ทั่วแดนลัทธิพรรษล้วนแล้วแต่คึกคักขึ้นมากับงานแต่งครั้งยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ และโกลาหลไปทั่วแดนลัทธิพรรษ
ในเวลานี้ ไม่รู่ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ตั้งตาคอย ทุกคนต่างรอคอยการปรากฏตัวของหลี่ชิเย่ ทุกคนต่างก็รู้ว่า ยามเมื่อหลี่ชิเย่ปรากฏตัวขึ้นมา ต้องเกิดลมคาวฝนเลือดขึ้นมาอย่างแน่นอน และจะกระเพื่อมไปทั่วทั้งแดนลัทธิพรรษ
ปุ…เสียงที่วิ่งผ่านท้องฟ้าดังขึ้น ขณะที่ทุกคนต่างตั้งตารอคอยอยู่นั้น ตามมาด้วยเสียงที่ทะลุผ่านท้องฟ้าดังขึ้น ปรากฏคนผู้หนึ่งบนอากาศ
ดูท่าคึกคักไม่เบาเลยทีเดียว ผู้ที่ทะลุผ่านท้องฟ้ามานั้นมองดูแวบหนึ่งและเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีเฉยเมย
คนโหดอันดับหนึ่ง…มีผู้ที่จดจำตัวเขาได้ทันทีเมื่อมองเห็นผู้ที่ทะลุผ่านท้องฟ้าเข้ามา ถึงกับร้องเสียงดังขึ้นมา หลี่ชิเย่ หลี่ชิเย่มาแล้ว
เป็นคนโหดอันดับหนึ่งหลี่ชิเย่…ในเวลานี้ ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนทั่วทุกสารทิศต้องจ้องมองไป ผู้คนจำนวนไม่น้อยถึงกับใจหายใจคว่ำขณะมองเห็นคนโหดอันดับหนึ่งหลี่ชิเย่
มาถึงวันนี้แล้ว คนโหดอันดับหนึ่งหลี่ชิเย่คือผู้ที่โดดเด่นมากที่สุดในยุคนี้แล้ว อย่าว่าแต่กลุ่มคนรุ่นใหม่เลย แม้แต่รุ่นอาวุโสก็ยากจะหาผู้ใดที่มีชื่อเสียงโด่งดับมากไปกว่าเขาได้อีก หากจะมีอยู่จริงก็คงมียอดฝีมืออันดับหนึ่งเทพสงครามมังกรคชาธารแล้วที่พอจะแข่งเรื่องชื่อเสียงและความโดดเด่นแล้วล่ะ
ในที่สุดคนโหดอันดับหนึ่งก็ปรากฏตัวออกมา เรื่องสนุกๆ กำลังจะเปิดฉากขึ้นแล้ว มีผู้ที่พึมพำขึ้นมาว่า พายุฝนฟ้าคะนองกำลังจะมา ที่ที่ปรากฏคนโหดอันดับหนึ่ง จะต้องนำมาซึ่งลมคาวฝนเลือดแน่นอน
ในเวลานี้สายตาของยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากต่างถูกคนโหดอันดับหนึ่งดึงดูดเอาไว้ ในขณะนี้สายตาทั้งหมดของแดนลัทธิพรรษต่างรวมอยู่บนตัวของหลี่ชิเย่
การโผล่ขึ้นมาอีกครั้งของหลี่ชิเย่ ไม่มีใครรู้ว่าก่อนหน้านี้เขาไปอยู่ที่ไหนมา แน่นอน เวลานี้ทุกคนไม่สนใจแล้วว่าก่อนหน้านั้นหลี่ชิเย่ไปอยู่ที่ไหน
แน่นอน หลี่ชิเย่เองก็เพิ่งจะกลับออกมาจากบริเวณที่ลึกที่สุดในเงินทองตกพื้น พลันที่เขากลับมาถึงแล้วก็ได้รับรายงานข่าวจากนักพรตฉางเซิน กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้ว การเดินทางมาที่เงินทองตกพื้นในครั้งนี้ได้รับผลเป็นกอบเป็นกำ เขาได้มองเห็นสิ่งที่ตนต้องการเห็นผ่านดวงตาดวงนั้น
เวลานี้สีหน้าของหลี่ชิเย่ดูเข้มขึ้นไม่เหมือนกับที่ผ่านๆ มา ผู้ที่เข้าใจในตัวเขาเมื่อได้เห็นท่าทางเช่นนี้แล้ว ก็รู้ได้ว่าเขาจะทำการเข่นฆ่าครั้งใหญ่แล้ว
หลี่ชิเย่มองไปยังทิศทางอันเป็นที่ตั้งของจูเซียงหวู่ถิงตามอารมณ์ เผยรอยยิ้มบางๆ ออกมา ยิ้มตามอารมณ์และกล่าวว่า ในเมื่อมีคนจะรนหาที่ตายเอง ข้าสงเคราะห์พวกเขาก็แล้วกัน
ขณะที่หลี่ชิเย่พูดคำพูดที่ตามอารมณ์ยิ่งออกมานั้น ไม่รู่ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องสั่นเทิ้มทีหนึ่ง พลันรู้สึกหวาดกลัวจนขนลุกซู่
ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน หลี่ชิเย่กล้าพูดคำพูดที่ท้าทายต่อจูเซียงหวู่ถิงล่ะก็ ต้องถูกผู้คนเข้าใจว่าบ้าระห่ำและอวดดี แต่ว่า เวลานี้เมื่อหลี่ชิเย่พูดคำพูดที่ตามอารมณ์ยิ่งออกมา ทุกคนต่างรู้สึกว่าได้เห็นการเข่นฆ่าครั้งใหญ่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว กระทั่งมีผู้ที่รู้สึกว่าได้กลิ่นคาวเลือดเสียแล้ว
มาถึงวันนี้แล้ว ทุกคนต่างมีความชัดเจนแล้วว่า เมื่อคนโหดอันดับหนึ่งหลี่ชิเย่พูดคำพูลักษณะเช่นนี้ออกมาล่ะก็ เป็นการบ่งบอกว่าเขาจะทำการเข่นฆ่าครั้งใหญ่ขึ้น เข่นฆ่าจนเลือดไหลนองเป็นธาร
ฮ่า ฮ่า ฮ่า… จังหวะที่หลี่ชิเย่ปรากฎตัวขึ้นมานั่นเอง เสียงหัวเราะที่บ้าคลั่งเสียงหนึ่งดังขึ้นมา เมื่อทุกคนมองไปเห็นมู่เส้าเฉินปรากฎตัวอยู่บนท้องฟ้าของจูเซียงหวู่ถิง หัวเราะเสียงดังและกล่าวว่า วันนี้คือวันมหามงคลของข้า ข้าจะได้ครองคู่กับเทพธิดาสงคราม ยินดีต้อนรับพี่หลี่มาร่วมงาน…
ทุกคนถึงกับใจหายใจคว่ำเมื่อมองเห็นมู่เส้าเฉิน นี่เป็นการยั่วยุหลี่ชิเย่ซึ่งหน้าของมู่เส้าเฉิน
ปุ…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในพริบตาเดียวนั่นเอง เสียงของมู่เส้าเฉินพลันหยุดหายไปทันที มองเห็นหลี่ชิเย่ที่อยู่บนท้องฟ้าชี้ไปข้างหน้าที่ห่างไกลกันนับล้านล้านลี้ นิ้วหนึ่งนิ้วนั้นพลันโจมตีถูกร่างของมู่เส้าเฉิน เพียงนิ้วๆ เดียวก็ทำเอาหน้าอกของมู่เส้าเฉินทะลุ เลือดสดๆ พุ่งกระจาย มู่เส้าเฉินหงายหลังตึงลงนอนกับพื้น
ทุกคนต่างรู้สึกหวั่นไหวเมื่อได้มองเห็นภาพนี้แล้ว หลี่ชิเย่ที่อยู่ห่างไกลนับล้านล้านลี้ยังไม่ทันได้เขาไปยังระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจูเซียงหวู่ถิง บนท้องฟ้าที่ห่างไกลกันถึงเพียงนี้แค่ชี้มาทีหนึ่งก็จิ้มทะลุอกของมู่เส้าเฉินได้ ช่างเป็นนิ้วที่น่ากลัวเหลือเกิน เป็นศักยภาพที่สยองขวัญและน่าหวาดผวาเหลือเกิน
ในขณะนี้ ภายในใจของทุกคนต่างรู้สึกหวั่นไหวยิ่งนัก เวลานี้ผู้คนจำนวนไม่น้อยร่างรู้สึกว่า แม้เทพสงครามมังกรคชาธารจะมีความได้เปรียบจากระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิของตน ก็ไม่เห็นจะสามารถแข็งแกร่งมากไปกว่าคนโหดอันดับหนึ่งสักเท่าไร
ข้าน่ะไม่สามารถฆ่าให้ตายได้อยู่แล้ว หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ มู่เส้าเฉินก็ได้ลุกขึ้นมาอีก ร้องกล่าวเสียงดังว่า เคล็ดวิชาไม่ตายของตระกูลมู่พวกเรา ไม่สามารถฆ่าให้ตายได้อยู่แล้ว!
แค่สามจิตซ่อนหนึ่งจิตเอาไว้เท่านั้น หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทีตามอารมณ์ว่า แบบนี้ก็เรียกว่าเป็นเคล็ดวิชาไม่ตายได้ ช่างเป็นที่ขบขันของผู้รู้ วางใจเถอะข้าจะให้เจ้าได้ตายแบบทุเรศมาก
แหะ ดูท่าท่านจะรู้เรื่องไม่น้อยเลยนี่? มู่เส้าเฉินส่งเสียงฮึเย็นชาทีหนึ่ง หัวเราะเสียงดังและกล่าวว่า พี่หลี่ พวกเรารอการมาถึงของท่านในงานแต่งมหามงคลที่หวู่ถิง กล่าวขาดคำได้หายตัวไปท่ามกลางจูเซียงหวู่ถิง
ทุกคนต่างมองหน้ากันและกันเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว ทุกคนล้วนแล้วแต่เข้าใจได้ว่า มู่เส้าเฉินจงใจยั่วยุต่อหลี่ชิเย่ เพื่อให้หลี่ชิเย่เข้าไปติดกับเอง โดยการล่อให้หลี่ชิเย่เข้าไปยังจูเซียงหวู่ถิง
ทุกคนล้วนแล้วแต่รู้ว่า เทพธิดาสงครามคือคนของหลี่ชิเย่ เวลานี้มู่เส้าเฉินประกาศว่าต้องการแต่งงานกับหวู่ปิงหนิง หลี่ชิเย่ในฐานะคนโหดอันดับหนึ่งย่อมไม่สามารถกล้ำกลืนความอัปยศนี้ได้ แม้จะรู้ว่าระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิเช่นจูเซียงหวู่ถิงไม่เป็นผลดีกับตนเอง หลี่ชิเย่ก็ต้องไปสักครั้งอย่างแน่นอน
วันนี้นับว่าเป็นวันดีสำหรับฆ่าคนโดยแท้ หลี่ชิเย่มองไปบนท้องฟ้า หัวเราะ และเหินฟ้าขึ้นไป มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ตั้งของจูเซียงหวู่ถิง
คนโหดอันดับหนึ่งจะไปที่จูเซียงหวู่ถิงแล้ว เวลานี้ ภายในแดนลัทธิพรรษได้โกลาหลกับสิ่งนี้ขึ้นมา สายตาของผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนต่างตกไปอยู่บนตัวของคนโหดอันดับหนึ่ง ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญจำนวนไม่น้อยที่ยังไปไม่ถึงจูเซียงหวู่ถิง ต่างทยอยกันเร่งเดินทางไปยังจูเซียงหวู่ถิง
ในเวลานี้ จูเซียงหวู่ถิงได้กลับกลายเป็นคึกคักอย่างยิ่ง แขกผู้มีเกียรติมากมาย ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญจำนวนนับไม่ถ้วนของแดนลัทธิพรรษล้วนแล้วแต่ทะลักเข้าไปยังจูเซียงหวู่ถิงภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงวันเดียว ส่งผลให้จูเซียงหวู่ถิงในเวลานี้ปรากฏความหายนะจากผู้คนที่ล้นหลาม
คนโหดอันดับหนึ่งต่อสู้ชี้ขาดกับยอดฝีมืออันดับหนึ่งควรค่าแก่การดูชมอย่างแน่นอน ผู้ที่ผ่านไปผ่านมาอย่าพลาดเด็ดขาด รีบเร่งมาเดิมพันกัน ดูว่าใครสามารถทายถูก ในขณะที่คนโหดอันดับหนึ่งยังไม่ทันได้มีการต่อสู้ชี้ขาดกับยอดฝีมืออันดับหนึ่ง มีผู้เปิดบ่อนรับการพนันในแดนลัทธิพรรษขึ้นมากันแล้ว เริ่มมีผู้คนวางเดิมพันผลแพ้ชนะระหว่างคนโหดอันดับหนึ่งกับยอดฝีมืออันดับหนึ่งกันแล้ว
แม้ว่าหลี่ชิเย่เพิ่งเริ่มออกเดินทางไปยังจูเซียงหวู่ถิง เรื่องที่เกี่ยวกับการต่อสู้ระหว่างคนโหดอันดับหนึ่งกับยอดฝีมืออันดับหนึ่งก็ได้แพร่สะพัดไปทั่วแดนลัทธิพรรษโดยพลัน ทั่วทั้งแดนลัทธิพรรษล้วนแล้วแต่สับสนอลหม่านกับเรื่องนี้ในทันที ถ้าหากครั้งนี้หลี่ชิเย่ไม่ได้มีการต่อสู้ครั้งใหญ่กับเทพสงครามมังกรคชาธารล่ะก็ นับว่าเป็นเรื่องที่ไร้เหตุผลโดยแท้
เวลานี้ศึกระหว่างคนโหดอันดับหนึ่งกับยอดฝีมืออันดับหนึ่งได้กลายเป็นประเด็นร้อนทั่วทั้งแดนลัทธิพรรษไปแล้ว ถ้าหากพวกเขาสองคนไม่มีการต่อสู้กันสักครั้ง ทุกคนในแดนลัทธิพรรษยังจะไม่ยอมด้วยซ้ำ
ขณะที่หลี่ชิเย่เดินทางไปยังจูเซียงหวู่ถิง ก็ได้เกิดเสียงวิพากวิจารณ์ต่างๆ นานาขึ้นในแดนลัทธิพรรษเวลานี้
ตระกูลมู่มีเคล็ดวิชาไม่ตายจริงรึ? มีระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิถึงกับขอคำชี้แนะเกี่ยวกับเรื่องเคล็ดวิชาไม่ตายจริงจัง เมื่อเห็นมู่เส้าเฉินที่ตายแล้วฟื้นชีพขึ้นมาใหม่ มันคือเคล็ดวิชาที่สร้างความสนใจให้ผู้คนโดยแท้จริง หากโลกนี้มีเคล็ดวิชาไม่ตายเช่นนี้จริงๆ ย่อมเป็นที่ต้องการมากของผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนโดยแท้
เกรงว่าน่าจะมี ส่วนจะบรรลุถึงขั้นไหนนั้นคงพูดยาก ระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิที่เก่าแก่โบราณแห่งหนึ่งที่เคยมีความเข้าใจเกี่ยวกับตระกูลมู่ได้กล่าวว่า อาศัยคำพูดของคนโหดอันดับหนึ่ง สงสัยว่ามู่เส้าเฉินได้ซ่อนจิตเอาไว้หนึ่ง เหลือจิตอีกสองอยู่กับตัว เขาได้บรรลุถึงขั้นจะไม่ตายในระดับหนึ่ง
ครั้นระดับบรรพบุรุษผู้นี้ได้เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว ทำท่าไตร่ตรองนิดหนึ่งและกล่าวว่า ดูท่าตำนานเกี่ยวกับปฐมบรรพบุรุษตระกูลมู่เคยได้รับตำราสวรรค์ที่ไม่สมประกอบเล่มหนึ่งจะเป็นเรื่องจริง
ที่ระดับบรรพบุรุษผู้นี้พูดมานั้นไม่ผิด ตระกูลมู่มีเคล็ดวิชาไม่ตายอยู่จริงๆ แน่นอนเคล็ดวิชาไม่ตายเช่นนี้ใช่ว่าจะไม่ตายไม่ดับสูญอย่างแท้จริง
เป็นความจริงที่ปฐมบรรพบุรุษตระกูลมู่เคยได้ตำราสวรรค์ที่ไม่สมประกอบอยู่เล่มหนึ่ง ภายหลังได้คิดค้นเคล็ดวิชาไม่ตายแขนงนี้ขึ้นมา เคล็ดวิชาไม่ตายแขนงนี้ของพวกเขา ผู้ฝึกจะต้องซ่อนหนึ่งวิญญาณเอาไว้ ขอเพียงหนึ่งวิญญาณของเขายังคงอยู่ ศิษย์ผู้นี้ก็ยากที่จะฆ่าให้ตายได้
เพียงแต่สิ่งนี้มีข้อดีแต่ก็มีข้อเสีย หลังจากที่ศิษย์ผู้นี้ได้ทำการซ่อนหนึ่งวิญญาณจากสามวิญญาณเอาไว้แล้ว การฝึกของเขาก็จะถูกจำกัดเอาไว้มากทีเดียว ซึ่งจะบ่งชี้ว่าชาตินี้เขาคงไร้วาสนากับระดับราชันแท้จริงหรือปฐมบรรพบุรุษอีกแล้ว
แต่ว่า มู่เส้าเฉินที่อยู่ในฐานะมีพรสวรรค์ที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสองกลับได้ฝึกเคล็ดวิชาแขนงนี้ แม้จะกล่าวว่ามู่เส้าเฉินนั้นมีพรสวรรค์ที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสอง แต่เขากลับห่างเหินในด้านการฝึก ไม่อยากลำบาก ส่งผลให้ทักษะของเขาห่างชั้นเทียบไม่ได้กับพี่ใหญ่ของเขา
ทว่ามู่เส้าเฉินกลับจะมีพรสวรรค์ที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสอง เขาสามารถทำความบรรลุเคล็ดวิชาได้จำนวนนับไม่ถ้วน แม้แต่เคล็ดวิชาของตระกูลมู่ที่สูญหายไปหลายแขนงก็ได้มู่เส้าเฉินทำความบรรลุและเรียบเรียงขึ้นมาใหม่ได้
กล่าวสำหรับตระกูลมู่แล้ว อัจฉริยะบุคคลเฉกเช่นมู่เส้าเฉินนั้นล้ำค่าอย่างยิ่ง ดังนั้น จึงให้เขาได้ฝึกเคล็ดวิชาไม่ตายแขนงนี้ แม้ว่ามันจะไปสยบทักษะของมู่เส้าเฉินเอาไว้ แต่ว่า อย่างน้อยที่สุดมู่เส้าเฉินก็จะตายยาก ยิ่งไปกว่านั้น มู่เส้าเฉินเหินห่างต่อการฝึกมาโดยตลอด ไม่สามารถเป็นถึงระดับราชันแท้จริงหรือปฐมบรรพบุรุษได้อยู่แล้ว ซึ่งก็จะสมความตั้งใจของเขาพอดี
ด้วยเหตุนี้เอง แม้ว่ามู่เส้าเฉินจะรู้ตัวดีว่าหาใช่คู่ต่อสู้ของหลี่ชิเย่ แต่ยังคงมีท่าทางที่มั่นใจเต็มเปี่ยมอย่างนั้น เขาเข้าใจว่าหลี่ชิเย่ไม่สามารถฆ่าเขาให้ตายได้ เนื่องจากเขาได้ซ่อนหนึ่งวิญญาณเอาไว้ในตระกูลมู่ของตน ขอเพียงเข้าไม่ตาย ถึงแม้หลี่ชิเย่จะแข็งแกร่งมากไปกว่านี้แล้วอย่างไร? สามารถทำอะไรเขาได้?
ดังนั้น แม้รู้อยู่แล้วว่าตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลี่ชิเย่ แต่มู่เส้าเฉินยังคงกล้าทำเอะอะโวยวายต่อหลี่ชิเย่
หลี่ชิเย่เหินฟ้ามุ่งหน้าไปที่จูเซียงหวู่ถิงอย่างช้าๆ ดุจดั่งเดินเล่นอยู่ในสวนหลังบ้านของตน ดูไปแล้วไม่เร็ว แต่หนึ่งก้าวเท่ากับหนึ่งโลกธาตุ ความเร็วนั้นเป็นที่น่าตกใจของผู้คนยิ่ง
ครั้นหลี่ชิเย่ก้าวเท้าเข้าไปยังจูเซียงหวู่ถิงนั้น บรรยากาศทั่วทั้งจูเซียงหวู่ถิงพันตื่นเต้นถึงขีดสุด ไม่รู้ว่ามียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตน ของจูเซียงหวู่ถิงจำนวนเท่าไรที่ทยอยกันชักกระบี่ขึ้นมา ในเวลานั้นสถานการณ์ตึงเครียด ไม่รู้ว่ามีศิษย์จูเซียงหวู่ถิงจำนวนเท่าไรที่ตัวสั่นงันงก
กระทั่งภายในจูเซียงหวู่ถิงได้มีตระกูลขุนนางโบราณได้สำแดงสุดยอดค่ายกลของตนขึ้นมา เพื่อเตรียมการเอาไว้
หลี่ชิเย่ล้วนแล้วแต่เหมือนมองไม่ทุกสิ่งเหล่านี้ เหมือนกำลังเดินเล่นในสวนหลังบ้านของตน เข้าไปในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของจูเซียงหวู่ถิงอย่างสบายๆ แม้ว่าในขณะนี้หลี่ชิเย่จะรับรู้ถึงพลังที่แข็งแกร่งของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจูเซียงหวู่ถิงกำลังกระเพื่อม เขาก็แค่หัวเราะนิดหนึ่งเท่านั้น
……………………………………………………….
