บทที่ 1360 – เตรียมสร้างยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่4
ติ๊เฉินจับไปที่มือของเขาและเดินไปตามทุ่งหญ้า ชิงสุ่ยรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกขณะที่เขามองไปที่เธอ เธอนั้นเป็นสาวงามที่สุดเท่าที่เขาเคยพบมาในชีวิตนี้
ความงามของผู้หญิงนั้นไม่ได้หมายถึงเพียงรูปลักษณ์ของพวกเธอเท่านั้น นั้นรวมถึงท่าทางและนิสัยของพวกเธอด้วย ถึงแม้พวกเธอจะเป็นหญิงสาวที่สวยงามแต่ท่าทางที่หยาบกระด่างนั้นก็ทำให้ความงามของพวกเธอลดลง ดั่งแจกันที่ประดับด้วยดอกไม้ที่เต็มไปด้วยดอกไม้ที่เหี่ยวเฉา ถึงแม้ว่าแจกันจะสวยขนาดไหนก็ไม่มีใครจ้องมองไปที่มัน
นอกจากนี้ยังมีหลายๆคนที่พยายามเสริมแต่งตัวเองมากมายให้ดูงดงาม แต่ถึงอย่างไรพวกเธอนั้นก็ไม่ได้รับความงามที่แท้จริงมาก
ธรรมชาติและความเหมาะสมเท่านั้น ที่เป็นความงามที่แท้จริง
ชิงสุ่ยนั้นรู้สึกว่าผู้หญิงทั้งหมดของเขานั้น เป็นผู้หญิงที่งดงามอย่างแท้จริง แต่ถึงอย่างไรพวกเธอก็มีเอกลักษณ์ที่เป็นของตัวเอง ซึ่งนั้นเป็นจุดเด่นที่ทำให้เขาหลงใหลพวกเธอ ไม่มีคำว่าดีเกินไปและไม่มีคำว่าด้อยกว่า ทั้งหมดนั้นเป็นเสน่ห์ที่ทุกคนนั้นมีแตกต่างกัน
“ชิงสุ่ย ท่านอาจารย์ต้องการให้ข้าขึ้นครองนิกายหลังจากปีใหม่!”ติ๊เฉินกล่าวออกมาด้วยเสียงงที่แผ่วเบา
ด้วยความสามารถของเธอในตอนนี้คงไม่มีใครเลยที่จะกล้าคัดค้าน นอกจากนี้ทุกๆคนก็รู้ดีว่าเธอนั้นเป็นว่าที่ผู้นำนิกายคนต่อไปอยู่แล้ว
“ดีจริงๆ ที่เฉินเอ๋อของข้าจะได้เป็นผู้นำนิกายบงกชเทวะในเร็วๆนี้”ชิงสุ่ยยิ้มและมองไปที่เธอ
………
หลังจากพักอยู่กับเธอคืนหนึ่ง ชิงสุ่ยได้กลับไปที่สำนักสวรรค์เร้นลับ เพื่อดูว่าที่แห่งนั้นเป็นยังไงบ้าง ด้วยย่างก้าวเก้าเทวาชิงสุ่ยนั้นสามารถเดินทางไปถึงที่แห่งนั้นอย่างรวดเร็ว
ในช่วงแรกชิงสุ่ยนั้นได้เริ่มต้นเรื่องราวของตัวเองขึ้นที่ทวีปอู่เซียตะวันตก มันจึงทำให้ทวีปแห่งนี้ดังแหล่งอำนาจของเขา นอกจากนี้มันอาจกว่าได้ว่าเป็นบ้านหลังแรกในสี่ทวีปของเขาอีกด้วย
พาลัยหิมะหวน!
ขณะที่ชิงสุ่ยมาถึงพาลัยหิมะหวน เขาได้พบเจอกลุ่มของหญิงสาวที่กำลังฝึกซ้อมเพลงกระบี่อยู่ หนึ่งในนั้นคือองค์หญิงใหญ่ ในขณะนั้นเองเธอสัมผัสได้ถึงการมาของชิงสุ่ยเธอได้หยุดลงและหันมายิ้มให้กับเขา
ในตอนนี้เธอเดินเข้ามาหาเขาด้วยรอยยิ้ม
“ท่านพ่อ!”ชิงซา วิ่งออกมาโดยไม่รอให้ชิงสุ่ยเดินเข้าไป ขณะที่เธอวิ่งเข้าไปกอดเขา ก่อนที่ชิงสุ่ยจะเดินไปถึงองค์หญิงใหญ่
ในตอนนี้องค์หญิงเล็กและองค์หญิงเจ็ดก็อยู่ที่แห่งนี้ด้วย ตลอดครึ่งปีที่ผ่านมาพวกเธอได้ย้ายมาอยู่กับองค์หญิงใหญ่เพื่อเพิ่มพูนความแข็งแกร่ง แต่สิ่งที่หน้าแปลกใจอย่างมากคือความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นของชิงซา ความแข็งแกร่งของเธอนั้นก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วและทรงพลัง นอกจากนี้กลิ่นอายของเธอนั้นก็ยังเต็มไปด้วยความดุดันและหน้าเกรงข้าม แม้แต่ชิงสุ่ยเองก็มิอาจเลียนแบบเธอได้
ชิงสุ่ยนั้นรู้ดีว่ามันนั้นเป็นสายเลือดที่ตื่นขึ้นของเธอ และเป็นเพราะมันจึงทำให้เธอก้าวหน้าได้ไวกว่าคนอื่นๆ
ในขณะนี้ชิงสุ่ยได้มอบย่าล้ำค่าให้กับทุกๆคนและ ยังด้วยช่วยปรับแต่งรากฐานให้ทุกๆคนอย่างเท่าเทียมกัน
“สาวน้อยการบ่มเพาะของเจ้าเพิ่มขึ้นเร็วมากจริงๆ”ชิงสุ่ยยิ้มและพูด
“มันเร็วเกินไปหรอ?”ชิงซากล่าวกับชิงสุ่ยด้วยความกังวล
“ไม่เป็นไรเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลไป มันไม่ได้เป็นอันตรายใดๆ นั้นเป็นเพราะสายเลือดที่แปลกประหลาดของเจ้า”หลังจากที่ตรวจดูชิงสุ่ยนั้นก็ได้ผ่อนคลายลง เพราะมันนั้นจะไม่เป็นปัญหาสำหรับเธอในอนาคต นี่นั้นเป็นเพราะสายเลือดที่แข็งแกร่งของเธอ
ดาวหายนะ…แม้ชิงสุ่ยจะไม่รู้ว่าชิงซาจะเปลี่ยนไปอย่างไรในอนาคต แต่เขารู้ว่าเธอนั้นต้องเป็นผู้บ่มที่แข็งแกร่งอย่างแน่นอน นอกจากนี้ชิงสุ่ยนั้นยังแอบกังวลอยู่เมื่อเธอดินแดนพลังเทวะแห่งเต๋า (เส้นทางแห่งสวรรค์) เธอนั้นจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร บางทีเธออาจกลายเป็นดาวหายนะอย่างที่คนอื่นๆพูดจริงๆก็ได้
ตอนนี้กลิ่นอายที่ชั่วร้ายร่างกายของเธอนั้นได้ตื่นขึ้นมาแล้ว มันจึงทำให้ความแข็งแกร่งของเธอเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ภายในเวลาสั้นๆ แม้แต่ผู้บ่มเพาะบัญชาสวรรค์พินาศก็ยังมิอาจต่อกรกับกลิ่นอายของเธอนอกจากนี้ชิงสุ่ยยังแอบกังวลเมื่อเธอนั้นต้องการทะลวงเข้าสู่ระดับบัญชาสวรรค์พินาศ
เธอนั้นต้องได่รับความเจ็บปวดมากถึงคนอื่นถึงสามเท่า นอกจากนี้เธอนั้นยังต้องทนพลังปิศาจในร่างกายของเธอในเวลาเดียวกัน ซึ่งมันเป็นเรื่องยากที่เธอจะรับมือกับมันได้พร้อมๆกัน
เมื่อถึงเวลานั้น ชิงสุ่ยหวังว่าเขานั้นจะสามารถเข้าสู่ระดับชั้นที่แปด ของทักษะเสริมสร้างบรรพกาลได้แล้ว หากเป็นเช่นนั้นเขาอาจะพอช่วยเหลืออะไรเธอได้บ้าง
สำหรับเหยียนจินอวี้และองค์หญิงเจ็ด เป็นสองคนที่มีความก้าวหน้าช้าที่สุด อย่างไรก็ตามมันก็เร็วกว่าคนทั่วๆไปในระดับเดียวกัน ทั้งสองนั้นทุ่มเทอย่างมากในการบ่มเพาะในแต่ละวัน แต่ถึงอย่างไรเพราะแรงกดดันจากชิงซาทำให้พวกเธอนั้นรู้สึกท้อแท้อย่างมากในความไร้ความสามารถของตัวเอง
……………
“ความก้าวหน้าของซาเอ๋อนั้นเร็วเกินไป”
“นอกจากนี้ในร่างกายของเธอนั้นยังมีกลิ่นอายชั่วร้ายจากบรรพกาลหลับใหลอยู่ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่จะพบได้ทุกๆหมื่นปี ถึงมันจะมีข้อดีแต่มันก็มีข้อเสียในเวลาเดียวกัน ถึงแม้ในตอนนี้เธอนั้นยังไม่มีปัญหาใด แต่ในอนาคตนั้นเป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดาอย่างมาก ข้าคิดว่าเราควรเตรียมแผนการรับมือเอาไว้”ชิงสุ่ยกล่าวกับองค์หญิงใหญ่
ในตอนนี้พาลัยหิมะหวนนั้นเติบโตขึ้นอย่างมากมีสาวกจำนวนมากถึงแปดพันคนและทุกๆคนนั้นก็เป็นผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ทุกๆคนนั้นก็ได้รับเลือกโดยตรงจากองค์หญิงใหญ่ นอกจากนี้ทุกๆคนที่เข้ามาใหม่จะได้รับการปรับแต่งรากฐานโดยชิงสุ่ยทั้งหมด มันจึงทำให้ตอนนี้พาลัยหิมะหวนนั้นเป็นขุมอาจทีแข้งแกร่งที่สุดในสำนักสวรรค์เร้นลับไปแล้ว
นี่ยังไม่ต้องพูดถึงผลของยาเม็ดบรรพกาลแรกเริ่มที่ชิงสุ่ยมอบให้ มันนั้นสามารเพิ่มความแข้งแกร่งได้อีก20%ปี นี่นับว่าเป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างมาก
ในตอนนี้ติ๊เฉินนั้นก็จะกลายเป็นผู้นำนิกายบงกชเทวะ ในขณะที่องค์หญิงใหญ่ก็ได้กลายเป็นขุมอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักสวรรค์เร้นลับ ส่วนฮี่หวง กูหวู๋นั้นก็ใกล้จะมีพลังมาพอไปเพื่อกลับไปจัดการกับปัญาหาเรื่องในตระกูลของเธอ และเมื่อเวลานั้นมาถึงถานท่ายหยวนก็จะกลายเป็นผู้นำคนต่อไปของเทอกเขาปู๋โถว
……
ในคืนนั้นชิงสุ่ยได้ใช้เวลาทั้งคืนอยู่ร่วมกับองค์หญิงใหญ่ เขานั้นไม่สามารถทนต่อร่างกายที่ทรงเสน่ห์ของเธอได้เลยแม้แต่น้อย และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขานั้นมีอาการเช่นนี้
ในขณะที่เธอค่อยๆถอดเสื้อออกและซุกลงที่หน้าอกของชิงสุ่ย ชิงสุ่ยเองก็ชอบมากเวลาที่เธอนั้นอยู่ด้านบนร่างกายของเขา ในขณะที่เขาชอบบังคับร่างกายให้อยู่ข้าล่างและเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ ในขณะที่หน้าอกคู่งามของเธอนั้นเคลื่อนไหวขึ้นลงมันทำให้เขามีความสุขอย่างมากและชอบมองเธอจากมุมนี้มากที่สุด
…………
ชิงสุ่ยนั้นได้พักอยู่ที่นี่สองสามวัน เพื่อช่วยเหลือการบ่มเพาะให้ผู้หญิงคนอื่นๆ ในทุกๆวันชิงสุ่ยจะทำการฝังเข็มให้ทุกๆคนเพื่อเสริมสร้างรากฐานให้พวกเธอ นอกจากนี้มันยังเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเสริมสร้างการบ่มเพาะอีกด้วย
นอกจากนี้ชิงสุ่ยยังให้พวกเธอนั้นใช้ยาเสริมสร้างเส้นลมปราณทั่งสองเพื่อช่วยเพิ่มรากฐานให้พวกเธอ ถึงแม้พวกมันนั้นจะมีค่าเทียบเท่ากับสมองของคนเราแต่ชิงสุ่ยก็ไม่รู้สึกเสียดายที่มอบมันให้กับพวกเธอ
ในตอนนั้นเมื่อชิงสุ่ยกลับไปถึงทวีปวิหคเพลิงร่ายระบำมันนั้นก็ผ่านไปสิบวันแล้ว ตระกูลชิงและสหายที่อยู่ในทวีปอู่ฌวียนได้รับความก้าวอย่างต่อเนื่องด้วยความสามารถของเขา นี่เป็นการสร้างฐานอำนาจที่มั่นคงสำหรับชิงสุ่ย
แต่ในตอนนี้เขาเองที่ดูเหมือนว่าจะมีปัญหาการบ่มเพาะของเขานั้นเริ่มที่จะชะลอตัว อย่างไรก็ตามมันก็ยังเป็นสิ่งที่พอเข้าใจได้ นั้นเพราะผลของยาเม็ดสวรรค์หยางรับดับ 1-3 และยาเม็ดบรรพกาลแรกเริ่มนั้นได้ได้หมดฤทธิ์ลงแล้ว พวกมันนั้นไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ใดอีกเมื่อเขากินพวกมันลงไป ถึงอย่างไรด้วยความสามารถของยาเหล่านี้ ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้นมาเป็น120สุริยาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
120สุริยานั้นไม่ใช่เป้าหมายที่เขาพึงพอใจเลย แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่สามารถทำอะไรกับมันได้ในตอนนี้
ในตอนนี้ชิงสุ่ยเริ่มคิดถึงยาสวรรค์หยางระดับถัดไป เดิมทียาสวรรค์หยางระดับ1นั้นจะสามารถใช้ได้เฉพาะปรมาจารย์ระดับที่1 ส่วนยาสวรรค์หยางระดับ-2 นั้นจะสามารถใช้ได้เฉพาะปรมาจารย์ระดับที่2ตามลำดับ ดังนั้นยาเม็ดสวรรค์หยางจึงจัดได้ว่าเป็นยาที่ล้ำค่าอย่างมาก และเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะทุกๆคนฝันถึง
หลังจากที่หารือกับหมอปิศาจ และหยวนสู่แล้ว ชิงสุ่ยก็ได้เข้าไปในห้องของเขา และเข้าไปสู่ดินแดนหยกในทันที ในตอนนี้เขารู้สึกว่ามันเป็นเวลาที่เหมาะสมแล้วในการกลั่นยาเม็ดสวรรค์หยางระดับ 4
ครึ่งปีที่ผ่านมา ในดินแดนหยกนั้นยังดำเนินไปไม่ถึง100ปี แต่ถึงอย่างไรก็ตามเขายังมีสมุนไพรวิญญาณ และดอกไม้แห่งชีวิต หรือน้ำทิพย์แห่งฤดูใบไม้ผลิแห่งชีวิตอยู่มากพอที่จะกลั่นยาเม็ดสวรรค์หยางระดับ 4 จริงๆแล้วเขานั้นสามารถกลั่นมันได้ตั้งนานแล้ว แต่เป็นตัวของเขาเองที่รู้สึกว่ามันยังไม่เหมาะเท่าไรที่จะกลั่นมันขึ้นมาในเวลานั้น
ช่องว่างระหว่างยาเม็ดสวรรค์หยางระดับ 3และยาเม็ดสวรรค์หยางระดับ 4นั้นเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่อย่างมาก เขาไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหลังจากที่เขากลั่นยาเม็ดสวรรค์หยางระดับ 4ออกมาได้ นอกจากมันนั้นผลที่เป็นเอกลักษณ์เฉาพะแบบของมันอีกด้วย
ชิงสุ่ยรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก นั้นเพราะยาเม็ดสวรรค์หยางนั้นเป็นปัจจัยสำคัญในการยกระดับกายาเก้าหยางทองคำของเขา และด้วยผลของพวกมันทำให้กายาเก้าหยางทองคำของเขานั้นเลือนมาอยู่ที่จุดสูงสุดของขั้นสมบูรณ์แบบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มันจึงทำให้เขานั้นคาดหวังว่ามันจะสามารถทะลวงเข้าสู้ระดับถัดไปได้ก่อนที่เขาจะทะลวงเข้าสู่ระดับบัญชาสวรรค์พินาศในอนาคต