Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล – ตอนที่ 1406

ตอนที่ 1406

บทที่ 1406 – ลูกสาวคนโตของตระกูลจันทราวารี

 

“นายท่านต้องการับอาหารดีขอรับ? “

 

เสี่ยวเอ๋อเดินเข้ามาพร้อมถาม

 

“นำอาหารที่อร่อยที่สุดของเจ้ามาอย่างละหนึ่งที่!”ชิงสุ่ยกล่าวออกมาโดยไม่สนใจอะไร

 

“โปรดรอสักครู่”

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยนั่งอยู่ในโถงขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย มีผู้คนเดินผ่านไปมาจำนวนมากในชั้นนี้

 

ในไม่ช้าอาหารกูถูกจัดวางลงบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว กลิ่นหอมของอาหารที่หอมหวน ได้กระตุ้นความอยากอาหารของทั้งสองในทันที นอกจากนี้ชิงสุ่ยนั้นยังสัมผัสได้อีกว่าอาหารพวกนี้นั้นเป็นอาหารสดอย่างแท้จริง กลิ่นอายของมันนั้นคลายกับกลิ่นที่เขาปรุงขึ้นมาในดินแดนหยก

 

“คุณได้ยินมั้ย?  มีใครบางคนจากตระกูลจันทราวารีต้องจะแก้แค้นตระกูลหมาป่าวารี”

 

ประโยคที่ดังขึ้น ได้กระตุ้นความสนใจของชิงสุ่ย ในตอนนี้

 

“ตระกูลจันทราวารี? นี่พวกเขานั้นยังไม่ถูกทำลายจนไปแล้วรึ? “ชายอีกคนถามออกมา

 

“มีข่าวลือว่ามีคนสองคนที่หนีรอดไปได้  และจากที่ข้าได้ยินมา เห็นว่าเป็นคุณหนูทั้งสองของตระกูล แต่ข้าก็ไม่มั่นใจ”ชายอีกคนกล่าวด้วยท่าทางลังเล

 

“ตระกูลจันทราวารีนั้นค่อนข้างเคราะห์ร้าย  เดิมทีทั้งสองตระกูลนั้นเป็นเพื่อนรักกันมาหลายชั่วอายุคน และพวกเขานั้นมีความใกล้ชิดกันราวกับพี่น้องเสียอีก แต่ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อผู้นำของตระกูลหมาป่าวารีได้บรรลุระดับที่แข็งแกร่งท่าทางของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป และไม่สนใจตระกูลจันทราวารี  บวกกับผู้นำของตระกูลจันทราวารีก็สามารถยกระดับขึ้นมาเทาเทียบได้ทำให้ทั้งสองบาดหมางกัน และเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องเศร้านี้ขึ้นมา

 

ตอนนี้ชิงสุ่ยแน่ใจแล้วว่าชิงซานั้นคือเป็นบุตรสาวคนสุดท้องของ ตระกูลจันทราวารีที่สามารถหลบหนีมาได้ แต่อย่างไรก็ตามทำไมเธอถึงไม่อยู่กับพี่สาวของเธอ? และกลับออกไปอยู่ตามท้องถนน? นี่คือสิ่งที่เขาไม่รู้

 

แต่อาจเป็นไปได้ที่พี่สาวของเธอไม่ต้องการให้เธอแก้แค้น จึงได้ทิ้งเธอไป เพื่อให้สายเลือดของตระกูลยังอยู่หากเธอนั้นต้องตายลง อย่างน้อยก็ยังมีน้องสายของเธออีกคนที่จะยังเชื้อสายของตระกูลต่อไป

 

“แล้วเจ้ารู้รึมั้ยว่าตระกูลจันทราวารี กำลังทำอยู่ในขณะนี้?”

 

“ข้าไม่แน่ใจ แต่ข้าได้ยินมาว่า นางนั้นถูกจับอยู่ที่เมืองหลวงในขณะนี้  และได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกด้วย มันคงเป็นเรื่องยากที่นางจะออกมาได้เมื่อไปถึงที่แห่งนั้น “ชายคนแรกกล่าวออกมา

 

“ก็จริงอย่างที่เจ้าว่าตระกูลหมาป่าวารีนั้นยอมใช้ทุกๆอย่างเพื่อปกปิดเรื่องนี้ มีหรือเขาจะปล่อยนางไป “

 

……

 

“ไปกันเถอะสาวน้อย !” ชิงสุ่ยจับไปที่มือของเธอ

 

“อืม!”

 

“รอข้าสักครู่ เดี๋ยวข้ามา!”

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยนั้นต้องการที่ตั้งของเมืองหลวง ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเข้าไปคุยกับคนเหล่านั้น

 

“สหายข้าขอถามทางไปยังเมืองหลวงได้รึไม่?” ชิงสุ่ย ถามด้วยรอยยิ้ม

 

“เจ้าเป็นใครอย่าขัดจังหวะการสนทนาของเรา” ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างหน้าหัวเราะเยาะอย่างไม่พอใจ

 

ในเวลานั้นสีหน้าของชิงสุ่ยเปลี่ยน  เขาตบลงที่หน้าคนนั้นอย่างรวดเร็วทำให้เขาล้มลงกับพื้นในทันที

 

ในเวลานั้นชิงสุ่ยหันไปมองคนๆอื่นอย่างรวดเร็ว

 

ชายอีกคนจ้องมองไปที่ชิงสุ่ยด้วยความตกใจ ตอนนี้เขาคิดได้ว่าบางทีนี่อาจเป็นผลมาจากเรื่องที่เขากล่าวก่อนหน้านี้

 

“ไม่ต้องคิดมาก  เพียงแค่นำทางให้ข้าก็พอ เพราะพวกเจ้าพูดถึงเมืองหลวงในก่อนนี้ ข้าเลยต้องการถามทางพวกเจ้าเท่านั้น  แต่ตอนนี้ข้าเปลี่ยนใจแล้ว  อ่อแล้วอีกอย่างหนึ่ง ข้าก็จะบอกว่ามันไร้สาระมากที่พวกเจ้าจะขัดขืนข้า มีแต่คนตายเท่านั้นที่ทำเช่นนั้น พวกเจ้าเข้าใจข้าแล้วใช่มั้ย  “ชิงสุ่ย กล่าวอย่างสงบ

 

“เอาล่ะ ข้าจะพาท่านไป  ข้าหวังว่าท่านั้นจะรักษาสัญญาไม่ทำร้ายพวกเรา “ชายคนนั้นตอบได้อย่างรวดเร็ว

 

ในเววลานั้นเองชิงสุ่ยและชิงซาได้ออกเดินทางพร้อมชายคนนั้นไปยังเมืองหลวงของจักรวรรดิมังกรสมุทร

 

ในขณะที่ชิงสุ่ยเรียกวิหกเพลิงออกมา มันทำให้ชายคนนั้นตกใจอย่างมาก เขานั้นรู้สึกโชคดีอย่างมากที่สามารถชีวิตอยู่ได้ในตอนนี้ ในเวลานี้เขารู้แล้วว่าตัวตนของชิงสุ่ยนั้นยิ่งใหญ่ขนาดไหน

 

เพียงแค่สองช่วยยามทั้งสองก็มาถึงเมืองหลวง แล้ว

 

การปรากฏตัวของ วิหคเพลิงนรกานต์ทำให้ผู้คนจำนวนมากตกใจ

 

หลังจากที่ชิงสุ่ยสามารถยืนยันได้ว่านี่เป็นสถานที่ที่เขาต้องการ ในที่สุดเขาก็ได้ปล่อยชายคนนั้นลง นอกจากนี้ชิงสุ่ยยังมอบสมุนล้ำค่าให้กับเขาอีกด้วย นี่เป็นของล้ำค่าที่สุดเท่าที่เขามีในขณะนี้

 

“ไปหาตระกูลหมาป่าวารีกันเถอะ!” ชิงสุ่ย กล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

ชิงซารู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย  เช่นเดียวกับชิงสุ่ยที่รู้สึกอารมณ์ของเธอได้ในตอนนี้  หลังจากทั้งหมดที่ผ่านมา ความเกลียดชังของเธอนั้นอัดแน่ในใจของเธอตลอด  มันนั้นพร้อมที่จะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ

 

“คนจาก ตระกูลจันทราวารีที่ถูกจับได้เมื่อวันก่อน  ข้าได้ยินมาว่านางนั้นจะถูกเผาที่ลานตระกูลหมาป่าวารรีในวันนี้ “ในตอนนั้นเองเสียงสนทาของผู้คนได้ดังขั้นข้างหน้าชิงสุ่ย

 

“ข้าว่านางน่าสงสารอย่างมาก นอกจากนี้ผู้นำตระกูลหมาป่าวารียังใช้วิธีการเผาที่ทารุณกับนางอีกด้วย “

 

“ถูกต้อง นางไม่ควรกับมาเลย  ในชีวิตของนางนั้นก็ได้รับความยากลำบากพอแล้ว  เรื่องเช่นนี้ไม่ควรเกิดขึ้นเลย”

 

“เดิมทีทั้งสองตระกูลนั้นก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เห้อ ถ้าต้องโทษๆอำนาจและเงินทองจริงๆ มันช่างเป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างมาก มันสามารถเปลี่ยนจะเพื่อนรักให้กลายเป็นศัตรูได้ในพริบตา”

 

“นี่แหละคือโลกของเราในตอนนี้ นอกจากนี้นางนั้นยังฆ่ามือดีของตระกูลหมาป่าวารีไปถึง20คน ข้าว่าผู้นำของตระกูลหมาป่าวารีคงไม่ปล่อยนางไปหรอก “

 

………

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยไม่ลังเลยที่จะถามว่าสถานที่นั้นอยู่แห่งไหน และไม่ช้าก็ได้รับคำตอบกลับมา

 

ระยะห่างของลานแห่งนั้นอยู่ไม่ไกลมาหนัก  ดังนั้นชิงสุ่ยและชิงซาจึงได้รีบวิ่งไปทางจุดหมายทางอย่างรวดเร็ว

 

สำหรับลูกสาวคนโตของตระกูลจันทราวารีนั้น ได้ฝึกฝนการบ่มเพาะและทักษะในการสังหาร เธอนั้นได้กลับมาที่แห่งนี้เมื่อหนึ่งปีก่อนและได้ทำการรอบสังหารคนสำคัญของตระกูลหมาป่าวารีไปถึง20คนก่อนที่จะถูกจับได้

 

ดังนั้นเธอจึงกล่าวเป็นเสี้ยนหนามที่ต้องถูกกำจัดไป  หลายๆครั้งที่พวกเขาจะพยายามสังหารเธอแต่ก็ล้มเหลวจนกระทั้งครั้งนี้พวกเขาได้ส่งมือสังหารที่เก่งกาจเข้าไปและแอบทำร้ายเธอ ด้วยการทำลานเส้นลมปราณของเธอจึงทำให้เธอถูกจับได้อย่างทุกวันนี้ และเพื่อเป็นการเตือนคนอื่นๆ พวกเขาจึงได้ตัดสินใจที่จะเผาเธอต่อหน้าทุกๆคน

 

เมื่อชิงสุ่ยมาถึงผู้คนจำนวนมากก็ได้อยู่ที่ลานข้างหน้าเต็มไปหมด ในเวลานี้ชิงสุ่ยไม่ได้เรียกวิหคเพลิงนรกานต์  มันจึงสร้างความประหลาดใจอย่างมากสำหรับผู้คนที่มองเห็นวิหคเพลิงนรกานต์ที่แข็งแกร่ง

 

การมีอยู่ของวิหกเพลิงสีดำนั้นเป็นของหายากมากดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถมั่นใจได้ว่ามันนั้นมาจากที่ไหน แต่ถึงอย่างไรพวกเขานั้นก็สามารถบ่งบอกได้ว่ามันนั้นเป็นสัตว์อสูรที่อันตรายอย่างมาก

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้จดจ่ออยู่กับพื้นที่ที่เด่นชัดที่สุดบนเวที  เขามองไปที่ หญิงที่มีผมกระเซิง และร่างกายของเธอย้อมด้วยเลือดสีแดงเข้ม ขณะที่เธอนั้นถูกมัดอยู่ข้างบนเสาหินขนาดใหญ่  นอกจานี้ใต้เท้าของเธอนั้นก็ยังเต็มไปด้วยถ่านไม้ที่พร้อมจะจุดทุกๆเมื่อ

 

ในขณะที่ชิงสุ่ยมองไปที่ข้าหน้า กลิ่นอายที่แสนอันตรายก็ได้ประทุขึ้น มันนั้นคือกลิ่นอายที่เขานั้นเคยกำหราบเมื่อนานมาแล้ว

 

“พวกเจ้าทั้งหมดจะต้องตาย!”

 

กลิ่นอายแห่งการฆ่าฟันได้แพร่กระจายไปทั่วบริเวณ ภาพเงาสีดำของชิงซาได้ปรากฏขึ้นบนฟากฟ้า เช่นเดียวกับวิหกเพลิงที่ร่อนลงมาที่ลาน

 

“หยุดเดี๋ยวนี้ เจ้าเป็นใครกัน ถึงได้บังอาจกล่าวว่าจะเช่นนี้ออกมา หากพวกเจ้ายังเข้ามาใกล้อีกอย่างหาว่าเราไม่เตือน”

 

ในเวลานั้นยามที่เฝ้าลานจัตุรัสอยู่ได้กล่าวออกมา เพื่อห้ามไม่ให้พวกเขาเข้าไป

 

“ตาย!”

 

ชิงซาได้ขยับมือของเธอเล็กน้อยในขณะที่ลูกศรสีดำเข็มได้พุ่งออกไปข้างหน้า ตัดลงที่ลำคอของชายคนนั้น จนศีรษะของเขาขาดกระเด็นออกมา

 

เมื่อยามคนอื่นๆเห็นสิ่งที่เกิดกับเพื่อนของพวกเขา ทั้งหมดได้ตรงเข้าใส่กลุ่มของชิงสุ่ยอย่างรวดเร็ว

 

อย่างไรก็ตามมันนั้นแทบจะไม่มีประโยชน์ใดๆด้วยความแข็งแกร่งของชิงซาในตอนนี้ มันทำให้พวกเขานั้นไม่ต่างกับมดในมือของเธอ ในตอนนี้เธอลงมือสังหารทุกๆคนอย่างโหดเหี้ยม และปราศจากความเมตา ราวกับว่าทุกๆคนนั้นมีความแค้นกับเธอ

 

ตูม!

 

ชิงซาใช้เวลาเพียงแค่พริบตาในการสังหารยามทั้งหมด ศีรษะนับร้อยของพวกเขานั้นถูกตัดขาดกระเด็นลอยเต็มท้องฟ้า

 

“พวกเจ้าเป็นใครกัน ทำไม่ถึงกล้ามาสร้างความวุ่นวายในที่แห่งนี้” ชายชราคนหนึ่งที่ดูคล้ายผู้นำกล่าวออกมา

 

ชิงซาไม่พูดอะไรมากขณะที่ตรงเข้าใส่เขาพร้อมปล่อยลูกศรแห่งความตายออกมา

 

ในตอนนี้บริเวณดังกล่าวเต็มด้วยศพของยามนับร้อย ส่วนหนึ่งนั้นถูกสังหารด้วยชิงซาในก่อนหน้านี้

 

ในเวลาเดียวกันชิงสุ่ยได้เรียกวิหกเพลิงมาใกล้ ขณะที่เขาเดินเข้าไปที่ชิงซาที่กำลังสังหารชายชราคนนั้น

 

ร่างกายของชายชราได้ถูกทำลายโดยทันทีด้วยศรสีดำของเธอ ภาพของเธอในตอนนี้ดูคล้ายเทพแห่งความตายอย่างมาก ในขณะนี้เธอนั้นได้ตรงไปที่เสาหินที่ผูกมัดร่างของหญิงสาวที่เต็มไปด้วยบาดอยู่ในตอนนี้

 

ร่างกายของเธอนั้นเต็มไปด้วยบาดแผลที่รุนแรง กระดูกไหปลาร้าของเธอถูกแทงทะลุด้วยโซ่ตรวนขนาดใหญ่ นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยรอยเลือด

 

เมื่อสภาพของเธอในตอนนี้ชิงสุ่ยเองก็พลันโมโหขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เช่นเดียวกับชิงซาที่ดูคล้ายปิศาจไปทุกๆทีในตอนนี้

 

ผู้หญิงคนนี้นั้นหมดสติมาเป็นเวลานานแล้ว แต่เมื่อชิงซาได้ปล่อยเธอออกจากเสาหิน มันนั้นทำให้เธอได้สติขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด  เธอค่อยๆเงยหน้าขึ้นเผยให้เห็นบาดแผลที่ร้ายแรงสองแห่งบนใบหน้าของเธอในตอนนี้

 

แผลเหล่านี้นั้นเป็นแผลที่เกิดขึ้นมานานมากแล้ว แต่มันนั้นก็ยังไม่หายดี เธอเงยหน้าขึ้นแลพกล่าวออกมา “นี่มันภาพลวงตาใช่มั้ย  นี่ข้ากำลังจะตายแล้วอย่างงั้นรึ?”เธอกล่าวออกมาด้วยเสียงที่แหบแห้งในตอนนี้

 

“พี่ใหญ่ท่านไม่เป็นไรนะ ข้ามาหาท่านแล้ว”ชิงซากล่าวออกมาด้วยน้ำตา

 

“น้องเล็กนั้นเจ้ารึ นี่ข้าไม่ได้ฝันไปอย่างนั้นรึ?” เธอมองไปที่ชิงซาด้วยความประหลาดใจ

 

“ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่เจ้าเด็กโง่ รีบหนีไปเร็วๆ หากมีอะไรเกิดขึ้นกับเจ้าข้านั้นคงจะตายตาไม่หลับอย่างแน่นอน รีบหนีไปเร็วๆ”เธอกล่าวออกมา

 

“ไม่ต้องห่วงข้ามาที่นี่เพื่อช่วยท่าน และทำลายตระกูลหมาป่าวารี”ในขณะนั้นเองกลิ่นอายแห่งความเกลียดชังได้ประทุขึ้นอีกครั้ง ในขณะที่มันนั้นได้กดดันทุกคนๆในบริเวณรอบๆ ยกเว้น เธอและชิงสุ่ย

 

“เด็กโง่เจ้าไม่สามารถสู้พวกเขาได้รีบหนีไปซะในขณะที่มีโอกาส รีบไปเร็วๆ!”

 

“ฮ่า ๆ  เจ้าไม่สามารถไปไหนทั้งนั้น เนื่องจากเจาได้ฆ่าสมาชิกของตระกูลหมาป่าวารี มันให้เจ้านั้นกล่าวเป็นกบฏของจักรวรรดิมังกรสมุทรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่มีใครจะสามารถช่วยเจ้าได้อีกต่อไปแล้ว “เสียงนั้นได้ขึ้นมากจากระยะไกล

 

ผู้คนประมาณหนึ่งร้อยคนปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้า

 

“กบฏอย่างนั้นรึ นั้นหมายความถ้าไม่มีจักรวรรดิมังกรสมุทรพวกเราก็ไม่ใช่กบฏอย่างนั้นสินะ “ชิงสุ่ยกล่าวโดยไม่ต้องเงยหน้าขึ้น หลังจากนั้นเขาก็เอาโซ่ที่เจาะทะลุร่างของผู้หญิงนั้นออกด้วยความชำนาญ

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้ฝังเข็มทองลงไปบนร่างของเธอเพื่อช่วยลดความเจ็บปวดในตอนนี้

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

Status: Ongoing

นิยายเรื่องนี้เป็นเกี่ยวกับตัวละครหลักมีชื่อว่า ชิงสุ่ยซึ่งถูกส่งข้ามมิติและมายังทวีปคิวชู  ทั้งทวีปเต็มไปด้วยการฆ่าฟันดังพายุโลหิต ส่งผลให้ซากศพ กระดูกและเศษเนื้อ  กระจายเกลื่อนไปทั่วทวีปซึ่งถือเรื่องธรรมดามากในโลกใบนี้

 นักรบหนุ่มชิงสุ่ยทำการพลิกชะตากรรมชีวิตเพื่อสร้างเส้นในการเพาะปลูกพลังยุทธ เขาใช้เวลากว่า 10 ปีเพื่อฝึกฝนตัวเอง เพื่อที่จะแสวงหาการแก้แค้นบุคคลผู้หนึ่งที่ได้ทอดทิ้งแม่ของเขา! บนเส้นทางชีวิตนี้ เขาได้มีโอกาสพบกับหญิงสาวผู้มีความงดงามดุลรูปปั่นเทพธิดา ( เจ้าหญิงน้ำแข็ง ) ชิชิงซวง ซึ่งเป็นบ่อเกิดของความเกลียดชังและการแก้แค้นจากคู่หมั้นของเธอนามซิตู่บูฟาน หลังจากผ่านพ้นเข้าเมืองร้อยไมล์ ชิงสุ่ยได้พบกับสาวสวยแสนงดงามชื่อ ยูฮี และคนอื่นๆ ที่อาณาจักรเซียนเทียน

 หลังจากที่เขาเผชิญความทุกข์ยากในเส้นทางชีวิต เขาได้ฆ่านายน้อยของตระกูลกงหยางเพราะยูฮี ทำให้เขาต้องหลบๆซ่อนๆ แต่ในความโชคร้ายก็มีความโชคดี หญิงสาวรูปร่างใบหน้าราวกับนางอัปสรสวรรค์ ชื่อเย่ยีเจียนจี  ได้พานพบและได้ช่วยเหลือเขาเอาไว้ ต่อไปนี้เขาจะต้องพบเจอกับสงครามที่ต้องล้างด้วยเลือด  ชิงสุ่ยจะสามารถรอดพ้นอันตรายได้หรือไม่ จะรอดพ้นภัยพิบัติได้หรือไม่  และความสัมพันธ์ของเขากับสาวงามต่างๆจะเป็นอย่างไร

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท