แต่ทว่า แม้ฐานเต๋าของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะปรากฎประกายขึ้นมาก็ยังคงไร้ประโยชน์ ได้ยินเสียงตูม ตูม ตูมดังตูมตามขึ้นมาเป็นระลอกไม่ขาดสาย มองเห็นล้อยักษ์นั้นที่ยิ่งหมุนยิ่งเร็ว หลุมดำก็ยิ่งหมุนยิ่งเร็วตามไปด้วย เสมือนหนึ่งได้กลายเป็นสัตว์ดำบรรพ์ไปแล้วอย่างนั้น
สุดท้ายได้ยินเสียงตูมดังขึ้นเสียงหนึ่ง เหมือนเขื่อนที่ถูกฉีกขาดจนเป็นรอยแหว่ง ท้ายที่สุดได้เกิดเสียงตูมดังสนั่น พลังของฐานเต๋าทั้งหมดที่อยู่รอบๆ แคว้นว่านโซ่วถึงกับถูกฉีดขาดเอาดื้อๆ
มองเห็นพลังฐานเต๋าของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะดุจดั่งน้ำในแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวกรากพุ่งไปยังวงล้อยักษ์หลุมดำ ได้ยินเสียงช่าาา ช่าาา ช่าาาที่เป็นเสียงน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากดังขึ้นเป็นระลอก
ภายในระยะเวลาอันสั้น หลุมดำล้อยักษ์ถึงกับกลืนกินพลังของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิที่ไหลเข้ามาดั่งสายน้ำที่เชี่ยวกราก ทำให้หลุมดำมีขนาดใหญ่มากขึ้นๆ คล้ายเป็นสัตว์ยักษ์ที่กินจนอิ่มหนำสำราญอย่างนั้น
“นี่ นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน…” ไม่รู้ว่ายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะจำนวนเท่าไรที่ถูกทำให้หวั่นไหวเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว ถึงกับตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อขึ้นมาโดยพลัน
สมควรทราบว่า แคว้นว่านโซ่วเป็นเพียงแคว้นๆ หนึ่งภายใต้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะเท่านั้นเอง พื้นที่ทั้งหมดของแคว้นมีรากฐานที่ตั้งอยู่บนรากฐากของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ ที่สำคัญมากกว่านั้นก็คือ เคล็ดวิชาของแคว้นว่านโซ่วมีต้นกำเนิดมาจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ ถือเป็นสาขาย่อยของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ
ตามหลักการแล้ว แคว้นว่านโซ่วจะไม่สามารถสั่นคลอนต่อระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะได้ เนื่องจากถือเป็นคนละรุ่นอย่างสิ้นเชิง ต่อให้เคล็ดวิชาที่ราชันแท้จริงของแคว้นว่านโซ่วคิดค้นขึ้นมามีความฝืนลิขิตสวรรค์มากไปกว่านี้ก็ไม่สามารถแซงล้ำหน้าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะได้อยู่แล้ว จะอย่างไรเสียเซียนโอสถคือปฐมบรรพบุรุษ แม้ราชันแท้จริงจะแข็งแกร่งมากกว่านี้ ก็ยากที่จะล้ำหน้าปฐมบรรพบุรุษไปได้ เว้นแต่แคว้นว่านโซ่วจะให้กำเนิดราชันแท้จริงชั้นปฐมบรรพบุรุษได้
ความจริงแล้ว แคว้นว่านโซ่วไม่มีธาตุแท้ภายในลักษณะเช่นนี้ แต่ว่า ในขณะนี้แคว้นว่านโซ่วอาศัยพลังจากผู้คนทั้งแคว้นถึงกับสามารถสั่นคลอนต่อพลังของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ เรื่องเช่นนี้ช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวเพียงใด
“นี่มันไม่ใช่เคล็ดวิชาระดับเช่นแคว้นว่านโซ่วแล้ว” สีหน้าของผู้พเนจรหยางหมิงพลันเปลี่ยนไปเมื่อได้เห็นภาพนี้ กล่าวเสียงเย็นชาว่า “เคล็ดวิชาเช่นนี้ได้ล้ำหน้าปฐมบรรพบุรุษของแดนลัทธิพรรษไปแล้ว อย่างน้อยก็ต้องเป็นแดนลัทธิราชันขึ้นไป”
คำพูดลักษณะเช่นนี้ทำให้ผู้คนจำนวนมากสะท้านภายในใจ ชั้นปฐมบรรพบุรุษก็มีแบ่งแยกสูงต่ำ ย่อมไม่ต้องสงสัย ปฐมบรรพบุรุษของแดนลัทธิราชันย่อมเหนือกว่าปฐมบรรพบุรุษของแดนลัทธิพรรษอยู่มากทีเดียว
ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิส่วนใหญ่ที่อยู่ในแดนลัทธิพรรษส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่ก่อตั้งขึ้นโดยปฐมบรรพบุรุษของแดนลัทธิพรรษ เฉกเช่นระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิลานกำแหงที่เป็นระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิที่ตกต่ำนั้นเป็นข้อยกเว้น
เวลานี้แคว้นว่านโซ่วเป็นเพียงแคว้นๆ หนึ่งของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะเท่านั้น ถึงกับอาศัยเคล็ดวิชาที่สูงกว่าปฐมบรรพบุรุษของแดนลัทธิพรรษมาหลอมสร้างวงล้อขนาดยักษ์เช่นนี้ ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่ามีเบื้องหลังที่ไม่เป็นที่รับรู้เช่นใดแล้ว
ตูม ตูม ตูม…เสียงดังตูมตามดังขึ้นมาไม่ขาดสาย มองเห็นวงล้อยักษ์หลุมดำก็เหมือนกังหันน้ำที่กำลังหมุน ตักเอาพลังของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะที่ไหลเข้ามาอย่างไม่ขาดสายไป
“ผู้เยาว์ รับความตายเสียเถอะ วันนี้หุบเขาอมตะจะต้องล่มสลาย” ในเวลานี้ว่านโซ่วเหล่าจวินเปิดปากพูดออกมาแล้ว
เสียงตูม…ดังสนั่น ทันใดนั้นเอง วงล้อยักษ์หลุมดำที่หมุนวนได้พวยพุ่งลำแสงออกมาสายหนึ่ง ลำแสงสายดังกล่าวถึงกับเป็นลำแสงสีดำที่พันเข้าหาและหมุนไปด้วยกัน ลำแสงทุกสายที่ถักทอและหมุนวนแล้วพุ่งโจมตีออกมาจะคล้ายเป็นดอกสว่านขนาดใหญ่โตมโหฬาร สามารถทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าของมัน
ตูม ตูม ตูมชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง ฟ้าถล่มดินทลาย ขณะที่ลำแสงสายนี้พุ่งโจมตีเข้ามานั้น พื้นดินพลันถูกไถคราดจนกลายเป็นร่องลึกและใหญ่เส้นหนึ่ง เสมือนดั่งเป็นการฉีกระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะจนฉีกขาดอย่างนั้น ภูเขาหรือเทือกเขาทั้งหมดที่ขวางอยู่ด้านหน้าของมันถูกพุ่งเข้าทำลายจนกลายเป็นผุยผงไปในทันที
เมื่อมองดูจากบนท้องฟ้า ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดที่ขวางอยู่ด้านหน้าของลำแสงสายนี้ล้วนแล้วแต่ถูกทำลายไปในพริบตา มันเริ่มต้นจากแคว้นว่านโซ่วพุ่งตรงมาที่เรือนโอสถ ทิ้งร่องรอยที่เป็นร่องขนาดยักษ์เอาไว้ เป็นบาดแผลที่ไม่สามารถสมานกลับไปได้
ขั้นตอนระหว่างลำแสงสายนี้พุ่งโจมตีเข้ามา ได้ยินเสียงดังตูมดังสนั่นหวั่นไหว บรรดาสำนักที่บังเอิญขวางอยู่ด้านหน้าเส้นทางผ่านของมันพอดีก็จะถูกทำลายไปในฉับพลัน บรรดาสำนักขนาดเล็กและอ่อนแอเหล่านี้ไม่มีโอกาสแม้กระทั่งเปิดแนวป้องกันขึ้นมาก็ถูกทำลายไปแล้ว
ลำแสงลักษณะเช่นนี้น่าสยองขวัญมากเหลือเกิน อย่าว่าแต่สำนักขนาดเล็กเลย เกรงว่าแคว้นเจ้าลัทธิจำนวนมากหากถูกมันพุ่งเข้าโจมตีก็ต้านรับได้ไม่นาน ต้องกลายเป็นเถ้าธุลีไปภายใต้การโจมตีที่ดั่งสว่านเช่นนี้
ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อเมื่อได้เห็นภาพนี้ เสียงที่ดังดั่งฟ้าถล่มดินทลายดังตูม ตูม ตูมไม่ขาดสายเป็นพลังที่น่ากลัวเหลือเกิน ไม่ทันใดก็สามารถทำลายแคว้นเจ้าลัทธิได้อยู่เสมอๆ ช่างเป็นพลังที่น่ากลัวเพียงใด นาทีนี้ไม่มีใครสงสัยถึงความสามารถในการทำลายหุบเขาอมตะของพลังสายนี้
“โอ้แม่เจ้า นี่พลังของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะถูกแคว้นว่านโซ่วแย่งชิงไปแล้ว” แม้แต่ระดับบรรพบุรุษของสำนักเจ้าลัทธิยังถูกทำให้ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อไปทันที
พูดเสียยืดยาว ความจริงแล้วทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น นับตั้งแต่แคว้นว่านโซ่วเปิดใช้พลังยิ่งใหญ่ กระทั่งถึงลำแสงสายนี้ที่พุ่งโจมตีเข้ามามันก็แค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นเอง
เสียงตูม…ดังสนั่น ในพริบตาเดียวนั่นเอง ลำแสงสายนี้ได้ถูกยิงจากแคว้นว่านโซ่วมาถึงเรือนโอสถแล้ว และพุ่งเข้าหาหลี่ชิเย่โดยตรง
ขณะที่ลำแสงสายนี้ยิงเข้ามานั้น ด้านนอกของเรือนโอสถมีภูเขาขนาดสูงใหญ่จำนวนมากพลันถูกยิงทำลายจนแหลกละเอียดไป อานุภาพที่ทำลายฟ้าดินทำให้ผู้คนจำนวนมากขวัญหนีดีฝ่อ แม้แต่ระดับบรรพบุรุษยังตกใจจนหันหลังหลบหนีไปทันที
“มาแล้ว…” ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรบนแท่นโอสถที่ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว บรรดายอดฝีมือของสำนักต่างๆ ที่หันไปพึ่งพิงแคว้นว่านโซ่วถูกทำให้ตกใจจนนั่งลงกับพื้น ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่มีสีหน้าขาวซีด เนื่องจากแคว้นว่านโซ่วไม่เพียงต้องการยิงหลี่ชิเย่ให้ตายเท่านั้น พวกเขากระทั่งจะทำลายแท่นโอสถทั้งหมดไปด้วย
“น่าสนใจอยู่บ้าง” หลี่ชิเย่ยังคงเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อต้องเผชิญหน้ากับลำแสงที่ทำลายฟ้าดินเช่นนี้พุ่งโจมตีเข้ามา ท่าทางเหมือนไม่ใส่ใจโดยสิ้นเชิง
เสียงตูม…ดังสนั่นหวั่นไหว ภูเขาแต่ละลูกถูกยิงจนแหลกละเอียด ลำแสงที่น่ากลัวยังพุ่งโจมตีได้ถึง แต่คลื่นโจมตีที่น่ากลัวก็ได้ยิงโจมตีจนเศษหินดินทรายปลิวว่อนตั้งแต่พันลี้ก่อนหน้าแล้ว
“มาได้เหมาะ” หลี่ชิเย่คำรามเสียงยาว พริบตาเดียวนั่นเองปรากฏประกายพวยพุ่งออกมาทั่วตัว ผลสัจธรรมลูกสนได้ทิ้งแสงไฟจางๆ ลงมา ภายในร่างกายของหลี่ชิเย่คล้ายมีเชื้อไฟที่วูบวาบอยู่สายหนึ่ง ทันใดนั้นภายในร่างกายของหลี่ชิเย่เหมือนได้เปิดแหล่งต้นกำเนิดไฟที่ไม่มีวันดับเป็นนิรันดร์ขึ้นมา
ตูม…เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทันใดนั้นเองหลี่ชิเย่คล้ายกลับกลายเป็นเทพอัคคีองค์หนึ่ง เปลวไฟดั่งคลื่นยักษ์ ร่างของเขากลายเป็นโลกของอัคคีศักดิ์สิทธิ์
ตึงเสียงดังสนั่น ขณะที่ผู้คนจำนวนมากยังไม่ได้สติกลับมา โล่ยักษ์อันหนึ่งลงมาจากท้องฟ้า พลันขวางอยู่ด้านหน้าลำแสงที่พุ่งโจมตีมาจากแคว้นว่านโซ่ว
โล่ยักษ์อันนี้ดั่งทำจากโลหะ แต่เมื่อดูให้ละเอียดแล้วมันหาใช่โลหะ แต่เป็นโล่อัคคี บนโล่อัคคีได้สลักอักขระโบราณเอาไว้เป็นจำนวนนับไม่ถ้วน เหมือนว่าตัวอักขระโบราณเหล่านี้นี่แหละที่ทำการบีบอัดทะเลเพลิงของโลกๆ หนึ่งมาไว้อยู่ในโล่อัคคีอันนี้ ทำให้โล่อัคคีแลดูเหมือนทำมาจากโลหะ มีความแข็งแกร่งยิ่งและราบเรียบมาก
ตูม ตูม ตูมทันใดนั้นเอง เสียงตูมตามดังสะเทือนฟ้าดิน ที่ไม่น่าเชื่อก็คือ โล่อัคคีนี้ถึงกับต้านลำแสงที่พุ่งโจมตีเข้ามา แม้ว่าโล่อัคคีจะถูกดันให้ถอยไปทีละนิดๆ ภายใต้การโจมตีของลำแสง แต่มันสามารถต้านการพุ่งโจมตีเข้ามาของลำแสงได้อย่างแท้จริง
“นี่มันคืออะไร…” โล่อัคคีถึงกับต้านการโจมตีของลำแสงเอาไว้ได้ ทำให้ทุกคนต้องอ้าปากค้างและไม่อยากจะเชื่อ
“โล่เซียนเทพอัคคีย้อนอดีต…” แม้แต่ว่านโซ่วเหล่าจวินก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเมื่อมองเห็นโล่อัคคียักษ์อันนี้สามารถต้านลำแสงเอาไว้ได้ รู้สึกว่าไม่น่าเป็นไปได้
“อะไรนะ…” ผู้คนจำนวนมากต่างตระหนกตกใจเมื่อได้ยินคำพูดคำนี้ โดยเฉพาะบรรดาผู้ยิ่งใหญ่ที่มีชาติกำเนิดมาจากเผ่าไฟ ผู้แทนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนไม่น้อยล้วนแล้วแต่มีชาติกำเนิดมาจากเผ่าไฟ ถึงกับนั่งไม่ติดเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ พลันลุกขึ้นยืนและจ้องมองดูโล่ยักษ์อันนี้
“โล่เซียนเทพอัคคีย้อนอดีต…” ระดับบรรพบุรุษรู้สึกงงงันอย่างสิ้นเชิง เมื่อเห็นโล่เซียนที่หลี่ชิเย่เรียกมา อีกทั้งบรรพบุรุษผู้นี้ยังมีชาติกำเนิดมาจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่แข็งแกร่ง กล่าวด้วยท่าทีไม่อยากจะเชื่อว่า “เป็นไปได้อย่างไรที่เจ้า เจ้าสามารถเรียกสิ่งนี้ออกมาได้อย่างไรกันเล่า? นี่ นี่ นี่เป็นสิ่งที่มีความหมายลึกซึ้งของเผ่าไฟ!”
ผู้ยิ่งใหญ่เผ่าไฟที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างไม่กล้าเชื่อในสายตาของตนเอง มองดูโล่อัคคีนี้ด้วยความงุนงง เนื่องจากโล่อัคคีอันนี้คือสิ่งที่มีความหมายลึกซึ้งของเผ่าไฟของพวกเขา
“นี่ นี่มันเป็นไปไม่ได้ เจ้า เจ้าเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์แท้ๆ” มีผู้ยิ่งใหญ่ของเผ่าไฟรู้สึกว่าตัวเองเห็นผีเสียแล้ว
โล่เซียนเทพอัคคีย้อนอดีตคือความหมายอันลึกซึ้งของเผ่าไฟ ตามตำนานเล่าว่า ยามที่เผ่าไฟมีความแข็งแกร่งจนถึงระดับที่สุดยอดปราศจากผู้เทียบเทียมแล้ว จึงสามารถเรียกเอาความหมายที่ลึกซึ้งของเผ่าไฟออกมาได้
เซียนโอสถ ปฐมบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะก็เคยเรียกเอา ’โล่เซียนเทพอัคคีย้อนอดีต’ ออกมา แต่นั่นไม่ทำให้ผู้คนรู้สึกแปลกใจ เนื่องจากเซียนโอสถมีชาติกำเนิดมาจากเผ่าไฟอยู่แล้ว เขาเป็นถึงระดับปฐมบรรพบุรุษ สามารถเรียกหาความหมายที่ลึกซึ้งเผ่าไฟของตนได้ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว
ปัญหาคือหลี่ชิเย่เป็นเพียงเผ่าพันธุ์มนุษย์คนหนึ่งเท่านั้นเอง เผ่าพันธุ์มนุษย์คนหนึ่งก็สามารถเรียกหาความหมายที่ลึกซึ้งเผ่าไฟได้มันคือบ้าไปแล้ว โลกนี้สับสนยุ่งเหยิงโดยสิ้นเชิงไปแล้ว เหมือนว่าความรู้ทั่วไปทุกอย่างใช้การอะไรไม่ได้กับตัวของหลี่ชิเย่
“ยอดเยี่ยมมาก เจ้าสามารถควบคุมพลังของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะได้จริงๆ ที่แท้ปฐมบรรพบุรุษไม่เพียงกลั่นบูชาผืนแผ่นดินเท่านั้น ได้นำเอาความหมายที่ลึกซึ้งเผ่าไฟซ่อนอยู่ในผืนแผ่นดินเอาไว้ด้วย มิน่าเล่าเจ้าจึงเรียกหา ‘โล่เซียนเทพอัคคีย้อนอดีต!’ ออกมาได้” ว่านโซ่วเหล่าจวินก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ เวลานี้เขารู้สึกว่ามีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือเซียนโอสถได้นำเอาความหมายที่ลึกซึ้งเผ่าไฟซ่อนไว้ในผืนแผ่นดินของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ
ขณะที่หลี่ชิเย่ บังคับควบคุมพลังของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะได้ เวลานี้เขาสามารถเรียกหา ’โล่เซียนเทพอัคคีย้อนอดีต’ ออกมาได้ก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องแปลกอีกแล้ว
ผู้ยิ่งใหญ่จำนวนมากของเผ่าไฟจึงได้เข้าใจ เมื่อได้ฟังคำอธิบายของว่านโซ่วเหล่าจวิน ถ้าหากมนุษย์คนหนึ่งสามารถเรียกหาความหมายที่ลึกซึ้งเผ่าไฟของพวกเขาล่ะก็ รู้สึกว่ามันไร้เหตุผลสิ้นดี ต่อไปนี้เผ่าไฟไม่ต้องทำอะไรแล้ว ปล่อยให้เผ่าพันธุ์มนุษย์คนหนึ่งเข้าใจและพลิกแพลงใช้ความหมายที่ลึกซึ้งเผ่าไฟได้อย่างเต็มที่ มิเท่ากับเป็นการตบหน้าเผ่าไฟของพวกเขารึ?
“บอกได้แต่เพียงเจ้าโง่เกินไป คิดเองเออเอง” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมย แม้ว่า ’โล่เซียนเทพอัคคีย้อนอดีต’ ต้องถอยหลังไปเรื่อยๆ ภายใต้การพุ่งโจมตีของลำแสง เขายังคงไม่ได้ใส่ใจ
ความจริงแล้ว ว่านโซ่วเหล่าจวินเดาผิดไปจริงๆ เซียนโอสถไม่ได้นำเอาความหมายที่ลึกซึ้งเผ่าไฟซ่อนไว้ในผืนแผ่นดิน การที่หลี่ชิเย่สามารถเรียกหา ’โล่เซียนเทพอัคคีย้อนอดีต’ ได้นั้นเหตุผลง่ายมาก เป็นเพราะเขามี ‘เชื้อดึกดำบรรพ์หมื่นอัคคี’ อยู่ในครอบครอง!
………………………………………………..