ตอนที่ 2508 หนึ่งกระบวนท่า
ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยต่างอุทานด้วยความตื่นตะลึง เมื่อเห็นทังเฮ่อเสียงโจมตีมังกรยักษ์ทองคำจนคืนร่างและร่วงตกลงมา
ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยต่างอุทานด้วยความตื่นตะลึง เมื่อเห็นทังเฮ่อเสียงโจมตีมังกรยักษ์ทองคำจนคืนร่างและร่วงตกลงมา
“นับว่าแข็งแกร่งมากอย่างแท้จริง และมีฝีมือมากทีเดียว และตัวเขาก็นับว่ามีธาตุแท้ภายในระดับหนึ่งที่จะชิงบัลลังก์กับราชันแท้จริงปาเจิ้น หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นไม่เห็นว่าจะทำได้” ยอดฝีมือสำนักเจ้าลัทธิทอดถอนใจออกมา
ผู้คนจำนวนไม่น้อยก็ถูกทำให้หวั่นไหวกับการโจมตีที่โหดร้ายดุดันเช่นนี้ของทังเฮ่อเสียง ทังเฮ่อเสียงนับว่าเป็นผู้ที่มีศักยภาพคนหนึ่งโดยแท้
แม้ว่าหลายคนจะรังเกียจในตัวของทังเฮ่อเสียงกับการลงมือลอบโจมตีเมื่อครู่ และเหยียดหยามในการกระทำเช่นนี้ของเขา แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า แม้ว่าทังเฮ่อเสียงดูจะต่ำทรามอยู่บ้าง แต่ว่า กำลังความสามารถของเขายังคงแข็งแกร่งมาก
ตึง…เสียงหนึ่งดังขึ้น เวลานี้ ทวนมังกรในมือของทังเฮ่อเสียงชี้ไปที่หลี่ชิเย่จากตำแหน่งที่สูงกว่า ด้วยความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว หัวเราะด้วยความหยิ่งทะนงและเย็นชา และกล่าวว่า “ความสามารถอันน้อยนิด ไร้อันดับ”
แม้คำพูดของทังเฮ่อเสียงจะอวดดีมากไปนิดหนึ่ง แต่ เป็นความจริงที่กำลังความสามารถของเขาไม่ธรรมดา ไม่อาจดูแคลนได้
เวลานี้ ทุกคนต่างมองไปที่หลี่ชิเย่ แน่นอน ภายในใจของผู้คนจำนวนมากไม่คิดว่าฮ่องเต้องค์ใหม่จะพ่ายแพ้ จะอย่างไรเสียฮ่องเต้องค์ใหม่ช่างลึกซื้งยากจะหยั่งถึงเหลือเกิน ทุกคนเพียงแต่อยากรู้อยากเห็นเท่านั้นว่า ถ้าหากฮ่องเต้องค์ใหม่ลงมืออีกครั้งหนึ่ง จะมีฝีมือลักษณะอย่างไรเท่านั้น
“ศักยภาพเพียงเท่านี้ก็กล้าคุยโตไม่รู้จักละอาย” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมาและลุกขึ้นยืนช้าๆ เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “เอาเถอะ ถ้าเช่นนั้นก็เล่นเป็นเพื่อนกับเจ้าสักหน่อย ให้เจ้าได้เห็นกำลังความสามารถของข้า”
“ฮ่องเต้องค์ใหม่เอาจริงแล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่จะลงมือแล้ว” เรียกได้ว่าเป็นที่จับจ้องของมวลชน ทุกคนต่างมีคู่ดวงตาที่เบิกกว้าง มองดูทุกๆ ท่วงท่าของหลี่ชิเย่ แม้แต่การเคลื่อนไหวน้อยนิดก็ไม่ให้พลาด ล้วนแล้วแต่ต้องการดูว่าหลี่ชิเย่มีฝีมือที่สะเทือนเลื่อนลั่นอย่างไร
เมื่อมองเห็นหลี่ชิเย่เป็นที่จับจ้องของมวลชนขณะนี้ ทำให้ภายในใจของทังเฮ่อเสียงไม่สบอารมณ์เป็นพิเศษ ในอดีต ผู้เป็นที่จับตามองคือบุรุษผู้สูงศักดิ์เช่นทังเฮ่อเสียงอย่างเขา ไม่ใช่ฮ่องเต้ทรราชที่อยู่ตรงหน้า!
