บทที่ 1418 – ตำหนักยุทธ์ ออกเดินทาง! เพิ่มพลัง หงส์ทองประลองพินิจ
หลังจากได้ยินคำพูดของฮัวรูเหม่ยแล้ว ชิงสุ่ยก็หัวเราะและกล่าว “อย่าได้กังวล ข้าจะตามติดอย่างแน่นอน”
“ช่างมั่นใจเสียจริง!” ฮัวรูเหม่ยหัวเราะเช่นกัน
“แน่นอน แต่ข้าไม่แน่ใจว่าพวกเราจะถือไพ่เหนือกว่า” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างสุภาพ อันที่จริงแล้ว เขามีไพ่ตายเช่นปราณจักรพรรดิ ร้อยปักษาบูชาหงส์ เคล็ดวิชาสรวงสวรรค์ และกรงเล็บหงษ์เพลิงพิฆาต มันอาจถือได้ว่ามีไพ่ที่เหนือกว่า ในความเป็นจริงชิงสุ่ยมีสิ่งต่างๆซ่อนอยู่มากมาย
“ไม่จำเป็นต้องถ่อมตัวเมื่อเจ้าอยู่กับข้า อย่างไรก็ตามเจ้าจะได้แสดงพลังเมื่อถึงเวลา อย่าลดการป้องกันของเจ้าลง ศัตรูของพวกเรา พระราชวังมังกรมีผู้ฝึกตนที่ทรงพลัง แม้เป็นประมุขอสูรก็ไม่อาจคิดว่าพวกเขาเป็นเรื่องง่ายๆ”
……
10 วันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชิงสุ่ยยังคงมุ่งเน้นไปที่การฝึกฝน ในช่วงเวลาว่างของเขา เขาจะปรุบยา เขากักตุนยาเม็ดตำรับสี่ไว้บางส่วน ชิงสุ่ยเองได้กินยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 4 ไปจำนวน 2 เม็ด ฮัวรูเหม่ยรับยาเม็ดไปส่วนหนึ่ง
ชิงสุ่ยรู้สึกว่าการมอบยาให้ฮัวรูเหม่ยน่าจะดีกว่า
ในช่วงเวลานี้ เขาได้ทักษะอื่นของรูปแบบนกหงษ์เพลิงเพิ่มเข้ามา
หงส์ทองประลองพินิจ!
หงส์ทองประลองพินิจเป็นการเพิ่มพลังให้กับพันธมิตรทั้งหมด 10% เพิ่มความต้านทานพิษและพละกำลังขึ้นหลายเท่า ทั้งยังเสริมกำลังใจให้พันธมิตร มีผลรัศมี 3,000 เมตร รอบผู้ใช้
ชิงสุ่ยยิ้มด้วยความยินดี เหลือเวลาเพียง 5 วันก่อนออกเดินทางไปซากโบราณสถาน เขาไม่เคยคาดหวังว่าจะได้ทักษะที่มีประสิทธิภาพเช่นนี้ นี่เป็นเคล็ดวิชาการต่อสู้ที่เพิ่มความเก่งกาจขึ้น 10%!
เคล็ดวิชาดังกล่าวช่างน่ากลัวอย่างแท้จริง โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับปราณจักรพรรดิและร้อยปักษาบูชาหงส์ ยิ่งไปกว่านั้นมังกรไอยราเกล็ดทองคำสามารถเพิ่มพลังได้ 30 ล้านสุริยา 10% จะเท่ากับ 3 ล้านสุริยา พลัง 3 ล้านสุริยาก็เทียบได้กับผู้ฝึกตนระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาจ!
หลังจากใช้แล้ว พลังของผู้ฝึกตนระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาจจะแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
เคล็ดวิชาการต่อสู้นี้ค่อนข้างคล้ายกับร้อยปักษาบูชาหงส์ ดังนั้นมันจึงไม่ยากที่จะเรียนรู้ สำหรับเคล็ดวิชาเลียนแบบสัตว์ 9 อสูรนั้นเป็นเหมือนของแถมจากเคล็ดเสริมกายาบรรพกาล มันเหมาะมากสำหรับชิงสุ่ยที่จะฝึกฝน
ปัจจุบันความสามารถของชิงสุ่ยยังคงไม่อาจเทียบกับประมุขอสูรและฮัวรูเหม่ย แต่เขาก็มีพลังที่เกินคาด เขามีอำนาจในการข่มพลังและเพิ่มพลัง พร้อมทั้งกรงเล็บหงษ์เพลิงพิฆาตและเคล็ดวิชาสรวงสวรรค์ที่น่าเกรงขามของเขา
เคล็ดพลังศักดิ์สิทธิ์กลั่นหลอมเบญจธาตุเคล็ดวิชาสรวงสวรรค์วชิระได้รับการยกระดับขึ้นอย่างมาก มันเป็นเพราะเคล็ดวิชาสรวงสวรรค์วชิระสามารถลดระยะเวลาของการใช้เคล็ดวิชาในครั้งต่อไปได้หลายเท่า
ในระหว่างช่วงเวลานี้ ชิงสุ่ยได้กินยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 4 เข้าไป แม้ว่ายาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 4 จะสามารถเพิ่มพลังได้ 1 สุริยาหรือ 100 สุริยา
แต่นั่นไม่ใช่ขีดความสามารถของยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 4 มันสามารถเสริมสร้างร่างกายของผู้ใช้ได้ด้วย ผลที่ได้จะเพิ่มขึ้นเมื่อใช้โดยผู้ที่มีร่างกายอันยอดเยี่ยม ถ้าชิงสุ่ยใช้มัน ทุกๆยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 4 จะช่วยเพิ่มพลังให้มากกว่า 1 สุริยา
ด้วยดินแดนหยกยุพราชอมตะและยาเม็ดตำรับคู่ ชิงสุ่ยสามารถกินมันได้เพียง 20 เม็ด แต่ 20 เม็ดก็เพียงพอแล้วที่จะเพิ่มพลังของเขาได้มากกว่า 60 สุริยา
จนถึงตอนนี้ พลังของชิงสุ่ยอยู่ที่ประมาณ 3 ล้านสุริยา หากโจมตีด้วยหุบเขา 9 เทวาก็จะมีพลังถึง 9 ล้านสุริยา ในกรณีฉุกเฉิน มันสามารถจัดการฝ่ายตรงข้ามที่มีพลังประมาณ 10 ล้านสุริยาได้
พลังวิญญาณของเขายิ่งโดดเด่นมากขึ้น ด้วยตราประทับแห่งวิหคศักดิ์สิทธิ์ พลังจะสูงถึง 24 ล้านสุริยา
แม้ว่าเคล็ดวิชาสรวงสวรรค์วชิระยังคงเหมือนเดิม แต่เคล็ดวิชาสรวงสวรรค์ก็ยังน่าเกรงขามมาก ทั้งเกราะทองคำวชิระและวชิระลบเลือนเป็นเคล็ดวิชาติดตัวที่คุ้มค่า พวกมันเพิ่มพลังให้กับชิงสุ่ยมากกว่า 2 เท่า
นี่เป็นวันสุดท้ายของการเตรียมการ ชิงสุ่ยเกือบจะเสร็จสิ้นการปรุงยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 4 ทั้งหมดและส่วนใหญ่ของยาที่เหลืออยู่ก็พอใช้แล้ว
แม้ยาเม็ดเสริมสร้างเส้นลมปราณสวรรค์เญิ่นและยาเม็ดเสริมสร้างเส้นลมปราณสวรรค์ตูจะไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป ถึงกระนั้น มันก็ยังเป็นประโยชน์สำหรับฮัวรูเหม่ยมากที่สุด
ในช่วงครึ่งเดือนนี้ ชิงสุ่ยไม่เคยเห็นประมุขอสูรเลย แต่เขาได้พบกับฮัวรูเหม่ยหลายต่อหลายครั้ง ทั้งสองดูเหมือนเป็นพี่น้องกันจริงๆ
ในตำหนักแพทย์ ปีศาจเฒ่าและพวกดูแลชิงสุ่ยเป็นอย่างดี ชิงสุ่ยตอบแทนความมีเมตตากลับตามสมควร เมื่อมีใครช่วยเหลือเกื้อกูลเขา เขาก็จะตอบแทนกลับนับสิบเท่า นี่เป็นวิธีที่ชิงสุ่ยทำเสมอ
ทักษะด้านยาของชิงสุ่ยได้รับความเคารพนับถือจากทุกคนในตำหนักแพทย์ ในตำหนักแพทย์ ยารักษามีความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง ขณะที่การฝึกฝนมาเป็นอันดับสอง มันจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อเข้าไปในตำหนักยุทธ์และตำหนักหน่วยลับ
ตำหนักยุทธ์เป็นกลุ่มหนึ่งที่ต่อสู้ได้ดีที่สุดในหมู่สาขาทั้ง 12 ตำหนักยุทธ์และตำหนักหน่วยลับเป็นกลุ่มที่จะเดินทางไปยังซากโบราณสถานด้วย
ชิงสุ่ยไม่รู้จักตำหนักยุทธ์มากนัก แน่นอนว่าเขาไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับตำหนักอื่นนอกเหนือจากตำหนักแพทย์ จากเรื่องทั้งหมด เหตุผลหลักที่เขามาที่นี่ก็เพราะประมุขอสูร ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะรับรู้สิ่งต่างๆได้ทั้ง 12 สาขา สำหรับตำหนักแพทย์ มันเป็นวิธีที่จะทำให้เขาใกล้ชิดกับเธอมากขึ้น
……
วันนี้เป็นวันสำคัญที่จะเดินทางไปยังซากโบราณสถาน ด้วยความเร็วของพวกเขา พวกเขาจะใช้เวลาเดินทางไม่นานเพื่อไปยังซากโบราณสถาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากพวกเขารู้ทางลัด
เมื่อถึงตอนเช้า พวกเขาก็ออกเดินทาง ตำหนักยุทธ์และตำหนักหน่วยลับเดินทางแยกกัน เมื่อมองออกไป ชิงสุ่ยก็ได้เห็นทั้งสองตำหนักนี้
มีคนเพียง 800 คน แม้ว่าจะไม่มากนัก แต่ทุกคนล้วนเป็นหัวกะทิ ตำหนักยุทธ์ข่มขวัญด้วยชุดเกราะสีแดง แต่ทว่าตำหนักหน่วยลับกลับแต่งตัวด้วยชุดคลุมยาวปกติ มองดูแล้วช่างเหมือนชนชั้นสูง
อย่างไรก็ดี เหตุผลที่ตำหนักยุทธ์สวมใส่ชุดดังกล่าวก็เป็นเพราะรูปแบบในการต่อสู้
ชิงสุ่ยยืนอยู่ข้างๆฮัวรูเหม่ย เขาไม่ใช่คนเดียวจากตำหนักแพทย์ที่ถูกส่งไป ในการสู้รบทุกครั้งตำหนักแพทย์จะอยู่ด้วยเสมอ ทุกคนย่อมมีโอกาสได้รับบาดเจ็บในการต่อสู้และมันเป็นงานของหมอที่จะช่วยชีวิตพวกเขา
ฮัวรูเหม่ยสวมชุดคลุมสีดำ ดวงตาอันเย็นชาของเธอทะลุผ่านผ้าคลุมหน้าที่สวมอยู่ราวกับดาวบนท้องฟ้ายามราตรี มันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าเกรงขาม
ประมุขอสูรไม่ได้ปรากฏตัว ดังนั้นฮัวรูเหม่ยจึงเป็นผู้บัญชา ขณะที่ผู้คนเริ่มเดินหายไป ฮัวรูเหม่ยก็หันไปรอบๆและกล่าวกับชิงสุ่ย “พวกเราไปกันเถอะ!”
“ตกลง!”
หลายคนต่างพูดถึงข่าวลือเกี่ยวกับฮัวรูเหม่ยและชิงสุ่ย นับตั้งแต่ที่ชิงสุ่ยรักษาเธอให้หายขาด ทั้งคู่ดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่มากเกินปกติ
บางคนพูดว่าชิงสุ่ยใช้มันเพื่อขู่กระโชกฮัวรูเหม่ย ด้วยร่างกายของเธอที่ป่วย…..
บางคนพูดว่าฮัวรูเหม่ยมีเรื่องบางอย่างกับชิงสุ่ยและบอกว่าเธอสนิทสนมกับเขามาก
……
ฮัวรูเหม่ยไม่ได้ให้ความสนใจกับข่าวลือเหล่านี้ เธอเป็นถึงใคร ทำไมจะต้องได้รับผลกระทบจากข่าวลือเล็กๆนี้?
พาหนะของฮัวรูเหม่ยเป็นเหยี่ยวอัสนีที่สูงประมาณ 10 เมตร มันมีขนสีดำเงาทั่วร่างกาย มันแข็งแกร่งมากและความเร็วก็มากกว่าอสูรอมตะนิรันดร์ระดับปราณจักรพรรดิบางตัวเสียอีก นี่เป็นสัตว์อสูรที่ว่องไวและมีความอดทนอันน่ากลัว มันเชี่ยวชาญในการลอบโจมตี บิน และหลบเลี่ยง
“ไปกันเถอะ นางรอพวกเราอยู่” ฮัวรูเหม่ยดึงแขนของชิงสุ่ยขึ้นไปบนเหยี่ยวอัสนี
ราวกับประกายแสงสีดำของฟ้าผ่า เหยี่ยวอัสนีหายไปจากจุดนั้น มันเคลื่อนตัวออกไปดั่งสายฟ้าฟาด
มือของชิงสุ่ยถูกฮัวรูเหม่ยจับเอาไว้ มันนุ่มและเย็นเหมือนหยก ความสนิทสนมแบบนี้มีบางอย่างที่ทำให้ดูคลุมเครือ
“มีอะไรหรือคนขี้อาย ข้าเพียงแค่จับมือเจ้าไว้ อย่าบอกว่าเจ้าคิดบางอย่างกับข้า?” ฮัวรูเหม่ยหัวเราะชิงสุ่ยซึ่งดูเหมือนคนที่ไม่สบายใจ
“พี่สาว ตัวท่านนั้นช่างงดงามนักและข้าควบคุมตัวเองไม่ค่อยจะได้” ชิงสุ่ยหัวเราะและผ่อนคลายมากขึ้นในขณะนี้
“ข้าบอกไม่ถูกจริงๆว่าเจ้ากำลังยกยอหรือจิกกัดข้า” ฮัวรูเหม่ยตอบด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ
“แน่นอนว่านี่เป็นการชื่นชม มันไม่ใช่คำที่คู่ควรกับหญิงทั่วไป อีกอย่างพี่สาวยังเข้าใจถึงรูปแบบประตูมายาด้วย ถูกหรือไม่?” ชิงสุ่ยคิดอย่างนั้น
“ก็นิดหน่อย ทำไมเจ้าถึงถาม?” ฮัวรูเหม่ยถาม
“ข้ามีรูปแบบของมัน ลองดูว่าท่านสนใจมันหรือไม่ ข้าคิดว่ามันจะมีประโยชน์มากสำหรับท่าน การเรียนรู้รูปแบบจะทำให้เข้าใจถึงศาสร์แห่งประตูมายาง่ายขึ้น” ชิงสุ่ยกล่าว
“โอ๊ะ เอามาให้ข้าดูหน่อย”
ฮัวรูเหม่ยเอาไปและใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงในการมองดู หลังจากครุ่นคิด เธอก็มองไปที่ชิงสุ่ยและกล่าว “อย่างน้อยนี่ต้องเป็นรูปแบบระดับพระเจ้า เพียงแค่การควบคุมมันก็นับว่าเป็นเรื่องยาก สิ่งนี้ช่างน่ากลัวนักหากปราศจากการควบคุมมัน ข้าเพิ่งรู้ถึงอีกหลายสิ่งด้วยการรับมาจากเจ้า”
“เอ่อ ข้าก็เช่นกัน ข้าได้รับอะไรมากมายมาจากท่าน ข้าจะสามารถหาพี่สาวแสนดีเช่นนี้ได้ที่ไหนอีก? เอาหล่ะ หยุดพูดเหมือนพวกเราเป็นคนแปลกหน้ากันเถอะ การให้บางสิ่งบางอย่างนั้นแสดงถึงมิตรภาพที่พวกเรามีอยู่” ชิงสุ่ยหัวเราะ เขาไม่ชอบมันเมื่อใครบางคนลำพองใจเพียงเพราะบางสิ่งบางอย่างที่ได้รับ มันทำให้เขาตัวเองรู้สึกเหมือนสร้างหนี้บุญคุณกับคนผู้นั้น ด้วยเหตุนี้เขาจึงค่อนข้างเก็บของไว้ ในทำนองเดียวกัน ชิงสุ่ยไม่ต้องการให้คนอื่นเข้าใจผิดเมื่อเขาข่วยผู้อื่น
จู่ๆชิงสุ่ยก็เห็นสิ่งที่คุ้นเคย เต่าศักดิ์สิทธิ์โผล่ออกมาจากการซ่อนตัวอยู่หลังเมฆ ตอนนี้ชิงสุ่ยตระหนักว่ามันเป็นศีรษะของมังกร
มันไม่ได้ดูเหมือนหัวมังกรในครั้งล่าสุดที่เขาเห็นมัน
ชิงสุ่ยได้เคยให้หลายสิ่งกับเธอรวมทั้งผลอสูรบรรพกาล
“พวกเราพบกันอีกแล้ว หนุ่มน้อย ข้าดีใจที่เจ้าไม่ได้ทำให้ข้าผิดหวัง” ชิงสุ่ยได้ยินเสียงที่ฟังดูมีอายุ เขารู้สึกว่างเปล่าอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันไปหาเต่าศักดิ์สิทธิ์ นั่นเป็นเสียงที่ส่งตรงมาหาเขา