ลานหลวงของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงคือศูนย์กลางอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงทั้งหมด และคือฐานที่มั่นของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงทั้งหมด เนื่องจากต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงอยู่ในลานหลวงนั่นเอง
อีกทั้ง ไม่ว่ายุคสมัยจะแปรเปลี่ยนไปอย่างไรก็ตาม ต่อให้ผ่านไปเป็นล้านล้านปี ศูนย์กลางอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงยังคงอยู่ในลานหลวง นับตั้งแต่ผู้เฒ่ากำแหงของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเป็นต้นมา ผู้กุมอำนาจแต่ละรุ่นของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงล้วนแล้วแต่อาศัยอยู่ในลานหลวง
อีกทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงในภายหลังก็เคยกำเนิดราชันแท้จริงเหมือนกัน แต่พวกเขายังคงเข้าครอบครองลานหลวง ไม่ได้ก่อตั้งสำนักของตนอยู่ด้านนอก
จะอย่างไรเสีย กล่าวสำหรับราชันแท้จริงแล้ว เว้นเสียแต่พวกเขาสามารถก้าวไปถึงขั้นเฉกเช่นผู้เฒ่ากำแหงอย่างนั้น สามารถเปิดแหล่งต้นกำเนิดสัจธรรมที่เป็นของตนเอง มีเพียงเช่นนี้พวกเขาจึงมีสิทธิ์ก่อตั้งสำนักของตนเองได้อย่างแท้จริง มิฉะนั้นล่ะก็ ต่อให้พวกเขาก่อตั้งสำนักที่เป็นของตนเองขึ้นมาก็ไร้ความหมาย เนื่องจากพลันที่สำนักของพวกเขาแยกตัวออกจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง กำลังของพวกเขาก็จะถูกบั่นทอนลงไปมากทีเดียว
ในแต่ละยุคสมัยของแดนสามเซียน อาจมีหนึ่งหรือหลายๆ ราชันแท้จริง แต่ทว่า ราชันแท้จริงที่สามารถเปิดแหล่งต้นกำเนิดสัจธรรมได้นั้น ในหลายๆ ยุคสมัยก็ไม่เห็นจะมีสักคน
ลานหลวงเป็นเมืองที่กว้างขวางใหญ่โตยิ่งนัก ทอดสายตามองออกไป เห็นเพียงเมืองที่เก่าแก่โบราณที่สุดลูกหูลูกตา เหมือนมองไม่เห็นขอบเขตสิ้นสุดอย่างนั้น
เมืองที่เก่าแก่โบราณแห่งนี้ไม่รู้ว่าผ่านการเปลี่ยนแปลงมากี่มากน้อย เมืองเก่าแก่โบราณแห่งนี้ไม่รู้ว่าผ่านการรื้อทิ้งและสร้างขึ้นใหม่มากี่ครั้ง สิ่งปลูกสร้างจำนวนเท่าไรที่อยู่ภายในเมืองเก่าแก่โบราณแห่งนี้ได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงมาอย่างมากมาย และภายในเมืองที่เก่าแก่โบราณแห่งนี้ไม่รู้ว่ามีมนุษย์ปุถุชนธรรมดาจำนวนเท่าไรคือการทดแทนของแต่ละยุคสมัย…
แต่ว่า ไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรก็ตาม เมืองเก่าแก่โบราณแห่งนี้ก็ยังคงอยู่ ขอเพียงระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงยังคงอยู่ ขอเพียงแหล่งต้นกำเนิดสัจธรรมที่ผู้เฒ่ากำแหงเปิดเอาไว้ยังคงอยู่ เช่นนั้นแล้วเมืองที่เก่าแก่โบราณเมืองนี้ก็ตะยังคงอยู่!
