ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ตอนที่ 2140 พลิกหน้า ‘ตำรากาย’ อีกครั้ง

ตอนที่ 2140 พลิกหน้า ‘ตำรากาย’ อีกครั้ง

บรรดาผู้อาวุโสรุ่นบุกเบิกที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองตากันและกันเมื่อได้ยินคำพูดของหวังหาน การสวรรคตของกษัตริย์ไม่เป็นผลดีต่อสายของจวนหวังอยู่แล้ว หากพลาดโอกาสเช่นนี้ไปอีก มีความเป็นได้ที่สายของจวนหวังพวกเขาต้องออกจากศูนย์กลางอำนาจระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง

ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงสืบทอดต่อกันมาเป็นล้านล้านปี เคยเปลี่ยนราชวงศ์มาแล้วครั้งแล้วครั้งเล่า ท่ามกลางกาลเวลาที่ยาวนานมานี้ ราชวงศ์ที่ปกครองระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงไม่รู้ว่าเปลี่ยนมาแล้วมากมายเท่าไร และไม่รู้ว่ามีสำนักที่ยิ่งใหญ่แข็งแกร่งมากมายเท่าไร สุดท้ายแล้วต้องเสื่อมตามกันไปในที่สุด กลับกลายเป็นสายย่อย หรือกลายเป็นส่วนปลายสุดส่วนหนึ่งของระระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงทั้งหมด

บนแผ่นดินระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงในปัจจุบัน มีสำนักต่างๆ ตั้งอยู่มากมายดั่งดอกเห็ด ในจำนวนนั้นก็มีสำนักที่มีกำลังกล้าแข็งเช่นกัน แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกมันเป็นเพียงสายแยกของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง เป็นเพียงกิ่งหรือใบของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงที่เป็นต้นไม้สูงเสียดฟ้าเท่านั้น

ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงในทุกวันนี้ ขั้วอำนาจที่สามารถบงการสถานการณ์ได้อย่างแท้จริงมีเพียงสี่ขั้วอำนาจใหญ่เท่านั้น จวนหวังของพวกเขาก็คือหนึ่งในนั้น

ขั้วอำนาจใหญ่ทั้งสี่ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงมีดังนี้คือ จวนหวัง กองกำลังซั่ง หอศักดิ์สิทธิ์ และค่ายฉู่

พวกเขาที่เป็นขั้วอำนาจใหญ่ทั้งสี่คือผู้ที่มีกำลังกล้าแข็งสี่สายในบรรดาสำนักต่างๆ จำนวนมากมายภายใต้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง พวกเขาทั้งสี่สายล้วนแล้วแต่เคยให้กำเนิดราชันแท้จริงมาแล้ว กระทั่งมีสายที่ให้กำเนิดราชันแท้จริงมาแล้วมากกว่าหนึ่ง แน่นอน ราชันแท้จริงที่ขั้วอำนาจใหญ่ทั้งสี่สายให้กำเนิดมานั้น ล้วนแล้วแต่ไม่เคยแซงล้ำหน้าบรรพบุรุษกำแหงไปได้

การที่จวนหวังสามารถก้าวเดินมาจนถึงวันนี้ สามารถกลายเป็นหนึ่งในเส้นชีพจรใหญ่ที่สามารถบงการสถานการณ์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงได้ นับว่าพวกเขามีศักยภาพที่แข็งแกร่งมาก สามารถก้าวเดินมาจนถึงวันนี้ก็นับว่าไม่ง่ายนัก

แต่ว่า ภายในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงนั้น ไม่รู้ว่ามีสำนักจำนวนเท่าไรที่จ้องมองถึงการมีอำนาจในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงตาเป็นมัน ถ้าหากจวนหวังของพวกเขาก้าวเดินพลาดแม้เพียงก้าวเดียว ไม่แน่นักอาจจะต้องตกต่ำลง กระทั่งต้องถอยออกห่างจากอำนาจนับแต่นี้เป็นต้นไป

