงตูม…ดังสนั่น ในเวลานี้เอง ความขมุกขมัวบนท้องฟ้าถูกรวบรวมเอาไว้เพียงพอแล้ว เกิดการสั่นไหวทั่วฟ้าดินครั้งหนึ่ง นาทีนี้กลิ่นอายขมุกขมัวรวมตัวกันแน่น กลายเป็นวังวนขนาดยักษ์ขึ้นมา
“ฮึ ขี้คร้านยุ่งกับเจ้า…” เวลานี้ เทพธิดาเก็บจันทราส่งเสียงฮึเย็นชาทีหนึ่ง ไม่สนใจหลี่ชิเย่อีกต่อไป หันหลังกลับไปจ้องไปที่ชะตาฟ้าแต่ละสายที่กำลังหมุนอยู่ ในขณะนี้ ดวงตาทั้งสองของนางส่งประกายวูบวาบออกมา มีความดุเดือดรุนแรงยิ่งนัก เสมือนดั่งกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ที่เบิกฟ้าอย่างนั้น
เวลานี้ เทพธิดาเก็บจันทราได้เตรียมพร้อมที่จะลงมือได้ทุกเวลาแล้ว
เวลานี้ หลี่ชิเย่เพียงยืนเรียบเฉยอยู่ด้านข้างเท่านั้นไม่ได้มีท่าทีใดๆ ดูสงบนิ่งมาก เหมือนไม่ค่อยจะให้ความใส่ใจต่อการสืบทอดชะตาฟ้าของเทพธิดาเก็บจันทรา เขาเหมือนเป็นคนๆ หนึ่งที่ยืนชมอย่างเอ้อระเหยอย่างนั้น
ความจริงแล้ว ขอเพียงหลี่ชิเย่ยืนอยู่ตรงนั้นก็เพียงพอแล้ว กระทั่งกล่าวได้ว่าหลี่ชิเย่ไม่จำเป็นต้องยืนอยู่ตรงนั้น แค่พูดออกมาคำหนึ่ง ก็ไม่มีใครกล้าไปแตะต้องเทพธิดาเก็บจันทราแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องลอบโจมตีเทพธิเดาเก็บจันทรา เพื่อขัดขวางการสืบทอดชะตาฟ้าของนาง
เวลานี้ หลี่ชิเย่ยืนอยู่ตรงนั้น ซึ่งเพียงพอในการแสดงท่าทีแล้วว่า เขาคอยให้การคุ้มครองเทพธิดาเก็บจันทราด้วยตนเองแล้ว!
เพียงเท่านี้นับว่ามีน้ำหนักเพียงพอแล้ว มันเป็นการแทนทุกสิ่งทุกอย่าง ยังจะมีใครกล้าทำการบุ่มบ่าม ยังมีใครที่ไม่รู้จักคำว่าตายรึ?
ตูม ตูม ตูม…เสียงตูมตามดังขึ้นเป็นระลอกไม่ขาดสาย เวลานี้เห็นเพียงชะตาฟ้าแต่ละสายเสมือนดั่งมังกรแท้จริงที่กระโดดสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า เพื่อหลบหนีหายไป
“เวลานี้แหละ…”หลี่ชิเย่ร้องเสียงทุ้มต่ำออกไป เมื่อมองเห็นชะตาฟ้าแต่ละสายกระโดดขึ้นมาจากกลิ่นอายขมุกขมัว
แม้ว่าเทพธิดาเก็บจันทราจะอารมณ์เสียกับหลี่ชิเย่ แต่นางยังคงเชื่อ ยังคงไว้ใจในตัวของหลี่ชิเย่ ส่งเสียงร้องออกมา ได้ยินเสียงดังตึง ตึง ตึงกฎเกณฑ์แต่ละสายพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าโดยพลัน และเข้าพันธนาการชะตาฟ้าแต่ละสายที่กำลังกระโดดหนีขึ้นไปบนท้องฟ้า
เสียงปังเสียงหนึ่งดังขึ้น พริบตาเดียวนั่นเอง ฟ้าดินเหมือนหยุดเอาไว้นิดหนึ่ง เหมือนท้องฟ้าถูกดึงลงมาอย่างนั้น มีพลังที่บอกไม่พูกอยู่สายหนึ่งตลบอบอวลอยู่
ปังบังเกิดเสียงดังสนั่นขี้นเสียงหนึ่ง ทันใดนั้นพลังที่แข็งแกร่งปราศจากผู้เทียบเทียมได้โจมตีกลิ่นอายขมุกขมัวที่ดุจดั่งทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาลจนแตกกระจาย ปรากฏชะตาฟ้าแต่ละสายที่ถูกพันธนาการเอาไว้
“ชะตาฟ้าสิบสองสาย!” ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกงงงัน เมื่อเห็นเทพธิดาเก็บจันทราถึงกับพันธนาการชะตาฟ้าเอาไว้รวดเดียวสิบสองสาย นี่มันออกจะโลภมากเกินไปแล้ว ถึงกับต้องการพันธนาการชะตาฟ้าเอาไว้รวดเดียวสิบสองสาย ต้องการสืบทอดชะตาฟ้ารวดเดียวสิบสองสาย นี่มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
