หนึ่งกระบี่ที่ปราศจากผู้ต่อกรไม่ได้ขึ้นอยู่กับพลังวัตรแกร่งหรือด้อย และไม่ได้อยู่ที่ความลึกซึ้งยอดเยี่ยมของสัจธรรม ยิ่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับพลังอภินิหารของของวิเศษ หนึ่งกระบี่ที่ปราศจากผู้ต่อกร เป็นเพียงความเร็วเท่านั้นเอง
เมื่อความเร็วล้ำหน้าถึงขีดสูงสุดเท่ากับหลุดพ้นจากทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่จำเป็นต้องมีกระบวนท่า ไม่ต้องมีเคล็ดวิชา เพียงแค่หนึ่งกระบี่เท่านั้นเองก็สามารถสยบศัตรูได้
กระบี่ที่มีความเร็วเช่นนี้สร้างความหวาดกลัวจนขนลุกซู่แก่ผู้พบเห็น มีผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์จำนวนไม่น้อยที่เป็นระดับเทพแท้จริง กระทั่งมีเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์ ในใจของพวกเขาก็อดที่จะหวาดกลัวจนขนลุกซู่ไม่ได้เมื่อได้เห็นกระบี่นี้
เนื่องจากหนึ่งกระบี่นี้ช่างรวดเร็วเสียเหลือเกิน รวดเร็วจนเกินกว่าขอบเขตของพวกเขาไปแล้ว หากปะทะกันซึ่งหน้าอย่าว่าแต่ระดับเทพแท้จริงทั่วไปเลย ต่อให้เป็นเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์ก็ไม่กล้าบอกว่าตนเองนั้นสามารถรับมือกับกระบี่นี้ได้เต็มร้อย
ยามที่ความเร็วก้าวล้ำขีดความเร็วสูงสุดไปแล้ว เท่ากับเป็นการทำลายพันธนาการทุกสิ่งทุกอย่างไป แซงล้ำหน้าทุกๆ การเปลี่ยนแปลง ประดุจทุกๆ การเปลี่ยนแปลงภายใต้ความเร็วสูงสุดนี้ล้วนแล้วแต่กลับกลายเป็นไม่มีค่าคู่ควรจะกล่าวถึง
ไม่คุ้นเคยในโชคชะตาสัจธรรม ไม่ได้เข้าใจถึงความลึกซึ้งยอดเยี่ยมในระดับสูงสุด ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นเพียงเมฆที่ล่องลอยไปเท่านั้นเอง หลี่ชิเย่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ตรงนั้น กล่าวด้วยท่าทีเหนื่อยหน่าย
ในเวลานี้องค์ชายดาบมาร คุณชายพานหลง และเจี้ยนจุนต่างมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปมากทีเดียว ม่านตาหดลง แม้แต่องค์ชายดาบมารที่ได้ฝึกเคล็ดวิชาปฐมบรรพบุรุษก็มีท่าทีดูหนักแน่นจริงจังอย่างยิ่ง เหมือนพบศึกหนัก เผยให้เห็นท่าทีที่รู้สึกลนลานไม่น้อยทีเดียว
เนื่องจากพวกเขาก็ไม่มีความมั่นใจสำหรับกระบี่ต่อไป พวกเขาต่างไม่กล้าบอกว่าตัวเองสามารถรับมือกับกระบี่นั้นได้ ด้วยความรวดเร็วของกระบี่เช่นนี้ ถ้าหากรับไม่อยู่ล่ะก็หมายถึงต้องเสียชีวิตไปในกระบี่เดียว
แยกย้ายกันไปเถอะ ข้าจะไม่พูดซ้ำเป็นครั้งที่สอง หลี่ชิเย่พูดเอ้อระเหยเหมือนเป็นเรื่องที่ไม่คู่ควรจะกล่าวถึงว่า หากข้าลงมืออีกครั้งคร่าชีวิตแน่นอน
ในเวลานี้ ทุกคนล้วนแล้วแต่มองไปที่พวกขององค์ชายดาบมารสามคน พวกเขาต่างก็เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ถือเป็นสุดยอดอัจฉริยะบุคคลแห่งยุคของแดนลัทธิพรรษ ล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีสิทธิ์ได้ครอบครองราชันแท้จริงทั้งสิ้น แต่ เกรงว่าในขณะนี้พวกเขาจะต้องตัดสินใจเลือกทางใดทางหนึ่ง ไม่ก็ยอมอ่อนข้อ ไม่ก็เอาชีวิตของตนมาทิ้งไว้ที่นี่
เวลานี้ พวกขององค์ชายดาบมารสามคนถึงกับมองตากันและกัน พวกเขาไม่เต็มใจจริงๆ พวกเขาไม่เพียงไม่เต็มใจที่ปล่อยคุณชายผิงเฉิงไปในลักษณะเช่นนี้ จะอย่างไรเสียกล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว คุณชายผิงเฉิงในเวลานี้เปรียบเสมือนดั่งเนื้อบนเขียงสุดแล้วแต่พวกเขาจะเชือดเฉือน หากพลาดโอกาสอันดีในครั้งนี้ไป คราวหน้าไม่เห็นว่าจะมีโอกาสดีขนาดนี้อีกแล้ว
ที่ไม่เต็มใจยิ่งกว่าก็คือ ชั่วดีอย่างไรพวกเขาก็คือยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงโด่งดังแห่งยุค แม้ไม่กล้าบอกว่าปราศจากผู้ต่อกรทั่วหล้า แต่ในกลุ่มคนรุ่นใหม่แล้วก็นับว่าเป็นผู้ดำรงอยู่ในฐานะสูงสุด
แต่ว่าในเวลานี้ถูกหลี่ชิเย่สยบเช่นนี้เต่อหน้าผู้คนทั่วหล้า หากพวกเขายอมถอยและอ่อนข้อให้ จะส่งผลให้ชื่อเสียงของพวกเขาถูกทำลายสิ้น มันยากสำหรับพวกเขาที่จะกล้ำกลืนความอัปยศนี้ได้
จะอย่างไรเสียพวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นผู้สืบทอดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิๆ หนึ่งทั้งสิ้น กระทั่งเป็นผู้ปกครองระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิๆ หนึ่ง พวกเขาเคยถูกสยบเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน การสยบเช่นนี้กล่าวสำหรับพวกเขามันคือความอัปยศอย่างหนึ่ง
สุดท้าย พวกขององค์ชายดาบมารมองตากันและกันทีหนึ่ง กัดฟัน โดยมีเจี้ยนจุนพูดเย็นชาขึ้นมาว่า หากขุนเขายังคงอยู่ ไม่ต้องเกรงว่าจะไม่มีฟืน
นาทีนี้ ภายในใจของเจี้ยนจุนบังเกิดแนวความคิดอ่อนข้อ จะอย่างไรเสียเขาไม่มีความมั่นใจว่าสามารถรับกระบี่นี้ของหลี่ชิเย่เอาไว้ได้ ภายใต้หนึ่งกระบี่ที่รวดเร็วเช่นนี้เขาไม่มีความมั่นใจแม้แต่น้อยนิด หากรับไม่ได้ก็ต้องเสียชีวิตภายใต้กระบี่เดียว ในฐานะเป็นผู้กุมอำนาจของสุสานกระบี่ เขาไม่ต้องการเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่
ต่อให้ไม่สามารถสังหารคุณชายผิงเฉิงได้ในวันนี้ วันหน้าก็ยังมีโอกาส ขอเพียงพวกเขายังคงมีชีวิตอยู่ ก็มีโอกาสคิดบัญชีบุญคุณความแค้นกับคุณชายผิงเฉิง
พี่ผิงเฉิง วันนี้นับว่าท่านโชคดี เกรงว่าวันหน้าท่านคงไม่โชคดีเช่นนี้อีกแล้ว แม้ว่าคุณชายพานหลงจะไม่เต็มใจแต่ก็จนด้วยเกล้า ได้แต่ล่าถอยกลับไปอยู่ข้างๆ ด้วยความแค้นเคืองยิ่งนัก
องค์ชายดาบมารจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยท่าทีน่าเกรงขาม ไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักคำ จากนั้นเหินฟ้าขึ้นและหายไปยังเส้นขอบฟ้าในพริบตา
ตึงเสียงหนึ่งดังขึ้น เจี้ยนจุนเก็บดาบกลับเข้าฝัก มองดูคุณชายผิงเฉิงทีหนึ่ง ส่งเสียงฮึเย็นชาออกมาและไม่ต้องการพูดอะไรอีก กอดกระบี่เดินกลับไปยังยอดเขาที่อยู่ก่อนหน้า
ในเวลานี้ต่อให้เขาอยากจะพูดคำพูดที่สวยหรูสักสองสามประโยค และคำพูดนักเลงสักหลายๆ ประโยคก็ตาม แต่มันไม่มีประโยชน์และไม่สามารถพลิกสถานการณ์ได้ ดังนั้น เขาจึงเลือกที่จะไม่พูดสักคำให้รู้แล้วรู้รอดไป
องค์ชายดาบมารหนีไปแล้ว คุณชายพานหลง กับเจี้ยนจุนทยอยกันถอยไปอยู่ด้านข้าง เป็นการบ่งบอกว่าวิกฤตของคุณชายผิงเฉิงได้รับการปลดปล่อย เขาได้ชีวิตกลับมาแล้ว
ครั้นเห็นพวกขององค์ชายดาบมารสามคนเลือกที่จะอ่อนข้อ ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายของผู้คนจำนวนไม่น้อย จะอย่างไรเสียหนึ่งกระบี่ของหลี่ชิเย่น่ากลัวเหลือเกิน อย่าว่าแต่พวกขององค์ชายดาบมารเลย ต่อให้เป็นเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์ก็ต้องประเมินตัวเองให้ดี เจ้าหมอนี่ช่างชั่วร้ายเหลือเกิน ก่อนหน้านี้ไม่นานเพิ่งจะสยบยายเฒ่าเทวะไล่วายุไป ไม่ว่าใครก็ตามเป็นศัตรูกับเขาในเวลานี้ล้วนแล้วแต่เป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดเอาเสียเลย
แต่ก็เหนือความคาดคิดสำหรับบางคน จะอย่างไรเสียกล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว พวกขององค์ชายดาบมารคืออัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่ในยุคนี้ที่แข็งแกร่งมากที่สุด เคยเกรียงไกรไปทั่วหล้ายากจะหาผู้ต่อกร แม้แต่เทพแท้จริงรุ่นอาวุโสก็ต้องให้เกียรติพวกเขาอยู่สามส่วน ยิ่งไปกว่านั้น เบื้องหลังของพวกเขายังมีสามระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิคอยให้การสนับสนุน แต่ว่า ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้แล้ว พวกเขายังคงเลือกที่จะอ่อนข้อให้
มีความพาลมากพอ มีความดุดันมากพอ ในบรรดากลุ่มคนรุ่นใหม่ไม่มีใครเทียบได้อีกแล้ว ยอดฝีมือรุ่นอาวุโสยังต้องยอม หนึ่งกระบี่ที่ปราศจากผู้ต่อกรจัดการสยบอัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่างพวกองค์ชายดาบมารเอาไว้ทำให้ต้องอ่อนข้อให้โดยตรง
ก็ไม่แน่เสมอไป ยังมีนายน้อยมู่อยู่ บางคนที่มีความสัมพันธ์อันดีกับพวกขององค์ชายดาบมารมาก่อน ไม่ และไม่ยอมรับ ส่งเสียงฮึเย็นชาขึ้นมา
จริง ยังมีนายน้อยมู่ มียอดฝีมือที่สะดุดนิดหนึ่ง เมื่อเอ่ยถึง ‘นายน้อยมู่’ และรู้สึกเย็นวาบในใจ รู้สึกหวั่นเกรงเช่นกัน
ลือกันว่า นายน้อยมู่มีวิธีการมากมาย พรสวรรค์ที่เป็นหนึ่งไม่มีสอง ปราดเปรื่องตลอดกาล เขามาจากเบื้องบนและนำเอาสิ่งที่ฝืนลิขิตสวรรค์ยิ่งมาด้วย ระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิๆ หนึ่งเพ่งสายตาไปข้างหน้า และรู้สึกหวั่นเกรงยิ่งนัก
กล่าวสำหรับนายน้อยมู่นั้น ผู้ที่หวั่นเกรงต่อเขามีมากมายเหลือเกิน แม้แต่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่แข็งแกร่งมากก็ยังหวั่นเกรงเขายิ่งนัก นายน้อยแห่งตระกูลมู่นับว่าไม่มีใครกล้าไปหาเรื่องอย่างแท้จริง
เวลานี้คุณชายผิงเฉิงนับว่าได้มีโอกาสผ่อนลมหายใจได้บ้าง อาการบาดเจ็บทุเลาไปไม่น้อย เขาคำนับหลี่ชิเย่อย่างสุดซึ้งและกล่าวว่า ยามวิกฤตได้พี่หลี่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ผิงเฉิงติดค้างหนี้บุญคุณพี่หลี่ครั้งหนึ่ง วันหน้าจะต้องชดใช้คืน กล่าวจบแสดงคารวะอีกครั้ง
