ตอนที่ 2519 สมควรทำตามสัญญาได้แล้ว
ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดต่างตะลึงงัน เมื่อได้ยินชื่อเชือกเก้าเซียนชื่อนี้ ความจริงยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนแล้วแต่ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน ยิ่งไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอาวุธชิ้นนี้
สำหรับนิทานที่ฉินเจี้ยนเหยาเล่ามานั้น ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่อยู่ในเหตุการณ์ยิ่งไม่เคยได้ยินมาก่อน และไม่เคยได้อ่าน
กล่าวสำหรับผู้บำเพ็ญตนใต้หล้าแล้ว ผู้ที่มีอารมณ์ไปอ่านหนังสืออ่านเล่นนั้นเรียกได้ว่ามีอยู่ไม่กี่คน กล่าวสำหรับสำนักนิกายต่างๆ จำนวนมาก ถ้าหากศิษย์ในสำนักคนไหนมีเวลาว่างมากขนาดไปอ่านหนังสืออ่านเล่น มิสู้ไปฝึกปรือให้มากสักหลายๆ วันยังจะดีเสียกว่า
นิทานเฉกเช่นที่ฉินเจี้ยนเหยาเล่ามานั้น ต่อให้ฉินเจี้ยนเหยาเล่าอีกครั้งในเวลานี้ ทุกคนก็ต้องรู้สึกว่านิทานลักษณะเช่นนี้ช่างดูเป็นมายามาก ไม่น่าเชื่อถืออะไรอย่างนั้น
นิทานลักษณะเช่นนี้คือนิทานที่บรรดาครูผู้สินตามบ้านนอกนำมาเล่าให้กับเด็กๆ ฟังกัน และหรือผู้ใหญ่ต้องการกล่อมเด็กในนอนซึ่งถือเป็นนิทานก่อนนอนเท่านั้นเอง
สำหรับนิทานลักษณะเช่นนี้ จะมีผู้บำเพ็ญตนสักกี่คนนำมาใส่ใจเล่า กระทั่งกล่าวได้ว่า นิทานก่อนนอนกล่าวสำหรับผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากแล้วเป็นสิ่งที่ไม่ใยดีสำหรับพวกเขาอยู่แล้ว
หลังจากที่หลี่ชิเย่ฟังฉินเจี้ยนเหยาเล่านิทานเรื่องนี้จบแล้วได้ยิ้มเฉยเมยและเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า เก้าเซียนอาจไม่มีตัวตน และผู้สันโดษที่ว่าก็อาจจะไม่มีตัวตน และหรืออาจได้ซ่อนเร้นอะไรบางอย่างเอาไว้ แต่ทว่า เชือกเก้าเซียนนั้นมีอยู่จริงแท้แน่นอน เพียงแต่ผู้คนบนโลกโง่เขลาและอวดดี เขาใจว่าที่ตนเองรู้มานั้นถูกต้อง
เมื่อฉินเจี้ยนเหยาได้ยินคำพูดลักษณะเช่นนี้ อดที่จะเอียงศีรษะเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง และพึมพำขึ้นว่า ‘ผู้สันโดษ’
เหมือนดั่งเช่นหลี่ชิเย่พูดขึ้นมาอย่างนั้น เป็นความจริงที่เชือกเก้าเซียนนั้นดำรงอยู่จริงๆ ขณะที่เซียนเก้าองค์ไม่แน่เสมอไปว่าจะมีอยู่จริง แต่ว่า ผู้สันโดษที่อยู่ในนิทานเรื่องนี้ล่ะ? นั่นไม่แน่ว่าจะมีอยู่ หรือบางทีเขาก็คือคนที่แต่งเรื่องนี้ขึ้นมานั่นแหละ
หากว่าผู้สันโดษเป็นผู้แต่งนิทานเรื่องนี้ขึ้นมาจริงล่ะก็ นั่นย่อมเป็นการบ่งบอกว่าผู้สันโดษคนนี้รู้ว่าเชือกเก้าเซียนมีอยู่จริงๆ เพียงแต่แต่งเรื่องๆ หนึ่งขึ้นมาอย่างลวกๆ ให้ชนรุ่นหลังเท่านั้นเอง
ถ้าผู้สันโดษผู้นี้เป็นผู้ที่รู้ว่าเชือกเก้าเซียนนี้มีอยู่จริง ทั้งยังแต่งเรื่องที่หยาบๆ ขึ้นมา เมื่อเป็นเช่นนี้ผู้สันโดษคือใครกันแน่นะ?
