ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ตอนที่ 2131 บรรพชนที่ฟื้นคืนชีพ

ตอนที่ 2131 บรรพชนที่ฟื้นคืนชีพ

การหลอมละลายของน้ำแข็งหนาเป็นไปด้วยความเชื่องช้ายิ่งนัก หลังจากผ่านไปหลายเดือนจึงค่อยๆ เริ่มต้นหลอมละลาย ได้ยินเสียงดังคร๊ากกเสียงหนึ่ง ทำเอาศิษย์สาวที่ทำหน้าที่เฝ้าก้อนน้ำแข็งหนาตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่าง เมื่อหลี่ชิเย่ที่อยู่ภายในก้อนน้ำแข็งหนาเริ่มมีการเคลื่อนไหว

หลายเดือนที่ผ่านมานี้ ศิษย์สาวผู้นี้เฝ้าอยู่ที่ตรงนี้ตลอด นับว่าทำให้ศิษย์สาวผู้นี้รู้สึกรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนอยู่บ้าง ที่ต้องเฝ้าผู้ที่อาจจะเป็นศพคนตายอยู่ทุกวันๆ เช่นนี้ เกิดคนตายที่อยู่ภายในก้อนน้ำแข็งหนาโผล่ออกมาอย่างกะทันหัน กระโดดออกมาจากในนั้นจะทำอย่างไร?

โชคดีที่ช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น คนที่อยู่ภายในน้ำแข็งหนาไม่ได้มีการเคลื่อนไหว จึงทำให้จิตใจของศิษย์สาวผู้นี้ค่อยสงบลงได้บ้าง

เวลานี้พลันได้ยินเสียงน้ำแข็งแตกละเอียดดังคร๊ากกขึ้นมา เหมือนว่าหลี่ชิเย่ที่อยู่ภายในก้อนน้ำแข็งหนามีการเคลื่อนไหวขึ้นกะทันหัน ทำให้ศิษย์สาวผู้นี้ตื่นตระหนกจนวิญญาณแทบออกจากต่าง นึกว่าจะเกิดเหตุศพปรากฏตัวออกมา โชคดีที่เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นมา

หลังจากศิษย์สาวที่ถูกทำให้ตื่นตระหนกตกใจได้สติกลับมาแล้ว จึงรีบวิ่งแจ้นไปรายงานต่อเจ้าสำนัก จูฉีและระดับผู้อาวุโสหลายคนหลังได้รับรายงานก็ให้รู้สึกตกใจอย่างยิ่ง รีบเร่งรุดไปที่นั่นทันที

หลังจากที่จูฉีและระดับผู้อาวุโสหลายคนมาถึงแล้ว หลี่ชิเย่ที่หลับใหลอยู่ก็ได้ตื่นขึ้นมาแล้วในที่สุด หลังจากที่ตื่นแล้วเขาได้ลุกขึ้นนั่งอย่างช้าๆ

ก่อนหน้านั้น ภายในใจของพวกจูฉียังเข้าใจว่า หลี่ชิเย่ที่อยู่ภายในก้อนน้ำแข็งหนาน่าจะเป็นคนตายแล้วแปดถึงเก้าส่วน เวลานี้เมื่อเห็นหลี่ชิเย่ฟื้นขึ้นมา พวกของจูฉีก็จนด้วยเกล้า ไม่รู้ว่าจะต้องทำเช่นใดในเวลานี้

หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้ฟื้นตื่นขึ้นมาแล้ว ได้นั่งขัดสมาธิอย่างช้าๆ มองดูพวกของจูฉีที่ยืนอยู่ตรงหน้า ปริปากพูดออกมาช้าๆ ว่า “ใครเป็นผู้ครองลานกำแหงในเวลานี้!”

พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา ทำเอาจูฉีและระดับผู้อาวุโสหลายคนตกใจจนอกสั่นขวัญแขวน สำนักกระบี่ยักษ์ของพวกเขาตกต่ำลงจนถึงขั้นเป็นสำนักขนาดเล็กที่ไร้ชื่อเสียงไปแล้ว ไม่มีสิทธิ์ได้เข้าใกล้ศูนย์กลางอำนาจของลานกำแหงได้อยู่แล้ว กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว เฉกเช่นเจ้าแห่งลานกำแหง หรือก็คือผู้ทรงอำนาจของราชวงศ์ลานกำแหงนั้น ถือว่าอยู่ในฐานะที่สูงส่ง พวกเขาไม่ปัญญาเอื้อมถึงอยู่แล้ว

เวลานี้ พลันที่หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นมาก็ถามถึงผู้กุมอำนาจของลานกำแหงว่าเป็นใคร แล้วจะไม่ทำให้พวกของจูฉีตกใจจนอกสั่นขวัญแขวนได้อย่างไร เวลานี้พวกเขาต่างไม่รู้ว่จะพูดต่อได้อย่างไรดี

“เรียน เรียน เรียนตอบท่าน ลานกำแหงเว เว เวลานี้ตำแหน่งยังว่างอยู่” ไม่ง่ายนักกว่าจูฉีจะได้สติกลับมา รู้สึกอกสั่นขวัญหาย ปากคอแห้ง พูดจาถึงกับติดขัดไม่ลื่นไหล

คนหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าแลดูหนุ่มแน่นมาก แต่พลันที่เปิดปากก็สอบถามถึงผู้กุมอำนาจของลานกำแหง หรือว่าจะเป็นบรรพบุรุษคนใดคนหนึ่งของลานกำแหงพวกเขา!

หลี่ชิเย่เพียงมองดูจูฉีด้วยท่าทีเรียบเฉยแวบหนึ่ง แต่ด้วยท่าทีที่เรียบเฉยเช่นนี้ของหลี่ชิเย่นี่แหละ ทำเอาจูฉีและระดับผู้อาวุโสหลายคนถึงกับอกสั่นขวัญแขวน เนื่องจากพวกเขาจับไม่ถูกว่าคนหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไรกันแน่ หรือจะเป็นบรรพชนคนใดคนหนึ่งของพวกเขาจริงๆ

“ไม่ ไม่ ไม่ทราบว่าท่าน ท่านควรจะให้เรียกว่าอย่างไร” ไม่ง่ายนักกว่าจูฉีจะกลืนน้ำลายเอื้อกทีหนึ่ง เพื่อปลอบใจตนเองให้มีความกล้ามากขึ้น รวบรวมความกล้า และเอ่ยถามขึ้นมาอย่างยากเย็น ขณะที่เขาเอ่ยถามคำถามนี้ออกไปต้องรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน รู้สึกหวาดกลัวอย่างยิ่ง

เนื่องจากเขาไม่รู้เลยว่าคนหนุ่มที่อยู่ตรงหน้ามีประวัติความเป็นมาอย่างไรก็นแน่ ดีไม่ดีอาจก่อเกิดเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา สำนักกระบี่ยักษ์ของพวกเขาคงต้องจบลง

“ทำไมรึ? คิดจะล้วงหาฐานะของข้าอย่างนั้นรึ?” หลี่ชิเย่มองหน้าจูฉีทีหนึ่ง เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “ขณะข้าสนทนาธรรมกับผู้เฒ่ากำแหง บรรพบุรุษของพวกเจ้ายังไม่ทันเกิดด้วยซ้ำ บอกชื่อของข้าไปแล้ว พวกเจ้าจะทราบได้หรือไม่?”

พลันที่คำพูดนี้ถูกพูดออกมา พลันทำเอาจูฉีและระดับผู้อาวุโสหลายคนตื่นตระหนกจนวิญญาณแทบออกจากร่าง พวกเขาตกใจจนใบหน้าขาวซีด พลันรู้สึกเข่าอ่อนทั้งสองข้าง และสั่นเทาตลอดเวลา

ผู้เฒ่ากำแหงคือปฐมบรรพบุรุษของลานกำแหงพวกเขา ลานกำแหงก่อตั้งขึ้นโดยผู้เฒ่ากำแหงนั่นเอง ต้นกำเนิดสัจธรรมของลานกำแหง ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิ แผ่นดินของลานกำแหงล้วนแล้วแต่มาจากฝีมือของผู้เฒ่ากำแหงทั้งสิ้น

เวลานี้ ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าพูดเองว่าเคยสนทนาธรรมกับผู้เฒ่ากำแหง เมื่อเป็นเช่นนี้ หากไม่ใช่ศิษย์ของผู้เฒ่ากำแหงก็ต้องเป็นหนึ่งในบรรพบุรุษที่ร่วมบุกเบิกแผ่นดินกับผู้เฒ่ากำแหงแล้ว!