“แต่ว่า เรื่องนี้ก็ไม่ควรเสี่ยงมากเกินไป” ผู้อาวุโสรุ่นบุกเบิกผู้หนึ่งกล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “ถ้าหากคนผู้นี้เป็นบรรพบุรุษตัวปลอม โดยเฉพาะมีจุดประสงค์ต่อต้นกำเนิดสัจธรรมของพวกเราล่ะก็ เช่นนั้นแล้วเกรงว่าจะส่งผลร้ายต่อต้นกำเนิดสัจธรรมของพวกเรา เมื่อถึงขั้นนั้น เกรงว่าสายของจวนหวังพวกเราไม่เพียงเป็นแค่คนบาป ผิดต่อบรรพบุรุษ กระทั่งอาจต้องถูกเนรเทศเพราะเรื่องนี้ และไม่มีโอกาสแก้ตัวได้อีกต่อไป”

คำพูดของผู้อาวุโสรุ่นบุกเบิกผู้นี้ ทำให้บรรดาผู้อาวุโสรุ่นบุกเบิกคนอื่นๆ ล้วนแล้วแต่ต้องเงียบขรึม เมื่อเอ่ยถึงเรื่องเนรเทศแล้ว สำนักกระบี่ยักษ์คือตัวอย่าง ในอดีตสำนักกระบี่ยักษ์ก็เคยกล้าแข็งมาก ภายหลังตกต่ำลง และยังทำความผิดใหญ่หลวงซ้ำอีก จึงถูกเนรเทศไปยังดินแดนที่ห่างไกลความเจริญมากที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง

ถ้าหากจวนหวังของพวกเขาจะต้องมีวันนั้นจริงๆ ล่ะก็ เรียกได้ว่าไม่มีวันที่จะกลับมาได้อีก

“ให้บรรพบุรุษต้นกำเนิดสัจธรรมพิสูจน์เท็จจริงได้หรือไม่?” เวลานี้หวังหานนึกวิธีหนึ่งได้ และกล่าวว่า “ถ้าหากจะมีผู้ที่สามารถพิสูจน์เท็จจริงได้จริงๆ จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากบรรพบุรุษที่เฝ้ารักษาต้นกำเนิดสัจธรรมแล้ว”

คำพูดของหวังหานทำให้บรรดาผู้อาวุโสรุ่นบุกเบิกที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับมองตากันและกัน ย่อมไม่ต้องสงสัย ในบรรดาบรรพบุรุษผู้แข็งแกร่งมากที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงแล้ว ย่อมต้องเป็นบรรพบุรุษผู้เฝ้ารักษาต้นกำเนิดสัจธรรม บรรพบุรุษผู้เฝ้ารักษาต้นกำเนิดสัจธรรมไม่เพียงแข็งแกร่งเท่านั้น ทั้งยังมีฐานะที่สูงส่งในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง หากสามารถได้รับการยอมรับจากบรรพบุรุษผู้เฝ้ารักษาต้นกำเนิดสัจธรรม เช่นนั้นแล้ว บรรพบุรุษผู้ฟื้นคืนชีพขึ้นใหม่ก็จะไม่มีปัญหาอย่างสิ้นเชิงแล้ว

“บรรพบุรุษผู้เฝ้ารักษาต้นกำเนิดสัจธรรมไม่แน่เสมอไปว่าจะยืนอยู่ข้างจวนหวังของพวกเรา” ผู้อาวุโสรุ่นบุกเบิกอีกคนกล่าวขึ้นช้าๆ

เมื่อได้ยินคำเตือนจากผู้อาวุโสรุ่นบุกเบิกผู้นี้แล้ว บรรดาผู้อาวุโสรุ่นบุกเบิกคนอื่นๆ พลันเข้าใจในทันที ถ้าหากว่าบรรพบุรุษผู้ฟื้นคืนชีพขึ้นใหม่เป็นจริงก็จะยอดเยี่ยมที่สุดเลย อนาคตจะต้องสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง

บรรพบุรุษเช่นนี้คือเนื้อชิ้นมันก้อนโตอย่างแน่นอน ไม่พียงเป็นผู้กุมอำนาจใหญ่ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง กระทั่งอาจส่งผลกระทบต่อระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงไปอีกหลายยุคหลายสมัย จวนหวังของพวกเขาย่อมจะต้องเกาะ ต้องประจบสรอพลอบรรพบุรุษเช่นนี้เอาไว้ แน่นอน ต้องคอยห้อมล้อมอยู่ข้างกายของเขาเอาไว้ จะไม่ยอมให้ขั้วอำนาจอื่นๆ แย่งไปได้อย่างเด็ดขาด

