บทที่ 1345 – หุบเขา 9 เทวาพัฒนาขึ้นสู่ระดับที่ 3
หุบเขา 9 เทวาพัฒนาขึ้นสู่ระดับที่ 3 มันจะสามารถโจมตีเป้าหมายได้ด้วยความแรงถึง 3 เท่า อีกทั้งพลังของมันยังเป็นพลังบริสุทธิ์ นั่นก็หมายความว่าชิงสุ่ยสามารถใช้หุบเขา 9 เทวาในการโจมตีด้วยพลังสูงถึง 150000 สุริยา
ในตอนนี้การโจมตีของหุบเขา 9 เทวาไม่ใช่เรื่องธรรมดาอีกต่อไป นอกจากมันจะมีพลังมากถึง 150000 สุริยา มันยังเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ของเขาอีก 3 เท่า ด้วยความเร็วขนาดนี้ อาจพิจารณาได้ว่านี่คือความน่าสะพรึงกลัวขั้นสูง นอกจากจะมีดีทางด้านการโจมตีแล้ว เมื่อคิดถึงพลังป้องกันมันเปรียบเสมือนปราการศึกขนาดยักษ์ที่น่ากลัวเช่นกัน
ในเมื่อหุบเขา 9 เทวาพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น ชิงสุ่ยก็ย่อมต้องมีความสุขอย่างมาก ถ้าหากเขาจะต้องเผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนระดับปราณจักรพรรดิขั้นปลายในตอนนี้ หุบเขา 9 เทวาก็จะเป็นทั้งดาบและชุดเกราะที่จะปัดป้องอันตรายและโจมตีศัตรูราวกับผู้ใหญ่รังแกเด็ก แต่ถ้าหากเขาอ่อนแอกว่าศัตรู มันก็จะเป็นตัวปลดปล่อยขีดจำกัดในร่างกายเพื่อให้ขาวสามารถใช้พลังได้อย่างเต็มที่
หลังจากที่ชิงสุ่ยได้ช่วยเหลือผู้อาวุโสปู้หยาง ก่อนที่ผู้อาวุโสปู้หยางจะจากไป เขาได้นำเรื่องบางอย่างบอกกล่าวกับชิงสุ่ย เพราะเขาต้องการอยากรู้ว่าชิงสุ่ยจะสามารถช่วยยืดอายุไขของผู้อาวุโสคนหนึ่งในตระกูลปู้หยางได้หรือไม่
ผู้อาวุโสที่ละทางโลกคนนี้มีระดับพลังที่แสนน่าสะพรึงกลัว
ระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาศ!!!
แม้แต่ในตระกูลปู้หยางก็ยังมีผู้ฝึกตนระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาศแฝงตัวอยู่ แต่ช่างน่าเสียดายที่อายุขัยของเธอกำลังจะสิ้นสุดลง เธอจึงเลือกที่จะตัดขาดจากโลกภายนอก มีเฉพาะคนรุ่นก่อนๆเท่านั้นที่จะรู้ถึงการดำรงอยู่ของคนๆนี้ แม้ว่าเธอจะละทั้งโลกและตัดขาดกับทุกสิ่งทุกอย่าง แต่คนรุ่นก่อนๆก็ไม่มีใครกล้าที่จะละเลยการดำรงอยู่ของเธอ
หญิงชราผู้ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของตระกูลปู้หยาง
นอกจากผู้อาวุโสปู้หยางและคนรุ่นก่อนๆรวมถึงเด็กหญิงตัวน้อย ก็ไม่มีใครได้เข้าพบกับหญิงชราคนนี้มาก่อน แต่คนส่วนใหญ่ต่างก็ได้ยินเรื่องราวการดำรงอยู่ของคนที่แข็งแกร่งในตระกูล
ชิงสุ่ยตอบตกลงในทันที เขาเองก็อยากรู้ว่าผู้ที่บรรลุในระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาศจะมีพลังอำนาจเพียงใด
ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ชิงสุ่ยเลือกที่จะรับประทานยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 3 วันละ 1 เม็ด ซึ่งหากอยู่ภายใต้ผลของยาเม็ดตำรับคู่ ชิงสุ่ยก็จะสามารถกินมันได้ครั้งละ 2 เม็ด ส่วนยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 4 ชิงสุ่ยยังไม่ได้ลอง เนื่องจากเขากำลังรอให้ผลของตัวยาเพิ่มพูนเสร็จสิ้นเสร็จก่อน เช่นเดียวกับการรอคอยให้ หมูป่านักล่าสมบัติราชินีผึ้งหยกจักรพรรดิ ก้าวหน้าในระดับพลัง
ในระหว่างที่ชิงสุ่ยกำลังคิดถึงเรื่องอื่น เขาก็รับรู้ถึงกลิ่นอายที่แสนคุ้นเคย มันจึงทำให้เขารีบออกจากดินแดนหยกยุพราชอมตะทันที และพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ
ชิงสุ่ยรู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่ง มันเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะได้พบเจอกับกลิ่นอายที่แสนคุ้นเคยนี้ มันเป็นกลิ่นอายเดียวกับที่เขาได้พบเธอเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา และแล้วชิงสุ่ยก็มองเห็นมัน
สิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือเต่าเฒ่าโบราณขนาดใหญ่ ตัวของมันไม่ได้ดูเล็กเลยหากเทียบกับขนาดของมังกรมรกตที่เขาได้เห็นผ่านทะเลแห่งปัญญา สัตว์ทั้ง 2 ตัวคือสัตว์ที่อาศัยอยู่บนโลกนี้มาอย่างยาวนาน พวกมันต่างก็มีขนาดใหญ่มหึมา
หลังจากเหลือบมองชิงสุ่ยก็พบกับหญิงสาวที่เย็นชาและหยิ่งยโส
ประมุขอสูร!!
สาวที่มีทรงผมยกสูง แสดงให้เห็นถึงคิ้วที่แสนนุ่มนวลและใบหน้าที่ปราศจากเครื่องประทินผิวต่างๆ แสงสะท้อนจากดวงอาทิตย์ยามเช้าแสดงให้เห็นถึงผิวหนังที่นุ่มนวลดุจหิมะ ความงดงามดั่งนางอัปสร ดวงตาอันงดงามราวกับสายตาแห่งเทพีฤดูหนาว
แม้ดวงตานั้นจะงดงามและบริสุทธิ์ แต่ความหนาวเหน็บที่พุ่งพล่านออกมาจากสายตา มันเจาะทะลุทะลวงไปถึงแก่นกระดูกของผู้คน
รูปร่างของเธอช่างงดงามแม้จะส่งเครื่องแต่งกายแต่ก็ไม่อาจปกปิดทรวดทรงของร่างกายเธอได้ ไหล่ของเธอคมดุจคมดาบ หน้าอกที่กลมมนเด่นสง่า เอวที่เรียบเนียนราวกับผ้าไหม เธอสวยงามราวกับผลงานที่แกะสลักด้วยหยกล้ำค่า
……………………….
กลิ่นอายที่พุ่งพล่านออกมาจากตัวเธอ ชิงสุ่ยมั่นใจอย่างยิ่งว่าเขาจำไม่ผิด ในบรรดาหญิงสาวทั้งหลาย เธอเป็นคนที่ชิงสุ่ยเข้าใกล้ด้วยยากที่สุด ไม่ใช่เพราะเธอเฉยเมย แต่เป็นเพราะกลิ่นอายมหาศาลที่กดดันมันพุ่งพล่านออกมาจากพลังวิญญาณของเธอ
ถึงกระนั้นเธอก็ยังคงดูเย็นชา ดวงตาคู่งามของเธอยังคงหนาวเหน็บกัดกินทะลุไปถึงกระดูก เธองดงามดุจหิมะบริสุทธิ์ และความเย็นชาของเธอดูเป็นธรรมชาติราวมันเกิดมาพร้อมเธอ
เมื่อเธอมองเห็นชิงสุ่ย เธอเองก็ตกใจ ดูเหมือนระลอกคลื่นแห่งความหนาวเหน็บจากดวงตาจะหายไปอย่างสมบูรณ์
เธอมองชิงสุ่ยอย่าเงียบๆสักพักหนึ่งก่อนจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่มาจากตัวชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยเองก็จับจ้องเธอด้วยสายตาที่ประหลาดใจ เขาพยายามสัมผัสถึงระดับพลังของเธอแต่ก็ไม่สามารถรับรู้อะไรได้
เห็นได้ชัดอย่างหนึ่งว่าเธอจะต้องมีพลังเหนือกว่าผู้อาวุโสปู้หยางอย่างแน่นอน
ระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาศ?
ชิงสุ่ยไม่อาจระงับความรู้สึกพ่ายแพ้ในตอนนั้นได้ มันดูเหมือนเรื่องตลกจริงๆที่จะได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง แต่มันก็น่าอัศจรรย์ยิ่งที่ตอนนั้นเธอไม่ได้ลงมือสังหารเขา เขาเปรียบเสมือนมดปลวกในสายตาเธอ เพียงแค่ดีดเบาๆ เธอก็สามารถขยี้มดเหล่านั้นให้กลายเป็นผุยผงได้
“สวัสดี พอดีข้ารู้สึกเหมือนว่าเจ้ากำลังผ่านมา ข้าจึงออกมาดู……….”ชิงสุ่ยมักจะรู้สึกไม่สบายใจต่อหน้าเธอ มันเป็นความรู้สึกแปลกและความรู้สึกต่ำต้อยในเวลาเดียวกัน
เขากำลังต้องการเวลามากกว่านี้ เขารับรู้ดีว่าเธอกำลังเผชิญหน้ากับปัญหามากมาย และคงเป็นปัญหาที่ยิ่งใหญ่กว่าปัญหาที่อีเย่เจี้ยนเก้อเคยเผชิญ
“เจ้าต้องการจะพูดอะไร? หลีกทางเดี๋ยวนี้”
เมื่อชิงสุ่ยได้ยินคำพูดจากเธอ เขาก็เลือกเดินตรงไปหาเธอและกล่าวว่า “ข้าต้องการช่วยเหลือเจ้าจริงๆ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเจ้าได้ใช้ยารักษาตัวเจ้าต่อหรือไม่ แต่ข้ามีความรู้ในด้านการฝังเข็ม ข้าสามารถช่วยเจ้าเพิ่มพูนพลังได้”
ชิงสุ่ยได้ยินเรื่องต่างๆของเธอ ดูเหมือนว่าเธอจะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูรอบด้าน ผู้คนมากมายจ้องจะกำจัดเธอ และตอนนี้เขาก็แข็งแกร่งมากพอที่จะช่วยเหลือเธอแล้ว
หญิงสาวส่ายหน้าและไม่พูดอะไร
” ข้าก็แค่อยากจะช่วยเจ้าเอง”ชิงสุ่ยยิ้มอย่างข่มขืน
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าผู้คนที่เกี่ยวพันกับชีวิตของข้านั้นมีมากเพียงใด? ถ้าหากเจ้ายังไม่อยากตายก็จงอยู่ให้ห่างจากข้า ถ้าเป็นไปได้ก็อย่ากล่าวถึงข้าเลย” น้ำเสียงของเธอยังคงยากเย็นขนาดที่เธอกล่าวปฏิเสธอย่างหนักแน่น
“ข้าเองก็ไม่รู้ว่ามีกี่คนกันที่พยายามตามล่าเจ้า แต่ข้าก็ยังคงต้องการคนเจ้าอยู่ดีแม้ผู้คนทั้ง 9 มหาทวีปจะต่อต้านเจ้าก็ตาม มีอย่างเดียวที่ข้าเสียดายก็คือวันนี้ข้ายังไม่แข็งแกร่งพอ แต่สักวันหนึ่งถ้าจะมีอำนาจมากพอที่จะช่วยเหลือเจ้าต่อให้มันจะมีโอกาสเพียงเล็กน้อยก็ตาม”ชิงสุ่ยกล่าวอย่างช้าๆ
สีหน้าของหญิงสาวก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เธอกล่าวกับชิงสุ่ยว่า “ทำไม? ถ้าหากเจ้ายังฝันอยู่ก็จงลืมมันไปซะ”
“ข้าคงทำไม่ได้ ทุกครั้งที่ข้าเจอเจ้า ข้ารู้ดีว่าระหว่างเรานั้นมีช่องว่างที่กว้างเกินไป แต่ข้ายังอยากช่วยเจ้าจริงๆ และข้าก็ไม่ได้ต้องการให้เจ้าต้องกลับมาช่วยอะไรข้า”ชิงสุ่ยกล่าว
ชิงสุ่ยว่ามันเป็นเรื่องยากยิ่งที่จะเป็นเพื่อนกับหญิงสาวคนนี้ ดังนั้นเขาจึงหวังเพียงแค่ได้พูดคุยกับเธอต่อ เพราะตลอดเวลาที่เจอกันในครั้งแรก เขาก็แทบไม่ได้พูดคุยอะไรเลย
“ไว้โอกาสหน้าเถิด ข้าขอตัวลา”หญิงสาวกล่าวอย่างนิ่มนวลขณะที่เธอรอยจากไป
“โปรดรับสิ่งนี้ไว้ ข้าหวังว่ามันจะเป็นประโยชน์สำหรับเจ้า”ทันทีที่กล่าวจบ ชิงสุ่ยก็โยนถุงผ้าแพรมิติออกไป
ซึ่งหญิงสาวก็เอื้อมมือออกมาและขว้ามัน
“เราคงต้องจากกันจริงๆแล้ว”ทั้งที่เธอกล่าวจบ เธอก็หายไปพร้อมกับเต่าเฒ่า
ชิงสุ่ยยังคงยืนดูหญิงสาวคนนั้นหายจากไปด้วยความเศร้าหมอง แต่เขาก็ค่อนข้างประหลาดใจที่เธอยอมรับถุงผ้าแพรมิติที่บรรจุทั้งสมุนไพร ยาและอาหารมากมาย
แม้เวลาจะผ่านไปแต่ชิงสุ่ยก็ยังยืนนิ่งและคิดต่างๆนานา เขาบอกกับตัวเองว่าถ้าครั้งหน้าเขาได้เจอเธออีก อย่างน้อยพลังของเขาจะต้องอยู่ในระดับปราณจักรพรรดิขั้นปลายและต้องมีพลังไม่ต่ำกว่า 500000 สุริยา
ในขณะที่เขากลับไปยังหอคอยจักรพรรดิ ชิงสุ่ยก็กลับเข้าสู่ดินแดนหยกยุพราชอมตะ เพื่อปรับแต่งพลังที่เพิ่มจากมังกรไอยราเกล็ดทองคำ แม้ว่าพลังพื้นฐานของชิงสุ่ยจะเพิ่มขึ้นไม่กี่สุริยา แม้ว่ามันจะไม่มากแต่ก็ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย
ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาตอนนี้เข้าใกล้ระดับ 60000 สุริยา และเมื่อเขาระเบิดพลังร่วมกับหุบเขา 9 เทวา พลังของเขาจะใกล้เคียงกับระดับ 170000 สุริยา
และถ้าหากเทียบกับพลังปราณจิตที่แข็งแกร่งแล้ว ถ้าหากเขาใช้ตราประทับแห่งวิหคศักดิ์สิทธิ์ ความสามารถโดยรวมของเขาจะเพิ่มขึ้นอีก 160000 สุริยา และถ้าหากเขาระเบิดพลังเต็มที่นั่นก็หมายความว่าเขาจะสามารถเข้าถึงระดับพลัง 320000 สุริยาได้
นั่นก็หมายความว่า อย่างน้อยที่สุดตอนนี้เขาก็อยู่ในขั้นเริ่มต้นของระดับปราณจักรพรรดิขั้นปลาย