“ฮ่องเต้องค์ใหม่ลึกล้ำยากจะหยั่งถึง พลันที่เขาลงมือรับรองได้ว่าต้องสะเทือนเลื่อนลั่น” แม้แต่ระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิก็มีท่าทีที่หนักแน่นจริงจัง และเอ่ยขึ้นมาช้าๆ
มีผู้ที่อดจะพูดเสียงแผ่วเบาขึ้นมาว่า “ฮ่องเต้องค์ใหม่ลงมือ ทังเฮ่อเสียงสามารถต้านเอาไว้ได้กี่กระบวนท่าล่ะ?”
“ข้าขอทายว่าห้ากระบวนท่าก็แล้วกัน จะอย่างไรเสียเวลานี้เขาได้หลอมรวมเข้ากับค่ายกลใหญ่เป็นเนื้อเดียวกัน ซึ่งไม่เพียงมีกำลังความสามารถของตัวเขาเองแล้ว ยังมีกำลังที่เป็นแกนหลักที่สุดของกองทัพส่วนกลาง” มียอดฝีมือกลุ่มคนรุ่นใหม่ผู้หนึ่งกล่าวเสียงแผ่วเบาขึ้นมา
“ห้ากระบวนท่า? ท่านให้ความสำคัญเขามากเกินไปแล้ว ดูสิ ดาบอริยะกวานไห่หลังจากสามกระบวนท่าแล้วก็ยอมแพ้ ข้าไม่คิดว่าทังเฮ่อเสียงจะแข็งแกร่งมากไปกว่าดาบอริยะกวานไห่ ดาบอริยะกวานไห่คือเทพแท้จริงขั้นสวรรค์ชั้นเก้าที่จริงแท้แน่นอน กำลังความสามารถก็เป็นของแท้แน่นอน และมีพื้นฐานที่แน่นหนา” อัจฉริยะบุคคลอีกผู้หนึ่งส่ายหน้า
เสียงวิพากวิจารณ์แผ่วเบาเหล่านี้เมื่อเข้าหูทังเฮ่อเสียงแล้ว พลันทำให้สีหน้าของทังเฮ่อเสียงดูไม่จืดถึงขีดสุด หากเป็นเมื่ออดีตล่ะก็ พลันที่เขาลงมือรับรองได้ว่าจะต้องปรากฏเสียงร้องเชียร์ไปทั่ว ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องการได้เห็นบุคลิกอันสง่างามของสุดยอดอัจฉริยะบุคคลเช่นตัวเขา ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องการได้เห็นสุดยอดวิชาแห่งยุคของอัจฉริยะบุคคลเช่นตัวเขา
แต่ว่า เวลานี้เมื่อออกจากปากของผู้อื่น เขากลับกลายเป็นย่ำแย่อย่างนี้ กระทั่งกลายเป็นที่เยาะเย้ยของผู้อื่น เป็นเป้าหมายที่ถูกเย้ยหยัน แล้วทังเฮ่อเสียงจะกล้ำกลืนความอัปยศนี้ได้อย่างไร?
ดังนั้น ในขณะนี้สีหน้าของทังเฮ่อเสียงดูไม่จืดถึงที่สุด ดวงตาทั้งสองเผยปณิธานการฆ่าที่น่ากลัวออกมา ทวนมังกรในมือชี้ไปที่หลี่ชิเย่ กล่าวน่าครั่นคร้ามว่า “เจ้าคนแซ่หลี่ วันนี้เจ้าอย่าหวังมีชีวิตรอดออกไปจากเขาจิ่วเหลียนซานเลย!”
“เอาล่ะ คำพูดนักเลงโตพูดพอแล้วยัง?” หลี่ชิเย่ที่ยืนอยู่ตรงนั้น โบกมือเบาๆ ดูไม่ใส่ใจอะไรเลย กล่าวท่าทีเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นว่า “หากพูดจนพอแล้วก็เตรียมตัวให้ดี พลันที่ข้าลงมือ เกรงว่าเจ้าไม่มีโอกาสแม้แต่จะตอบโต้”
“ข้านี่แหละอยากจะดูว่าเจ้าจะเก่งสักแค่ไหนเชียว” ทังเฮ่อเสียงถูกคำพูดของหลี่ชิเย่ยั่วจนโมโหขึ้นมาอย่างสิ้นเชิงแล้ว อดที่จะคำรามเสียงดังขึ้นมา
เสียงตูม…ดังสนั่น ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง มองเห็นพลังของทังเฮ่อเสียงที่เสมือนดั่งสายรุ้งสีขาวทะลุผ่านดวงตะวัน พุ่งขึ้นท้องฟ้าอย่างรุนแรง เสียงดังตูมตามดังขึ้นไม่ขาดสาย พลังที่ยิ่งใหญ่น่าเกรงขามดั่งลำแสงมหาประลัยผ่านทะลุตรงไปยังส่วนที่ลึกเข้าไปในจักรวาล เหมือนว่าสามารถกวาดล้างทั่วทั้งแดนสวรรค์อย่างนั้น
เพียงพริบตาเดียวนี่เอง ร่างกายของทังเฮ่อเสียงได้ปรากฏประกายที่พวยพุ่งออกมาไม่ขาดสาย ได้ยินเสียงดังตึง ตึง ตึงดังขึ้น โล่ยักษ์ในมือของเขาเหมือนมีโลหะศักดิ์สิทธิ์ทำการประกอบขึ้นมาใหม่อย่างนั้น พลันส่งผลให้โล่ยักษ์กลับกลายเป็นมีขนาดใหญ่ยักษ์มากขึ้นกว่าเดิมและมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นกว่าเดิมอีก
ได้ยินเสียงกรรรที่เป็นเสียงมังกรดังคำรามขึ้นมา มองเห็นทวนมังกรในมือของทังเฮ่อเสียงกลับกลายเป็นมีขนาดใหญ่มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เสมือนดั่งเป็นมังกรทองขนาดยักษ์ที่พันอยู่กับทวนยาว ทวนยาวลักษณะเช่นนี้สามารถทิ่มแทงจนท้องฟ้าทะลุ
ปังเสียงหนึ่งดังขึ้น ฟ้าดินสั่นไหวทีหนึ่ง เวลานี้มือหนึ่งของทังเฮ่อเสียงถือโล่ยักษ์ปกป้องอยู่ด้านหน้าของตน อีกมือหนึ่งถือทวนยาวลักษณะขวางอยู่หน้าลำตัว เป็นการจัดวางท่างทางที่พร้อมทั้งรุกและรับเอาไว้
“จะเริ่มแล้ว ดูซิว่าทังเฮ่อเสียงนั้นมีความแข็งแกร่งเพียงใดกันแน่” ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างอุทานด้วยความตื่นตะลึง เมื่อมองเห็นท่าทางของทังเฮ่อเสียงที่ดูสมบูรณ์แบบยิ่งทั้งรุกและรับ
“เจ้าคนแซ่หลี่ ออกมารับความตาย…” ทังเฮ่อเสียงได้รวบรวมเอาพลังทั้งหมดเอาไว้กับตัว เปี่ยมด้วยความพาล เขาเข้าใจเองว่าต่อให้เป็นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะลงมือเอง เขาก็สามารถต้านได้หนึ่งถึงสองกระบวนท่า
“ตกลง ข้ามาแล้ว” หลี่ชิเย่หัวเราะ และมองเห็นร่างของเขาแวบทีหนึ่งพลันที่พูดขาดคำ
แต่ทว่า ความเร็วของหลี่ชิเย่นั้นไวเหลือเกิน หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ เมื่อเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้สิ้นสุดลงแล้ว จึงได้ยินเสียงปุดังขึ้นมาตรงบริเวณที่เขายืนอยู่ ช่องว่างเหมือนมีการกระเพื่อมทีหนึ่ง นี่เป็นการสำแดงขีดความสามารถด้านความเร็วจนถึงขีดสูงสุด และทะลุผ่านช่องว่างในทันที
ปัง…เสียงหนึ่งที่ดังสนั่นหวั่นไหวสะเทือนฟ้าดิน หมื่นอาณาจักรสั่นไหวโคลงแคลงไปมา ในพริบตาเดียวนั่นเอง วันเวลาเหมือนดั่งหยุดลงอย่างนั้น ภาพนั้นเหมือนถูกทำให้หยุดนิ่งอยู่ตรงหน้า ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่หยุดลงในชั่วพริบตาเดียว
เสียงปังที่ดังสนั่นสยบจิตวิญญาณของทุกคนเอาไว้ ทุกคนต่างรู้สึกแน่นหน้าอก และคู่สายตาต่างเบิกกว้างมองดูภาพเหตุการณ์ข้างหน้าอย่างเหลือเชื่อ
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่ถูกทำให้หยุดลง สิ่งที่ทุกคนมองเห็นคือ เข่าของหลี่ชิเย่ที่ปะทะเข้ากับโล่ยักษ์ของทังเฮ่อเสียงเข้าอย่างรุนแรง
เห็นเพียงโล่ยักษ์ที่แตกละเอียดในทันที เศษชิ้นส่วนจำนวนนับไม่ถ้วนปลิวกระจาย ขณะที่เข่าของหลี่ชิเย่ที่ปะทะเข้ากับโล่อย่างรุนแรงนั้น ร่างของทังเฮ่อเสียงที่ใหญ่โตมโหฬารก็ถูกกระแทกจนตัวลอย ร่างกายของเขาหงายหลังลงผึ่ง และกระอักเลือดออกมาอย่างแรงคำหนึ่ง
ดวงตาของทุกคนต่างเบิกกว้างมองดูภาพเหตุการณ์ข้างหน้าอย่างเหลือเชื่อ
หลังจากเวลาผ่านไปนานมาก จึงได้ยินเสียงดังปังขึ้นมาเสียงหนึ่ง เป็นเสียงที่เข่าของหลี่ชิเย่กระแทกเข้ากับโล่ยักษ์จนแหลกละเอียด ความเร็วของหลี่ชิเย่นั้นรวดเร็วเหลือเกิน เกือบจะแซงล้ำหน้าวันเวลาไปแล้ว พลันทำให้วันเวลาหยุดลงอยู่ตรงนั้น และภาพเหตุการณ์ก็ถูกทำให้หยุดลงตรงนั้น
ผ่านไปชั่วครู่ วันเวลาจึงได้เริ่มต้นไหลเคลื่อน ในเวลานี้เอง เสียงเข่าของหลี่ชิเย่ที่กระแทกเข้ากับโล่ยักษ์อย่างรุนแรงจึงได้สะท้อนเข้าหูของผู้คน
กล่าวได้ว่า ทุกคนได้เห็นเข่าของหลี่ชิเย่ที่กระแทกจนโล่ยักษ์แตกละเอียดก่อน จากนั้นค่อยได้ยินเสียง เพียงแต่ในชั่วพริบตาเดียวนั้นวันเวลาหยุดนิ่ง เสมือนดั่งมิติเกิดการสับสนขึ้นมา ทุกคนแทบจะแยกแยะไม่ออกว่าสิ่งไหนก่อนสิ่งไหนหลังแล้ว
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ ก็ได้ยินเสียงปังที่ดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นมาเสียงหนึ่ง ผืนแผ่นดินสั่นสะเทือนไปสามครั้ง เสียงน้ำที่ดังช่าาา ช่าาา ช่าาาขึ้นมาไม่ขาดสาย
หลังจากเข่าของหลี่ชิเย่ที่กระแทกเข้าโล่ยักษ์อย่างรุนแรง และร่างกายที่มี่ขนาดใหญ่โตมโหฬารถูกกระแทกจนตัวลอย ในเวลานี้เองจึงได้ตกลงไปในทะเลสาบอย่างแรง ทำเอาทั่วทั้งเขาจิ่วเหลียนซานสั่นเทาขึ้นมา น้ำในทะเลสาบถูกกระแทกจนเกิดเป็นฟองคลื่นที่ดั่งคลื่นยักษ์ คลื่นยักษ์ที่โหมสาดซัดรุนแรงค่อยๆ สงบลงหลังจากเวลาผ่านไปนานมาก
ในเวลานี้ฟ้าดินเงียบสงัด ทุกคนมองดูภาพเหตุการณ์ข้างหน้าด้วยท่าทีเหม่อลอย มองดูทังเฮ่อเสียงที่เวลานี้ถูกน้ำในทะเลสาบท่วมจนมิดและลอยล่องอยู่ท่ามกลางทะเลสาบ ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย
ในเวลานี้เอง ดวงตาทั้งสองของทุกๆ คนล้วนแล้วแต่เบิกกว้างและไม่อาจเรียกสติกลับมา ภาพเหตุการณ์ตรงหน้าสร้างความสะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจมากเหลือเกิน
ก่อนหน้านี้ ทุกคนยังคงถกกันอยู่ว่าทังเฮ่อเสียงสามารถรับมือฮ่องเต้องค์ใหม่ได้กี่กระบวนท่า บางคนบอกว่าสามารถรับได้ห้ากระบวนท่า และบางคนบอกว่าสามารถรับได้สามกระบวนท่า
แต่ว่า สิ่งที่ทำให้ทุกคนนึกไม่ถึงก็คือ พลันที่ฮ่องเต้องค์ใหม่ลงมือ ทังเฮ่อเสียงรับไม่ได้กระทั่งกระบวนท่าเดียว แค่กระบวนท่าเดียวก็ทำลายโล่ยักษ์ของทังเฮ่อเสียงจนแตกละเอียด หนึ่งเข่าที่หนักหน่วงทำเอาทังเฮ่อเสียงกระแทกลงกับพื้นอย่างแรง ซึ่งสร้างความหวั่นไหวให้กับทุกคนจนพูดอะไรไม่ออก
ทุกคนต่างเข้าใจว่า ถึงทังเฮ่อเสียงจะแย่อย่างไรก็ตาม ชั่วดีอย่างไรก็ต้องสามารถรับมือได้สักสองสามกระบวนท่าอะไรประมาณนั้น ไม่นึกเลยว่า เวลานี้แม้แต่กระบวนท่าเดียวก็รับไม่ได้ ช่างเป็นเรื่องที่น่ากลังเพียงใด
ปิงฉือหานยวี่ มีสีหน้าที่ซีดเผือดเมื่อได้เห็นภาพเช่นนี้ ความแข็งแกร่งของหลี่ชิเย่ได้สยบจิตวิญญาณของนางเอาไว้แล้ว ทำให้นางพลันสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ผู้ชายที่แข็งแกร่งน่ากลัวถึงเพียงนี้ นางเพิ่งจะได้พบเห็นเป็นครั้งแรก
แม้ว่าก่อนหน้านี้ นางมีความมั่นใจในตัวของราชันแท้จริงปาเจิ้นที่เป็นคู่หมั้นของตน คิดว่าราชันแท้จริงปาเจิ้นสามารถกวาดล้างกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้จนสิ้น แต่ทว่า ภายในใจของปิงฉือหานยวี่อดที่จะสั่นคลอนไม่ได้ พริบตาเดียวนั่นเอง ในใจของนางบังเกิดมโนภาพว่า ท่ามกลางท่วงท่าที่สูงใหญ่สุดเทียบเทียมของหลี่ชิเย่ ราชันแท้จริงปาเจิ้นที่เป็นราชันแท้จริงปราศจากผู้ต่อกรก็กลับกลายเป็นเล็กจิ๋วอะไรอย่างนั้น
ฉินเจี้ยนเหยาที่ได้เห็นภาพนี้แล้ว อดที่จะทอดถอนใจออกมาเบาๆ นางรู้แล้วว่าสถานการณ์ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว สถานการณ์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ในเวลานี้ถูกกำหนดไว้แล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่ก็คือผู้ที่อยู่ในฐานะสูงสุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นเป็นเพียงการหยอกเล่นต่อใต้หล้าของฮ่องเต้องค์ใหม่เท่านั้นเอง ผู้คนใต้หล้าไม่ว่าจะดีเลิศเพียงใด มีความแข็งแกร่งเช่นใด ล้วนแล้วแต่เป็นพียงเบี้ยที่อยู่ในมือของเขาเท่านั้นเอง ดำรงอยู่ในฐานะเสมือนหนึ่งเป็นมดปลวกตัวหนึ่ง
ดาบอริยะกวานไห่ก็อดที่จะยิ้มเจื่อนๆ เมื่อเห็นภาพนี้แล้ว และเขาก็เข้าใจได้ว่า เมื่อครู่หลี่ชิเย่เพียงแต่ล้อเล่นกับเขาเท่านั้นเอง หลี่ชิเย่ให้เขารับมือได้สามกระบวนท่านับว่าเป็นการออมมือให้แล้ว
หากหลี่ชิเย่จะลงมือจริงๆ ล่ะก็ เกรงว่าเขาคงรับไม่ได้แม้แต่ดาบเดียว ดีไม่ดีหนึ่งดาบที่ฟาดฟันลงมาก็จัดการผ่าตัวเขาออกเป็นสองซีก
ในเวลานี้ ดาบอริยะกวานไห่อดที่จะยิ้มด้วยความขมขื่น แม้ว่าเขาจะไม่ใช้คนที่อวดดียกตนข่มท่าน แต่ก็มองตัวเองว่าสูงเด่น เวลานี้เมื่อเปรียบกับฮ่องเต้องค์ใหม่แล้ว การประสบความสำเร็จเพียงน้อยนิดเช่นนี้ไม่สามารถนับเป็นอะไรได้เลย กระทั่งเรียกได้ว่าไม่คู่ควรจะกล่าวถึง
……………………………….