ดังนั้น ถ้าหากบรรพบุรุษผู้นี้เป็นตัวจริง จวนหวังของพวกเขาไหนเลยจะยกให้คนอื่นไปได้ พวกเขาจะต้องประจบเอาไว้และปีนขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่ต้นนี้ก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากันทีหลัง

“เชิญบรรพบุรุษของพวกเรามาพิสูจน์ดู” สุดท้ายแล้วผู้อาวุโสรุ่นบุกเบิกผู้นี้มีความเห็นแล้วและกล่าวว่า “บรรพบุรุษของพวกเราเป็นระดับเทพแท้จริง มีความรู้ประสบการณ์ไม่ธรรมดาเลย! เขาย่อมสามารถแยกแยะได้ดีกว่าพวกเรา! ขอเพียงบรรพบุรุษสามารถแยกแยะเท็จจริงออกมาได้ บรรพบุรุษผู้นี้จะเป็นผู้ที่สนับสนุนพวกเราได้เป็นอย่างดี จากนี้ไปพวกเราจวนหวังจะสนับสนุนเต็มที่ ถ้าหากเป็นตัวปลอม พวกเราก็สามารถปิดบังให้หายไปด้วยการสังหารเสีย เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะไม่มีใครล่วงรู้อีกเลย”

เมื่อหวังหานได้ฟังคำพูดเช่นนี้แล้วถึงกับนิ่งเงียบ ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือวิธีการที่ดีที่สุด แต่สัญชาตญาณบอกนางว่า นางเชื่อในตัวของหลี่ชิเย่ นางคิดว่าหลี่ชิเย่ต้องเป็นบรรพบุรุษผู้ฟื้นคืนชีพขึ้นใหม่จริงๆ แน่นอน และให้การไว้ใจและสนับสนุนหลี่ชิเย่โดยไม่มีเงื่อนไข

“บรรพบุรุษผู้นี้พวกเราต้องดูแลอย่างดีเป็นการชั่วคราวห้ามเสียมารยาท ดูแลให้ดี จะอย่างไรเสียคนเขามีฐานะที่สูงส่ง แต่ก็ไม่ควรให้ข่าวรั่วไหล หลังจากยืนยันเรื่องของฐานะแล้วค่อยตัดสินใจอีกที” สุดท้าย บรรดาผู้อาวุโสรุ่นบุกเบิกของจวนหวังต่างตัดสินใจเป็นเอกฉันท์

หวังหานได้แต่ทอดถอนใจออกมาเบาๆ นางได้แต่เห็นด้วยตามนี้ จะอย่างไรเสียลำพังอาศัยนางคนเดียวไม่สามารถบงการสถานการณ์ได้ ลำพังนางคนเดียวไม่สามารถเกลี้ยกล่อมบรรพบุรุษทั้งหมดของจวนหวังให้คล้อยตามได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหอศักดิ์สิทธิ์ ค่ายฉู่ และกองกำลังซั่งที่เป็นสามขั้วอำนาจใหญ่แล้ว ไอรีนโนเวล

หลี่ชิเย่ไม่ให้ความสำคัญแม้แต่น้อย และไม่อยากจะถามถึงว่า คนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงตัดสินใจว่าอย่างไร ถ้าหากเขาตั้งใจจะกุมอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงจริงๆ ล่ะก็ กล่าวสำหรับเขาแล้วเป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือเสียอีก ไม่มีความยากอะไรเลย อย่างไรก็ตาม เวลานี้หลี่ชิเย่ไม่ได้สนใจอะไรนักหนากับอำนาจอิทธิพลทำนองนี้

ช่วงเวลาที่หลี่ชิเย่อาศัยอยู่ในวังคนึงหานั้น ปรกติแล้วเวลาส่วนใหญ่ของเขาอยู่ที่การฝึกฝน ในขณะนี้ต้นอ่อนสัจธรรมบนพื้นดินที่อุดมสมบูรณ์ได้เจริญเติบโตกลายเป็นต้นไม้ต้นหนึ่งแล้ว

ในเวลานี้ต้นไม้ต้นดังกล่าวยังไม่ถือว่าเป็นต้นไม้ใหญ่ที่สูงเสียดฟ้า แต่ก็นับว่าสูงมากอยู่ ต้นไม้ทั้งต้นมีกิ่งก้านสาขาที่เคลื่อนไหวโอนเอนไปมา เปี่ยมด้วยความมีชีวิตชีวาและพลังชีวิต ตลบอบอวลด้วยกลิ่นอายความกลัดกลุ้มที่ไม่จางหาย