ทอดสายตามองออกไปในลานหลวง มองเห็นภูเขาที่ขึ้นลงสลับ บ้านเรือนจำนวนนับไม่ถ้วน ประชาชนที่อาศัยอยู่ตรงนี้นั้นมีจำนวนสิบล้านถึงล้านล้านคน ด้วยเมืองเก่าแก่โบราณที่กว้างขวางใหญ่โตเช่นนี้ เรียกมันว่าเมืองเก่าแก่โบราณมิสู้เรียกมันว่าเป็นแคว้นโบราณน่าจะเหมาะสมยิ่งกว่า
บริเวณใจกลางลานหลวงมีสิ่งปลูกสร้างโบราณ ลักษณะน่าเกรงขามอยู่เหนือเก้าชั้นฟ้า ที่ตรงนี้ก็คือศูนย์กลางอำนาจของศูนย์กลางระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง หรือก็คือพระราชวังของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงนั่นเอง
บางทีในแต่ละรุ่นที่ผ่านมา ผู้ที่มีอำนาจและอิทธิพลในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงไม่แน่เสมอไปว่าจะต้องเป็นกษัตริย์ผู้กุมอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง และไม่แน่ว่าจะต้องเป็นราชวงศ์ที่กุมอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเสมอไป
แต่ว่า นโยบาย คำสั่งจำนวนมากที่เป็นตัวแทนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ท้ายที่สุดแล้วก็จะออกจากที่ตรงนี้ อีกทั้งต่อให้ผู้ที่มีอำนาจและอิทธิพลมากที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ต่างก็คาดหวังว่า สักวันหนึ่งจะได้เข้าครอบครองพระราชวังแห่งนี้ จะอย่างไรเสียมีเพียงสถานที่ตรงนี้ที่จะเป็นตัวแทนของอำนาจและอิทธิพลสูงสุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงอย่างแท้จริง ที่ตรงนี้จึงจะเป็นตัวแทนระบบสืบทอดสันตติวงศ์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของลานกำแหงที่แท้จริง
ต่อให้มีอำนาจอิทธิพลเพียงใด มีกำลังเช่นใดนอกพระราชวังก็ตาม แต่หากว่าไม่สามารถเข้าครอบครองพระราชวังนี้ล่ะก็ เมื่อเป็นเช่นนั้น จะอย่างไรเสียบุคคลนั้นก็จะไม่ใช่ระบบสืบทอดสันตติวงศ์ เนื่องจากแหล่งต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงอยู่ในพระราชวังแห่งนี้นั่นเอง!
ย่อมสามารถประเมินได้ว่า กล่าวสำหรับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงแล้ว ตัวของพระราชวังมีความสำคัญเพียงใด ช่างสูงส่งเช่นใด
รถม้ารวดเร็วเหมือนดั่งสายฟ้าแลบ วิ่งฮ่อเข้าไปยังลานหลวง เมื่อวิ่งฮ้อเข้าไปยังลานหลวง และวิ่งฮ่ออยู่ท่ามกลางลานหลวงที่กว้างใหญ่ไพศาลและคึกครื้นอย่างยิ่ง ไม่ว่าใครก็ดูจะเล็กจิ๋วอะไรเช่นนั้น และพลันหลอมรวมเข้าไปอยู่ในฝูงชนทันที
จูซือจิ้งมองดูลานหลวงที่เสมือนดั่งแคว้นโบราณที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารด้านล่าง ถึงกับตื่นเต้นหวั่นไหว ก่อนหน้านั้นนางอาศัยอยู่แต่สำนักกระบี่ยักษ์ที่เป็นพื้นที่ทุระกันดาร วันนี้ได้มาถึงลานหลวงมันคือบ้านนอกที่เพิ่งเข้ากรุงโดยแท้ กระทั่งตื่นเต้นยิ่งกว่าบ้านนอกที่เพิ่งเข้ากรุงเสียอีก
หลี่ชิเย่เพียงมองแวบเดียว ยิ้มเฉยเมยแล้วหลับตาพักผ่อนกายา ในขณะนี้อยู่ใกล้กับแหล่งต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเข้าไปทุกที เขายิ่งรับรู้ได้ถึงพลังของแหล่งต้นกำเนิดสัจธรรมที่เปิดโดยผู้เฒ่ากำแหงในครั้งนั้น พลังเช่นนี้ทรงพลังยิ่งนัก
อีกทั้งพลังเช่นนี้ดูจะสนิทสนมกับหลี่ชิเย่ยิ่งนัก สิ่งนี้นอกจากเป็นเพราะหลี่ชิเย่ได้ครอบครองความทรงจำทุกอย่างของผู้เฒ่ากำแหง ได้ครอบครองกฎเกณฑ์สัจธรรมทุกอย่างของผู้เฒ่ากำแหงอยู่ในทะเลแห่งความรู้ และความลึกซึ้งและยอดเยี่ยมของสัจธรรมแล้ว ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ สัจธรรมของเขานั้นมีเพียงหนึ่งในหล้าเท่านั้น
สัจธรรมที่หลี่ชิเย่สร้างขึ้นมานั้นใช่เพียงแค่พลิกหน้าศักราชที่ใหม่ทั้งหมด อีกทั้งสัจธรรมของเขาจะเดินอยู่ด้านหน้าสุด ในอนาคตกระทั่งแซงล้ำหน้าระบบการฝึกของแดนสามเซียน!
ด้วยเหตุนี้แอง เมื่อหลี่ชิเย่บรรลุสิ่งหนึ่งก็สามารถบรรลุทุกสิ่ง ขอเพียงในใจของเขามีสัจธรรม ก็สามารถควบคุมระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิในฟ้าดินนี้ได้ทั้งหมด การที่พลังของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเข้าใกล้กับเขามากมายเช่นนี้ นับว่าไม่เกินเลยแม้แต่น้อยนิด เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว
สุดท้ายแล้ว รถม้าวิ่งเข้าไปในพระราชวัง จูซือจิ้งรู้สึกแทบหายใจไม่ออก เมื่อได้เห็นพระราชวังเป็นครั้งแรก เนื่องจากพลังที่น่าเกรงขามของพระราชวังเป็นหนึ่งเดียวในหล้า พลันสร้างความหวั่นไหวให้กับนาง
ยิ่งกว่านั้น เมื่อได้เห็นพระราชวังทั้งหลังที่มีพลังคลบอบอวล พลังของสัจธรรมมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง น่าเกรงขามดั่งมหาสมุทร ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้เห็นพระราชวังหลังนี้แล้ว ก็ต้องถูกพลังที่น่ากลัวยิ่งนี้สยบและสังหาร
หลี่ชิเย่เพียงยิ้มเฉยเมย สงบและสบายอกสบายใจขณะมองดูพระราชวังที่อยู่ตรงหน้า
เนื่องจากฐานะของหลี่ชิเย่ยังไม่ได้รับการยืนยัน หยางเซิ่นผิงก็ไม่กล้าเข้าวังอย่างเอิกเกริกนัก ได้แต่แอบเข้าไปทางประตูด้านข้าง อีกอย่าง ลำพังอาศัยคำพูดคำเดียวของหยางเซิ่นผิงก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเรียกบุคคลผู้กุมอำนาจอยู่ในมือของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงทั้งหมดมาให้การต้อนรับหลี่ชิเย่ ในฐานะบรรพบุรุษที่ฟื้นคืนชีพกลับมาได้
หยางเซิ่นผิงรับเอาหลี่ชิเย่เข้าไปอยู่ในห้องโถงด้านข้างพระราชวัง และปรนนิบัติให้หลี่ชิเย่ได้นั่งลง
“ท่านบรรพบุรุษ คลื่นใต้น้ำลานหลวงปรากฏ พระนางก็ยังไม่ได้ควบคุมสถานการณ์ ไม่สามารถจัดพิธียิ่งใหญ่ให้การต้อนรับ ขอท่านบรรพบุรุษโปรดอภัย” ภายในใจของหยางเซิ่นผิงสั่นงันงก ประการแรกเขากังวลว่าหลี่ชิเย่จะโกรธ ประการที่สอง ท่ามกลางลานหลวงแห่งนี้เขาเป็นเพียงตัวประกอบตัวน้อยๆ เท่านั้นเอง ไม่ว่าขั้วอิทธิพลใดๆ ก็สามารถฉีกร่างของเขาให้ละเอียดได้ตามอารมณ์ทั้งนั้น! ไอลีนโนเวล
“ช่างเถอะ” หลี่ชิเย่นั่งลงบนเก้าอี้มังกรด้วยท่าทีที่ไม่เกรงใจกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ให้นางมาพบข้า”
แม้ว่าหลี่ชิเย่จะไม่มีท่าที่ที่สะเทือนฟ้า แต่เมื่อเขาทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้มังกรนั้น ได้บังเกิดสิ่งที่สยบจิตใจผู้คนขึ้นกะทันหัน ไม่โกรธแต่เปี่ยมด้วยอำนาจ แม้ว่าเวลานี้เขาจะเรียบเฉยมาก แต่ยังคงทำให้ผู้ที่พบเห็นถึงกับขนลุกซู่ในใจ ขาทั้งสองข้างอ่อนแรง
จะอย่างไรเสียหลี่ชิเย่คือผู้อยู่ในฐานะผู้ควบคุมจักรวาล เป็นคนโหดที่เข่นฆ่ามาทั้งเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน เขาไม่จำเป็นต้องเปล่งพลังใดๆ ออกมา ขอเพียงเขามีท่าทีที่จริงจังขึ้นมาก็เพียงพอที่จะทำให้ผุ้คนต้องตกใจกลัวจนแทบหัวใจวาย
“ข้า ข้าน้อยไปทูลเดี๋ยวนี้ ขอท่านบรรพบุรุษโปรดรอสักครู่” เมื่อหยางเซิ่นผิงเห็นหลี่ชิเย่นั่งลงตรงนั้น ถึงกับขนลุกซู่ในใจ รู้สึกเสียวสันหลัง และขาทั้งสองข้างอ่อนแรง
เมื่อหยางเซิ่นผิงได้สติกลับมาแล้วจึงรีบไปขอความเห็น ความจริงแล้วอาศัยฐานะของหยางเซิ่นผิงในเวลานี้ไม่สามารถเข้าเฝ้าได้โดยตรง จะอย่างไรเสียเฉกเช่นยอดฝีมือระดับวีรบุรุษแท้จริงเช่นเขานั้น ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงแม้มีไม่ถึงหนึ่งหมื่นคนก็ต้องมีแปดพันคน บุคคลอย่างเขาเป็นไปได้อย่างไรที่จะไปเข้าเฝ้าราชินีของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงได้โดยตรงเล่า
หลังจากผ่านไปนานมาก ราชินีของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงจึงได้ให้หยางเซิ่นผิงเฝ้า หยางเซิ่นผิงรีบแสดงคารวะและกล่าวด้วยความนอบน้อมว่า “พระนาง ผู้ที่พระนางต้องการได้มาถึงแล้ว”
“ดี เคลื่อนขบวน ข้าจะไปพบกับเขา ดูว่าเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม” เมื่อได้ยินคำพูดจากหยางเซิ่นผิงแล้ว ราชินีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงจึงสั่งการทันที
ราชินีของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงคือตระกูลหวัง นางถือกำเนิดในจวนหวังของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ขณะที่จวนหวังคือหนึ่งในสี่ขั้วอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง
ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงคือชื่อเรียกโดยรวมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิๆ หนึ่ง ทุกๆ สำนักภายใต้ฟ้าดินแห่งนี้ล้วนแล้วแต่กำเนิดมาจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงทั้งสิ้น และล้วนแล้วแต่สามารถเรียกว่าเป็นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงได้
ขณะที่ผู้กุมอำนาจปกครองระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิทั้งหมดก็คือพระราชวัง ดังนั้น บุคคลหรือสำนักที่เข้าครอบครองพระราชวังก็สามารถได้รับการยกย่องว่าเป็นราชวงศ์
แม้ว่าสามารถได้รับการยกย่องว่าเป็นราชวงศ์ แต่ทว่าอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงหาใช่เป็นถ่ายทอดรุ่นสู่รุ่น พ่อถ่ายทอดให้ลูก หรือสืบต่อชั่วลูกหลาน
ในอีกความหมายหนึ่ง กษัตริย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงมาจากการคัดเลือกในแต่ละยุคสมัย โดยมาจากการเห็นพ้องต้องกันเป็นเอกฉันท์จากกลุ่มขั้วอำนาจต่างๆ แม้จะกล่าวว่า กษัตริย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงหาใช่เป็นผู้ที่มีอำนาจและอิทธิพลที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเสมอไป แต่ทว่า เขาสามารถเป็นตัวแทนระบบสืบทอดสันตติวงศ์ระบบสืบทอดสันตติวงศ์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงทั้งหมดได้อย่างแน่นอน ดังนั้น ต่อให้บุคคลอื่นที่มีอำนาจและอิทธิพลมากกว่า ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ไปกระทบต่อระบบสืบทอดสันตติวงศ์นี้ได้ มิฉะนั้นแล้วอาจถูกขับไล่ได้
จะอย่างไรเสีย หากทุกคนล้วนแล้วแต่สามารถโจมตีหรือกระทบต่อระบบสืบทอดสันตติวงศ์ได้ล่ะก็ เมื่อเป็นเช่นนั้นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงโดยรวมก็จะไม่สามารถสืบทอดต่อไปได้ โดยระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงถูกควบคุมโดยกฎเกณฑ์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่บัญญัติขึ้นมาด้วยตนเองโดยผู้เฒ่ากำแหง มีอำนาจสูงสุดในตัวของมัน
ราชินีมีนามว่าหวังหาน มีชาติกำเนิดมาจากจวนหวัง ขณะที่กษัตริย์ที่สวรรคตก็คือพระสวามีของนาง ซึ่งหาใช่เป็นชายชราที่มีผมเผ้าขาวโพลน ตรงกันข้าม เขากลับเป็นชายวัยกลางคนๆ หนึ่ง กลับจะต้องสวรรคตอย่างกะทันหัน
กษัตริย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงไม่ได้มีชาติกำเนิดมาจากขั้วอำนาจใหญ่ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง แต่เขาได้ภรรยาดี บวกกับตัวเขามีความสามารถโดดเด่น ได้รับการยอมรับจากกลุ่มต่างๆ ดังนั้น จึงได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งของกษัตริย์
แน่นอนที่สุด ผู้ที่มีความแข็งแกร่งยิ่งและอยู่เบื้องหลังของกษัตริย์ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงยังคงเป็นจวนหวัง เวลานี้เกิดสวรรคตอย่างกะทันหัน กล่าวสำหรับหวังหานแล้วนับว่าส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวง และส่งผลกระทบต่อจวนหวังมากมายเช่นกัน
กล่าวสำหรับจวนหวังของพวกเขาแล้ว คิดจะบ่มเพาะผู้ที่มีคุณสมบัติเข้าครอบครองพระราชวังสักคนใช่เป็นเรื่องง่ายดาย ซึ่งไม่เพียงต้องมีกำลังที่แข็งแกร่งมากพอ ขณะเดียวกันก็ต้องสามารถสยบเป็นที่ยอมรับของทุกคนได้
เวลานี้กษัตริย์สวรรคต คนแรกที่ได้รับผลกระทบได้แก่จวนหวังของพวกเขา ภายในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ไม่รู้ว่ามีผู้ที่จ้องตาเป็นมันอยู่จำนวนเท่าไร ไม่รู้ว่ามีต้องการแย่งชิงสิทธิ์ในการครอบครองในฐานะตัวแทนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงอยู่จำนวนเท่าไร
ดังนั้น เมื่อกษัตริย์สวรรคตแล้ว หวังหานในฐานะราชินีจึงต้องแบกรับความกดดันที่สูงมาก ไม่ว่าเพื่อระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงหรือว่าเพื่อจวนหวังของพวกเขา พวกเขาก็ต้องยุติสภาพความวุ่นวายที่เกิดขึ้นตรงหน้าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงให้ได้ มิฉะนั้นแล้วการว่างเว้นกษัตริย์เพียงวันเดียวก็จะต้องเกิดความวุ่นวายขึ้นมาได้
แน่นอนที่สุด กล่าวสำหรับจวนหวังของพวกเขาแล้ว พวกเขาย่อมคาดหวังให้กษัตริย์รุ่นต่อไปยังคงมาจากจวนหวังของพวกเขา!
แต่ว่า เวลานี้จวนหวังของพวกเขาก็ยากที่จะมีผู้ที่สามารถรับตำแหน่งนี้ได้ ซึ่งก็คือสิ่งที่หวังหานและจวนหวังปวดเศียรเวียนเกล้ามากที่สุด
หากเป็นก่อนหน้านั้น บุคคลอย่างหยางเซิ่นผิงบอกว่าพวกเขาพบเจอบรรพบุรุษที่ฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาใหม่ เขาจะต้องถูกเฉดหัวออกไปอย่างแน่นอน กระทั่งอาจถูกขับไล่ก็เป็นได้
แต่ว่า ภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบากของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ถ้าหากมีบรรพบุรุษผู้หนึ่งฟื้นคืนชีพขึ้นมาจริงล่ะก็ ย่อมไม่ต้องสงสัยว่าจะนำมาซึ่งความหวังให้กับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงทั้งหมดโดยรวม และนำมาซึ่งโอกาสฟ้าประทานให้กับจวนหวังของพวกเขาด้วย
ด้วยเหตุนี้เอง หวังหานจึงยอมเสี่ยงกับอันตรายที่ใหญ่หลวงยิ่ง ให้หยางเซิ่นผิงเชิญบรรพบุรุษที่ฟื้นคืนชีพผู้นี้เข้าวัง
จะอย่างไรเสียพวกเขายังไม่สามารถรู้ได้ว่าบรรพบุรุษผู้นี้เป็นตัวจริงหรือตัวปลอม หากเกิดเป็นตัวปลอมขึ้นมา ไม่เพียงเป็นการสร้างโอกาสให้กับขั้วอำนาจกลุ่มอื่นๆ ขณะเดียวกันก็เกรงว่าจะเป็นไส้ศึกที่ส่งมาจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิอื่นๆ
กล่าวได้ว่า การที่หวังหานอนุญาตให้หยางเซิ่นผิงนำบรรพบุรุษที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่โดยที่มีประวัติความเป็นมาไม่ชัดเจนเข้าวัง นับว่านางได้เสี่ยงกับภัยอันตรายอย่างใหญ่หลวงเลยทีเดียว
……………………..