ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกเย็นวาบในใจเมื่อมองเห็นหลุมขนาดใหญ่บนพื้น อสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงสมดังคำเล่าลือจริงๆ มิน่าเล่าจึงสามารถทำให้ราชันแท้จริงในวัยเยาว์ได้รับบาดเจ็บสาหัส นับว่ามีศักยภาพที่เข้มแข็งมาก
“แก่แล้ว” ในเวลานี้เอง มองเห็นอสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงที่ยืนอยู่ตรงนั้น กล่าวด้วยท่าทีเหมือนปลงอนิจจังว่า “มือไม้ก็ไม่คล่องแคล่วอีกต่อไป การลงมือก็ไม่โหดเหี้ยมพอ”
“แก่แล้วจริงๆ” ในเวลานี้เอง เสียงที่เอ้อระเหยเสียงหนึ่งดังขึ้น ได้ยินเสียงช่าาาดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง มองเห็นหลี่ชิเย่ที่พุ่งตัวขึ้นมาจากหลุมลึก เพียงพริบตาเดียวก็พุ่งขึ้นไปยืนอยู่บนท้องฟ้า
ทุกคนมองไปที่หลี่ชิเย่ เห็นหลี่ชิเย่ยังคงสมบูรณ์ไม่มีส่วนไหนเสียหาย แม้แต่บาดแผลถลอกนิดหนึ่งก็ไม่มี ทุกคนไม่ได้รู้สึกเหนือความคาดคิดเป็นพิเศษ คนโหดอันดับหนึ่งยังคงเป็นคนโหดอันดับหนึ่ง รองรับการโจมตีของอสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงยังคงไม่เป็นอะไร
เวลานี้ หลี่ชิเย่ได้ใช้มือปัดฝุ่นที่เกาะอยู่บนตัวออกเบาๆ และกล่าวท่าทีเฉยเมยว่า “ไม่ง่ายนักกว่าจะได้พบกับผู้ที่เชี่ยวชาญเรื่องข่องว่าง ยังเข้าใจว่ามีท่าไม้ตายที่สะเทือนเลื่อนลั่นอะไร จะได้เล่นเป็นเพื่อนสักหน่อย ไม่นึกเลยว่าผ่านไปครึ่งค่อนวัน ท่าไม้ตายที่ว่าก็แค่หลอมกลั่นช่องว่างที่เป็นของเล่นเล็กน้อยๆ เท่านั้นเอง ไม่ได้หลุดพ้น นับว่าน่าเสียใจยิ่งนัก”
“ตาเฒ่าอย่างข้ากลับอยากจะได้เห็นว่าเจ้าจะมีหลอมกลั่นช่องว่างอะไรที่เป็นกระบวนท่าสังหารเด็ดขาด” ครั้นมองเห็นหลี่ชิเย่ถูกโจมตีด้วยท่วงท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของตนแล้วยังคงอยู่รอดปลอดภัย พลันทำให้รู่ม่านตาดวงตาคู่นั้นของอสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงหดตัว
หวังซื่อฮว๋ารู้ว่าอานุภาพการโจมตีครั้งนี้ของตนดี ถ้าหากอานุภาพการโจมตีนี้ไม่ทรงพลังพอล่ะก็ ครั้งนั้นก็คงไม่ทำให้ราชันแท้จริงจ้านผาวได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ทว่า หลี่ชิเย่อาศัยกายเนื้อของตนรับการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของตน ถึงกับไม่เสียหายและไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย
ด้วยพลังรองรับที่แข็งแกร่งเช่นนี้ กายเนื้อที่แข็งแกร่งเช่นนี้แล้ว จะไม่ให้รูม่านตาของหวังซื่อฮว๋าต้องหดลงได้อย่างไรเล่า นาทีนี้เขาเข้าใจแล้วว่าตนเองได้พบกับคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวยิ่งคนหนึ่งแล้ว
“ข้าน่ะไม่มีกระบวนท่าสังหารเด็ดขาดช่องว่างอะไรหรอก” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่งและกล่าวว่า “เพียงแค่วิชาหมัดมวยที่ธรรมดามากเท่านั้นเอง ล้วนแล้วแต่เป็นประเภทหยาบๆ ทั้งนั้น”
พลันที่กล่าวขาดคำ หลี่ชิเย่ก็ได้มายืนอยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว การที่หลี่ชิเย่มายืนอยู่ตรงหน้าของตนฉับพลันทันที สร้างความตระหนกให้กับหวังซื่อฮว๋ายิ่งนัก พริบตาเดียวนั่นเองเขาคิดจะถอยหลังออกไปให้ห่างไกลจากหลี่ชิเย่
แต่ว่า ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง เขาพบว่าวิชาหลอมกลั่นช่องว่างของตนถึงกับใช้การไม่ได้โดยพลัน เขาไม่สามารถก้าวข้ามช่องว่างไปได้ ตัวเขาเสมือนหนึ่งถูกกักขังเอาไว้อยู่ในช่องว่างอย่างนั้น แม้ว่าชุดเกราะสวรรค์กรรแสงบนตัวของเขาได้พวยพุ่งประกายที่เจิดจ้าละลานตายิ่งกว่าออกมา แต่ว่าช่องว่างยังคงถูกล็อคเอาไว้ เขายังคงถูกกักขังอยู่ภายในเหมือนเดิม
ในพริบตาเดียวนั่นเอง หลี่ชิเย่ได้ควบคุมช่องว่างเอาไว้ทั้งหมด ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่อยู่ภายใต้การบงการของเขา ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถก้าวข้ามไปได้และกระดิกตัวไม่ได้
เพียงเช่นนี้ หลี่ชิเย่ควงหมัดขึ้นมาอย่างง่ายๆ ทุบลงไปพร้อมแขน โดยหนึ่งหมัดที่ทุบลงไปนั้นหาใช่เป็นน้ำหนักของตัวหลี่ชิเย่เอง มันคือน้ำหนักของช่องว่างทั้งหมด อีกทั้งยังไม่ใช่ช่องว่างบริเวณนี้เท่านั้น ที่ถูกต้องคือมันหมายรวมถึงน้ำหนักพลังของโลกทั้งโลก หมายรวมถึงสุริยันจันทราบนท้องฟ้า ทางช้างเผือกหมื่นอาณาจักรบนจักรวงาล รวมทั้งผืนแผ่นดิน และน้ำหนักจากโลกธาตุทั้งหมด
หรือจะพูดอีกนัยหนึ่งคือ โลกกว้างใหญ่แค่ไหน ช่องว่างก็จะมีขนาดใหญ่เท่านั้น อีกทั้งน้ำหนักทั้งหมดล้วนแล้วแต่ถูกรวบรวมอยู่ในหมัดที่หลี่ชิเย่ควงขึ้นมาทำการโจมตีนั่น
น้ำหนักของโลกทั้งโลกได้โจมตีลงบนตัวของหวังซื่อฮว๋าในทันที แม้ว่าหวังซื่อฮว๋าในเวลานี้จะได้สำแดงเคล็ดวิชาที่ปราศจากผู้ต่อกรที่สุด และสำแดงชุดเกราะฟ้ากรรแสงของตนให้มีพลังสูงสุด ก็ยังต้านการโจมตีตามอารมณ์ของหลี่ชิเย่ไม่ได้
เสียงตูมดังสนั่น ภายใต้การโจมตีนี้เสมือนดั่งโลกทั้งโลกถูกแตกสลายไปอย่างนั้น ได้ยินเสียงคร๊ากกกดังขึ้น ชุดเกราะฟ้ากรรแสงบนตัวของหวังซื่อฮว๋าแตกละเอียด
สมควรทราบว่า ชุดเกราะฟ้ากรรแสงของนี้เคยทำให้ราชันแท้จริงต้องบาดเจ็บสาหัส แม้แต่อาวุธราชันแท้จริงก็ทำอันตรายมันไม่ได้แม้เพียงน้อยนิด แต่ มาวันนี้กลับถูกหลี่ชิเย่อาศัยเพียงมือเปล่าซัดจนแหลกละเอียดไปในหมัดเดียว
ภายใต้การโจมตีเพียงครั้งเดียว หวังซื่อฮว๋าต้องกระอักเลือดออกมาอย่างรุนแรง เวลานี้เขาไม่เพียงกระอักเลือดออกมาเท่านั้น มีเลือดที่พุ่งทะลักออกมาอย่างรุนแรงทั่วทั้งตัว เนื่องจากการโจมตีของหลี่ชิเย่พลันทำลายร่างกายของเขาจนละเอียด กระดูกทั้งตัวแตกละเอียดท่ามกลางเสียงที่ดังคร๊ากกกนั่น
ปังเสียงดังสนั่นหวั่นไหว นาทีนี้ร่างของหวังซื่อฮว๋าเสมือนดั่งดาวตกพุ่งชนกับพื้นดินอย่างแรง จนทำให้พื้นดินกลายเป็นหลุมลึกขึ้นมา
เลือดสดๆ ไหลย้อมดินของหลุมลึกจนแดงฉาน เวลานี้หลุมลึกได้พังทลายลง หวังซื่อฮว๋าที่ถูกฝังกลบอยู่ใต้ดินก็ไม่รู้ว่าเป็นหรือตายเช่นกัน
เวลานี้ ฟ้าดินเงียบสงัด ทุกคนต่างอ้าปากกว้างจนหุบไม่ลง ความแข็งแกร่งของคนโหดอันดับหนึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนทราบกันดี แต่ว่า การโจมตีเพียงครั้งเดียวก็ทำลายเสื้อเกราะของอสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงจนแหลกละเอียดนั้น เป็นเรื่องที่ทุกคนนึกไม่ถึง
ย่อมไม่ต้องสงสัยว่า หวังซื่อฮว๋านั้นแข็งแกร่งกว่าไม่น้อยเมื่อเทียบกับเทพอินทรีหวินตู้ แต่ว่า ยังคงต้านรับการโจมตีเพียงครั้งเดียวของหลี่ชิเย่ไม่ได้
สมควรทราบว่า ชุดเกราะฟ้ากรรแสงบนตัวของหวังซื่อฮว๋านั้นคือเสื้อเกราะปราศจากผู้ต่อกร ที่เคยทำให้ราชันแท้จริงจ้านผาวต้องบาดเจ็บสาหัสมาแล้ว แต่ มาวันนี้กลับถูกหลี่ชิเย่อาศัยมือเปล่าซัดจนแหลกละเอียดในหมัดเดียว ด้วยศักยภาพเช่นนี้ มันคือคนละชั้นอยู่แล้ว
“น่าเบื่อเหลือเกิน” หลี่ชิเย่ที่ยืนอยู่ตรงนั้นส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “ที่ว่าสามารถควบคุมช่องว่างได้ มันก็แค่นี้เอง”
ทุกคนล้วนแล้วแต่หัวเราะเจื่อนๆ ไม่สามารถต่อปากต่อคำได้ ใช่ว่าอสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงอ่อนเกินไป แต่เป็นเพราะคนโหดอันดับหนึ่งแข็งแกร่งมากเกินไป นาทีนี้เขามีสิทธิ์ที่จะพูดเช่นนี้โดยสิ้นเชิง
สำหรับมู่เส้าเฉินที่ยืนอยู่ข้างๆ เมื่อได้เห็นภาพเช่นนี้แล้วถึงกับมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปมากทีเดียว เขาเองก็นึกไม่ถึงว่าหลี่ชิเย่จะแข็งแกร่งได้ถึงระดับนี้ สมควรทราบว่า แม้แต่ในแดนลัทธิราชันในชั้นของอมตะแล้ว อสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงนับว่าแข็งแกร่งมาก แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่ชิเย่แล้วกลับต้านรับไม่ได้กระทั่งกระบวนท่าเดียว
เมื่อมู่เส้าเฉินนึกมาถึงตรงนี้แล้วถึงกับร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่ง เวลานี้เขาเองก็ไม่รู้ว่าในตระกูลมู่ของตนยังจะมีใครที่สามารถต้านหลี่ชิเย่เอาไว้ได้จริงๆ
ช่าาาเสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้เอง เศษดินเศษหินปลิวว่อน มองเห็นอสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงที่พุ่งตัวขึ้นมาจากหลุมลึก เวลานี้ทั้งเนื้อทั้งตัวของเขาเต็มไปด้วยเลือด เมื่อเทียบกับหลี่ชิเย่เมื่อครู่ที่ไม่บุบสลายแม้แต่น้อยแล้วห่างชั้นกันมาก
เวลานี้อสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงถูกโจมตีจนร่างทั้งร่างแตกละเอียด ถ้าหากเขาไม่ใช่อยู่ในชั้นของอมตะคงไม่มีชีวิตแล้ว หากเปลี่ยนเป็นระดับเทพแท้จริงอื่นๆ เกรงว่าคงกลายเป็นเถ้าธุลีไปนานแล้ว
เสียงคร๊ากกก คร๊ากกกดังขึ้น ท่ามกลางเสียงการประสานเข้าด้วยกันของกระดูก มองเห็นอสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงหวังซื่อฮว๋าที่กระดูกถูกโจมตีจนแตกละเอียดนั่นทยอยกันสมานเป็นปรกติ นี่แหละคือจุดแข็งของขั้นอมตะ
แม้จะกล่าวว่า กายเนื้อถูกทำลายแล้วสร้างขึ้นมาได้ใหม่ แต่ว่า เมื่อร่างกายของอสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงสมานจนหายสนิททั่วทั้งร่างแล้ว สีหน้าของเขาขาวซีด ย่อมไม่ต้องสงสัยว่าเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บให้กับตนเอง เขาได้สูญเสียลมปราณไปไม่น้อยทีเดียว
ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อเห็นว่าอสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงได้ฟื้นคืนชีพกลับมาได้ เนื่องจากหวังซื่อฮว๋าที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ยังต้านการโจมตีเพียงครั้งของหลี่ชิเย่ไม่ได้ และถูกหลี่ชิเย่สังหารล่ะก็ เป็นเรื่องที่ทำให้ประหวั่นพรั่นพรึงเหลือเกิน ผู้เยาว์คนหนึ่งแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้ เป็นการทำให้ผู้คนอยู่กันไม่ได้แล้ว
“ที่ข้าไว้ชีวิตเจ้า นั่นเป็นเพราะรู้สึกว่าเจ้ายังมีท่าไม้ตายอีก” หลี่ชิเย่ที่ยืนอยู่บนท้องฟ้ายิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า “ถ้าหากไม่ให้เจ้าได้ทันสำแดงท่าไม้ตายออกมาก็ตายเสียก่อน ไม่แน่นักเจ้าอาจจะต้องเสียใจยิ่ง ดังนั้น ข้าจึงสงเคราะห์เจ้า มีท่าไม้ตายก็สำแดงออกมาเถอะ และสมควรเผยโฉมหน้าที่แท้จริงได้แล้ว”
ทุกคนต่างทยอยกันมองไปที่อสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่ ทุกคนต่างเข้าใจว่า ‘กระบวนท่าโจมตีด้วยอำนาจสูงส่งช่องว่างหยินหยาง’ เมื่อครู่ก็คือการโจมตีที่ทรงพลังมากที่สุดของอสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงเสียแล้ว ไม่นึกเลยว่าอสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงยังมีท่าไม้ตายที่ยังไม่ได้สำแดงออกมา
“ดี ดี ดี นับว่าเป็นคนหนุ่มมีพลังที่น่าเคารพเลื่อมใสโดยแท้ คนหนุ่มมีพลังที่น่าเคารพเลื่อมใสจริงๆ” อสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงได้เอ่ยขึ้นในเวลานี้
มาคราวนี้เขาได้พูดคำพูดเดิมออกมา แต่คราวนี่เขาไม่ได้โกรธจัดจนหัวเราะขึ้นมา คำพูดนี้ออกจากส่วนลึกในใจจริงๆ เขารับรู้ถึงความน่ากลัวของหลี่ชิเย่แล้ว
“ข้านั่งเฉยๆ ที่แดนลัทธิราชันโดยไม่คิดอะไรมานับแสนปี บรรลุสัจธรรมโดยอาศัยโฉมหน้าที่แท้จริง พอจะได้ข้อคิดอะไรมาบ้าง” อสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงในเวลานี้ไม่ได้มีความกำแหงหยิ่งผยองเมื่อครู่ เนื่องจากเขารู้แล้วว่าศัตรูของตนเองนั้นมีความแข็งแกร่งเช่นใดแล้ว
“ขณะอยู่ที่แดนลัทธิราชัน ไม่มีโอกาสทำอย่างสุดกำลัง มาวันนี้เมื่อมีโอกาสเช่นนี้ก็ไม่อยากให้พลาดไป” อสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงลอยตัวขึ้นมาช้าๆ และลอยล่องอยู่ท่ามกลางท้องฟ้า
ในเวลานี้ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้และมองดูอสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสง ต้องการเห็นกับตาตนเองว่า ท่าไม้ตายของอสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงคืออะไรกันแน่ จะอย่างไรเสียหนึ่งแสนปีบรรลุหนึ่งสัจธรรม ย่อมต้องสะเทือนเลื่อนลั่นต่อฟ้าดินแน่นอน
“ลงมือเถอะ” หลี่ชิเย่มองดูอสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงทีหนึ่ง กล่าวด้วยท่าทีเหนื่อยหน่าย
“เคารพมิสู้ทำตามคำสั่ง” เวลานี้ อสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงได้เอาหมวกใบใหญ่ของตนออกมา ก่อนหน้านั้นเขาอาศัยหมวกใบใหญ่ปิดบังใบหน้าตลอดไม่เคยเผยโฉมหน้าที่แท้จริงต่อหน้าผู้คน เวลานี้เขาถอดหมวกใบใหญ่ออก เผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา
ครั้นอสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงถอดหมวกใบใหญ่และเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมานั้น ทำให้ผู้พบเห็นถึงกับหวาดหวั่นพรั่นพรึงจนขนลุกซู่ และถึงกับร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่ง
มองเห็นอสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงมีปากขนาดใหญ่โตมโหฬารปากหนึ่ง โดยขนาดปากของเขากินพื้นที่ส่วนใหญ่ของใบหน้าของเขา ทำให้ดวงตาและจมูกของเขาเบียดชิดอยู่ด้วยกันทั้งหมด
ที่น่ากลัวยิ่งไปกว่านี้ก็คือ ปากขนาดใหญ่ของเขามีฟันที่ทั้งแหลมยาวและเล็กอยู่สองแถว ถ้าหากฟันทั้งสองแถวเรียงชิดติดกันทั้งหมดยังจะดูดีกว่า แต่ฟันทั้งสองแถวจะมีการเว้นระยะห่างของฟันแต่ละซี่เอาไว้ไม่น้อยทีเดียว
ส่งผลให้แลดูกลายเป็นคนที่อัปลักษณ์อย่างยิ่งจากฟันทั้งสองแถวนี้ มันเหมือนเป็นฟันของสัตว์ประหลาดอย่างนั้น กระทั่งน่าสยองขวัญเสียยิ่งกว่าฟันของสัตว์ประหลาดเสียอีก ฟันที่แหลม ยาวและเล็กสองแถวทำให้ผู้คนไม่รู้ว่าจะเปรียบเปรยอย่างไรดีเมื่อมองเห็นฟันทั้งสองแถวนี้ ทำให้หวาดหวั่นพรั่นพรึงจนขนลุกซู่ กระทั่งทำให้ผู้คนรู้สึกอยากจะอาเจียนออกมา
ขณะที่อสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงพูดออกมานั้น ฟันทั้งสองแถวซ้อนสลับกันไปมา เหมือนว่าสามารถจับคนทั้งหมดใส่ปากแล้วเคี้ยวจนกลายเป็นเศษเนื้อได้อย่างนั้น ทุกคนล้วนแล้วแต่สามารถจินตนาการได้ถึงภาพของเลือดและเนื้อที่กระจัดกระจาย เมื่อมองเห็นฟันทั้งสองแถวของเขา
“โอ้แม่เจ้า” ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่มองเห็นหน้าตาของอสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงแล้ว ถึงกับตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ เวลานี้ถึงกับเสียวสันหลังวาบ ตัวเย็นไปทั่วร่าง กระทั่งมีผู้ทีอดจะร่างสั่นเทิ้มไม่ได้ รู้สึกสะอิดสะเอียนอย่างยิ่ง
ในเวลานี้เอง ในที่สุดทุกคนก็เข้าใจได้แล้วว่า เพราะอะไรอสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงถึงต้องอาศัยหมวกใบใหญ่ปิดบังใบหน้าเอาไว้ตลอด หน้าตาของเขานับว่าน่าตกใจอย่างยิ่ง ถ้าหากเขาไม่ใส่หมวกใบใหญ่เพื่อปิดบังใบหน้าของเขา เดินไปถึงไหนก็ต้องทำให้ผู้คนต้องตกใจอย่างแท้จริง
“กลับทำให้ทุกคนต้องตกใจเสียแล้ว” อสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงชินชากับสภาพเช่นนี้แล้ว นับว่ามีปฏิกิริยาที่เรียบเฉย
…………………………………………………..