หลี่ชิเย่ได้ตั้งชื่อให้กับต้นไม้ต้นนี้ว่าต้นแรกเริ่มก่อนกำเนิดฟ้าดิน และสามารถเรียกว่าต้นสัจธรรม สำหรับกลิ่นอายที่แผ่กระจายออกมาจากต้นแรกเริ่มก่อนกำเนิดฟ้าดิน หลี่ชิเย่เรียกมันว่ากลิ่นอายแรกเริ่มก่อนกำเนิดฟ้าดิน

เนื่องจากกลิ่นอายแรกเริ่มก่อนกำเนิดฟ้าดินจะหมายรวมทุกสิ่ง ซึ่งหมายรวมถึงฟ้าดินที่ขมุกขมัว พลังจากสัจธรรมทั้งหมด อารมณ์ความรู้สึกและความปรารถนาเช่นมนุษย์ปุถุชนทั่วไป…ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่มีต้นกำเนิดมาจากตรงนี้ ดังนั้น หลี่ชิเย่จึงเรียกมันว่าแรกเริ่มก่อนกำเนิดฟ้าดิน!

ยิ่งกลิ่นอายแรกเริ่มก่อนกำเนิดฟ้าดินเข้มข้นมากเท่าไร ความมีชีวิตชีวาของต้นแรกเริ่มก่อนกำเนิดฟ้าดินก็จะมีความคึกคักมากยิ่งขึ้น ขอเพียงต้นแรกเริ่มก่อนกำเนิดฟ้าดินเจริญเติบโตจนถึงระดับหนึ่งได้แล้ว มันก็จะสุกงอมออกผลสัจธรรม เมื่อผลดังกล่าวสุกได้ที่แล้ว ก็จะบรรลุสัจธรรม

เส้นทางที่หลี่ชิเย่ก้าวเดินนั้น เป็นเส้นทางที่ไม่เคยมีใครก้าวเดินมาก่อน กล่าวได้ว่าเส้นทางที่เขาก้าวเดินนั้นไม่เคยมีมาก่อน

หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้บรรลุสัจธรรมของตนแล้ว เขาได้หยิบเอาตำราโบราณเล่มหนึ่งออกมา มันก็คือหนึ่งในเก้าตำราสวรรค์นพเก้า สิ่งที่ผู้คนในโลกอยากได้มาครอบครองยิ่ง ซึ่งก็คือตำรากายนั่นเอง!

เวลานี้ ‘ตำรากาย’ ปรากฏกลิ่นอายแรกเริ่มก่อนกำเนิดฟ้าดินตลบอบอวล ในเวลานี้เอง ‘ตำรากาย’ ได้กลับกลายเป็นเนื้อเดียวกัน มันไม่มีหน้าให้เปิด ไม่มีตัวอักษร โดยที่ ‘ตำรากาย’ ทั้งเล่มแลดูไปแล้วเหมือนเป็นก้อนอิฐก้อนหนึ่งอย่างนั้น

การที่ ‘ตำรากาย’ กลับกลายเป็นลักษณะเช่นนี้ในมือของหลี่ชิเย่นั้น เป็นเพราะหลี่ชิเย่ได้คิดค้นและสร้างระบบการฝึกที่ใหม่ทั้งหมดขึ้นมาได้แล้ว ดังนั้น ‘ตำรากาย’ ในมือของหลี่ชิเย่จึงกลายเป็นกลับคืนสู่ต้นกำเนิดดั้งเดิม ถ้าหากหลี่ชิเย่สามารถอาศัยกำลังพลิกเปิดหน้าขึ้นมาหน้าหนึ่ง เมื่อเป็นเช่นนั้น ‘ตำรากาย’ ก็จะทำการวิวัฒนาการเคล็ดวิชาที่ใหม่ทั้งหมดขึ้น จะไม่ใช่เป็น ‘ตำรากาย’ ที่เป็นแบบตัวอักษรหกคำเหมือนเช่นในอดีต!

ถ้าหากว่า วันใดที่สัจธรรมของหลี่ชิเย่บรรลุเป็นผลสำเร็จ วันนั้นก็จะบรรลุเสร็จสิ้นระบบการฝึกที่ใหม่ทั้งหมด ทั่วทั้งโลกาจะถูกบังคับให้เปิดหน้าศักราชที่ใหม่ทั้งหมด!

แว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น มือที่ชำนาญของหลี่ชิเย่คีบหนีบ ‘ตำรากาย’ เอาไว้ แต่ ‘ตำรากาย’ เป็นเนื้อเดียวกันไม่มีเป็นหน้าที่จะให้พลิกเปิดได้อยู่แล้ว

“เปิดออกมา…” หลี่ชิเย่ตวาดเสียงทุ้มต่ำทีหนึ่ง พริบตาเดียวนั่นเอง ทั่วทั้งร่างของเขาปรากฎกลิ่นอายแรกเริ่มก่อนกำเนิดฟ้าดินตลบอบอวล นาทีนี้เหมือนว่าตัวของเขาได้กลับกลายเป็นดึกดำบรรพ์ นาทีนี้หลี่ชิเย่เหมือนกลายเป็นปฐมบรรพบุรุษที่บุกเบิกฟ้าดิน เวลานี้กลิ่นอายแรกเริ่มก่อนกำเนิดฟ้าดินที่ไม่มีสิ้นสุดได้พุ่งเข้ามาต่อเนื่องไม่ขาดสาย ได้ยินเสียงดังจี๊ด จี๊ด จี๊ดกลิ่นอายแรกเริ่มก่อนกำเนิดฟ้าดินได้ปกคลุม ‘ตำรากาย’ จนมิด

ในขณะเดียวกัน ‘ตำรากาย’ ก็ได้ทำการดูดซับเอากลิ่นอายแรกเริ่มก่อนกำเนิดฟ้าดินที่ไหลมาอย่างไม่ขาดสาย เหมือนดั่งฟองน้ำที่ต้องการดูดซับเอากลิ่นอายแรกเริ่มก่อนกำเนิดฟ้าดินทั้งหมดจนแห้งอย่างนั้น

จังหวะที่กลิ่นอายแรกเริ่มก่อนกำเนิดฟ้าดินถูก ‘ตำรากาย’ ดูดซับไปไม่ขาดช่วงนั้น กิ่งก้านสาขาและใบของต้นแรกเริ่มก่อนกำเนิดฟ้าดินที่อยู่บนพื้นดินที่อุดมสมบูรณ์ได้โอนเอนไปมา โดยมีกลิ่นอายแรกเริ่มก่อนกำเนิดฟ้าดินที่ตลบอบอวลไม่ขาด แผ่กระจายออกมาอย่างไม่มีสิ้นสุด เหมือนว่านี่คือต้นกำเนิดของทุกสิ่ง มีกลิ่นอายแรกเริ่มก่อนกำเนิดฟ้าดินที่ไม่มีวันหมดสิ้นชั่วนิจนิรันดร์

ครั้น ‘ตำรากาย’ ได้ดูดซับกลิ่นอายแรกเริ่มก่อนกำเนิดฟ้าดินเอาไว้อย่างเพียงพอแล้ว มันได้หยุดการดูดซับต่อ เหมือนว่านาทีนี้มันกลับกลายเป็นอิ่มเอิบยิ่งนัก

แว้งค์…ดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง พริบตาเดียวนั่นเองต้นแรกเริ่มก่อนกำเนิดฟ้าดินได้ปรากฏประกายขึ้น และมีอักขระยันต์ลอยขึ้นมา เป็นอักขระยันต์ที่เป็นแบบใหม่ทั้งหมด แต่มันก็ดูเหมือนดึกดำบรรพ์อะไรอย่างนั้น เหมือนว่ามันคงอยู่มาตั้งแต่แรกเริ่มกำเนิดฟ้าดินมาแล้ว

ด้วยอักขระยันต์ที่มีความดึกดำบรรพ์เช่นนี้ แต่กลับดูเหมือนใหม่เอี่ยมอะไรอย่างนั้น เนื่องจากกลิ่นอายที่มันมีอยู่นั้นช่างน่าเกรงขาม และเปี่ยมด้วยพลังชีวิต เหมือนเป็นชีวิตใหม่อะไรอย่างนั้น

ขณะที่อักขระยันต์นี้ปรากฏขึ้นมาจากต้นแรกเริ่มก่อนกำเนิดฟ้าดินนั้น มันได้ไหลรินไปทั่วร่างของหลี่ชิเย่ ได้ยินเสียงดังตึง ตึง ตึง อักขระยันต์ทั้งหมดได้ถักทอเข้าด้วยกันและกลายเป็นกฎเกณฑ์ เป็นกฎเกณฑ์ที่ใหม่ทั้งหมดดุจดั่งเพิ่งออกมาจากเตาอย่างนั้น แต่กลับตลบอบอวลไปด้วยพลังของดึกดำบรรพ์ ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายแรกเริ่มก่อนกำเนิดฟ้าดิน

ชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง กฎเกณฑ์ใหม่ทั้งหมดที่ไหลรินอยู่ได้ไหลรินไปยังแขนของหลี่ชิเย่ แล้วค่อยๆ ไหลซึมออกมาจากปลายนิ้วของหลี่ชิเย่ ไหลเข้าไปใน ‘ตำรากาย’

จังหวะที่กฎเกณฑ์ใหม่ทั้งหมดแต่ละสายไหลรินเข้าไปยัง ‘ตำรากาย’ นั้น มองเห็น ‘ตำรากาย’ เริ่มเปล่งแสงออกมา แสงลักษณะเช่นนี้ได้ไหลรินอยู่ภายใน ‘ตำรากาย’ ไปทั่วทั้งเล่ม เหมือนว่ามันได้ทำการสลักตัวอักษรลงบน ‘ตำรากาย’ ทีละตัวๆ เหมือนว่านี่คือการเขียนตำราศักดิ์สิทธิ์ดึกดำบรรพ์เล่มหนึ่งอย่างนั้น

“เปิดออก…” เมื่อแสงดังกล่าวตลบอบอวลบน ‘ตำรากาย’ ทั่วทั้งเล่มนั้น หลี่ชิเย่คำรามเสียงทุ้มต่ำคำหนึ่ง ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ไพศาลของกลิ่นอายแรกเริ่มก่อนกำเนิดฟ้าดิน ทันใดนั้นหลี่ชิเย่เหมือนหลุดออกจากช่องว่างนี้ไปอย่างนั้น เขาได้สร้างโลกที่ใหม่เอี่ยมขึ้นมาโลกหนึ่ง

แรกเริ่มเดิมที ที่ตรงนี้ปราศจากสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น ขอเพียงหลี่ชิเย่บังเกิดความคิดขึ้นมา ก็ก่อเกิดดวงตะวันจันทราและดวงดาวขึ้นมา ต่อจากนั้นก็ปรากฏทางช้างเผือก จักรวาลที่ล้อมรอบ สรรพสัตว์ถือกำเนิดขึ้นมา

เสียงซ่าาาดังขึ้นเสียงหนึ่ง ท่ามกลางโลกที่ใหม่เอี่ยมทั้งหมด หลี่ชิเย่เป็นผู้บงการทุกสิ่ง ไม่มีสิ่งใด ไม่มีผู้ดำรงอยู่ในสถานะใดๆ สามารถต้านปณิธานของเขาได้ พริบตาเดียวนั่นเอง ‘ตำรากาย’ ปรากฏเสียงของหน้าตำราที่ถูกพลิกเปิดขึ้นมา เสียงลักษณะเช่นนี้ได้ดังก้องไปทั่วทุกๆ บทบาทของจักรวาลใหม่ทั้งหมด กลายเป็นเสียงที่เป็นนิรันดร์

…………………………………..

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

Status: Ongoing

สิบล้านปีก่อน หลี่ชีเย่ตัดไผ่เขียวขจีหนึ่งลำ   แปดล้านปีก่อน หลี่ชีเย่เลี้ยงปลาไนหนึ่งตัว ห้าล้านปีก่อน หลี่ชีเย่รับเลี้ยงเด็กสาวหนึ่งคน   วันนี้ ทันทีที่หลี่ชีเย่ตื่นขึ้น กิ่งไผ่เขียวบำเพ็ญตนจนกลายเป็นวิญญาณเทพ ปลาไนกลายร่างเป็นมังกรทอง เด็กสาวกลายเป็นจักรพรรดินีเก้าแดน  นี่คือเรื่องราวของการฝึกฝน เรื่องราวของเด็กหนุ่มปุถุชนที่มีชีวิตอมตะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท