ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ตอนที่ 2348 ตำนานเกี่ยวกับอาวุธยอดเยี่ยม

ตอนที่ 2348 ตำนานเกี่ยวกับอาวุธยอดเยี่ยม
นายน้อยมู่เดินทางมา ทั้งยังประกาศว่าเจาะจงจะเล่นงานหลี่ชิเย่ ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างมองตากันและกันลับๆ เมื่อได้ยินข่าวนี้แล้ว
ทุกคนไม่ได้รู้สึกเหนือความคาดคิดเมื่อได้ยินข่าวๆ นี้ จะอย่างไรเสียหลี่ชิเย่ผูกความแค้นกับนายน้อยมู่มานานมากแล้ว โดยเฉพาะหลังจากที่หลี่ชิเย่ได้สังหารคนรับใช้เฒ่าของนายน้อยมู่ไปแล้ว ยิ่งเป็นการบ่งบอกว่าเป็นการหักหน้ากันอย่างเปิดเผยระหว่างหลี่ชิเย่กับนายน้อยมู่อย่างสิ้นเชิง ทั้งสองคนจะต้องออกมาในรูปเจ้าม้วยข้าอยู่
“ระหว่างนายน้อยมู่กับคนโหดอย่างหลี่ชิเย่ ใครจะเป็นฝ่ายชนะฝ่ายแพ้กันนะ?” ยอดฝีมือระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิบางคนถึงกับกล่าวคาดการณ์ในเรื่องนี้
“ข้าว่านะ คนโหดอันดับหนึ่งอย่างหลี่ชิเย่มีโอกาสมากกว่า” ระดับผู้อาวุโสรุ่นบุกเบิกพูดเสียงแผ่วเบาว่า คำพูดเช่นนี้เขากล้าพูดกับคนข้างกายตนเองเท่านั้นไม่กล้าพูดกับบุคคลภายนอก จะอย่างไรเสียไม่ว่าใครก็ไม่ต้องการไปหาเรื่องนายน้อยมู่
“แม้ว่านายน้อยมู่จะมาด้วยท่าทีที่อวดดีและดุดัน แต่ จะอย่างไรเสียเขาก็ขาดอะไรบางอย่าง แม้ว่านายน้อยมู่จะได้ชื่อว่ามีพรสวรรค์ที่เป็นหนึ่งไม่มีสอง สติปัญญาสูงปราศจากผู้เทียบเทียม แต่ว่า ที่ทุกคนหวั่นเกรงต่อเขามักจะเป็นเพราะตระกูลมู่เสมอๆ ไม่ได้เพราะตัวของเขาเอง ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิ และสำนักสืบทอดส่วนใหญ่หวั่นเกรงต่อตระกูลมู่ สำหรับตัวของนายน้อยมู่เอง เกรงว่ายากจะสยบแดนลัทธิพรรษของพวกเราได้…”
ครั้นผู้อาวุโสรุ่นบุกเบิกได้เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วได้ไอขึ้นมาทีหนึ่ง และกล่าวว่า “แตกต่างจากคนโหดอย่างหลี่ชิเย่ ไม่ว่าใครจะยอมรับหรือไม่ แต่ว่า อย่างน้อยที่สุดสามารถยืนยันได้ว่าเขานั้นก้าวเดินมาทีละก้าวๆ นับตั้งแต่เขาเป็นผู้กุมอำนาจปกครองระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง เขาก็เอาชนะกองทัพพันธมิตรของแดนลัทธิพรรษ ขณะอยู่ที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ ก็ได้ช่วยนักพรตฉางเซินทำลายแคว้นว่านโซ่ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สุดท้ายเข่นฆ่าไปทุกที่…”
“…คนโหดอย่างหลี่ชิเย่ ไม่ว่าเขาจะยืมพลังของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหรือไม่ แต่ การเข่นฆ่าสังหารใหญ่ในเงินทองตกพื้นก็เพียงพอที่จะอธิบายได้ถึงศักยภาพของเขาได้แล้ว แม้ว่าศักยภาพของเขาจะแข็งแกร่งเช่นใดยังคงเป็นปริศนากระทั่งบัดนี้ ในมุมมองส่วนตัวข้ามองว่า เกรงว่าในกลุ่มคนรุ่นใหม่ไม่มีใครสามารถเทียบเคียงได้อีกแล้ว เขาคืออันดับหนึ่งกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่างแน่นอน”
เมื่อระดับผู้อาวุโสรุ่นบุกเบิกสำนักเจ้าลัทธิผู้นี้เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว สายตาของเขาดูลึกล้ำยิ่งนัก มองไปยังที่ที่ห่างไกล ท่าทีดูหนักแน่นจริงจัง
“นายน้อยมู่ต้องชนะ…” มีบ้างเหมือนกันที่นายน้อยมู่ยังไม่ทันได้มาถึง ก็ชูคำขวัญเช่นนี้แล้ว คนเหล่านี้หากไม่เป็นเพราะสำนักของตนได้หันไปพึ่งพามู่เส้าเฉินแล้ว ก็คือพวกที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกันเป็นอันมาก
“เพราะอะไรบางคนจึงมั่นใจว่านายน้อยมู่จะต้องชนะล่ะ?” มียอดฝีมือของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเมื่อได้ยินบางคนที่ชูคำขวัญขึ้นมาเช่นนี้ได้หัวเราะและกล่าวว่า “อย่าลืมไปสิ ก่อนหน้านี้หนึ่งวันคนโหดอย่างหลี่ชิเย่ยังสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วด้วยการลงมือสังหารระดับบรรพบุรุษทั้งหมดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิใหญ่ทั้งสาม แม้แต่เทพกระบี่กูตู๋ยังพ่ายแพ้ให้กับเขา ยิ่งพวกของเทพหมื่นแขนด้วยแล้วยังต้องถูกคนโหดอย่างหลี่ชิเย่สังหาร หลี่ชิเย่ นั้นไม่เสียทีที่เป็นคนโหดอันดับหนึ่ง อันดับที่หนึ่ง!”
“ฮึ เรื่องนี้เจ้าน่ะไม่รู้อะไร” ยอดฝีมือของตระกูลขุนนางโบราณผู้ที่ยืนอยู่ข้างฝ่ายของมู่เส้าเฉินหัวเราะเยาะทีหนึ่ง และกล่าวว่า “ต่อให้หลี่ชิเย่แข็งแกร่งมากกว่านี้แล้วอย่างไรล่ะ อย่าลืมไปสิ นายน้อยมู่นั้นมาจากแดนลัทธิราชันเลยนะ แม้แต่เทพแท้จริงขั้นอมตะยังต้องมาเป็นผู้คุ้มกันให้กับเขา ความสูงส่งของนายน้อยมู่ใช่ว่าหลี่ชิเย่จะสามารถเทียบเคียงได้อยู่แล้ว”
“เรื่องบางเรื่องก็พูดยาก” ในอดีตผู้คนจำนวนมากล้วนแล้วแต่ไม่มั่นใจในตัวของหลี่ชิเย่ ผู้คนจำนวนมากมองว่าการที่หลี่ชิเย่ผูกความแค้นกับมู่เส้าเฉินเป็นการรนหาที่ตายเอง
แต่ทว่า เร็วๆ นี้หลี่ชิเย่ได้ทำการเข่นฆ่าครั้งใหญ่ กระทั่งการร่วมมือกันระหว่างระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิทั้งสาม ระดับบรรพบุรุษของพวกเขายังถูกสังหารจนยับเยิน ดังนั้น คราวนี้พลันหวั่นไหวยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนเป็นจำนวนมาก เวลานี้ ได้ทำให้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนมากได้เปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อหลี่ชิเย่ ต่างเข้าใจแล้วว่าการที่หลี่ชิเย่เรียกตัวเองว่าเป็นคนโหดอันดับหนึ่งนั้นใช่จะไม่มีเหตุผล เป็นอะไรที่แข็งแกร่ง น่ากลัวจนวุ่นวายไปหมดอย่างแน่นอน
“เรื่องนี้พวกเจ้าไม่เข้าใจแล้วล่ะ หากนายน้อยมู่จะสังหารหลี่ชิเย่จริงล่ะก็นับว่าง่ายดายเหลือเกิน แค่กระดิกนิ้วมือนิดหนึ่งเท่านั้นเอง” ยอดฝีมือผู้ให้การสนับสนุนมู่เส้าเฉินเต็มที่หัวเราะเสียงประหลาดทีหนึ่ง และกล่าวว่า “กล่าวสำหรับนายน้อยมู่แล้ว ลำพังแค่หลี่ชิเย่คนหนึ่งนับเป็นอะไรได้ หากนายน้อยมู่ต้องการสังหารเขาจริง เรียกว่าไม่ต้องเปลืองแรงเลยแม้แต่น้อย”
“คำพูดนี้โอ้อวดเกินไปแล้ว แม้หลี่ชิเย่จะกำแหง แต่ว่ากำลังความสามารถเห็นๆ กันอยู่ แม้แต่เทพกระบี่กูตู๋ยังพ่ายแพ้ยับเยิน กลุ่มคนรุ่นใหม่เกรงว่าไม่มีใครสามารถเทียบเคียงกับเขาได้อีกแล้ว” มีผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับคำพูดนั้น รู้สึกว่าบรรดาสำนักต่างๆ ที่หนุนมู่เส้าเฉินเต็มที่นั้นลำพองเกินไป
“เรื่องนี้เจ้าไม่รู้อะไรแล้วล่ะ” ยอดฝีมือตระกูลขุนนางโบราณผู้นี้กล่าวท่าทีลึกลับว่า “ขอบอกความลับเรื่องหนึ่งให้พวกเจ้า อย่าได้ไปบอกต่อกับบุคคลภายนอกอย่างเด็ดขาด ข้าได้รับข่าวที่ยืนยันมาว่า การมาแดนลัทธิพรรษคราวนี้ของนายน้อยมู่หาใช่ธรรมดา เขาได้นำเอาอาวุธยอดเยี่ยมมาด้วยชิ้นหนึ่ง”
“อาวุธยอดเยี่ยม? อาวุธยอดเยี่ยมบรรพบุรุษ?” แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพแท้จริงก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปมากทีเดียวเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ รู้สึกใจหายใจคว่ำ และกล่าวว่า “เรื่องจริงหรือเท็จ?”
“จริงยิ่งกว่าจริงเสียอีก” ยอดฝีมือตระกูลขุนนางโบราณผู้นี้กล่าวด้วยความลำพองใจว่า “อาวุธยอดเยี่ยมในมือของนายน้อยมู่พลันสำแดงออกไป เรียกได้ว่าเกรียงไกรไปทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน ปราศจากผู้ต่อกรในหล้า แค่หลี่ชิเย่คนหนึ่งจะนับเป็นอะไรได้”
“นี่ นี่มันเป็นไปไม่ได้กระมัง นี่ นี่มันคืออาวุธยอดเยี่ยมเลยนะ” แม้แต่ระดับเทพแท้จริงก็รู้สึกเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เมื่อได้ยินข่าวเช่นนี้
“มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ อย่าลืมไปสิ ปฐมบรรพบุรุษของตระกูลมู่คือปฐมบรรพบุรุษชั้นแดนลัทธิเซียน เขาย่อมสามารถสร้างอาวุธยอดเยี่ยมได้อยู่แล้ว” ยอดฝีมือตระกูลขุนนางโบราณผู้นี้กล่าวอย่างลำพองว่า “นายน้อยมู่ได้นำเอาอาวุธยอดเยี่ยมชิ้นนี้มาด้วยนั่นแหละ”
เมื่อได้ยินข่าวเช่นนี้แล้ว ทำให้ผู้คนรู้สึกเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง กระทั่งมีบางคนที่รู้สึกไม่สบายใจ
สำหรับอาวุธยอดเยี่ยมโดยปรกติแล้ว มีเพียงระดับปฐมบรรพบุรุษแดนลัทธิเซียนเท่านั้นที่มีสิทธิ์สร้างอาวุธยอดเยี่ยมที่สมบูรณ์แบบขึ้นมาได้ อาวุธยอดเยี่ยมคืออาวุธที่ทรงพลังมากที่สุดของระดับบรรพบุรุษชั้นแดนลัทธิเซียน
กล่าวได้ว่า อาวุธยอดเยี่ยมลักษณะเช่นนี้ เป็นอาวุธที่ปฐมบรรพบุรุษทุ่มเทพลังกายใจนับไม่ถ้วน และเพื่อสร้างอาวุธยอดเยี่ยมชิ้นหนึ่งขึ้นมา ปฐมบรรพบุรุษต้องแลกมาด้วยข้อแลกเปลี่ยนที่สูงยิ่ง
ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า อาวุธยอดเยี่ยมคือของวิเศษที่ปรกติจะไม่นำออกมาใช้โดยง่าย แม้ว่าระดับปฐมบรรพบุรุษจำนวนไม่น้อยต่างก็เคยสร้างอาวุธขึ้นมาเป็นจำนวนมาก แต่ว่า ความแข็งแกร่งของอาวุธเหล่านี้ห่างชั้นเทียบไม่ได้กับอาวุธยอดเยี่ยมได้อยู่แล้ว
มีอยู่บ้างเหมือนกันที่ระดับปฐมบรรพบุรุษของแดนลัทธิราชัน และหรือแดนลัทธิพรรษบางคน ได้อาศัยมาตรฐานกำหนดของอาวุธยอดเยี่ยมแล้วสร้างเป็นอาวุธขึ้นมา อาวุธในลักษณะเช่นนี้ก็มีความเป็นไปได้ที่อาจจะเป็นอาวุธที่ทรงพลังมากที่สุดของปฐมบรรพบุรุษเหล่านี้ แต่ เนื่องจากระดับปฐมบรรพบุรุษเหล่านี้ยังไม่ใช่ปฐมบรรพบุรุษชั้นลัทธิเซียน ดังนั้นอาวุธที่พวกเขาสร้างขึ้นจึงเป็นได้แค่ว่าที่อาวุธยอดเยี่ยมหรือกึ่งอาวุธยอดเยี่ยมเท่านั้น
แต่ทว่า โดยสถานการณ์ส่วนใหญ่แล้ว การที่ปฐมบรรพบุรุษชั้นแดนลัทธิเซียนคนหนึ่ง ต่อให้เขาได้สร้างอาวุธยอดเยี่ยมขึ้นมาแล้ว ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาก็จะไม่มอบเอาไว้ให้กับทายาทรุ่นหลัง เนื่องจากแม้แต่ปฐมบรรพบุรุษกล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว อาวุธยอดเยี่ยมนับว่ามีความสำคัญมากเหลือเกิน
เว้นเสียแต่ว่าระดับปฐมบรรพบุรุษผู้นี้ไปเสาะหาวัตถุดิบที่ดีกว่ามาได้ และได้โอกาสที่ดียิ่งกว่า ตั้งใจจะเปลี่ยนอาวุธยอดเยี่ยมที่ใหม่ทั้งหมดเล่มหนึ่ง ยอมเสียกำลังกายใจที่มากยิ่งกว่าเพื่อสร้างอาวุธยอดเยี่ยมที่แกร่งมากกว่านี้ มิฉะนั้นล่ะก็ การที่ปฐมบรรพบุรุษมีอาวุธยอดเยี่ยมเพียงชิ้นเดียว จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเหลือเอาไว้ให้กับทายาทรุ่นหลังอยู่แล้ว
ข่าวที่ว่านายน้อยมู่ได้ครอบครองอาวุธยอดเยี่ยมชิ้นหนึ่งเมื่อแพร่ออกไป ได้สร้าความหวั่นไหวให้กับระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิ ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตน ในเวลานี้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่สะดุ้งอยู่ในใจ และขนลุกซู่ในใจ
“ปฐมบรรพบุรุษมู่หวินได้มอบอาวุธยอดเยี่ยมของตนให้กับทายาทรุ่นหลังของตนจริงหรือ?” ระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิได้ตั้งข้อสงสัยในเรื่องนี้
ปฐมบรรพบุรุษตระกูลมู่ก็คือมู่หวิน เขาเป็นปฐมบรรพบุรุษชั้นแดนลัทธิเซียนคนหนึ่ง เขาสามารถสร้างอาวุธยอดเยี่ยมได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าสงสัยแต่อย่างใด
ปัญหาก็คือ จริงหรือไม่ที่มู่หวินจะมอบอาวุธยอดเยี่ยมของตนให้กับลูกหลานของตน?
ถอยหนึ่งหมื่นก้าว ต่อให้มู่หวินได้มอบอาวุธยอดเยี่ยมของตนให้กับตระกูลมู่ มันก็ต้องกลายเป็นของวิเศษประจำตระกูล ถือเป็นสุดยอดอาวุธสูงสุดเล่มหนึ่ง ของวิเศษลักษณะเช่นนี้ตระกูลมู่เองก็มีอยู่เพียงชิ้นเดียวเท่านั้นเอง ตระกูลมู่ก็จะไม่ยอมให้มู่เส้าเฉินพกพาสุดยอดอาวุธสูงสุดเช่นนี้มายังแดนลัทธิพรรษ
ถ้าหากมู่เส้าเฉินได้นำเอาอาวุธยอดเยี่ยมชิ้นหนึ่งมายังแดนลัทธิพรรษจริงๆ ล่ะก็ ย่อมสร้างความสะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจผู้คนได้มากเหลือเกิน เกรงว่าไม่ว่าใคร ไม่ว่าเป็นผู้ดำรงอยู่ในสถานะใดก็ตามก็ต้องหวั่นเกรงต่อมู่เส้าเฉินแล้วล่ะ สิ่งนี้จะเป็นการบ่งบอกว่าฐานความเป็นมาของมู่เส้าเฉินน่าสเทือนเลื่อนลั่นเหลือเกิน และจะเป็นการบ่งบอกว่ามู่เส้าเฉินมีฐานะที่สูงส่งมากในตระกูลมู่ เกรงว่าคงไม่ได้เป็นเพียงผู้สืบทอดของตระกูลมู่เท่านั้น
ข่าวเกี่ยวกับมู่เส้าเฉินมีอาวุธยอดเยี่ยมเช่นนี้ ได้สร้างความสะเทือนหวั่นไหวให้กับยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนนับไม่ถ้วน แม้แต่ระดับปฐมบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิก็หวั่นไหวกับข่าวเช่นนี้ สำหรับข่าวในลักษณะเช่นนี้ ในขณะที่ทุกคนยังไม่ได้เห็นอาวุธยอดเยี่ยม ระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนมากยังคงมีท่าทีสงสัย ยังคงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งในใจ
“นายน้อยมู่ยินดีรับใช้ให้กับบรรดาระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของแดนลัทธิพรรษ นายน้อยมู่ยินดีออกหน้าร่วมมือกับบรรดาระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิทั้งหมดในแดนลัทธิพรรษ ขจัดจอมมารอย่างหลี่ชิเย่ ขจัดมารผดุงความยุติธรรม เป็นหน้าที่ของทุกคน” ในขณะที่นายน้อยมู่ยังไม่ทันมาถึง ได้มีผู้กระจายข่าวนี้ในเงินทองตกพื้นแล้ว
มีผู้คอยถ่ายทอดคำพูดของมู่เส้าเฉิน เพื่อแสดงถึงท่าทีของมู่เส้าเฉิน
ในเวลานี้ ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนไม่น้อยในแดนลัทธิพรรษต่างได้รับการเชื้อเชิญจากมู่เส้าเฉิน โดยมู่เส้าเฉินได้เชื้อเชิญให้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิทั้งหมดร่วมมือกันกำจัดหลี่ชิเย่ ร่วมมือกันขจัดภัยครั้งยิ่งใหญ่
มู่เส้าเฉินเองก็แสดงตนชัดเจน เพื่อกำจัดจอมมารอย่างหลี่ชิเย่แล้ว เขายินดีลุยเป็นคนแรก ยินดีเปิดศึกกับหลี่ชิเย่เป็นคนแรก
สำหรับการเชื้อเชิญเช่นนี้ของมู่เส้าเฉิน เวลานี้ก็มีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนไม่น้อยที่ทยอยกันขานรับ ยินดีเป็นพันธมิตรกับมู่เส้าเฉินเพื่อกำจัดจอมมารอย่างหลี่ชิเย่
“นายน้อยมู่มีอาวุธยอดเยี่ยมอยู่ในมือ ลำพังแค่หลี่ชิเย่คนเดียวนับเป็นอะไรได้ ขอเพียงนายน้อยมู่ดีดนิ้วทีหนึ่งก็สามารถทำให้หลี่ชิเย่ต้องกลายเป็นเถ้าธุลี” ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่ขานรับต่อข้อเสนอของมู่เส้าเฉินเป็นผู้แรกดูจะมีความเชื่อมั่นในตัวมู่เส้าเฉินเป็นอย่างยิ่ง
“นั่นสิ ต่อให้คนแซ่หลี่แข็งแกร่งมากกว่านี้ก็ไม่สามารถเทียบได้กับขั้นอมตะที่แท้จริงได้ ในมือของนายน้อยมู่มีอาวุธยอดเยี่ยม ทอดสายตามองไปในแดนลัทธิพรรษ จะมีใครบ้างสามารถต่อต้านกับเขาได้” ในเวลานี้ ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่ขานรับมีจำนวนไม่น้อยทีเดียว
แต่ทว่า ก็มีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนไม่น้อยที่ยังคงรักษาท่าทีต่อข้อเสนอของมู่เส้าเฉิน เนื่องจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนไม่น้อยยังคงท่าทีที่น่าสงสัยอยู่ในใจต่อมู่เส้าเฉิน
“ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหวินตู้ของพวกเรายินดีให้การสนับสนุนต่อนายน้อยมู่เต็มที่ ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหวินตู้ยินดีร่วมเป็นร่วมตายกับนายน้อยมู่ ในการขจัดมารผดุงความยุติธรรม พวกเรามีหน้าที่ปฏิบัติภารกิจที่ไม่อาจบอกปัดนี้ได้ ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหวินตู้พวกเรายินดีติดตามนายน้อยมู่ สังหารจอมมารแซ่หลี่ผู้นี้” ในขณะที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนไม่น้อยยังอยู่ระหว่างเฝ้าดูนั้น สุดยอดสาวงามผู้หนึ่งได้ปรากฏตัวที่เงินทองตกพื้น ประกาศให้การสนับสนุนต่อมู่เส้าเฉิน
……………………………….
ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

Status: Ongoing

สิบล้านปีก่อน หลี่ชีเย่ตัดไผ่เขียวขจีหนึ่งลำ   แปดล้านปีก่อน หลี่ชีเย่เลี้ยงปลาไนหนึ่งตัว ห้าล้านปีก่อน หลี่ชีเย่รับเลี้ยงเด็กสาวหนึ่งคน   วันนี้ ทันทีที่หลี่ชีเย่ตื่นขึ้น กิ่งไผ่เขียวบำเพ็ญตนจนกลายเป็นวิญญาณเทพ ปลาไนกลายร่างเป็นมังกรทอง เด็กสาวกลายเป็นจักรพรรดินีเก้าแดน  นี่คือเรื่องราวของการฝึกฝน เรื่องราวของเด็กหนุ่มปุถุชนที่มีชีวิตอมตะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท