เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงให้โอกาสเขาได้เลือกทางออกอย่างสันติ จี๋ซิงอี้จึงรีบคว้าโอกาสเอาไว้ทันที
ทางด้านของฮ่าวหมิงหยาง เมื่อเขาไม่ได้ยินหลิงตู้ฉิงเอ่ยถึงอาณาเขตในภูมิภาคอี้ซางแม้แต่น้อย เขาจึงรวบรวมความกล้าทั้งหมดและถามขึ้นว่า “เอ่อ…องค์เหนือหัวแล้วเรื่องอาณาเขตในภูมิภาคอี้ซาง…ที่สำนักของข้าได้เข้าไปครอบครองก่อน ซึ่งตอนนี้มันถูกสำนักยอดเขาอัสนีสวรรค์ชิงไปแล้วข้าควรจะทำยังไงต่อไปดี?”
หลิงตู้ฉิงตอบกลับทันที “ข้าบอกเจ้าแล้วใช่ไหมว่าในเมื่อพวกเจ้าชอบใช้เล่ห์กลนักข้าจะช่วยเหลือพวกเจ้าตามที่สมควรเท่านั้น และอีกอย่างพวกเจ้าเข้าไปยึดอาณาเขตในภูมิภาคอี้ซางโดยที่ไม่มาขอความเห็นชอบจากข้าก่อน ดังนั้นพวกเจ้าก็ต้องทำใจหากพวกเจ้าโดนคนที่แข็งแกร่งกว่าชิงไป”
ฮ่าวหมิงหยางยิ้มอย่างขมขื่นเมื่อได้ยินคำตอบนี้ เขาเข้าใจได้ว่าที่ผลลัพธ์เป็นเช่นนี้มันเป็นเพราะผู้อาวุโสของเขาเองที่หาเรื่องใส่ตัวบีบบังคับให้หลิงยี่เทียนมาช่วยพวกเขาต่อหน้าคนอื่น ๆ
ตอนนี้เขาจึงทำได้เพียงแค่หวังว่าสำนักยอดเขาอัสนีสวรรค์จะตัดสินใจส่งคนของพวกเขาออกไปรบกับเผ่าอสูร เพื่อที่สำนักสุริยะม่วงจะได้รับรางวัลจากผลงานที่สำนักยอดเขาอัสนีสวรรค์สร้างให้
เมื่อ 2 ชั่วยามผ่านไป จี๋ซิงอี้ก็ปรากฏกายขึ้นอีกครั้งเขารีบบินเข้ามาหาหลิงตู้ฉิง และพูดว่า “ผู้อาวุโส เรื่องของเทพมรณะคนที่เจ็ดข้าได้เบาะแสมาบ้าง แต่ไม่รู้ว่าจะถูกต้องรึเปล่า เมื่อ 20,000 ปีก่อนมีบรรพบุรุษของเราคนหนึ่งหายตัวไป ซึ่งในตอนนั้นระดับการบ่มเพาะของบรรพบุรุษที่หายตัวไปอยู่ในขอบเขตจักรพรรดิขั้นสูงสุด หากในตอนนี้เขายังคงมีชีวิตอยู่ มันมีโอกาสสูงเป็นอย่างมากที่เขาน่าจะทะลวงระดับไปถึงขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเขาจึงมีความเป็นไปได้ที่อาจจะเป็นเทพมรณะคนที่เจ็ดที่ท่านพูดถึง ส่วนบรรพบุรุษคนอื่น ๆ ข้ามั่นใจว่าพวกเขาไม่ใช่แน่นอน”
“ส่วนเรื่องของสำนักสุริยะม่วง ทางข้าขอเลือกส่งคนออกไปรบกับเผ่าอสูรเพื่อสร้างผลงานให้กับพวกเขา ไม่ว่าจะยังไงสำนักยอดเขาอัสนีสวรรค์ก็เป็นส่วนหนึ่งของเผ่ามนุษย์ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องสมควรเช่นกันที่พวกเราจะต้องออกไปร่วมรบ”
หลิงตู้ฉิงครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นเขาพูดกับจี๋ซิงอี้ว่า “เอาข้อมูลของบรรพบุรุษเจ้าที่หายตัวไปมาให้ข้า ข้าจะตัดสินมันด้วยตัวเอง อ๋อ เจ้าจงพาฮ่าวหมิงหยางเข้าไปในสำนักของเจ้าด้วยเพื่อให้เขาเลือกคนของเจ้า 234 คนให้ไปช่วยลูกของข้ารบกับเผ่าอสูร”
จี๋ซิงอี้รีบบอกข้อมูลทั้งหมดของบรรพบุรุษที่หายไปในทันที จากนั้นเขารีบพาฮ่าวหมิงหยางเข้าไปในสำนักของเขาเพื่อให้เลือกคนของเขาที่จะต้องออกไปช่วยหลิงยี่เทียนรบกับเผ่าอสูร
ในระหว่างที่ฮ่าวหมิงหยางเลือกนั้น จี๋ซิงอี้รู้สึกกังวลใจเป็นอย่างมากเพราะเขากลัวว่าฮ่าวหมิงหยางจะเลือกแต่ผู้คนระดับสูงของสำนักให้ออกไปรบ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นมันจะกลายเป็นว่าสำนักของเขาไม่เหลือตัวตนที่แข็งแกร่งคอยอยู่ปกป้องเลย
ทางด้านของฮ่าวหมิงหยาง เมื่อเลือกไปได้สักพักท้ายที่สุดเขาก็ตัดสินใจเลือกผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุด 2 คน ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิระดับอื่น ๆ อีก 2 คน ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิ 10 คน ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชัน 30 คน ส่วนที่เหลือก็เป็นผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในขอบเขตสรรค์
จี๋ซิงอี้ เมื่อเห็นเช่นนี้เขาก็รู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมากเพราะการเลือกของฮ่าวหมิงหยางเช่นนี้มันค่อนข้างให้ประโยชน์กับสำนักของเขาอยู่เหมือนกัน
บรรดาศิษย์ระดับการบ่มเพาะต่ำ ๆ หากพวกเขาได้เข้าไปร่วมรบเช่นนี้มันก็เท่ากับว่าเป็นการสร้างสมประสบการณ์ให้กับพวกเขา ส่วนพวกระดับสูงก็ถูกเลือกไปในจำนวนที่เหมาะสมพอที่จะทำหน้าที่ดูแลเหล่าศิษย์ทั้งหลายได้อย่างทั่วถึง การเลือกเช่นนี้มันเหมือนกับการส่งให้คนของเขาออกไปหาประสบการณ์พัฒนาตัวเองมากกว่าที่จะเป็นการลงโทษซะอีก
เมื่อคิดได้เช่นนี้ มุมมองที่จี๋ซิงอี้มีต่อฮ่าวหมิงหยางก็เปลี่ยนไปเป็นดีขึ้นเรื่อย ๆ
หลิงตู้ฉิง เมื่อเห็นว่าจี๋ซิงอี้และฮ่าวหมิงหยางกลับมาจากการเลือกคนแล้ว เขาพยักหน้าและพูดว่า “จี๋ซิงอี้ เจ้าจงไปเรียกทุกคนที่ถูกเลือกมาหาข้า ข้าจะให้พวกเขาทุกคนทำสัญญากฎสวรรค์ จากนั้นข้าจะหมดธุระกับพวกเจ้าสักที”
อันที่จริงคนของสำนักยอดเขาอัสนีสวรรค์ทุกคนต่างแอบฟังการสนทนาของหลิงตู้ฉิงกับเจ้าสำนักของพวกเขาอยู่แล้วจากด้านในสำนัก ดังนั้นเมื่อพวกเขาได้ยินหลิงตู้ฉิงพูดขึ้นแบบนี้เหล่าผู้คนที่ถูกเลือกตัวไว้ก็รีบเดินออกมาทันที
หลิงตู้ฉิงบังคับให้ทุกคนทั้ง 234 คนทำสัญญากฎสวรรค์ทันที จากนั้นเมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยเขาเอ่ยขึ้นสั้น ๆ ว่า “ต่อจากนี้พวกเจ้าจัดการเรื่องต่าง ๆ กันเองก็แล้วกัน!”
เมื่อพูดจบ เขาบินออกจากสำนักยอดเขาอัสนีสวรรค์ทันที
หลายปีที่ผ่านมาหลิงตู้ฉิงไม่เพียงแค่ตามล่าเหล่าผู้ส่งสาสน์เท่านั้น เขายังคอยสืบหาข้อมูลของพวกตำหนักดับเซียนอยู่เรื่อย ๆ
ตอนนี้เมื่อเขาได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากสำนักยอดเขาอัสนีสวรรค์ มันก็ทำให้เขาพอจะประมาณการณ์คร่าว ๆ ได้ว่าตำหนักดับเซียนนั้นน่าจะตั้งอยู่ในเหวมรณะ
เมื่อเห็นว่าจู่ ๆ หลิงตู้ฉิง ก็จากไปโดยที่ไม่พาเขากลับไปด้วย ฮ่าวหมิงหยางตื่นตระหนกจนแทบจะทำอะไรไม่ถูก!
เมื่อไร้การปกป้องจากหลิงตู้ฉิง สำนักยอดเขาอัสนีสวรรค์จะฆ่าจะแกงเขายังไงก็ได้ตามใจชอบ!
เมื่อเห็นเช่นนี้ เขาจึงรีบหันกลับไปพูดกับจี๋ซิงอี้ทันที “ข้าเองคงต้องขอตัวด้วยเช่นกัน!”
จี๋ซิงอี้หัวเราะและรีบพูดรั้งเขาไว้ทันที “เจ้าสำนักฮ่าวท่านจะรีบกลับไปไหน? ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเราผิดใจกัน แต่เจ้าสำนักฮ่าวกลับแสดงความเมตตาต่อสำนักข้าโดยการที่ไม่แกล้งส่งตัวตนระดับสูงของสำนักข้าทั้งหมดออกไป น้ำใจนี้ถ้าข้าไม่ตอบแทนให้กับท่านข้าคงต้องโดนฟ้าผ่าตายแน่นอน เอาเป็นว่าเรื่องก่อนหน้านี้ข้าคงต้องขออภัยท่านจากใจจริงและเพื่อเป็นการตอบแทน อาณาเขตในภูมิภาคอี้ซางนั้นก็ไม่ใช่เล็ก ๆ ข้าคิดว่าพวกเราสามารถตกลงแบ่งมันด้วยกันได้!”
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดทั้ง 2 คนที่ถูกเลือกให้ไปช่วยหลิงยี่เทียนรบ พวกเขาไม่ได้ใส่ใจกับจี๋ซิงอี้และฮ่าวหมิงหยางเลย พวกเขาหันหน้าไปคุยกันเองว่า “พวกเราควรรีบมุ่งหน้าไปที่สนามรบให้เร็วที่สุด ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเรามันไม่ใช่เรื่องยากเท่าไหร่ในการฆ่าอสูร 1 ล้านตัว แต่ถ้าเราไปช้ามันอาจจะไม่เหลืออสูรให้พวกเราฆ่า ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนั้นพวกเราอาจจะต้องอยู่ถึงตอนบุกไปถึงสันเขาหมื่นอสูร ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ สันเขาหมื่นอสูรไม่ธรรมดาอย่างที่ทุกคนเข้าใจ ถ้าพวกเราย่างกรายเข้าไปในสันเขาหมื่นอสูรพวกเราอาจจะตายได้!”
ตอนนี้พวกเขาทำสัญญากฎสวรรค์ไปแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากไปฆ่าพวกอสูรในสนามรบเท่านั้น ซึ่งงานนี้ยิ่งพวกเขาทำเสร็จเร็วเท่าไหร่มันก็ยิ่งเป็นผลดีต่อความปลอดภัยของตัวพวกเขาเองมากเท่านั้น
อีกด้านหนึ่งกองทัพพันธมิตรของหลิงยี่เทียนก็สามารถผลักดันพวกอสูรให้ถอยร่นไปได้เรื่อย ๆ โดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุดลงเลย แถมผู้คนจากกองกำลังต่าง ๆ ก็มาเข้าร่วมกับหลิงยี่เทียนมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกต่างหาก
ในตอนนี้พวกอสูรได้เข้าใจแล้วว่าเผ่ามนุษย์นั้นน่ากลัวตรงที่พวกเขามีจำนวนที่มากมายมหาศาลจนทำให้พวกมันเสียเปรียบอย่างรุนแรง
อสูรคุนเป๋ง ซึ่งถูกส่งมาจากโลกเบื้องบนเมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้มันอดไม่ได้ที่จะคำรามด้วยความเดือดดาล เพราะว่ามันเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องแก้สถานการณ์ยังไง
“นายท่าน พวกเราควรถอยกลับไปที่สันเขาหมื่นอสูรกันให้หมดดีไหมเพื่อใช้ที่นั่นเป็นป้อมปราการในการต้านทานพวกมนุษย์?” อสูรระดับสูงของเผ่าจิ้งจอกเอ่ยขึ้น “ด้วยอำนาจที่ดำรงอยู่ในสันเขาหมื่นอสูร ข้ามั่นใจว่าเมื่อไหร่ที่พวกมนุษย์ย่างกรายเข้ามา พวกมันจะกลายเป็นอาหารของพวกเราทั้งหมดแน่นอน!”