ความที่เป็นผู้อยู่ในฐานะดึกดำบรรพ์เช่นนี้ แล้วจะไม่ให้จูฉีและระดับผู้อาวุโสหลายคนต้องตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่างได้อย่างไร มาคราวนี้พวกเขาได้พบกับบรรพบุรุษของลานกำแหงเข้าให้แล้วจริงๆ

ความจริงแล้ว คำพูดของหลี่ชิเย่ใช่จะเป็นการโอ้อวด ผู้เฒ่ากำแหงของลานกำแหงก็คือตาเฒ่าที่อยู่ใต้หน้าผาของหอศิลาโรย ตาเฒ่าผู้นี้เคยมาที่แดนสามเซียนในยุคสมัยของเขา เขาเองก็มาด้วยต้องการค้นหาคำตอบบางอย่างเช่นกัน

แต่ทว่า ภายหลังไม่ทราบด้วยเหตุผลใด ตาเฒ่าได้ไปจากแดนสามเซียนและกลับไปอยู่ในยุคสมัยของตน ขณะที่อยู่ในแดนสามเซียนนั้น ตาเฒ่าก็ได้ทำการทดลองอะไรไปมากมาย เคยคลำหาบนเส้นทางของการฝึกฝนสายนี้มาก่อน ดังนั้น เขาจึงได้ก่อตั้งลานกำแหงขึ้นที่แดนสามเซียน! และเรียกตนเองว่าผู้เฒ่ากำแหง

แน่นอน ขณะอยู่ในยุคสมัยของตนนั้น ตาเฒ่าไม่ได้มีชื่อว่าผู้เฒ่ากำแหง เพียงแต่ตาเฒ่าเรียกตนเองว่าผู้เฒ่ากำแหงขณะอยู่ที่แดนสามเซียนเท่านั้น

ต่อมาภายหลัง ตาเฒ่าสามารถจับตัวอีกาทมิฬได้ พวกเขาได้เข้าถึงความทรงจำร่วมกัน ในห้วงเวลาที่ยาวนานและน่าเบื่อ เป็นความจริงที่ตาเฒ่าเคยสนทนาธรรมกับอีกาทมิฬเกี่ยวกับสัจธรรมของแดนสามเซียนมาก่อน เพียงแต่เพื่อป้องกันถ้ำเซียนมาร หลี่ชิเย่จึงได้ทำการลบเลือนความทรงจำที่เกี่ยวกับที่นี่ออกไปทั้งหมดเท่านั้น มีเพียงขณะที่หลี่ชิเย่กลับขึ้นมายังแดงสามเซียนจึงทำให้สามารถก่อเกิดความทรงจำเหล่านี้ได้อย่างแท้จริง

ความทรงจำที่ถูกลบเลือนไปนั้น ไม่เพียงแต่เป็นความทรงจำของผู้เฒ่ากำแหงเท่านั้น ยังมีประสบการณ์ และความยอดเยี่ยมลึกซึ้งที่หลี่ชิเย่ได้บรรลุเกี่ยวกับสัจธรรมบางอย่างของแดนสามเซียน ความทรงจำเหล่านี้ที่ถูกลบเลือนไปเสมือนหนึ่งไม่ดำรงคงอยู่เสมอมา กระทั่งก้าวขึ้นสู่แดนสามเซียนในวันนี้ บรรดาความทรงจำที่ถูกลบเลือนไปจึงได้กลับมาอีกครั้ง Aileen-novel

ดังนั้น การที่หลี่ชิเย่บอกว่าเคยสนทนาธรรมกับผู้เฒ่ากำแหงในเวลานี้ จึงเป็นคำพูดที่ใช่จะนำมาขู่ แต่เป็นเรื่องจริง

คราวนี้ จูฉีและระดับผู้อาวุโสหลายคนต่างตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่าง พวกเขาพลันหมอบลงกับพื้นทันที คุกเข่าก้มกราบอยู่ตรงนั้น และกล่าวว่า “ลูกหลานไม่ทราบว่าเป็นท่านบรรพบุรุษกลับมา ลูกหลานอกตัญญู…”

ในเวลานี้จูฉีและระดับผู้อาวุโสหลายคนถึงกับพูดเสียงสั่น พวกเขาถูกทำให้ตกใจจนไม่กล้ากระทั่งเงยหน้ามองดูหลี่ชิเย่ด้วยซ้ำ

หลี่ชิเย่โบกมือเบาๆ กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ไปเถอะ ข้าจะพักผ่อนสักหน่อย ข้ารู้สึกเหนื่อยนิดหนึ่ง”

เวลานี้ พวกจูฉีและระดับผู้อาวุโสหลายคนไหนเลยจะกล้าไม่ปฏิบัติตาม เหมือนได้รับคำบัญชาคุกเข่ากราบอีกครั้ง แล้วจึงจากไปด้วยอาการตัวสั่นงันงก

หลังจากที่จูฉีและระดับผู้อาวุโสทั้งหลายจากไปแล้ว หลี่ชิเย่นั่งขัดสมาธิเงียบๆ อยู่ที่ตรงนั้น ในเวลานี้ สิ่งที่ผุดขึ้นมาจากทะเลแห่งความรู้ของเขามีมากมายเหลือเกิน ไม่เพียงมีความทรงจำของผู้เฒ่ากำแหง กระทั่งจากถ้ำเซียนมาร ของบรรพบุรุษหลุนหุย…

เนื่องจากครั้งนั้น หลังจากเอาชนะบรรพบุรุษหลุนหุยแล้ว หลี่ชิเย่ได้แย่งชิงทุกสิ่งทุกอย่างของเขามา ดังนั้น เมื่อหลี่ชิเย่กลับมาที่แดนสามเซียนอีกครั้ง ข้อมูลลับที่บรรพบุรุษหลุนหุยซ่อนเอาไว้ก็ได้ผุดขึ้นมาอยู่ในสมองของหลี่ชิเย่

ท่ามกลางข้อมูลปริมาณมหาศาลเช่นนี้ ทำให้หลี่ชิเย่มีความเข้าใจต่อแดนสามเซียนอย่างสิ้นเชิง และได้กุมรายละเอียดเกี่ยวกับสถานการณ์ต่างๆ ของแดนสามเซียนเอาไว้

ระหว่างที่หลี่ชิเย่นั่งขัดสมาธิภายในห้องนั้น จูฉีและระดับผู้อาวุโสหลายคนที่ล่าถอยออกไปได้อยู่ร่วมกันในห้องๆ หนึ่ง พวกเขาเริ่มปรึกษาหารือกันอย่างแผ่วเบา

ความจริงแล้วเวลานี้พวกเขายังไม่มีมาตรการอะไรที่จะรับมือ การโผล่ขึ้นมากะทันหันของบรรพบุรุษที่มีประวัติความเป็นมาสะเทือนฟ้าเช่นนี้ ทำให้พวกของจูฉีที่ไม่ค่อยได้ประสบกับปัญหาอุปสรรคมามากนักจนด้วยเกล้า พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นใดดี

“เรื่อง เรื่อง เรื่องนี้ควรรายงานต่อลานกำแหง” เวลานี้มีระดับผู้อาวุโสกล่าวว่า “เรื่อง เรื่อง เรื่องนี้เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย หากไม่รายงานต่อลานกำแหง เกิดมีการคาดโทษลงมาล่ะก็ พวก พวกเราจะรับไม่ไหวนะ”

คำพูดเช่นนี้ ทำให้จูฉีและระดับผู้อาวุโสคนอื่นๆ ต้องจ้องมองตากันและกัน พวกเขาต่างรู้สึกว่ามีเหตุผลดี การที่บรรพบุรุษของลานกำแหงฟื้นชีพขึ้นมาใหม่ หากไม่ยอมรายงานต่อลานกำแหงล่ะก็ เกรงว่าจะแก้ตัวได้ยาก

“เรื่อง เรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องของฟ้าประทานโอกาสมาให้สำนักกระบี่ยักษ์ของพวกเรา” ระดับผู้อาวุโสอีกผู้หนึ่งก็กล่าวด้วยความตื่นเต้นดีใจอยู่บ้าง “เป็นสำนักกระบี่ยักษ์ของพวกเราที่พบการฟื้นคืนชีพของบรรพบุรุษ สิ่งนี้กล่าวสำหรับลานกำแหงแล้ว สำนักกระบี่ยักษ์ของพวกเราต้องได้รับความดีความชอบเป็นอันดับหนึ่ง มีโอกาสหักมุมขนาดนี้ ไม่แน่นักกล่าวสำหรับ สำนักกระบี่ยักษ์ของพวกเราแล้ว คือโอกาสที่จะได้ฟื้นเจริญรุ่งเรืองของพวกเรา”

คำพูดของระดับผู้อาวุโสผู้นี้พลันทำให้จูฉีและระดับผู้อาวุโสหลายคนต่างรู้สึกตื่นเต้นดีใจ สำนักกระบี่ยักษ์ของพวกเขาตกต่ำจนแทบจะอยู่กันไม่ได้อีกแล้ว เวลานี้พลันทีบรรพบุรุษผู้หนึ่งฟื้นคืนชีพขึ้นมากะทันหัน และเป็นผู้สนับสนุนให้ล่ะก็ มิเท่ากับว่าสามารถทำให้สำนักกระบี่ยักษ์เจริญรุ่งเรืองขึ้นมา

“แต่ แต่ว่า เกิดเรื่อง เรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องไม่จริงล่ะ และหรือเป็นเพียงแอบอ้างเล่า?” ขณะที่จูฉีและระดับผู้อาวุโสหลายคนกำลังตื่นเต้นดีใจอยู่นั้น ยังมีระดับผู้อาวุโสที่ค่อนข้างรอบคอบพูดเสียงแผ่วเบาขึ้นมา

คำพูดของผู้อาวุโสผู้นี้เสมือนดั่งเป็นน้ำเย็นที่ราดลงบนศีรษะของพวกจูฉี พลันทำให้ความตื่นเต้นดีใจของพวกเขาดับวูบลงทันที ดับอารมณ์ที่ตื่นเต้นของพวกเขาลง

เวลานี้ จูฉีและระดับผู้อาวุโสหลายคนถึงกับมองหน้ากันเลิ่กลั่ก แม้ว่าพวกเขามีความจริงใจต้องการให้หลี่ชิเย่ที่ฟื้นคืนชีพมาคือบรรพบุรุษของพวกเขา แต่หากว่าเกิดกลายเป็นคนแอบอ้างขึ้นมาล่ะ?

“บาง บางทีพวกเราสามารถหยั่งเชิงดูนิดหนึ่ง” ระดับผู้อาวุโสผู้หนึ่งทำท่าลังเลนิดหนึ่ง แล้วเสนอความเห็นขึ้นมา

“พวก พวกเราจะหยั่งเชิงด้วยวิธีใด? พวกเราจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเขาเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม” จูฉีถึงกับกล่าวว่า “เกิดเขาเป็นตัวจริง แล้วพบว่าพวกเรากำลังหยั่งเชิงเขาและโกรธขึ้นมาล่ะก็ เกรงว่าแค่นิ้วๆ เดียวก็สามารถทำลายสำนักกระบี่ยักษ์ของพวกเราได้แล้ว”

คำพูดลักษณะเช่นนี้ทำให้ระดับผู้อาวุโสทั้งหมดต้องนิ่งเงียบขึ้นมาอย่างแท้จริง เนื่องจากเป็นความจริงที่พวกเขาไม่สามารถแยกแยะว่าเป็นจริงหรือเท็จเกี่ยวกับตัวของหลี่ชิเย่ พวกเขาจะอาศัยวิธีอะไรไปแยกแยะความเป็นจริงหรือเท็จของหลี่ชิเย่ได้?

ถ้าหากเป็นเรื่องจริงดั่งที่จูฉีพูดเอาไว้ว่าหากทำให้เขาโกรธ นี่ไม่เพียงจะไม่มีผลงานเท่านั้น กระทั่งหากเอาผิดขึ้นมาล่ะก็ อาศัยนิ้วๆ เดียวก็สามารถทำลายสำนักกระบี่ยักษ์ของพวกเขาได้

“พวกเราได้แต่เชิญบรรพบุรุษหยางแล้วล่ะ” สุดท้ายระดับผู้อาวุโสผู้หนึ่งได้เสนอความเห็นให้กับจูฉี

“เรื่อง เรื่องนี้ไม่เหมาะสมกระมัง บรรพบุรุษหยางเป็นผู้ที่สำนักกระบี่ยักษ์พวกเราสามารถพึงพาได้เพียงคนเดียวเท่านั้น และเป็นหนึ่งเดียวที่สามารถพูดแทนสำนักกระบี่ยักษ์พวกเรากับลานกำแหงได้ เกิดทำให้บรรพบุรุษหยางต้องพัวพันเข้าไปด้วย หากล้มเหลว มิเท่ากับว่าที่พึ่งพิงสุดท้ายของพวกเราก็เดิมพันเข้าไปด้วยแล้วรึ?” ระดับผู้อาวุโสอีกคนเอ่ยขึ้น

“ไม่อย่างนั้นแล้วเรายังจะมีวิธีการอื่นใดอีก? ต่อให้การฟื้นคืนชีพของบรรพบุรุษที่พวกเราพบนั้นเป็นเรื่องจริง เราจะรายงานเรื่องนี้กับลานกำแหงได้อย่างไร ต่อให้พวกเรารายงานไป เบื้องบนนั้นจะเชื่อที่เราพูดรึ?”ระดับผู้อาวุโสผู้นี้เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “ถ้าหากให้บรรพบุรุษออกหน้า อย่างน้องยังสามารถพูดกับทางลานกำแหงได้ อีกอย่าง ท่านบรรพบุรุษมีประสบการณ์มากกว่าพวกเรา บางทีเขาอาจสามารถแยกแยะจริงเท็จได้ก็ไม่แน่”

คำพูดลักษณะเช่นนี้ทำให้จูฉีและระดับผู้อาวุโสหลายคนต่างปรึกษาหารือกัน สุดท้าย จูฉีได้ได้ตัดสินใจแล้ว และกล่าวว่า “ไปเชิญท่านบรรพบุรุษ อย่างน้อยยังมีความหวังอยู่นิดหนึ่ง”

สุดท้าย จูฉีได้ส่งระดับผู้อาวุโสผู้หนึ่งไปเชิญบรรพบุรุษหยางที่ลานกำแหงด้วยตนเอง

………………….

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

Status: Ongoing

สิบล้านปีก่อน หลี่ชีเย่ตัดไผ่เขียวขจีหนึ่งลำ   แปดล้านปีก่อน หลี่ชีเย่เลี้ยงปลาไนหนึ่งตัว ห้าล้านปีก่อน หลี่ชีเย่รับเลี้ยงเด็กสาวหนึ่งคน   วันนี้ ทันทีที่หลี่ชีเย่ตื่นขึ้น กิ่งไผ่เขียวบำเพ็ญตนจนกลายเป็นวิญญาณเทพ ปลาไนกลายร่างเป็นมังกรทอง เด็กสาวกลายเป็นจักรพรรดินีเก้าแดน  นี่คือเรื่องราวของการฝึกฝน เรื่องราวของเด็กหนุ่มปุถุชนที่มีชีวิตอมตะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท