บทที่ 1362 – กายาทองคำ 9 หยางอันสมบูรณ์แบบ ถึงจุดอิ่มตัว เวลา 1 ปี รูปแบบพยัคฆ์ระดับทองคำอินทนิล ชือโอ๋และชือเฟิง
ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าเขาจะตั้งตำแหน่งของธงสวรรค์ปัญจธาตุไว้ตรงไหนดีหากมันยกระดับขึ้นอีกครั้ง หากเขาต้องเดินทางเพียงคนเดียวอันที่จริงแล้วเขาก็พร้อมแล้ว แต่เงื่อนไขที่จำเป็นตอนนี้คือเขาต้องร่วมมือกับอี่หวง กู่หวู๋
ปรุงยา!
ชิงสุ่ยปรุงยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 4 ได้สำเร็จแล้ว 1 ครั้ง ในตอนนี้เขากำลังจะปรุงมันต่อไป เมื่อเขาทำมันสำเร็จแล้วคร้งหนึ่งโอกาสของความสำเร็จครั้งต่อไปก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน หลังจากล้มเหลวไป 2 ครั้งในระหว่างการปรุงยาและแม้ว่าเขาจะใช้หญ้าอสรพิษทองคำด้วยก็ตาม ปกติแล้วเขาจะชื่นชอบทุกครั้งที่เขาพยายามปรุงยาได้จนสำเร็จ
เพียงแต่ทุกครั้งที่เขาปรุงมันสำเร็จเขาจะได้รับยานี้เพียง 1 เม็ดเท่านั้น ด้วยยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 4 ความล้ำค่าของมันย่อมไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ในด้านของการเพิ่มพลังของผู้ใช้นั้นมันสามารถเพิ่มได้เป็น 10 เท่า นอกเหนือจากนั้นมันยังสามารถช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ร่างกายของผู้ใช้ได้ด้วยเช่นกัน มันยังมีผลที่ทรงพลังมากขึ้นไปอีกสำหรับผู้ที่มีร่างกายที่เป็นเอกลักษณ์
ชิงสุ่ยใช้เวลาเกือบทั้งหมดไปกับการปรุงยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 4 เขาหยุดลงหลังจากที่ปรุงมันสำเร็จ 10 ครั้ง ในตอนนี้เขาต้องการที่จะใช้ยานี้สักเม็ดหรือสองเม็ด
เขายังคงมีเวลาในดินแดนแห่งนี้อีกกว่า 1 เดือน นี่เป็นเวลาที่มากพอสำหรับเขา แม้ว่ามันอาจจะไม่เพียงพอเขาก็สามารถกลับไปที่ห้องของเขาได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้กังวลอะไรในเรื่องนี้
ในตอนนี้ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหน ไม่ว่าเขาจะทำอะไร ก็จะไม่มีผู้ใดรบกวนเขาได้ นั่นเพราะตอนนี้เขาอยู่ในห้องนอนของตนเองและคงไม่มีผู้ใดมารบกวนเขา ดังนั้นเขาจึงไม่ได้กังวลในเรื่องนี้เช่นกัน
ยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 4!
การเพิ่มพลังพื้นฐานขึ้น 1 สุริยาก็ถือว่ามากพอสำหรับพลังในตอนนี้ของชิงสุ่ย อย่างน้อยเมื่อเทียบกับยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 1 ยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 2 รวมถึงยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 3 มันถือว่าทรงพลังกว่ามาก แต่สิ่งที่เขาสนใจยิ่งไปกว่าการเพิ่มพลังของมันนั่นก็คือการที่มันมีผลสำหรับผู้ที่มีร่างกายที่เป็นเอกลักษณ์
เมื่อเขากลืนยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 4 ลงไปก็มีกลิ่นอายแผ่ซ่านออกมาภายในร่างกายของเขา หลังจากนั้นมันก็กระจายตัวไปทั่วร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว มันให้ความรู้สึกที่แปลกประหลาด ราวกับว่ามีคนโยนก้อนหินลงไปในน้ำและจากนั้นระลอกคลื่นของน้ำก็แผ่กระจายออกมา
ปัง!
เสียงที่กระจ่างใสดังออกมาจากร่างกายของเขา หลังจากนั้นพลังที่รุนแรงและอันตรายก็ถาโถมไปทั่วร่างกายของเขา อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้ามเขารู้สึกสบายอย่างยิ่ง ชิงสุ่ยสามารถมองเห็นส่วนต่างๆภายในร่างกายของเขาได้โดยที่เขาก็ไม่รู้ตัว
กระดูกที่มีสีทองของเขาเริ่มแข็งมากขึ้เรื่อยๆ แม้แต่สายเลือดทองคำอินทนิลภายในร่างกายของเขาก็เข้มข้นมากขึ้นเช่นกัน พลังสีม่วงถาโถมไปทั่วโลหิตของในร่างกายของเขา
กายาทองคำ 9 หยางในระดับสมบูรณ์ครั้งยิ่งใหญ่!
ชิงสุ่ยยิ้มออกมาด้วยความพอใจ กายาทองคำ 9 หยางของเขาได้ยกระดับขึ้น เดิมทีมันอยู่เพียงระดับสมบูรณ์แบบแต่ด้วยคำพูดที่ว่า ‘ไม่มีขีดจำกัดในการพัฒนา’ มันจึงยกระดับขึ้น ระดับสมบูรณ์ครั้งยิ่งใหญ่นั้นเป็นเพียงการกำหนดของตัวเขาเอง หากมองเพียงผิวเผินมันก็ยังคงถือว่าอยู่ในระดับสมบูรณ์แบบ แต่มีเพียงชิงสุ่ยเท่านั้นที่ตระหนักได้ว่าหลังจากที่มันยกระดับขึ้นจากระดับสมบูรณ์แบบ มันทรงพลังมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้
ชิงสุ่ยใช้การรับรู้ทางจิตวิญญาณของเขาเพื่อตรวจสอบพลังของเขาอีกครั้งหลังจากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เดิมทีเขาสามารถเพิ่มพลังพื้นฐานได้เพียง 10% เท่านั้น แต่ในตอนนี้อาจเป็นเพราะร่างกายของเขารวมไปถึงกายาทองคำ 9 หยางที่ได้อยู่ในระดับสมบูรณ์ครั้งยิ่งใหญ่ พลังพื้นฐานของเขาเพิ่มขึ้นถึง 60 สุริยา นอกเหนือจากนั้นมันยังสามารถเพิ่มพลังให้แก่ร่างกายของเขาอย่างเห็นได้ชัด ในเวลาเดียวกันความทรหดอดทนของเขาก็มากยิ่งขึ้นจนน่ากลัว
ยังมีอีกหนึ่งความประหลาดใจครั้งใหญ่ อุปสรรคที่ขวางกั้นเขาเอาไว้จากขั้นที่ 8 ของเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลได้เบาบางลงแล้วในตอนนี้!
ทันทีที่กายาทองคำ 9 หยางได้มาถึงระดับสมบูรณ์ครั้งยิ่งใหญ่ อุปสรรคที่ขวางกั้นเขาเอาไว้ราวกับภูเขาที่ขวางกั้นคนธรรมดาไม่ให้ข้ามผ่านตอนนี้มันได้เริ่มสั่นคลอนขึ้น แม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถพังทลายมันไปได้สิ่งหนึ่งที่เขาแน่ใจคือเขาอยู่ไม่ไกลจากมันแล้ว
ขั้นที่ 8 ของเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลได้อยู่ห่างไกลเกินกว่าที่เขาจะไขว่คว้าได้ในตอนแรก ในตอนนี้เขาได้เข้าใกล้มันมากยิ่งขึ้นแล้ว มันต้องใช้เวลาที่ยาวนานหากไม่ใช่เพราะดินแดนแห่งนี้ชิงสุ่ยรู้สึกว่ามันจะกลายเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยสำหรับเขา ด้วยเวลาภายในดินแดนแห่งนี้ไม่สำคัญว่าเขาจะมีพรสวรรค์หรือไม่เขาย่อมแข็งแกร่งขึ้นได้ เขาฝึกฝนอย่างหนักแม้ว่าเขาจะมีเวลามากมายภายในดินแดนแห่งนี้เขาก็ยังฝึกฝนอย่างหนักยิ่งกว่าใคร
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งชิงสุ่ยก็คิดว่าเขาอาจใช้ยาเม็ดตำรับคู่และจะกินมันได้อีก 1 เม็ด
ในตอนนี้พลังพื้นฐานของเขาได้เพิ่มขึ้นทั้งหมด 3 สุริยา พลังของกายาทองคำ 9 หยางของเขาก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อยด้วยเช่นกันทำให้ระดับสมบูรณ์ครั้งยิ่งใหญ่ที่เขาเพิ่งจะยกระดับขึ้นมานั้นเสถียรมากยิ่งขึ้น
ชิงสุ่ยที่พลังพื้นฐานนั้นยากที่จะเพิ่มขึ้นได้แต่ด้วยกายาทองคำ 9 หยางที่ได้ยกระดับขึ้นอีกครั้ง มันช่วยให้จำนวนพลังงานที่กักเก็บเอาไว้ภายในร่างกายของเขานั้นเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การยกระดับในครั้งนี้ทำให้เขารู้สึกว่าเขาอยู่ไม่ไกลจากระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจแล้ว
ในตอนนี้พลังของชิงสุ่ยนั้นถือว่าค่อนข้างน่ากลัว เขาไม่รู้ว่าพลังของตนเองนั้นจะเพิ่มขึ้นไปได้มากเพียงใด พลังของผู้ที่อยู่ในจุดสูงสุดของระดับพลังปราณจักรพรรดินั้นอยู่ที่ 500,000 สุริยา นี่คือพลังมากที่สุดในระดับนี้ ส่วนเรื่องอื่นๆที่จะมีข้อยกเว้นอะไรหรือไม่นั้นเขาเองก็ไม่รู้เช่นกัน
แต่ในกรณีของเขานั้นพิเศษอย่างยิ่ง การโจมตีด้วยพลังวิญญาณของเขานั้นมากเกินกว่า 500,000 สุริยา แต่พลังกายของเขานั้นยังไม่ถึง 500,000 สุริยาเลย หรือว่าพลังกายของเขานั้นต้องไปถึง 500,000 สุริยาด้วยเช่นกัน? หรือว่าทั้งพลังกายและพลังวิญญาณเฉลี่ยแล้วต้องมากกว่า 500,000 สุริยา?
ในตอนนี้พลังกายของชิงสุ่ยนั้นใกล้เคียง 300,000 สุริยา หุบเขา 9 เทวานั้นมีพลังมากถึง 900,000 สุริยา
สำหรับพลังวิญญาณของเขา เมื่อเขาปลดปล่อยตราประทับแห่งวิหคศักดิ์สิทธิ์มันจะมีพลังมากกว่า 800,000 สุริยา ในตอนนี้เมื่อเขาได้รับยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 4 เข้าไปเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆมันก็ได้ช่วยเพิ่มพลังโดยเฉลี่ยของเขาให้มากกว่า 500,000 สุริยา
แน่นอนว่าโอกาส 10% ที่จะเพิ่มพลังขึ้นเป็น 2 เท่านั้นไม่เกี่ยวข้องกัน เขามีความรู้สึกว่ามันเป็นไปได้มากที่พลังของเขาจะหยุดเพิ่มขึ้นหากเขากินยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 4 อีกครั้งในอนาคต เหตุผลนั่นก็เพราะเขารู้สึกว่าตนเองได้มาถึงจุดสูงสุดของพลังแล้ว
ก่อนที่จะยกระดับขึ้นสู่ระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจหรือขั้นที่ 8 ของเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลพลังของเขาก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย ไม่ว่าเขาจะใช้วิธีใดหรือจะกินยาอะไรเข้าไปแม้ว่าร่างกายของเขาจะปลดปล่อยพลังที่รุนแรงออกมา แต่พลังของเขาก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย
เขาไม่รู้ว่าเขาควรจะใช้ยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 4 อีกครั้งหรือไม่ใน 3 วันหลังจากนี้ หากมันไม่ได้เพิ่มพลังให้แก่เขา เขายังอยากจะใช้มันอยู่หรือไม่? หากมันไม่ได้ช่วยอะไรเลยเขาก็ควรที่จะหยุดกินมัน แต่มันยังสามารถเสริมความแข็งแกร่งให้แก่กายา 9 หยางของเขาได้ ดังนั้นเขาจึงยังคงลังเลว่าควรจะกินมันหรือไม่
สิ่งใดกันที่ระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจและขั้นที่ 8 ของเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลต้องการจากเขาเพื่อที่จะยกระดับขึ้น? หรือว่าคำตอบนั้นจะเป็นกายาทองคำ 9 หยาง? เพราะเมื่อมันได้ยกระดับมาสู่ระดับสมบูรณ์ครั้งยิ่งใหญ่ดูเหมือนอุปสรรคที่ขวางกั้นเขาเอาไว้นั้นจะดูเบาบางลงไป
เขาตัดสินใจที่จะกินมันต่อไป!
ชิงสุ่ยตระหนักดีว่าเขาต้องการทำอะไร แม้ว่าเขาจะรู้ดีว่าตนเองจะได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยหากเขากินเข้าไปและมันไม่ได้ช่วยเพิ่มพลังให้แก่เขา แต่สำหรับระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจและขั้นที่ 8 ของเคล็ดเสริมกายาบรรพกาล เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะสามารถหาคนๆนั้นได้รวมถึงคนที่อยุ่ในพระราชวังจอมอสูร เขาจะต้องยกระดับเข้าสู่ระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจรวมถึงขั้นที่ 8 ของเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลก่อน
เมื่อคิดเช่นนี้ชิงสุ่ยก็ตระหนักว่าเขายังมีสิ่งต่างๆมากมายที่จำเป็นต้องทำ
……
เพียงพริบตาเวลา 1 ปีก็ได้ผ่านพ้นไป มันเป็นเวลากว่า 5 ปีแล้วที่เขาออกมาจากมหาทวีปทั้ง 5 ไม่มีผู้ใดจากตระกูลชิงที่ได้มายังมหาทวีปอู่เซียตะวันตก แต่ตระกูลชิงก็มีผู้มาเยี่ยมเยียนถึง 2 คน
ชือโอ๋และชือเฟิง!
เด็กทั้ง 2 คนนนี้ชิงสุ่ยเคยพบกับพวกเขาครั้งหนึ่งในมหาทวีปราชันย์เหนือฟ้า ในตอนนั้นเขาบอกแก่เด็กทั้ง 2 คนว่า เขาบอกให้เด็กทั้ง 2 คนมาพบเขาหากพวกเขายังคงสนใจ ก่อนหน้านี้เขาบอกกับทั้ง 2 คนว่าเขาอยู่ที่มหาทวีปเมฆามรกตแต่เพราะว่าตระกูลชิงมีจพนวนประชากรที่มากขึ้นจึงทำให้ตระกูลชิงต้องย้ายมาที่มหาทวีปธรรมไตร
ในตอนนั้นชิงสุ่ยได้บอกให้ทั้ง 2 คนมาหาเขาหลังจากผ่านไป 10 ปี นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าเมื่อผ่านไป 10 ปีทั้งสองคนย่อมสามารถเดินทางไปมาระหว่างมหาทวีปทั้ง 5 ได้ อย่างไรก็ตามพวกเขามีร่างกายที่ผิดปกติ พวกเขามีทั้งความคล้ายคลึงและความแตกต่างจากร่างกายของชิงซา
มันเป็นเวลากว่า 1 ปีแล้วที่ชิงสุ่ยยังคงเดินออกตามหาประตูที่จะไปสู่ขั้นที่ 8 ของเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลรวมถึงระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจ สำหรับคนอื่นๆหนึ่งปีอาจเป็นเพียงเวลาสั้นๆแต่สำหรับชิงสุ่ยนั้นถือว่าเป็นเวลาที่ยาวนานอย่างยิ่ง
เมื่ออุปสรรคที่ขวางกั้นในการไปสู่ขั้นที่ 8 ของเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลได้เบาบางลงไปเล็กน้อยมันก็แสดงว่าเขามาถูกทางแล้ว ชิงสุ่ยรู้สึกราวกับว่าเขาผ่านคอขวดที่ติดอยู่นี้ไปได้แต่เขาก็ยังไม่อาจทำเช่นนั้นได้
พลังพื้นฐานของเขาเพิ่มขึ้นเพียง 2 สุริยาเมื่อเขาใช้ยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 4 อีกครั้ง จากนั้นมันก็หยุดเพิ่มอีกตอ่ไป มันเป็นเวลา 1 ปีแล้วที่พลังพื้นฐานของเขาติดอยู่ที่ 65 สุริยาเท่านั้น
ภายในเวลาหนึ่งปีนี้พลังของชิงสุ่ยนั้นยังคงเท่าเดิม แต่ในด้านอื่นๆนั้นการพัฒนาของเขาถือว่ายอดเยี่ยม ทั้งด้านการปรุงยาและด้านการช่วยเหลือผู้อื่น. สำหรับคนที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดที่สุดคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากอี่หวง กู่หวู๋
พลังของนางในตอนนี้เกินกว่า 400,000 สุริยา ด้วยเวลา 1 ปีนี้ชิงสุ่ยได้ช่วยบำรุงร่างกายของนางหลายครั้ง เอายังช่วยถ่ายทอดลมปราณให้นาง ไม่ว่ายังไงเมื่อเขาสูญเสียพลังของตนเองไปเขาจะสามารถใช้ยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 4 เพื่อเติมเต็มมันขึ้นมาได้ มันย่อมไร้ค่าหากเขาไม่ได้ใช้การถ่ายทอดลมปราณออกไป
สิ่งที่สูญเสียไปจากการถ่ายทอดลมปราณนั้นคือพลังอันบริสุทธิ์ นอกจากนี้หนึ่งในปัจจัยที่ต้องพิจารณาก็คือร่างกายของคนที่ถ่ายทอดลมปราณนั้นต้องเหมาะสมด้วยเช่นกัน คนธรรมดานั้นทําได้เพียงรับการถ่ายทอดลมปราณ 1 ครั้ง แต่สำหรับคนที่มีร่างกายที่ดีนั้นจะสามารถรับได้หลายครั้ง คนปกติจะรู้สึกลังเลที่จะมอบพลังอันบริสุทธิ์ของตนเองให้แก่คนอื่นๆ เมื่อพลังกว่า 10 สุริยาถูกมอบให้แก่คนอื่นๆ ร่างกายของพวกเขาจะดูดซึมเข้ามาได้น้อยกว่า 1 ใน 10 ของที่สูญเสียไป
การถ่ายทอดลมปราณของชิงสุ่ยมันเหมาะสำหรับผู้ที่มีร่างกายที่แข็งแกร่ง สำหรับผู้ที่มีร่างกายที่อ่อนแอนั้นจะไม่สามารถทนรับการถ่ายทอดได้ ด้วยร่างกายที่ธรรมดาพลังที่พวกเขาจะสามารถได้รับนั้นก็น้อยลงไปด้วยเช่นกัน ไม่เพียงเท่านี้ชิงสุ่ยยังสูญเสียโอกาสที่จะใช้ถ่ายทอดลมปราณของเขาไป 1 ครั้ง ดังนั้นชิงสุ่ยจึงช่วยยกระดับร่างกายรวมถึงพรสวรรค์แต่กำเนิดให้แก่สือฉิงจวง จรู้ชิง รวมไปถึงหยุนต้วน เขาต้องการรอจนกว่าร่างกายของพวกนางจะแข็งแกร่งมากกว่านี้ก่อนจึงจะใช้การถ่ายทอดลมปราณ
ร่างกายของอี่หวง กู่หวู๋นั้นถือว่าทรงพลังอย่างยิ่ง ภายในเวลา 1 ปีชิงสุ่ยได้ถ่ายทอดลมปราณให้แก่นางไปมากกว่า 10 ครั้ง เขาจะทำมันหนึ่งครั้งเกือบทุกเดือน นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพลังของนางถึงได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นนี้ นอกเหนือจากนั้นรูปแบบพยัคฆ์ของนางยังได้ไปถึงระดับทองคำอินทนิล ในตอนนี้นางสามารถเรียกพยัคฆ์ขาวออกมาได้ถึง 6 ตัว พวกมันแต่ละตัวนั้นมีพลัง 4 เท่าจากพลังของนาง
เหมือนดังก่อนหน้านี้พยัคฆ์ขาวแต่ละตัวนั้นจะกินพลังของนางไป 10% ทั้งพลังกายและพลังวิญญาณของนาง เวลาที่ใช้ได้นั้นนานถึงแปดชั่วโมง นอกจากนี้มันยังสามารถใช้ขี่ได้ซึ่งทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกอิจฉาอย่างยิ่ง
อี่หวง กู่หวู๋กล่าวว่านี่เป็นระดับที่เกือบจะสูงที่สุดแล้ว ยังมีระดับที่สูงกว่านี้อีก 2 ระดับ แต่ความเป็นไปได้ที่นางจะสำเร็จเป็นถึงขั้นนั้นถือว่าน้อยอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตามในตอนนี้มันก็ทรงพลังมากพอแล้ว
นางได้แจ้งชิงสุ่ยก่อนหน้านี้ว่านางอยากจะปักตำแหน่งของธงเอาไว้ที่มหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำ เวลาก็ผ่านมานานหลายปีแล้วนางไม่อยากจะรออีกต่อไป ด้วยพลังในตอนนี้ของนางมันคงไม่มีปัญหาอะไรหากนางจะต้องปะทะกับตระกูลอี่หวง พยัคฆ์ขาวทั้ง 6 ตัวที่มีพลัง 1.6 ล้านสุริยา แม้แต่ยอดฝีมือที่อยู่ในขั้นที่ 1 ระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจของตระกูลอี่หวงก็ไม่อาจต่อกรกับพวกมันได้ เมื่อถึงตอนนั้นเขาจะสามารถรับมือพวกมันด้วยบางสิ่งบางอย่างของเขาได้ ตัวอย่างเช่น ทำให้พวกมันอ่อนแอลง ในตอนนี้ตระกูลอี่หวงย่อมไม่มีไพ่ตายใดๆที่หลงเหลือเอาไว้ ดังนั้นชิงสุ่ยจึงได้ให้สัญญาแก่นาง
ด้วยรูปแบบพยัคฆ์ สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับอี่หวง กู่หวู๋นั่นคือการเคลื่อนไหวของร่างกาย นางต้องการทำให้ร่างกายของตนเองนั้นเคลื่อนไหวไปพร้อมกับพยัคฆ์ขาว อันที่จริงแล้วก่อนหน้านี้หญิงสาวผู้นี้ได้เรียนรู้ทักษะย่างก้าว 9เทวาไปจากชิงสุ่ยแล้ว ความจริงแล้วนางเองก็เป็นหนึ่งในคนที่พัฒนาตนเองได้เร็วที่สุด ในตอนนี้การที่ต้องปะทะกับผู้ที่มีพลัง 400,000 สุริยานั้นไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใดสำหรับนาง
ชือโอ๋และชือเฟิงได้มาที่นี่ ชิงสุ่ยก็รู้สึกยินดีกับเรื่องนี้เช่นกัน เขาเตรียมการให้ทั้งสองคนเข้ามายังตระกูลชิง หลังจากผ่านมากว่า 10 ปีทั้งสองคนก็ได้เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ ทั้งสองต่างหล่อเหลาและงดงาม ทั้ง 2 คนเรียกชิงสุ่ยว่าท่านลุง
พวกเขาทั้งสองคนนั้นต่างเป็นดวงดาราสันโดษทลายสวรรค์ แน่นอนว่าย่อมมีอะไรที่พิเศษเกี่ยวกับพวกเขา อันที่จริงแล้วทั้งสองนั้นต่างมีกลิ่นอายที่อันตรายอันมากมายและมันยากยิ่งที่จะค้นหาต้นกำเนิดของพวกเขา ตำนานกล่าวว่าพ่อแม่ของพวกเขานั้นได้ตายไปแล้วและไม่มีหลักฐานใดๆหลงเหลืออยู่ภายในร่างกายของพวกเขาแลย
เวลา 10 ปีภายใต้ผลของกลิ่นอายที่อันตรายของพวกเขา พวกเขานั้นทรงพลังอย่างยิ่งในตอนนี้ สำหรับในตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนสามารถเดินทางไปยังมหาทวีปอู่เซียตะวันตกด้วยพลังของตนเองได้ อย่างไรก็ตามพวกเขาทั้งสองก็ยังคงเลือกที่จะพึ่งพาชิงสุ่ย
“โอ๋เอ๋อ เฟิงเอ๋อ ท่านปู่ของพวกเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง?”
“เขายังสบายดีแล้วก็ยังพูดถึงท่านบ่อยๆ ท่านลุง”
“เอาหละ ฝึกฝนที่นี่ให้ดี เจ้าสามารถกลับไปหาท่านปู่ของเจ้าได้เมื่อใดก็ตามที่เจ้าคิดถึงเขา แต่เมื่อพวกเจ้าทรงพลังยิ่งขึ้น พวกเจ้าจะสามารถใช้เวลาน้อยลงในการเดินทางกลับไปบ้านอีกครั้ง”
พวกเขาไม่ได้มีรองเท้า 9เทวาเหมือนกับชิงสุ่ย จึงต้องใช้เวลานานในการเดินทางแต่ละครั้ง
“ใช่ขอรับ พวกเราก็รู้เรื่องนี้ ท่านลุง สำหรับในตอนนี้การเปลี่ยนแปลงในหมู่บ้านภูเขาหยกนั้นเห็นได้ชัดอย่างยิ่ง ทุกๆคนต่างฝึกฝนรูปแบบพยัคฆ์ที่ท่านลุงได้สอนเอาไว้ สำหรับในตอนนี้หมู่บ้านภูเขาหยกนั้นเป็นที่นิยมอย่างยิ่ง นอกจากพวกเราทั้งสองคนแล้วยังมีคนอีกมากมายที่ทรงพลังอย่างยิ่ง ตลอด 10 ปีที่ผ่านมานี้ ปีที่ผ่านมานี้พวกเราได้เดินทางไปรอบๆมหาทวีปราชันย์เหนือฟ้า ในตอนนี้หมู่บ้านภูเขาหยกนั้นถือว่าเป็นที่ที่ได้รับความนิยมอย่างยิ่ง” ชือเฟิงกล่าวอย่างมีความสุข