เมื่อหลี่ชิเย่เห็นเทพธิดาเก็บจันทราพันธนาการชะตาฟ้าเอาไว้รวดเดียวสิบสองสายก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา ได้แต่มองดูเท่านั้น
“ลงมา…” เวลานี้เทพธิดาเก็บจันทราร้องเสียงดังขึ้นมา เสียงคำรามเสียงยาวดังไม่ขาดสาย เสมือนดั่งหงส์ที่ส่งเสียงดังก้องฟ้า ความแหลมคมของเสียงนั้นแทงทะละฟ้าดินได้
ตูม ตูม ตูมเสียงตูมตามดังขึ้นไม่ขาดสาย ฟ้าดินโคลงแคลงไปมา ไหนเลยที่ชะตาฟ้าสิบสองสายจะยอมไห้สืบทอดได้โดยง่าย พริบตาเดียวนั่นเอง ชะตาฟ้าสิบสองสายได้แผ่ประกายที่เจิดจ้าออกมา เสมือนดั่งเป็นมังกรแท้จริงแต่ละตัวที่กระโดดขึ้น พวกมันต่างกำลังดิ้นรนกันอยู่ เพื่อดิ้นให้หลุดจากการพันธนาการของกฎเกณฑ์ เพื่อจะได้ทะยานขึ้นไปบนฟ้าแล้วหลบหนีไป
เสียงตึง ตึง ตึงดังขึ้น แต่ทว่า เวลานี้กฎเกณฑ์ของเทพธิดาเก็บจันทราได้แผ่กลิ่นอายที่น่ากลัวยิ่งออกมา พริบตาเดียวนั่นเอง กฎเกณฑ์ของเทพธิดาเก็บจันทราได้เปล่งแสงแวววาวที่เรียบง่ายแต่ดูมีพลังอย่างน่าอัศจรรย์ เหมือนว่ากฎเกณฑ์ลักษณะเช่นนี้จะไม่ใช่ของยุคสมัยนี้อย่างนั้น อีกทั้งกฎเกณฑ์ทุกสายล้วนตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายขมุกขมัว
กลิ่นอายขมุกขมัวนี้ไม่เพียงมีความเข้มข้น ทั้งยังเก่าแก่ดึกดำบรรพ์ยิ่ง เหมือนว่ามันมาจากยุคสมัยที่ดึกดำบรรพ์อย่างยิ่ง และถูกผนึกเอาไว้ในกฎเกณฑ์นี้ เพิ่งจะได้มีโอกาสกระจายออกมาอย่างช้าๆ เวลานี้
ได้ยินเสียงดังตึงดังขึ้น กฎเกณฑ์สัจธรรมมีขนาดใหญ่มากยิ่งขึ้นไปอีก ทำการพันธนาการชะตาฟ้าเอาไว้อย่างหนาแน่น ปล่อยให้ชะตาฟ้าสิบสองสายดิ้นรนไปโดยเปล่าประโยชน์ ทั้งหมดไม่สามารถดิ้นหลุดจากกฎเกณฑ์แต่ละสายไปได้
ตูมเสียงดังสนั่นดังขึ้นเสียงหนึ่ง เทพธิดาเก็บจันทราคำรามเสียงดัง ดึงกระตุกลงมาอย่างแรง ท่ามกลางเสียงตูม ตูม ตูมดังตูมตามขึ้นมานั้น มองเห็นกฎเกณฑ์สัจธรรมแต่ละสายที่รัดจนแน่น โดยมีชะตาฟ้าแต่ละสายที่ถูกลากลงมาดื้อๆ
คร๊ากก คร๊ากก คร๊ากกเสียงแตกละเอียดดังขึ้นเป็นระลอก บริเวณที่เทพธิดาเก็บจันทรายืนอยู่ไม่ว่าจะเป็นผืนแผ่นดิน หรือช่องว่าง ล้วนแล้วแต่แตกละเอียดไปทุกตารางนิ้ว และตัวเทพธิดาเก็บจันทราเองก็ต้านอย่างเต็มที่
แต่ว่า แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม เทพธิดาเก็บจันทรายังคงดึงชะตาฟ้าสิบสองสายเอาไว้แน่นหนา และทำการวิวัฒนาการสัจธรรมเต็มกำลัง อาศัยพลังที่ไม่มีสิ้นสุดหวังจะลากดึงเอาชะตาฟ้าทั้งสิบสองสายลงมาให้ได้
“นางต้องการสืบทอดชะตาฟ้ารวดเดียวสิบสองสายเลยรึ?” มีผู้ที่มองเห็นเทพธิดาเก็บจันทราดึงลากชะตาฟ้าสิบสองสายนั้นอย่างบ้าคลั่ง ถึงกับพึมพำออกมา
“มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะทำได้สำเร็จ” มีเซียนหวังพึมพำขึ้นมา เมื่อมองเห็นเทพธิดาเก็บจันทราทำการลาดชะตาฟ้ารวดเดียวถึงสิบสองสาย
…………………………..