หลี่ชิเย่เพียงโบกมือเบาๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมา เหมือนว่านี่เป็นเพียงเรื่องที่เล็กน้อยมากไม่คู่ควรจะกล่าวถึงอย่างนั้น
คุณชายผิงเฉิงลุกขึ้น เห็นร่างเงาแวบหนึ่งพลันหายตัวไปบนท้องฟ้าเสมือนดั่งสายฟ้าแลบ สถานการณ์ไม่เป็นผลดีต่อเขา เขาจึงต้องฉากหนีไปก่อนโดยไม่ได้รั้งอยู่ที่นี่
หลังจากที่คุณชายผิงเฉิงจากไปแล้ว ทั่วทั้งบริเวณกลับคืนสู่ปรกติ แม้ว่าคุณชายพานหลงกับเจี้ยนจุนยังคงรั้งอยู่ที่นี่ต่อไป แต่พวกเขาไม่ยินดีที่จะพูดอะไรอีก พวกเขาต่างยึดครองลูกเขาไว้คนละลูก
แม้ว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของพวกเขาใช่ว่าจะมีเพียงพวกเขาที่อยู่ที่นี่ ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของพวกเขาก็ยังมีระดับบรรพบุรุษคนอื่นๆ อยู่ที่ตรงนี้ แต่ทว่า กล่าวสำหรับพวกเขาแล้วมันยังไม่ใช่เวลาที่พวกเขาจะเปิดเผยกำลังของพวกเขาในขณะนี้ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาก็มาด้วยเรื่องของเมืองปี้โซ่วเฉิง พวกเขาก็จำเป็นต้องรักษากำลังเอาไว้
ครั้นเหตุการณ์ได้กลับคืนสู่ปรกติแล้ว ทุกคนล้วนแล้วแต่ได้สติคืนกลับมา ทุกคนต่างมองไปยังริมทะเลที่อยู่ห่างไกลออกไป เนื่องจากทุกคนมาที่นี่ด้วยเรื่องของเมืองปี้โซ่วเฉิง เมื่อเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นมาเมื่อครู่ ทำให้ทุกคนเกือบจะลืมวัตถุประสงค์ของการมาที่นี่ไปแล้ว
เกือบแล้ว เกือบจะได้เวลาที่ปี้โซ่วปรากฏตัวขึ้นมาจากทะเลแล้ว ระดับบรรพบุรุษที่มีประสบการณ์มองดูทะเลที่ไกลออกไป และเอ่ยขึ้นช้าๆ
เวลานี้ระดับบรรพบุรุษที่มีประสบการณ์ผู้นี้ได้นำเอาเหรียญแท้จริงออกมากองใหญ่ อีกทั้งยังเป็นเหรียญแท้จริงชั้นเทพแท้จริงอีกด้วย เขานำเอาเหรียญแท้จริงเหล่านี้กองเป็นกองๆ วางอยู่ตรงหน้าของตน
ท่านบรรพบุรุษ พวกเราเอาเหรียญแท้จริงมากองเอาไว้เพื่ออะไร? เมื่อผู้เยาว์มองเห็นบรรพบุรุษนำเอาเหรียญแท้จริงมากองเอาไว้จำนวนมาก ทั้งยังเป็นเหรียญแท้จริงชั้นเทพแท้จริงอีกด้วยจึงไม่เข้าใจ
อย่าลืมไปสิ ที่นี่คือเงินทองตกพื้น หากไม่มีเงินยากจะขยับตัวไปไหน ไม่มีเงินแล้วอยากจะเข้าไปยังเมืองปี้โซ่วเฉิง มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ บรรพบุรุษผู้นี้ยิ้มกล่าว
เอาเงินออกมาให้หมด พวกเราแยกย้ายกันไป เช่นนี้แล้วโอกาสก็จะเพิ่มขึ้นนิดหนึ่ง ผู้อาวุโสสามพาไปกลุ่มหนึ่ง ผู้อาวุโสหกก็พาไปกลุ่มหนึ่ง อย่าอยู่รวมกันทั้งหมด แน่นอน หลังจากเข้าไปยังเมืองปี้โซ่วเฉิงแล้วให้ศิษย์ทุกคนฟังคำสั่งของผู้อาวุโส ห้ามทำบุ่มบ่ามเลินเล่อ ระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิสั่งการกับศิษย์ภายในสำนัก
มองเห็นผู้อาวุโสหลายคนของพวกเขาต่างทยอยกันนำเอาเหรียญแท้จริงออกมา ทั้งหมดล้วนแล้วแต่ถูกนำมากองเอาไว้ด้านหน้าของตน
อย่าได้เข้าไปใกล้ถนนใหญ่ตรงหน้ามากเกินไป พวกเราถอยหลังไปอีกร้อยลี้ มีระดับผู้อาวุโสรุ่นบุกเบิกได้คำนวณระยะทาง สุดท้ายได้เลือกเอายอดเขาแห่งหนึ่งที่อยู่ด้านหลังตนซึ่งห่างไกลออกไป จากนั้นหยิบเอาเหรียญแท้จริงออกมากองเอาไว้ด้านหน้าของตน
ในเวลานี้ ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยต่างทยอยกันเตรียมการให้พร้อม ทยอยเอาเหรียญแท้จริงของตนออกมาวางกอง แน่นอน มีบางคนที่ไม่รีบวางเหรียญแท้จริงกองออกมา เพียงยืนอยู่บนยอดเขาไม่ยอมทำอะไรสักอย่าง
ผู้คนจำนวนมากต่างนำเหรียญแท้จริงของตนออกมากองเอาไว้ จำนวนเหรียญแท้จริงที่แต่ละคนนำมากองจะแตกต่างกันไป บางคนกองเหรียญแท้จริงเอาไว้เป็นจำนวนมาก บางคนก็จะกองเหรียญแท้จริงจำนวนน้อย
ท่านอาจารย์ เหรียญแท้จริงใช้ทำอะไร? ศิษย์บางคนเมื่อมองเห็นอาจารย์ของตนก็เลียนแบบผู้อื่นด้วยการนำเหรียญแท้จริงออกมกองเอาไว้ ถึงกับเอ่ยถามด้วยความสงสัย
ได้ยินมาว่าเอาไว้ให้กับปี้โซ่ว หากคิดจะเข้าไปเมืองปี้โซ่วเฉิงก็ต้องอาศัยขี่ปี้โซ่วเข้าไป มิฉะนั้นแล้วต่อให้ผู้นั้นแข็งแกร่งปานใดก็ตามล้วนแล้วแต่เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าไปยังเมืองปี้โซ่วเฉิงได้ ผู้อาวุโสกล่าวว่า ได้ยินระดับบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิๆ หนึ่งกล่าวว่า ขอเพียงเจ้ากองเหรียญแท้จริงของตนออกมา ปี้โซ่วก็จะเลือกจำนวนเหรียญแท้จริงที่เท่าเทียมกัน ปี้โซ่วที่ยิ่งมีความแข็งแกร่งเท่าไรจำนวนปี้โซ่วที่มันต้องการก็มีจำนวนมากยิ่งขึ้น
แล้วสิ่งนี้มันแตกต่างกันอย่างไร? ผู้เยาว์ไม่ค่อยจะเข้าใจนัก
รายละเอียดข้าก็ไม่ชัดเจนนัก ข้าก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน บรรพบุรุษผู้นี้กล่าวว่า ได้ยินระดับบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิกล่าวว่า ถ้าหากปี้โซ่วที่เจ้าโดยสารนั่งไปยิ่งแข็งแกร่งมากเท่าไร เจ้าก็จะเข้าไปยังพื้นที่ของเมืองปี้โซ่วเฉิงได้ลึกมากเท่านั้น และมีโอกาสได้รับไข่ของสัตว์ที่ดียิ่งขึ้น ได้รับกระดูกเต๋าที่ดีกว่าแน่นอน มีความปลอดภัยมากกว่า สิ่งนี้ถือเป็นค่าคุ้มครองชนิดหนึ่ง
ในเวลานี้มีผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างนำเอาเหรียญแท้จริงของตนออกมา และทยอยกันนำไปกองเอาไว้ข้างหน้าของตน รอคอยการมาถึงของปี้โซ่ว
ระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิบางลัทธิลงมือด้วยความหรูหราฟุ่มเฟือย เหรียญแท้จริงระดับเทพแท้จริงกองใหญ่กองเรียงอยู่ด้านหน้าของตน ปรากฏประกายแวบวับจนผู้คนตาแทบบอด ทำให้คนอื่นๆ มองดูด้วยความอิจฉาและริษยา
แน่นอนที่สุด ผู้ที่หาญกล้าควักเอาเหรียญแท้จริงชั้นเทพแท้จริงออกมารวดเดียวจำนวนมากในลักษณะเช่นนี้ มีไม่กี่คนที่สามารถไปหาเรื่องได้อยู่แล้ว พวกเขาหากไม่ใช่ระดับเทพแท้จริง ก็คือผู้ที่มีชาติกำเนิดมาจากระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิที่มีความแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ไม่มีใครกล้าไปคิดวางแผนไม่ดีกับพวกเขา ไม่มีใครกล้าไปปล้นพวกเขา
……………