บทที่ 232 หลิงจู้ระดับสวรรค์
เหลียงซานที่กำลังจะส่งคนไปช่วยกองทัพศักดิ์สิทธิ์ เพื่อทำการกำจัดตระกูลหลิงให้เร็วที่สุด และจากนั้นเขาจะได้โยกให้กองกำลังของอู่หยุนจี๋ไปช่วยจัดการกับสถานการณ์ที่คฤหาสน์สราญรมย์
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเห็นกองทัพศักดิ์สิทธิ์ที่พ่ายแพ้อย่างยับเยิน
เขามองไปที่สัตว์ประหลาดที่พึ่งถูกสร้างขึ้นในอากาศค่อย ๆ แยกตัวออกเป็นห้าสัตว์เทวะ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นมืดหม่นลงทันที
กองทัพศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาสามารถยืมได้จากอาจารย์ของเขาเพื่อมาใช้ในการรวมทะเลชางหมาง ตอนนี้ไร้ประโยชน์เสียแล้ว และเมื่อกองทัพศักดิ์สิทธิ์ถูกทำลายนั่นก็หมายความว่าปฏิบัติการทางด้านคฤหาสน์ตระกูลหลิงนั้นล้มเหลว
ในเวลานี้เขาไม่สามารถจัดการกับดอกบัวปีศาจกระหายโลหิตจากคฤหาสน์สราญรมย์ได้อีกต่อไป
“นำคนไปยังตระกูลมี่ และตระกูลจ้าวทันที จับผู้คนของตระกูลทั้งสองนั้นไว้เป็นข้อต่อรอง!” เหลียงซานพูดกับเหล่าคนของเขาด้วยสีหน้ามืดมน
จางหมิงและคนอื่น ๆ ทุกคนรู้ดีว่าสถานการณ์ในตอนนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนมาก พวกเขาพยักหน้าและบินไปยังตระกูลมี่
“ตระกูลจ้าวมีเพียงหุ่นเชิดขอบเขตนภาระดับ 12 ตัวเดียวเท่านั้น พวกเจ้าจงไปบดขยี้มันซะ” จางหมิงพูดกับเหลียงเจียฮุย
จากนั้นเขาหันกลับมาพูดกับเจิ้นป่าเจ่าและผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาคนอื่น ๆ “ตระกูลมี่มีตราคำสั่งอสูรทมิฬ ปล่อยให้ข้าจัดการกับมันก่อน และจากนั้นพวกเจ้าค่อยสนับสนุนข้า”
เหลียงเจียฮุยและคนอื่น ๆ พยักหน้า และรีบบินไปหาตระกูลจ้าว จางหมิงบินไปยังตระกูลมี่พร้อมกับหยิบสมบัติระดับสวรรค์ออกมาและเตรียมพร้อมที่จะใช้มันกับตระกูลมี่ทันทีที่เขาไปถึงเพื่อจบศึกให้รวดเร็วที่สุด
เมื่อดูจางหมิงและคนอื่น ๆ จากไป เหลียงซานมองไปยังทิศทางของคฤหาสน์ตระกูลหลิงด้วยสีหน้ามืดมน
สิ่งที่ทำให้เขาสบายใจมากขึ้นหน่อยก็คือกองกำลังของคฤหาสน์ตระกูลหลิงยังคงไม่เคลื่อนไหวและไม่ได้รีบตรงมาที่พระราชวังเพื่อตามหาเขา ดังนั้นเขาจึงยังคงรั้งดูสถานการณ์อยู่ที่พระราชวังต่อไป เขาไม่ได้วางแผนที่จะหลบหนี
แผนในส่วนของของคฤหาสน์แม่ทัพล้มเหลวไปแล้ว และคฤหาสน์สราญรมย์ล่ะ?
เขาจ้องมองไปที่คฤหาสน์สราญรมย์ ทันใดนั้นเขาก็เห็นดอกบัวหลากสีในคฤหาสน์สราญรมย์หายไปจนหมด เมื่อเห็นเช่นนี้เขารู้สึกโล่งอกเป็นอย่างมาก
“โชคดีที่ดอกบัวปีศาจกระหายโลหิตทั้งหมดถูกกำจัดแล้ว!” เหลียงซานพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “โม่หยูถังถูกล่อให้ออกมาโดยคนจากหมู่บ้านราตรีทมิฬ และพลังแห่งกฎระหว่างสวรรค์และโลกก็ถูกเหรียญตราผนึกสวรรค์ผนึกเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นซือโถวเหวินหยวนหรือหลิงตู้ฉิง ที่ต้องพึ่งพาจากพลังแห่งกฎเมื่อถูกผนึกพลังไว้เช่นนี้ พวกเขาก็กลายเป็นเหมือนคนพิการ เมื่อพวกเขาต้องเผชิญเหล่าคนของสวนร้อยพฤกษาและสำนักอื่น ๆ ที่หมายตากับผู้ครองสายเลือดพฤกษาสวรรค์เอาไว้ พวกเขาก็ไม่ควรจะต้านทานไหวอยู่แล้ว ดังนั้นทางด้านของสำหรับคฤหาสน์สราญรมย์จึงน่าจะไม่มีอะไรผิดพลาดแน่นอน”
เหลียงซานครุ่นคิดในใจราวกับว่าเขาพยายามโน้มน้าวและเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเอง
ในเวลาเดียวกับที่เขาพึมพำ เสียงตะโกนของโม่หยูถังก็ดังก้องไปทั่วทั้งเมือง “ยังเป็นเศษขยะอยู่จริง ๆ ผ่านไปหลายปีแล้วฝีมือของขยะเช่นเจ้าก็ไม่ดีขึ้นเลย นี่ขนาดข้าพิการอยู่เป็นสิบปีและเพิ่งเริ่มต้นบ่มเพาะใหม่ตั้งแต่ศูนย์ เจ้าก็ยังสู้ข้าไม่ได้! เอาล่ะถึงเวลาตายด้วยกระบวนท่าที่ข้าพึ่งบรรลุได้ไม่นานมานี้ได้แล้ว! กระบวนท่าเงาอสูรทะลวงฟ้าสังหาร!”
หลังจากเสียงของโม่หยูถังจางหายไป เสียงกรีดร้องโหยหวนก็ได้ตามออกมา และจากนั้นในเวลาไม่นานโม่หยูถังก็ร่อนลงมาจากท้องฟ้าพร้อมกับร่างของชายที่สวมชุดสีดำอยู่ในมือ
เมื่อเห็นเช่นนี้เหลียงซานรู้สึกเหมือนว่าเขากินแมลงวันเข้าไป
เขาที่อุ่นใจเมื่อครู่ว่าคนจากหมู่บ้านราตรีทมิฬล่อโม่หยูถังออกไปแล้ว แต่ตอนนี้ในเวลาเพียงแค่ 15 นาที โม่หยูถังก็กลับมา
ด้วยการเสริมกำลังจากโม่หยูถังคงไม่ทำให้แผนทางด้านของคฤหาสน์สราญรมย์ล้มเหลวใช่ไหม? เหลียงซานเริ่มวิตก!
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไป หัวใจของเขาก็แทบสลายทันที
จางหมิงที่ระดับการบ่มเพาะของเขาอยู่ในขอบเขตครึ่งสวรรค์ ได้นำสมบัติวิเศษระดับสวรรค์ออกมาเมื่อเขามาถึงตระกูลมี่
ในความคิดของเขา เขาควรจะกำราบตระกูลมี่ทั้งหมดได้ในพริบตา
หลังจากนั้นเขาจะให้เจิ้นป่าเจ่าและคนอื่น ๆ ที่กำลังตามเขามารับช่วงควบคุมสถานการณ์ของตระกูลมี่ต่อจากเขา
เบื้องต้นเขาวางแผนไว้ว่าเขาจะยังไม่กล้าฆ่าใครในตระกูลมี่เป็นการชั่วคราว เนื่องจากเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นที่คฤหาสน์ตระกูลหลิงยังคงเป็นปริศนา เขาไม่แน่ใจว่าหากเขาใช้ความรุนแรงไปจนเกินควร ทุกอย่างมันจะยิ่งแย่ลงไปกว่านี้อีกหรือไม่
เมื่อมาถึงตระกูลมี่ เขาก็เปิดใช้งานสมบัติวิเศษและสร้าง ‘อาณาเขตสวรรค์’ ทันที เพื่อกำราบทุกคนที่อยู่ด้านในบริเวณคฤหาสน์
อย่างไรก็ตามในขณะที่เขาเปิดใช้งานสมบัติวิเศษระดับสวรรค์ จู่ ๆ โม่จู่ก็ปรากฏตัวต่อหน้าเขาและใช้กรงเล็บฉีกทำลายสมบัติวิเศษระดับสวรรค์ออกเป็นชิ้น ๆ พร้อมกับใช้กรงเล็บของมืออีกข้างเฉือนเข้าไปที่ท้องของจางหมิงทันที!
ด้วยตัวตนอันไม่ธรรมดาของโม่จู่ที่มีสายเลือดของบรรพบุรุษเผ่าอสูรทมิฬไหลเวียนอยู่ในร่างกาย เขาจึงเป็นอสูรทมิฬที่แข็งแกร่งกว่าอสูรทมิฬตนอื่น ๆ ในเผ่าเขาอยู่หลายช่วงตัว
และโดยเฉพาะก่อนหน้านี้ที่เขาได้แลกเปลี่ยน เนื้อ เลือดและกระดูกครึ่งหนึ่งของหลูซ่างเก๋อมาจากหลิงตู้ฉิง ระดับการบ่มเพาะของเขาก็มาถึงขอบเขตนภาระดับ 12 ซึ่งทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นไปยิ่งกว่าเก่าตั้งแต่ตอนที่เขาพึ่งมาที่อาณาจักรจันทราใหม่ ๆ
แน่นอนว่าแม้ว่าโม่จู่จะอยู่ในขอบเขตนภาระดับ 12 แต่ถ้าให้เขาใช้ระดับการบ่มเพาะกับความแข็งแกร่งของร่างกายเขาเพียงอย่างเดียว ก็ยังคงไม่อาจจะเอาชนะจางหมิงได้ง่าย ๆ เช่นแบบนี้ สาเหตุหลักที่ทำให้เขาสามารถสยบผู้เชี่ยวชาญขอบเขตครึ่งสวรรค์ที่มีสมบัติวิเศษระดับสวรรค์อยู่ในครอบครองก็คือ เขาได้ใช้อาวุธวิเศษที่หลิงตู้ฉิงได้สร้างไว้ให้กับเขาก่อนหน้านี้ ซึ่งอำนาจของอาวุธที่เขาได้มามันช่วยเพิ่มศักยภาพในด้านต่าง ๆ ให้เขาครบทุกด้านเพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่า และเมื่อรวมกับความแข็งแกร่งที่เขามีอยู่ก่อนหน้า ผลลัพธ์ที่ออกมามันจึงเป็นฝันร้ายของจางหมิงไปโดยสมบูรณ์
แต่ด้วยความโชคดีที่จางหมิงเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตครึ่งสวรรค์ ในขณะที่เขายังอยู่ในสถานะเปิดใช้งานสมบัติวิเศษระดับสวรรค์ แม้ว่าจะถูกโม่จู่โจมตีเข้าที่ท้องจนเลือดทะลัก แต่เขาก็ยังคงมีสติถอยหนีได้อย่างรวดเร็ว
จากนั้นเมื่อเขาพ้นระยะการโจมตีของโม่จู่แล้ว จางหมิงก็รีบบินกลับไปที่พระราชวังอย่างเต็มกำลังโดยไม่แม้แต่จะหันศีรษะไปมองข้างหลังว่าโม่จู่จะตามมาหรือไม่
โม่จู่มองไปที่จางหมิงที่กำลังบินจากไป หากเป็นสถานการณ์ปกติเขาย่อมจะบินตามไปแน่นอน แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ที่ในเมืองหลวงที่กำลังวุ่นวาย และเป้าหมายของเขาคือปกป้องมี่ตั้วตั้ว เขาจึงทำได้แค่มองจางหมิงจากไปด้วยสีหน้าเหยียดหยัน
ในส่วนทางด้านของคฤหาสน์ตระกูลจ้าว
ขณะนี้เหลียงเจียฮุยที่อยู่ในขอบเขตนภาระดับ 10 พร้อมกับเจิ้นป่าเจ่าและผู้เชี่ยวชาญที่เหลียงซานส่งมาซึ่งอยู่ในขอบเขตนภาระดับ 7 ได้มาถึงที่หน้าคฤหาสน์ตระกูลจ้าวเรียบร้อยแล้ว
เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ จ้าวปาเทียนจึงส่งจู้หลู่ ซึ่งเป็นหุ่นเชิดที่มีระดับการบ่มเพาะอยู่ในจุดสูงสุดขอบเขตนภาระดับ 12 ออกมารับมือทันที แต่ด้วยก่อนหน้าที่จู้หลู่จะถูกจับมาทำเป็นหุ่นเชิด อายุขัยของเขาที่เหลือไม่มากสักเท่าไหร่เมื่อเขาได้ถูกปรับแต่งให้เป็นหุ่นเชิด ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาจึงไม่ได้อยู่ในจุดสูงสุดขอบเขตนภาระดับ 12 อีกต่อไป
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีที่ประสานกันของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาระดับสูง 3 คน จู้หลู่จึงสามารถทนการโจมตีอยู่ได้เพียง 3 ครั้งก่อนที่จะถูกทุบแหลกเป็นชิ้น ๆ
เมื่อทุกคนคิดว่าตระกูลจ้าวกำลังจะจบสิ้น ม่านแสงก็ลุกวาบขึ้นและโอบล้อมผู้คนทั้งหมดของตระกูลจ้าวไว้ภายใน
“นี่คืออะไร?” จ้าวปาเทียนมองไปที่ท้องฟ้าเหนือตระกูลจ้าว ด้วยสายตาที่ดูงุนงง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นพลังของขอบเขตสวรรค์
ถ้าแม้แต่จ้าวปาเทียนไม่รู้ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่คนอื่นจะรู้
จ้าวเหมิงลู่พูดอย่างเฉยเมย “ทักษะอาณาเขตสวรรค์ ซึ่งเป็นความสามารถของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์เท่านั้นที่จะใช้ได้!”
ตอนนี้นางยังคงติดใจครุ่นคิดกับความจริงที่ว่าตระกูลจ้าวของนางดูถูกการแต่งงานของนางกับหลิงตู้ฉิง
“อาณาเขตสวรรค์? ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์?” จ้าวปาเทียนถามด้วยความตกใจ “แล้วตอนนี้พลังนี้มันมาจากไหน?”
จ้าวปาเทียนเคยได้ยินบทเรียนจากศาลาศักดิ์สิทธิ์มาบ้างแล้ว และได้ตระหนักถึงการมีอยู่ของขอบเขตสวรรค์
“มันมาจากสมบัติวิเศษของสามีข้าที่เขาให้มาเพื่อปกป้องพวกท่านยังไงล่ะ มันเป็นสมบัติระดับสวรรค์!” จ้าวเหมิงลู่ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “หลิงจู้ ฆ่าพวกเขา!”
เมื่อได้รับคำสั่ง หลิงจู้จึงปล่อยเส้นใยของมันออกมาสามเส้น
เส้นแรกที่บินออกไป มันกลายร่างเป็นเชือกความยาว 3 เมตรมุ่งหน้าไปหาเจิ้นป่าเจ่าทันที ซึ่งแน่นอนว่าเจิ้นป่าเจ่าไม่มีพลังพอที่จะต้านทานแน่นอน เขาจึงถูกมัดและร่วงหล่นลงกับพื้นทันที
เส้นที่สองที่พึ่งออกไปมันกลายร่างเป็นกระบี่และฟันผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในขอบเขตนภาระดับ 7 ออกเป็นสองส่วน
ส่วนเส้นที่สามกลายเป็นหอกยาวแทงทะลุหน้าอกของเหลียงเจียฮุย และสังหารทหารทั้งหมดในขบวน
เมื่อทุกคนในตระกูลจ้าวเห็นภาพนี้ พวกเขาทั้งหมดก็อุทานด้วยความตกใจ
พวกเขาได้เปรียบเทียบความแข็งแกร่งของหลิงจู้กับหุ่นเชิดจู้หลู่แล้ว พวกเขาจึงเข้าใจได้ทันทีว่าหลิงจู้ทรงพลังเพียงใด
เมื่อจบการสังหาร หลิงจู้ก็ส่งเส้นใยของมันปักลงไปที่พื้นเพื่อดูดซับพลังวิญญาณที่อยู่บริเวณรอบ ๆ มาเติมเต็มพลังที่เสียไปอย่างต่อเนื่อง และมันยังส่งเส้นใยอีกส่วนหนึ่งบินล่องลอยไปรอบ ๆ บริเวณของคฤหาสน์ตระกูลจ้าว
เพราะตอนนี้ภายนอกของตระกูลจ้าว ได้มีร่างสีฟ้าปรากฎอยู่เหนือคฤหาสน์ ซึ่งร่างนี้เป็นร่างของหลู่หยุนตี๋ที่รีบบินมาจากคฤหาสน์สราญรมย์