ตอนที่ 2536 ไม่มีเวลาเล่นกับพวกเจ้า
ตูม…เสียงดังตูมตามดังขึ้นมาไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็นสามปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุด หรือพลับพลาคณะมนตรีศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาล้วนแล้วแต่อยู่ห่างไกลจากเขาจิ่วเหลียนซานนับล้านล้านลี้ แต่ทว่า ระยะทางเช่นนี้กล่าวสำหรับพวกเขาแล้วไม่นับเป็นอะไรได้
ตูม…เสียงดังตูมตามดังขึ้นมาไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็นสามปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุด หรือพลับพลาคณะมนตรีศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาล้วนแล้วแต่อยู่ห่างไกลจากเขาจิ่วเหลียนซานนับล้านล้านลี้ แต่ทว่า ระยะทางเช่นนี้กล่าวสำหรับพวกเขาแล้วไม่นับเป็นอะไรได้
ภายในระยะเวลาอันสั้น ทุกคนต่างจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ ทุกคนล้วนแล้วแต่เข้าใจ สามปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุด และพลับพลาคณะมนตรีศักดิ์สิทธิ์ต่างก็มาด้วยเรื่องของหลี่ชิเย่
หลี่ชิเย่สามารถสู้ได้หรือไม่ เมื่อต้องเผชิญกับการล้อมโจมตีของสามปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดกับพลับพลาคณะมนตรีศักดิ์สิทธิ์ พลันสร้างความอยากรู้อยากเห็นให้กับผู้คนจำนวนไม่น้อย
“ฮ่องเต้องค์ใหม่สู้ได้หรือไม่?” มีผู้กล่าวเสียงแผ่วเบาขึ้น โดยพยายามลดโทนเสียงของตนลงให้มากที่สุดไม่กล้าเสียงดัง ด้วยเกรงว่าหลี่ชิเย่จะได้ยิน
คำพูดเช่นนี้ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน ความแข็งแกร่งของอฮ่องเต้องค์ใหม่นั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนได้มองเห็นมากับตา เริ่มจากการสังหารหม่าหมิงชุน เมื่อครู่เพิ่งสังหารราชันแท้จริงปาเจิ้นไป กำลังความสามารถเช่นนี้ปราศจากผู้เทียบเทียมอย่างแน่นอน
แต่ทว่า ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งสามมีชื่อเสียงโด่งดังในหล้า สยบระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่มาหลายยุคหลายสมัย ผู้ดำรงอยู่ในสถานะเฉกเช่นพวกเขา แม้แต่ราชันแท้จริงก็ต้องหวั่นเกรงพวกเขาอยู่หลายส่วน ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีพลับพลาคณะมนตรีศักดิ์สิทธิ์ที่ลึกล้ำยากจะหยั่งถึงอีกหนึ่งเมื่ออาศัยกำลังสี่ฝ่ายร่วมมือกัน เกรงว่ากำลังความสามารถของพวกเขาคงยากจะประเมินได้ ทอดสายตาไปใต้หล้า เกรงว่าผู้ที่สามารถต่อต้านพวกเขานั้นคงมีอยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น
จะอย่างไรเสีย ความแข็งแกร่งของห้าปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดใช่เป็นเรื่องคุยโตโอ้อวด มิฉะนั้นล่ะก็ ในครั้งนั้นฮ่องเต้ไท่ชิงก็คงจัดการสังหารพวกเขาจนสิ้นไปแล้ว
“เกรงว่าฮ่องเต้องค์ใหม่จะปราศจากผู้ต่อกร” มียอดฝีมือที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “ฮ่องเต้องค์ใหม่ลึกซึ้งยากจะหยั่งถึง กระทั่งถึงเวลานี้ เกรงว่าเขายังไม่เคยใช้กำลังความสามารถออกมาเต็มที่ ถ้าหากเข้าใช้กำลังเต็มความสามารถเข้าโจมตีล่ะก็ เกรงว่าคงไม่สามารถจินตนาการได้”
“แต่ว่า ธาตุแท้ภายในของปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งสามกับพลับพลาคณะมนตรีศักดิ์สิทธิ์ก็ลึกล้ำยากจะหยั่งถึงเหมือนกันนะ” มีผู้ที่เอ่ยเสียแผ่วเบาขึ้นมาว่า “การลงมือของพวกเขาย่อมต้องสะเทือนฟ้าดิน ฟ้าถล่มดินทลายอย่างแน่นอน”
“คอยดูกันต่อไปก็แล้วกัน” ระดับบรรพบุรุษมองเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้าแล้วกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “จะได้รับคำตอบเร็วๆ นี้แล้ว ศึกครั้งนี้จะเป็นการตัดสินสถานการณ์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ และเป็นการตัดสินชะตาของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ด้วยเช่นกัน”
ทุกคนล้วนแล้วแต่รู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ ในเวลานี้ผู้คนจำนวนไม่น้อยจึงตระหนักได้ว่า ศึกครั้งนี้มีความสำคัญต่อระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่เช่นใด
ถ้าหากศึกครั้งนี้ฮ่องเต้องค์ใหม่พ่ายแพ้ ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่อาจจะกลายเป็นสามขั้วคานอำนาจกัน ถ้าหากฮ่องเต้องค์ใหม่เป็นฝ่ายชนะ นับจากนี้เป็นต้นไประบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ก็จะได้ให้การต้อนรับทรราชที่ใช้อำนาจบาตรใหญ่และกระทำการโดยพละการตัดสินใจแต่เพียงผู้เดียวยิ่งกว่าฮ่องเต้ไท่ชิงเสียอีก
หลี่ชิเย่เพียงยิ้มเฉยเมยโดยไม่ได้แคร์แม้แต่น้อยนิด เมื่อต้องเผชิญหน้ากับปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งสามและพลับพลาคณะมนตรีศักดิ์สิทธิ์ที่ผงาดฟ้าเข้ามาโดยปิดกั้นทุกทิศทุกทางเอาไว้
จังหวะที่พายุฝนกำลังจะกระหน่ำ ทันใดนั้น บริเวณปากถ้ำที่อยู่ด้านล่างของเขาหงฮวงซาน ซึ่งก็คือคุกหลวงดึกดำบรรพ์นั่นเอง มันได้สั่นเทาขึ้นมาทีหนึ่ง และช่องว่างมีการกระเพื่อมนิดหนึ่ง บริเวณปากถ้ำพลันปรากฎแสงสว่างอ่อนๆ ที่แวบวับ จากนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ในเวลานี้ทุกคนต่างถูกปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งสามและพลับพลาคณะมนตรีศักดิ์สิทธิ์ดึงดูดความสนใจเอาไว้ จึงไม่มีใครสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงของคุกหลวงดึกดำบรรพ์ ความจริงแล้วการเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้งลุ่มลึกเช่นนี้ของคุกหลวงดึกดำบรรพ์ก็ไม่มีใครทันสังเกตเห็นได้
“ช่างเถอะ ข้ายังมีงานอื่นต้องทำ ไม่อยู่เล่นกับพวกเจ้าแล้ว” ดวงตาทั้งสองหลี่ชิเย่พลันจ้องเขม็งไปที่คุกหลวงดึกดำบรรพ์ จากนั้นหัวเราะเสียงดังทีหนึ่งเหินฟ้าขึ้นไป
“เขาต้องการทำอะไร?” มองเห็นหลี่ชิเย่ที่พลันเหินฟ้าขึ้นไปกะทันหัน จากนั้นทิ้งดิ่งลงมา ทุกคนต่างรู้สึกงงงัน
ปัง…เสียงหนึ่งดังขึ้น ทุกคนยังไม่ทันได้สติคืนกลับมา เสียงดังสนั่นหวั่นไหวได้สั่นคลอนไปทั่วเขาจิ่วเหลียนซาน เสมือนหนึ่งเกิดสั่นไหวโคลงเคลงไปทั่วเขาจิ่วเหลียนซาน ดุจดั่งมีผนังของโลกถูกพุ่งชนจนแตกไปแล้วอย่างนั้น
ภายใต้สายตาของผู้คนเป็นจำนวนมาก ทุกคนล้วนแล้วแต่เห็นหลี่ชิเย่ทิ้งดิ่งลงมากับตาตนเอง พุ่งเข้าไปภายในคุกหลวงดึกดำบรรพ์ในพริบตาเดียว และหายเข้าไปอยู่ในความมืดของคุกหลวงดึกดำบรรพ์นั่น
ปากถ้ำของคุกหลวงดึกดำบรรพ์ก็คล้ายดั่งเป็นปากของสัตว์ขนาดยักษ์ยุคดึกดำบรรพ์อย่างนั้น เมื่อหลี่ชิเย่กระโดดเข้าไปภายในปากถ้ำอันมืดมิดนั่นแล้ว ก็คล้ายดั่งกระโดดเข้าไปภายในปากขนาดยักษ์และถูกสัตว์ยักษ์ยุคดึกดำบรรพ์กลืนกินเข้าไป
“ระวัง…” หลิ่วชูฉิงที่มองเห็นหลี่ชิเย่กระโดดเข้าไปในคุกหลวงดึกดำบรรพ์ตกใจจนหัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เรื่องนี้เกิดขึ้นมากะทันหันเหลือเกิน
ปิงฉือหานยวี่รีบพยุงนางเอาไว้ นางเองก็รู้สึกตกใจเป็นยิ่งนัก เมื่อเห็นหลี่ชิเย่หายตัวไปท่ามกลางคุกหลวงดึกดำบรรพ์นั่น
เวลานี้ ทุกคนต่างรู้สึกเหม่อลอย ทุกคนพลันงงงันไปหมด และไม่อาจเรียกสติคืนกลับมา เนื่องจากไม่ใครคาดคิดว่าหลี่ชิเย่จะกระโดดเข้าไปในคุกหลวงดึกดำบรรพ์อย่างกะทันหันเช่นนี้
ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่มีใครบ้างที่ไม่รู้จักคุกหลวงดึกดำบรรพ์ เป็นสถานที่ที่ขังคนจนตาย ขอเพียงถูกจับโยนเข้าไปในคุกหลวงดึกดำบรรพ์เท่านั้น ต่อให้เป็นผู้ที่ตัวเป็นๆ ต่อให้เป็นผู้ที่มีความแข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกร แต่ทว่า ล้วนแล้วแต่ถูกขังอยู่ภายในคุกหลวงดึกดำบรรพ์ตลอดกาล เป็นไปไม่ได้ที่จะรอดชีวิตกลับออกมาตลอดกาล จะต้องหายตัวไปท่ามกลางคุกหลวงดึกดำบรรพ์ไปตลอดกาล กล่าวได้ว่านี่แหละคือมีชีวิตแต่ไร้ตัวตน ตายโดยไม่เห็นศพของแท้
ในครั้งนั้น ไม่รู้ว่าฮ่องเต้ไท่ชิงได้นำเอาศัตรูที่กล้าแข็งโยนเข้าไปในคุกหลวงดึกดำบรรพ์เป็นจำนวนเท่าไร ทว่า นับจากนั้นเป็นต้นมาก็ไม่ได้พบเห็นพวกเขาเหล่านั้นอีกเลย พวกเขาได้หายตัวไปท่ามกลางคุกหลวงดึกดำบรรพ์ตลอดกาล สมควรทราบว่า ผู้ที่สามารถเป็นศัตรูกับฮ่องเต้ไท่ชิงได้นั้นไม่มีผู้อ่อนแอแม้แต่คนเดียว โดยพื้นฐานแล้วจะต้องเริ่มต้นด้วยระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะ
แม้จะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งเฉกเช่นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะ ท้ายที่สุดแล้วก็ต้องหายตัวไปท่ามกลางคุกหลวงดึกดำบรรพ์
ดังนั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่จึงมีผู้คนจำนวนมากที่ต้องหน้าถอดสีเมื่อเอ่ยถึงคุกหลวงดึกดำบรรพ์ พวกเขาจำนวนมากมองว่าคุกหลวงดึกดำบรรพ์คือคุกแห่งความตาย อีกทั้งยังเป็นคุกแห่งความตายที่ตายไม่เหลือกซาก ไม่ว่าใครก็ตามหากถูกจับโยนเข้าไปในคุกหลวงดึกดำบรรพ์ก็ต้องตายสถานเดียว
ปัญหาก็คือ ไม่มีผู้ใดบังคับหลี่ชิเย่ ทันใดนั้นเขาถึงกับกระโดดเข้าไปยังคุกหลวงดึกดำบรรพ์กะทันหัน คล้ายคิดไม่ตกแล้วฆ่าตัวตายอย่างนั้น สิ่งนี้พลันทำให้ผู้คนต้องตาค้างและพูดอะไรไม่ออก ผู้คนจำนวนมากต่างจ้องมองไปที่คุกหลวงดึกดำบรรพ์แล้วอ้าปากค้างหุบไม่ลง
“เขาเสียสติไปแล้วกระมัง…” มีผู้ที่พูดตะกุกตะกักออกมาว่า “เขา เขา เขาคิดจะฆ่าตัวตายรึ? ถึงกับกระโดดเข้าไปในคุกหลวงดึกดำบรรพ์”
บางคนกระทั่งเข้าใจว่าตนเองนั้นตาลาย อยู่ดีดีฮ่องเต้องค์ใหม่ถึงกับกระโดดเข้าไปในคุกหลวงดึกดำบรรพ์กะทันหัน มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อจริงๆ
“ฮ่องเต้องค์ใหม่เขา เขา เขาคงไม่ใช่เกรงกลัวพวกของปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งสามกระมัง” มีบางคนถึงกับคาดเดาด้วยเสียงแผ่วเบาขึ้น ขณะมองดูปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งสามและพลับพลาคณะมนตรีศักดิ์สิทธิ์ที่เร่งรุดเดินทางเข้ามา
“เป็นไปไม่ได้” ยอดฝีมือรุ่นอาวุโสส่ายหน้าและกล่าวว่า “ดูฮ่องเต้องค์ใหม่สิ ตาไม่กะพริบสักทีเวลาฆ่าคน มีใครเล่าที่เขาไม่กล้าจะฆ่า? เจ้าคิดว่าเขาจะหวาดกลัวจนกระโดดเข้าไปยังคุกหลวงดึกดำบรรพ์อย่างนั้นรึ? อีกอย่าง ต่อให้กลัว ถึงกับต้องกระโดดเข้าไปในคุกหลวงดึกดำบรรพ์รึ?”
ทุกคนต่างรู้สึกว่ามีเหตุผลเมื่อได้ฟังคำพูดเช่นนี้ ต่อให้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งสาม แต่ทว่า สู้กันเต็มที่ชั่วดีอย่างไรก็มีโอกาสฝ่าวงล้อมไปได้ แต่ทว่า การกระโดดเข้าไปในคุกหลวงดึกดำบรรพ์มันคือการรนหาที่ตายชัดๆ นอกจากตายแล้วก็ไม่มีสิ่งใดอีกแล้ว ในเมื่อทั้งหมดคือความตาย เพราะอะไรจะต้องกระโดดเข้าไปในคุกหลวงดึกดำบรรพ์
“เช่น เช่น เช่นนั้นเพราะอะไรฮ่องเต้องค์ใหม่จึงต้องกระโดดเข้าไปในคุกหลวงดึกดำบรรพ์?” ผู้คนคิดอย่างไรก็คิดไม่ตก อดที่จะพึมพำขึ้นมาไม่ได้
ผู้คนจำนวนมากต่างมองหน้ากันและกัน ใช่เพียงคนสองคนเท่านั้นที่คิดอย่างไรก็คิดไม่ตก ความจริงแล้วทุกคนก็คิดแล้วไม่เข้าใจ อยู่ดีๆ ทำไมฮ่องเต้องค์ใหม่จะต้องกระโดดเข้าไปในคุกหลวงดึกดำบรรพ์ นี่มันเสียสติไปแล้วชัดๆ ต่อให้คิดจะฆ่าตัวตายก็ควรจะหาสถานที่แห่งอื่น ชั่วดีอย่างไรก็สามารถเหลือซากเอาไว้ ขณะที่ฆ่าตัวตายในคุกหลวงดึกดำบรรพ์ มันคือการตายโดยไม่เหลือแม้แต่ซาก
“เกรงว่าการกระทำเช่นนี้ของฮ่องเต้องค์ใหม่ ต้องมีความหมายลึกซึ้งอย่างแน่นอน” มีระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิกล่าวคาดการณ์ขึ้นมา
“ความหมายลึกซึ้งมีประโยชน์อะไร” มีผู้ส่ายหน้าและกล่าวว่า “คนก็ตายไปแล้ว ยังจะมีความหมายลึกซึ้งอะไร? การกระโดดเข้าไปในคุกหลวงดึกดำบรรพ์ก็คือตายสถานเดียว ความหมายลึกซึ้งทุกอย่างล้วนแล้วแต่ไม่มีความหมายทั้งสิ้น”
คำพูดลักษณะเช่นนี้พลันทำให้ระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิถึงกับอึ้ง ไม่สามารถพูดอะไรต่อไปได้ คำพูดเช่นนี้ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล กระโดดเข้าไปในคุกหลวงดึกดำบรรพ์เท่ากับจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ยังจะมีความหมายลึกซึ้งอะไรได้อีก? พันล้านปีที่ผ่านมายังไม่เคยได้ยินว่ามีใครสามารถหนีรอดออกมาจากคุกหลวงดึกดำบรรพ์ได้จริงๆ
“การกระทำในลักษณะเช่นนี้ของฮ่องเต้องค์ใหม่นั้นวู่วามเกินไปแล้ว แค่คุยกันไม่รู้เรื่องก็กระโดดลงไป” ระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิก็ไม่อาจไม่ยอมรับว่า ฮ่องเต้องค์ใหม่ไม่ได้มีการเตรียมการใดๆ ก็กระโดดลงไปในคุกหลวงดึกดำบรรพ์ มันคือการรนหาที่ตายเองแท้ๆ
ปัง ปัง ปังจังหวะที่หลี่ชิเย่เพิ่งจะกระโดดเข้าไปในคุกหลวงดึกดำบรรพ์ได้ครู่เดียว เสียงเหินฟ้าดังขึ้นมาเป็นระลอก ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งสามและพลับพลาคณะมนตรีศักดิ์สิทธิ์ได้รุดมาถึงเขาจิ่วเหลียนซานพร้อมๆ กัน
พวกเขาต่างจ้องมองดูปากทางเข้าถ้ำคุกหลวงดึกดำบรรพ์ที่ดำมืดมิดและเหม่อลอยอยู่ตรงนั้น ในเวลานี้ พวกเขาต่างงงงัน เมื่อพวกเขามองหน้าซึ่งกันและกัน ต่างไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
ไม่ง่ายนัก กว่าพวกเขาจะเดินทางมาจากที่ที่ห่างไกลสุดขอบฟ้า เพื่อต่อสู้ชี้ขาดกับหลี่ชิเย่ ให้มันเป็นอย่างนี่สิ หลี่ชิเย่พลันกระโดดลงไปในคุกหลวงดึกดำบรรพ์ ทำให้สิ่งที่พวกเขาได้เตรียมการมาทั้งหมดไม่มีโอกาสได้นำออกมาใช้
เสมือนหนึ่งเป็นการเข่นฆ่าที่มีความดุเดือดยิ่ง เจ้าได้เตรียมการทุกอย่างจนพร้อมสรรพและเดินทางเข้าสู่สมรภูมิ เตรียมที่จะทำการใหญ่ แต่แล้วในเวลานี้เอง คู่ต่อสู้พลันฆ่าตัวตาย ทำให้ทุกอย่างกลายเป็นว่างเปล่าไร้จุดหมายไปทันที สภาพการณ์เช่นนี้นับว่าทำให้ทำอะไรไม่ถูกโดยแท้
ในเวลานี้ ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งสามก็ได้มองหน้าซึ่งกันและกัน ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี หรือว่าจะให้พวกเขากระโดดตามหลี่ชิเย่เข้าไปในคุกหลวงดึกดำบรรพ์อย่างนั้นรึ? แน่นอน พวกเขาไม่บ้าบิ่นถึงขั้นนั้นแน่
พวกเขาคือผู้ที่เคยเห็นมากับตาตนเองมาก่อนว่า ฮ่องเต้ไท่ชิงได้จับเอาศัตรูที่แข็งแกร่งโยนเข้าไปในคุกหลวงดึกดำบรรพ์ ขณะที่ผู้ถูกจับโยนเข้าไปในคุกหลวงดึกดำบรรพ์ไม่ได้มีชีวิตกลับออกมาอีกเลย
“รอ รอดูต่อไป” สุดท้ายแล้วภายในพลับพลาคณะมนตรีศักดิ์สิทธิ์ปรากฏเสียงที่แก่หง่อมเสียงหนึ่ง
ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งสามไม่มีทางเลือกอื่นใด เมื่อได้ยินคำตัดสินเช่นนี้แล้ว พวกเขาได้แต่รั้งอยู่ที่เขาจิ่วเหลียนซานเป็นการชั่วคราว รอดูเหตุการณ์
ภายในเขาจิ่วเหลียนซาน มีดวงตาคู่หนึ่งให้ความสนใจกับภาพๆ นี้ ดวงตาคู่นี้เป็นของชายตัดฟืนแห่งเขาหนานซานนั่นเอง
ชายตัดฟืนแห่งเขาหนานซานในเวลานี้กำลังดูดกล้องยาสูบดังฟู๊ดดด ฟู๊ดดด ควันยาสูบที่เขาพ่นออกมานั้นแทบจะทำให้ใบหน้าของเขาเลือนรางไปแล้ว แต่ว่า ดวงตาคู่นั้นของเขายังคงสุกใสยิ่งนัก และจ้องเขม็งไปยังคุกหลวงดึกดำบรรพ์อย่างไม่ลดละ
“บางที อาจมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นก็ได้ คุกหลวงดึกดำบรรพ์น่ะเนี่ย ได้ซ่อนความลับที่ทำให้มีอายุวัฒนะไม่มีวันตายจริงรึ?” ชายตัดฟืนแห่งเขาหนานซานดูดกล้องยาสูบดังฟู๊ดดด ฟู๊ดดด สุดท้าย ได้พุ่นควันยาสูบออกมาเป็นวงๆ หนึ่ง กล่าวพึมพำขึ้นมา
ดวงตาคู่นั้นของชายตัดฟืนแห่งเขาหนานซานจ้องเขม็งอยู่ที่คุกหลวงดึกดำบรรพ์โดยไม่ได้มีการเคลื่อนไหว ความจริงแล้ว ภายในใจของเขาคาดหวังให้หลี่ชิเย่สามารถรอดชีวิตกลับออกมา เนื่องจากเขาเองก็ต้องการรู้ถึงความลับของคุกหลวงดึกดำบรรพ์เช่นเดียวกัน!
……………………………………………….