ปัญหาเช่นนี้ได้สร้างความสนใจให้กับฉินเจี้ยนเหยา มันเป็นปัญหาที่คู่ควรให้ผู้คนไปศึกษาวิเคราะห์จริงๆ ฉินเจี้ยนเหยานับว่ามีความยอดเยี่ยมในด้านนี้ นางหาใช่เป็นผู้หญิงอกโตแต่ไร้สมอง ตรงกันข้าม นางศึกษาตำรามามากมาย มีความรู้กว้างขวางยิ่ง แม้ว่านางไม่เหมือนเช่นดาบอริยะกวานไห่ที่ท่องเที่ยวไปทั่วหล้า มีประสบการณ์กว้างขวาง แต่ทว่า ความรู้ที่มีอยู่ในใจของนาง ก็ห่างไกลหาใช่ดาบอริยะกวานไห่จะสามารถเทียบเคียงได้อยู่แล้ว
เอาล่ะ ข้าจะกลับไปแล้วล่ะ หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง เก็บเชือกเก้าเซียนเอาไว้แล้วลุกขึ้นยืน ยิ้มกล่าวว่า ข้าเกือบลืมไป ระหว่างพวกเรายังมีเกมเดิมพันกันอยู่ เจ้าแพ้แล้ว เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ เขาจ้องมองไปที่ปิงฉือหานยวี่
เมื่อหลี่ชิเย่พูดมาถึงตรงนี้ สายตาของทุกคนต่างตกไปอยู่บนตัวของปิงฉือหานยวี่ ในเวลานี้ทุกคนอดที่จะกลั้นลมหายใจเอาไว้ และมีบางคนอดที่จะจ้องมองตากันและกัน
ในเวลานี้เมื่อหลี่ชิเย่พูดเตือนขึ้นมา ทุกคนจึงได้นึกขึ้นมาได้ว่า ก่อนหน้านั้น ระหว่างปิงฉือหานยวี่กับหลี่ชิเย่เคยมีการเดิมพันเช่นนี้อยู่ อีกทั้งปิงฉือหานยวี่เป็นผู้แพ้เกมๆ นี้
หากเป็นอดีตทุกคนจะเข้าใจว่า ถ้าหากปิงฉือหานยวี่พ่ายแพ้เกมเดิมพันเช่นนี้ ต่อให้ปิงฉือหานยวี่ต้องการเล่นลูกไม้อย่างหน้าด้านๆ ตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือของพวกเขาก็มีศักยภาพที่จะทำได้ ครั้งนั้น ตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือมิใช่คดโกงสัญญาหมั้นหมายมาแล้วรึ?
แต่ว่า เวลานี้ทุกคนต่างก็รู้ว่าฮ่องเต้องค์ใหม่มีความน่ากลัวไร้ขอบเขต เมื่อปิงฉือหานยวี่แพ้ก็ไม่สามารถเล่นลูกไม้ได้อีก ถ้าหากกล้าเล่นลูกไม้เท่ากับเป็นการรนหาที่ตายเอง กระทั่งเดิมพันด้วยตระกูลขุนนางปิงฉือเข้าไปด้วย
พลาดเพราะหนึ่งความนึกคิด เสียดาย มิฉะนั้นล่ะก็ตระกูลขุนนางปิงฉือก็จะได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงโดยไม่ต้องเปลืองแรงนะเนี่ย มีผู้เฒ่าที่ทอดถอนใจด้วยความรู้สึกหดหู่อย่างยิ่ง ถึงกับร้องไห้ต่อกระซิกว่า ว่าไปแล้ว คนเราที่อยู่บนโลกยังคงพูดแล้วทำตามที่พูดจะดีกว่า
ลองนึกดู ครั้งนั้นทั้งห้าแกร่งล้วนแล้วแต่เคยมีสัญญาหมั้นหมายกับฮ่อเต้องค์ใหม่ แต่มีใครเล่าที่ปฏิบัติตามสัญญาหมั้นหมายเล่า? ยกเว้นแต่หลิ่วชูฉิง!
ด้วยเหตุนี้เอง การที่หลิ่วชูฉิงสามารถได้รับการรักใคร่จากฮ่องเต้องค์ใหม่ โดยฮ่องเต้องค์ใหม่ได้พระราชทานเคล็ดวิชาจิ่วมี่ให้กับนางไปตามอารมณ์ เวลานี้ทุกคนต่างดูออกว่า ฐานะของหลิ่วชูฉิงนั้นสูงเด่นกว่าฉินเจี้ยนเหยาอยู่มากทีเดียว
ฉินเจี้ยนเหยานั้นเรียกได้ว่ามีชื่อเสียงไปทั่วหล้า เป็นถึงเทพธิดาแห่งยุคนะเนี่ย ไม่มีผู้หญิงคนใดในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ยุคนี้สามารถเทียบเทียมกับนางได้ แต่ มาวันนี้ไม่ว่าใครก็ดูออกว่า หลิ่วชูฉิงนั้นอยู่เหนือนางมากมายแล้ว กระทั่งในอนาคตฉินเจี้ยนเหยาสามารถได้รับการโปรดปรานจาฮ่องเต้องค์ใหม่หรือไม่นั้นยังพูดยาก
ปิงฉือหานยวี่ในขณะนี้มีสีหน้าที่ซีดเผือด มันไม่เพียงเพราะว่านางพ่ายแพ้ต่อเกมเดิมพันในครั้งนี้เท่านั้น เป็นเพราะว่าความแข็งแกร่งของหลี่ชิเย่นั้นอยู่เหนือความคาดคิดของพวกเขาไปมากทีเดียว
ก่อนหน้านี้ไม่นาน ในบรรดาพวกเขามีใครบ้างที่จะประเมินว่าหลี่ชิเย่นั้นมีความสามารถสูงเด่น ในสายตาของพวกเขามองว่าหลี่ชิเย่เป็นเพียงผู้ที่ไม่สามารถทำอะไรได้เนื่องจากมาตรฐานต่ำ นางเองก็เคยรู้สึกสะอิดสะเอียนในตัวเขา แต่เมื่อเวลาล่วงเลยมาถึงวันนี้ พวกเขาที่คิดว่าตนเองนั้นสูงเด่นกว่าผู้อื่น เมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่ชิเย่เป็นได้เพียงมดปลวกเท่านั้น กระทั่งไม่เท่าแม้แต่มดปลวก
ที่แย่ยิ่งกว่านั้นก็คือ ตระกูลขุนนางปิงฉือของพวกเขาได้มีสัญญาหมั้นหมายกับแคว้นว่านเจิ้นแล้ว แม้ว่านางก็บราชันแท้จริงปาเจิ้นยังไม่ได้เป็นสามีภรรยาทางพฤตินัย และก็เป็นสามีภรรยาทางนิตินัยแล้ว
มาวันนี้นางพ่ายแพ้เกมเดิมพันเกมนี้ ไม่เพียงแต่สำหรับนางเท่านั้น สำหรับตระกูลขุนนางปิงฉือ สำหรับแคว้นว่านเจิ้นล้วนแล้วแต่ส่งผลกระทบที่น่ากลัว
ในขณะนี้ ผู้เฒ่าสองคนที่ติดตามซ้ายขวาของปิงฉือหานยวี่ล้วนแล้วแต่มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป พวกเขาก้าวออกมาพร้อมกันและยืนขวางอยู่ด้านหน้าของปิงฉือหานยวี่
ทำไม ยังคิดจะเล่นโกงกันอย่างนั้นรึ? หลี่ชิเย่อดที่จะเผยรอยยิ้มที่ลึกซึ้งขึ้นมา
สีหน้าของปิงฉือหานยวี่ขาวซีด นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง เพ่งสายตาไปข้างหน้าและก้าวออกมายืดตัวตรง ทำให้อกเต่งที่มีขนาดใหญ่นั้นยิ่งบ่งบอกถึงรูปลักษณ์ที่ทำให้ต้องใจหายใจคว่ำ สั่นไหวจนผู้คนรู้สึกตาลาย
ข้าพูดได้ย่อมทำได้ ในเมื่อข้าแพ้แล้วก็จะไม่เสียใจภายหลัง ปิงฉือหานยวี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง น้ำเสียงเปี่ยมด้วยพลัง คำพูดที่พูดออกมาหนักแน่นจริงจัง
ข้าอยู่ที่นี่แล้ว จะฆ่าจะแกงสุดแต่เจ้า! ปิงฉือหานยวี่พูดน้ำเสียงหนักแน่นจริงจัง ในเวลานี้ภายในใจของนางได้ทุ่มออกไปแล้ว นางเตรียมพร้อมที่จะรับกับความตายแล้ว
หลังจากที่ปิงฉือหานยวี่หานยวี่พูดคำนี้จบได้หลับตาลงช้าๆ ยืดคอขึ้นรอถูกเชือด ในเวลานี้ลำคอของนางที่ขาวเหมือนห่านฟ้าช่างงดงามเหลือเกิน เหมือนว่าทำให้ผู้คนรู้สึกว่าการบั่นคอของนางนั้นเป็นเรื่องที่โหดร้ายทารุณอย่างยิ่ง ทำให้ผู้คนไม่อาจลงมือได้
ใครบอกว่าข้าจะฆ่าเจ้า? หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มที่ลึกซึ้งขึ้นมา
เจ้าคิดจะทำอะไร… ปิงฉือหานยวี่พลันลืมตาทั้งสองขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่ ในขณะนี้นางไม่ได้รู้สึกยินดี ตรงกันข้ามกลับสร้างความตระหนกในใจของนาง พลันรู้สึกถึงความหวาดกลัวอย่างหนึ่งขึ้นมาทันที กล่าวสำหรับนางในเวลานี้แล้ว ความตายกลับไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวที่สุด ด้านหลังยังมีเรื่องที่น่ากลัวยิ่งกว่านี้อีก
นาทีนี้ อารมณ์ที่ไม่สงบพลันกระจายลามไปทั่วภายในใจของปิงฉือหานยวี่ มีความรู้สึกถึงความหวาดกลัวอย่างหนึ่งได้เกาะแน่นอยู่ในจิตใจของนาง
เจ้าว่าล่ะ? หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มที่ลึกซึ้งขึ้นมา พิจารณาปิงฉือหานยวี่ตั้งแต่หัวจรดเท้า แววตานั้นเปี่ยมด้วยความล่วงเกิน แววตาของเขาเสมือนหนึ่งได้จัดการเปลื้องผ้าของปิงฉือหานยวี่จนล่อนจ้อนอย่างนั้น
ด้วยความงามที่ฟ้าประทานมา หากได้อบรมสั่งสอนให้ดี ก็นับเป็นเรื่องที่น่าสนุกยิ่งเหมือนกัน บนใบหน้าของหลี่ชิเย่แฝงไว้ซึ่งความหมายที่ลึกซึ้ง
ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกหนาวสะท้านเมื่อหลี่ชิเย่พูดออกมาเช่นนี้ ทุกคนสามารถจินตนาการได้ถึงความหมายที่อยู่ในคำพูดของหลี่ชิเย่ได้ กระทั่งเรียกได้ว่าได้เว้นช่องว่างที่ให้ผู้คนได้จินตนาการไปไกลได้อย่างไร้ขอบเขต
ทว่าในเวลานี้ ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ไม่กล้าพูดอะไรสักคำ ต่อให้มีผู้ที่ต้องการเป็นวีรบุรุษช่วยหญิงงามก็ไม่สามารถทำได้อีกแล้ว
เจ้า… สีหน้าของปิงฉือหานยวี่เปลี่ยนไปมากทีเดียว อดที่จะหวาดผวาไม่ได้ ในพริบตาเดียวนี้เองนางรู้สึกว่าตนเองก็คือเนื้อที่อยู่บนเขียง สุดแล้วแต่หลี่ชิเย่จะเชือดเฉือน สุดแล้วแต่หลี่ชิเย่จะเสพสุขอย่างเต็มที่
ไม่ได้… ในเวลานี้เอง ผู้เฒ่าทั้งสองที่ติดตามอยู่ข้างกายของปิงฉือหานยวี่ล้วนแล้วแต่มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปมากทีเดียวได้วิ่งออกมาขวางอยู่ด้านหน้าของปิงฉือหานยวี่อีกครั้ง
ภายในใจของผู้เฒ่าทั้งสองบังเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาทันที เนื่องจากหากปิงฉือหานยวี่ตกไปอยู่ในมือของหลี่ชิเย่แล้ว ด้วยนิสัยหลี่ชิเย่ที่เหลวไหล ใครจะรู้ว่าเขาจะทำเรื่องเช่นใดขึ้นมา
เมื่อถึงตอนนั้น เกรงว่าไม่เพียงแต่ปิงฉือหานยวี่ที่ได้รับความทุกข์ เกรงว่าตระกูลขุนนางปิงฉือทั้งหมดก็ต้องได้รับความอับอาย กระทั่งเป็นไปได้ว่าแม้แต่ราชันแท้จริงปาเจิ้นและแคว้นว่านเจิ้นก็พลอยเดือดร้อนไปด้วย
หลี่ชิเย่มองดูผู้เฒ่าทั้งสองที่ขวางอยู่ด้านหน้าของปิงฉือหานยวี่ อดที่จะเผยรอยยิ้มเฉยเมยและกล่าวได้ท่าทีสบายอารมณ์ว่า พวกเจ้าทั้งสองคิดจะลงมือกับข้ารึ?
เวลานี้คำพูดของหลี่ชิเย่ดูจะเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ทว่า ผู้เฒ่าทั้งสองแทบจะอึดอัดจนหายใจไม่ออก แม้ว่าพวกเขาก็คือระดับเทพแท้จริงที่มีความแข็งแกร่งเช่นกัน แต่ว่า ในขณะนี้เมื่อพวกเขาอยู่ต่อหน้าหลี่ชิเย่แล้วเรียกได้ว่าปราศจากความมั่นใจโดยสิ้นเชิง มันคือการเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุงชัดๆ
แม้แต่ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะอย่างหม่าหมิงชุนยังถูกสังหารด้วยท่าเตะทีเดียว สำหรับพวกเขาทั้งสองนั้นหาใช่คู่ต่อสู้ของหลี่ชิเย่อยู่แล้ว เกรงว่ารับไม่ได้กระทั่งกระบวนท่าเดียวของหลี่ชิเย่
แต่ว่า ในเวลานี้พวกเขาทั้งสองไม่มีทางเลือก พวกเขาจำเป็นต้องเสี่ยงเต็มที่สักครั้ง ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่สามารถปล่อยให้ปิงฉือหานยวี่ตกไปอยู่ในมือของหลี่ชิเย่ มิฉะนั้นล่ะก็ ผลที่ตามมาอยากจะคาดคะเน เกรงว่าผลลัพธ์ลักษณะเช่นนี้น่ากลัวยิ่งกว่าตายเสียอีก
คิดจะพานางไป ข้ามศพของพวกเราไปก่อน ในเวลานี้เอง ผู้เฒ่าผู้หนึ่งอดที่จะพูดขึ้นด้วยท่าทีขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
ตกลง ข้าจะสังเคราะห์พวกเจ้า หลี่ชิเย่ไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย ยิ้มเรียบเฉยและกล่าวว่า วันนี้แม้แต่กองทัพนับล้านก็เข่นฆ่ามาแล้ว ยังต้องแคร์ที่จะฆ่าพวกเจ้าเพิ่มอีกสองคนรึ?
ท่านอาฟง พวกเจ้าหนีไป ความทุกข์ทั้งหมดให้ข้าเป็นผู้แบกรับเถอะ ปิงฉือหานยวี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง เวลานี้นางดูจะไร้ซึ่งเรี่ยวแรงเสียแล้วและสิ้นหวังอยู่บ้าง เนื่องจากการต่อต้านทุกอย่างของพวกเขาล้วนแล้วแต่ไม่มีประโยชน์ การตอบโต้ทุกอย่างของพวกเขาล้วนแล้วแต่ช่างไร้ค่าคู่ควรจะกล่าวถึง แม้ว่าผู้เฒ่าทั้งสองยินดีเสี่ยงชีวิตเพื่อนางมันก็แค่รนหาที่ตายเท่านั้น
คุณหนู ท่านหนีไปก่อน พวกเราจะต้านเขาเอาไว้ ไหนเลยที่ผู้เฒ่าทั้งสองจะยินยอมให้ปิงฉือหานยวี่ต้องตกไปอยู่ในมือของหลี่ชิเย่ได้เล่า ดังนั้น ต่อให้พวกเขาต้องแลกด้วยชีวิตก็จะพยายามช่วงชิงเวลาอันน้อยนิดเพื่อให้หลบหนีไปได้
……………………………………………